คำแนะนำสำหรับคนหางานจาก HR

เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปปัจฉิมนิเทศบัณฑิตจบใหม่ของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ร่วมกับคุณนภดล เปี่ยมพิบูลย์ ซึ่งเป็น Senior HR Coordinator ของ บริษัท 3M เลยได้เก็บขอมูลบางอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนหางานฝากค่ะ

๑) ใช้ช่องทางใดในการสรรหาเป็นหลัก? เพราะ? (เพื่อเป็นแนวทางให้บัณฑิตในการหางาน)

ช่องทางที่ใช้จะขึ้นอยู่กับที่ที่ผมทำงาน หากเป็นบริษัทที่หาเด็กจบใหม่ผมจะไปออกจ๊อบแฟร์ ติดป้ายประกาศในเว็บไซด์ของบริษัท ติดป้ายประกาศตามมหาวิทยาลัย และติดประกาศตามเว็บไซด์หางานที่มีชื่อเสียงเช่น JobsDB, Jobthai, Jobtopgun หรือเว็บอะไรก็ได้ที่ดังๆ และมีการลงโฆษณาตามสื่อหนังสือพิมพ์ หรือรถไฟฟ้า หรือสื่ออื่นๆที่มีคนมองเห็นเยอะๆ

เราต้องการสื่อที่จะสามารถเรียกใบสมัครที่เข้ามาได้เยอะที่สุดที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุดและรวดเร็วที่สุดโดยที่ไม่ต้องเสียเวลามาสกรีนใบสมัครที่ไม่เหมาะสมออกเยอะๆเพราะเป็นการเสียเวลาและค่าใช้จ่าย เราอยากได้คนคุณภาพที่ตรงกับความต้องการของบริษัทอย่างรวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายในการหาน้อยที่สุด ไม่สำคัญว่าเป็นช่องทางใดเท่าไหร่นักขอให้ถูกกฎหมาย และรวดเร็ว และมีค่าใช้จ่าย หรือปัญหาน้อยที่สุดก็เป็นพอ บางครั้งเราก็ชอบให้คนมาส่งใบสมัครมาที่อีเมลล์โดยตรงมากกว่าการเดินมาสมัครเหมือนกันเพราะสะดวกกว่าในการจัดเก็บเอกสารและไม่ต้องใช้กระดาษมากหรือเสียเวลาแคนดิเดทในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

๒) ข้อมูลใดใน Resume ที่ Recruiter มองหา?

Recruiter แต่ละคนจะดูไม่เหมือนกันตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับประสบการของแต่ละคนและทักษะความสามารถเฉพาะตัวของ Recruiter แต่ละคน บางคนมีประสบการน้อยหรือไม่ค่อยเก่งทางด้านนี้โดยตรงก็อาจจะ screen ผู้สมัครงานที่ดีออกไปก็ได้ แต่ตามปรกติส่วนมากก็จะดูจากหลายๆ อย่างประกอบกัน และไม่ค่อยจะดูเพียงข้อมูลใดข้อมูลหนึ่ง เช่น จะดูที่สาขาหรือสถาบันที่เรียนจบมา เกรด วิชาที่เรียน ความสามารถในการเป็นผู้นำ - เคยเป็นหัวหน้าชมรม หรือความสามารถพิเศษต่างๆ เช่นสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้ หรือสามารถทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์บางอย่างได้

เคยฝึกงานในบริษัทหรือหน่วยงานดังๆที่มีเนื้องานเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ Recruiter ทำงานอยู่ หรือประสบการณ์การทำงานต่างประเทศ หรือเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ หรือได้ทุนการศึกษา เกียรตินิยม หรือเคยได้รับการ Training อะไรเป็นพิเศษ ขับรถได้หรือไม่ มีรถเป็นของตัวเองไหม มีใบขับขี่หรือไม่ Hobby ของเราคืออะไร

เคยได้รับประกาศนียบัตรหรือแข่งขันชนะอะไรมาบ้างที่มหาลัย เคยได้รับรางวัลประสบความสำเร็จอะไรมาบ้าง เช่นสอบได้ที่หนึ่งในห้อง หรือ เคยทำงาน Part-time อะไรหรือไม่ สามารถทำงานต่างประเทศหรือต่างจังหวัดได้ไหม หรือแม้แต่รูปถ่ายและรูปร่างหน้าตาและการแต่งกายสำหรับบางหน่วยงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของธุรกิจบันเทิงหรือความสวยงาม สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวกับการบันเทิงก็มักจะดูด้วยว่าเด็กสามารถเล่นดนตรีหรือทำการแสดงอะไรมาก่อนหรือไม่

นอกจากนั้น เราก็จะดูด้วยว่าเขาเขียน Resume เป็นภาษาอะไร หากเป็นบริษัทฝรั่งก็ควรเขียนเป็นภาษาอังกฤษ หากเป็นบริษัทไทยก็ไม่ควรเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นส่งไป เราจะดูด้วยว่า Resume ที่เขียนมีความเรียบร้อยไหม ถูกต้องตามรูปแบบมาตรฐานปรกติหรือไม่

๓) Resume แบบใดที่ไม่เข้าตากรรมการ?

