ความคิดเห็นที่ 1 ทำใจโลดครับ คุณ KENG76 ดูง่ายๆแค่ในสีลมนี่ก็พอ เมื่อพูดถึง แนวคิด Solution การบริหาร และเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่างๆนาๆ แทบจะไม่มีคนพูดคุยแลกเปลี่ยนกันซักเท่าไหร่ คนตอบนี่ จำหน้ากันได้เลย แต่พอมีการจุดชนวนเรื่อง "เงินเดือน" หรือค่าตอบแทนขึ้นมา โอ้โห... ตอบกันเพียบ อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น อยากได้ กันขึ้นมา หรือเด็กสมัยนี้เค้าเลิกคุยกันเรื่องหาปลาแล้ว คุยกันแต่เรื่องโกดังปลาอยู่ไหน อยากจะไปนอนตีพุงกินปลาแบบสบายๆซะงั้น จากคุณ : Jiang wei - [ 1 เม.ย. 51 07:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีครับ คุณ Jiang wei ผมทำใจนานแล้วสำหรับห้องสีลม ... แต่บางที ผมก็นึกอยากฝากอะไรไว้บ้าง เพราะผมก็ได้ดีเพราะห้องสีลมนี่แหละ พี่ wbj เคยแนะแนวทางการทำงานให้ก้าวหน้าไว้ ... จากนั้น อะไรๆ มันก็ดีขึ้น เลยอยากพยายามฝืนกระแสบ้าง อย่างน้อย ผมเชื่อว่า มนุษย์เรา พอถึงจุดๆ หนึ่ง ต้องแสวงหาปัญญามาดำเนินชีวิต ... การทำอะไรฉาบฉวย สนุกสนานฮาเฮ ถึงวันหนึ่งมันก็ต้องอิ่มตัว มีประสบการณ์อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็พยายามมาแนะนำกัน เผื่อว่าจะมีการจุดประกายอะไรกันได้บ้าง เหมือนที่พี่ wbj ให้ไว้กับผม เอาน่ะ พี่ Jiang wei สมัยก่อนสีลมเป็นชุมชนยอดฝีมือจริงๆ ส่วนสมัยนี้ก็อย่างที่เห็น แต่ผมเชื่อนะ ... ในหมู่ชน ย่อมมีคนที่ฉายแววเป็นผู้นำ มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกอยู่แล้ว จากคุณ : KENG76 - [ 1 เม.ย. 51 08:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นคำถามที่สามารถวัดวุฒิภาวะผู้ตอบได้เลยครับว่ามีในระดับไหน เมื่อก่อนก็ได้คำแนะนำจากที่นี่จนได้งานที่ดีในระดับนึงไปแล้ว ยังรู้สึกขอบคุณพี่ๆผู้ใหญ่ที่นี่เสมอๆครับ เด็กสมัยนี้คุยแค่ว่า จบที่ไหน ทำงานที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร แค่นั้นล่ะครับ ทำไมเค้าไม่คิดว่าความสามารถของเค้าควรจะไปได้แค่ไหนน่าจะดีกว่าอีก จากคุณ : Jump.Jr - [ 1 เม.ย. 51 10:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เด็กสมัยนี้วิ่งแต่หางาน ไม่ค่อยทำตัวให้งานวิ่งมาหาตนเอง จากคุณ : BMWTurboman - [ 1 เม.ย. 51 10:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมขอเห็นต่างในบางเรื่องครับ ผมมือใหม่ห้องนี้ ไม่เถียงครับว่าการทำงานให้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงแน่นอน ทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบให้สำเร็จ โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา โดยใช้ปัญญากะความสามารถของคุณ แลกกับเงินที่บริษัทจ่ายให้ ทางอ้อมเหมือนที่คุณบอกคือทักษะการทำงานเบื้องต้น การจัดระเบียบ การตัดสินใจ ความรับผิดชอบ การวางแผน การนำเสนองาน การโน้มน้าวใจผู้อื่น ซึ่งเป็นผลพลอยได้ในการทำงาน การเข้าสังคม และ สันดานของผู้ทำงานเอง ทั้งนี้คุณไม่ทำงาน คุณก็ได้เหมือนกัน ตราบที่คุณมีปฎิสัมพันธ์กับคนทั่วไป เพียงแต่อาจไม่เข้มข้นเท่า เมื่อคุณทำงานแลกเงิน แน่นอนเป็นผมก็อยากได้มากที่สุดเท่าที่มากได้ เป็นธรรมและผมพอใจ และที่สำคัญ เมื่อผมได้มันมา ผมก็ต้องทำให้ดี รักษามันไว้ และมุ่งมองถีงความก้าวหน้า แต่ผมไม่ชอบเลยกับการคิดว่า ได้งานเงินเดือนน้อยก็ทำไปเถอะ ดีกว่าตกงาน ไว้มีประสบการณ์ค่อยหางานใหม่อัพค่าตัว ผมว่าไม่แปลกหรอกที่เราอยากจะทราบเรื่องเงินเดือน ถือซะว่าเป็นข้อมูลดิบ ในท้ายที่สุดก็เป็นบริษัทที่เป็นคนเลือกว่าจะให้ได้หรือไม่ได้ ก็ต่อรองกันไป แต่อย่าลืมว่าเมื่อคุณได้มาก ความคาดหวังในตัวคุณก็มาก ทำไมได้ บริษัทเลือกที่จะให้คุณออก ก็ต้องยอมรับ ปัจจุบันนี้ โดยทั่วไป บริษัทจะมีงบประมาณการจ้างงานชัดเจน แต่ผมพูดได้เลยว่าบางครั้ง ก็มีการจ้างงานได้ในอัตราที่ต่ำกว่างบประมาณมาก นั่นคือมีการต่อรองที่ไม่เป็นธรรม ก็เข้าใจนะว่า HR บางบริษัทก็ต้องการผลงาน แต่การพยายามกดราคาเงินเดือนที่ต่ำเกินไป ก็คงไม่เหมาะสมนัก ไม่ได้บอกว่าไม่ให้ต่อรอง แต่ก็ควรจะเป็นธรรม ไม่ใช่เห็นว่าขอมาต่ำกว่างบประมาณที่มี ก็ไปต่อเขาอีก อยากให้มองว่าได้คนมีฝีมือ มีแวว เหมาะสม ในราคาที่เป็นธรรมดีกว่า ผมเป็นลูกจ้างมืออาชีพ ดังนั้นค่าตัวผมก็ต้องเหมาะสมกับสิ่งที่ผมมีให้เขา ไม่ต้องห่วงผมทำงานคุ้มค่าแน่นอน ผมทำรายได้ กำไรให้บริษัทมากกว่าที่บริษัทจ่ายผมมากมาย จากคุณ : คนสู้ชีวิต ลูกจ้างมืออาชีพ - [ 1 เม.ย. 51 10:52:41 A:58.8.187.253 X: TicketID:118667 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลองดูสิครับ จากคุณ : KENG76 - [ 1 เม.ย. 51 11:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมมีงานทำอยู่แล้วครับ รา่ยได้ดีและพอใจครับ ขอบคุณ ที่เขียนเป็นการยกตัวอย่างครับ จากคุณ : คนสู้ชีวิต ลูกจ้างมืออาชีพ - [ 1 เม.ย. 51 11:27:56 A:58.8.187.253 X: TicketID:118667 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ^ ขอบคุณที่มาตอบกระทู้ครับ ... พอดีรีบโพสรูป จะไปทานข้าว ... จะบอกว่า เงินเดือนในเวบหางานมันก็มี ไม่ไช่ตอบเฉพาะคุณคนสู้ชีวิต แต่บอกทุกๆคนครับ ... .... .... .... เอาเถอะ ลองทำงานไปเรื่อยๆ ... เจ้านายผมที่เก่งๆ เขาบอกผมว่า คุณลองทำงานแบบ "มองเห็น" ว่ารายได้เป็น "ศูนย์" ดูสิ ถ้าผมมองได้จริงๆ คงทำงานเก่งกว่านี้เยอะครับ จากคุณ : KENG76 - [ 1 เม.ย. 51 13:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในคำถาม  มันมีร้อยคำตอบ แต่ทีนี้  มันมีแต่คำถามแบบนี้ และเป้นคำถามซ้ำๆซากๆ หลายๆครั้ง  มีคนถามไปแล้ว พออีก 2