Resume ที่ไม่เข้าตากรรมการคือ Resume ที่ส่งมาแบบหว่านมั่วไม่สนใจว่าจะส่งให้ที่ใดเลยและผู้สมัครก็ไม่ได้ตั้งใจส่งอย่างที่ว่าอยากจะได้งานอย่างจริงจังหรืออ่านให้ละเอียดว่า Job description เขาเขียนเอาไว้ว่าอะไร (ประเภทส่งเล่นๆ ขำๆ ส่งตามเพื่อน) และแน่นอน หากเป็น Format ที่ดูยากๆก็มีความเป็นไปได้สูงว่า Recruiter บางคนอาจจะไม่อยากแม้แต่ที่จะอ่านต่อเลย

ในกรณีที่เป็นคนจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ก็ไม่ควรส่ง Resume ไปสมัครงานในตำแหน่งที่เขาเขียนเอาไว้ว่าต้องการคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้วโดยตรงไม่ต่ำกว่าห้าหรือสิบปีเป็นต้น หรือสมัครไปในตำแหน่งที่เขาบอกว่าต้องทำงานต่างจังหวัดได้แต่พอถึงเวลาจริงไปบอกเขาว่าไม่อยากไปทำงานต่างจังหวัดเป็นต้น
 
๔) นอกจาก Format ของ Resume แล้ว สิ่งใดที่มักเป็นจุดอ่อนของผู้สมัครใน Resume

สิ่งที่มักเป็นจุดอ่อนของผู้สมัครใน Resume คือผู้สมัคเขียนเกินจริง หรือเขียนต่ำกว่าความเป็นจริง หากเรามีความสามารถพิเศษอะไรหรือเคยทำอะไรดีๆมาก่อนที่จะเป็นผลช่วยให้เราได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

ผู้สมัครส่วนมากเขียนหรือให้ข้อมูลที่ไม่จำเป็นต่อตำแหน่งงานที่เขาสมัครก็เป็นจุดอ่อนได้เหมือนกัน หรือไม่ให้ข้อมูลที่ Recruiter จำเป็นต้องดูเพื่อที่จะพิจารณาว่าผู้สมัครนั้นเหมาะสมต่อตำแหน่งนั้นๆหรือไม่ เช่น หากเราสมัครเป็น Messenger ก็ต้องอย่าลืมใส่ข้อมูลว่าเรามีรถเป็นของตัวเองและมีใบขับขี่หรือใบรับรองอะไรต่างๆ ที่เขาต้องการสำหรับการเป็น Messenger ที่ถูกกฎหมายหรือไม่

หากเราให้ข้อมูลอื่นๆลงไปด้วยก็ดี แต่หากมากเกินไปและไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนั้นๆ Recruiter บางคนที่อ่อนประสบการณ์อาจจะคัดเราออกเพราะเชื่อว่าเรา Over qualify ทั้งๆ ที่เราอยากทำงานนั้นๆ จริงๆ ก็ได้ เพราะบางครั้งเราเองก็อาจเกิดอยากทำงานนั้นๆ ทั้งๆ ที่เราเองก็รู้ว่าเรามีความสามารถเกินกว่าที่จะทำงานนั้นๆ แล้ว หรือกลับกันโดยการคัดเราออกเพราะ Recruiter คิดว่าเราไม่มีความพร้อมที่จะทำงานนั้นๆ ได้ ซึ่งทั้งสองกรณีก็จะทำให้เราเสียโอกาสในการทำงานที่เราสนใจอยากจะทำ

๕) ภาษาอังกฤษสำคัญต่อการสมัครงานหรือไม่?

มันขึ้นอยู่ว่างานนั้นต้องใช้ภาษาอังกฤษหรือไม่ หากไม่ต้องใช้ก็ไม่จำเป็น แต่คนไทยส่วนมากไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ ทำให้เกิดช่องว่างในตำแหน่งการงานและเกี่ยวข้องกับเรื่องของรายได้ เพราะทำให้ Recruiter มีตัวเลือกน้อยจึงทำให้ผู้ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมีโอกาสทำเงินได้มากกว่าผู้ที่พูดไม่ได้หากเราต้องการคนที่พูดได้ ทั้งๆ ที่คนที่พูดไม่ได้อาจจะเก่งกว่าในด้านทางเทคนิคหรือตัวเนื้องานจริง ผู้สมัครบางคนนั้นเก่งและเพียบพร้อมในทุกด้านแต่ตกเพียงแค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวก็มี และเป็นการเสียโอกาสในด้านการงานและรายได้เป็นจำนวนมาก

                   บางคนไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ก่อนคนอื่น เพราะว่าภาษาอังกฤษอ่อนจึงทำให้เขาไม่สามารถอ่านหาความรู้จาก Internet หรือหนังสือภาษาอังกฤษที่ยังไม่มีคนเอามาแปลเป็นภาษาไทยก็มี ทำให้พวกเขากลับกลายเป็นผู้ตามและคับแคบในด้านความรู้หรือมุมมอง เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยยังตามหลังประเทศอื่นๆ ในบางด้านทำให้เราต้องศึกษาข้อมูลจากนอกประเทศ จึงทำให้เราต้องรู้ภาษาต่างประเทศเพื่อเรียนรู้จากต่างประเทศ และเอาสิ่งประดิษฐ์หรือความรู้นั้นมาใช้ก่อนคู่แข่งภายในประเทศไทย

ยกตัวอย่างเช่นผู้ที่รู้ภาษาอังกฤษจะรู้วิธีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์บางโปรแกรมก่อนผู้ที่ไม่รู้ และอาจได้งานก่อนผู้ที่ยังต้องรอให้มีผู้แปลหนังสือวิธีการใช้โปรแกรมเป็นภาษาไทยจึงจะสามารถสร้างทักษะเรียนรู้หรือทำความเข้าใจเพื่อนำไปใช้ในการทำงานได้

จากคุณ : CreativeWay - [ 26 มี.ค. 51 22:58:19 ]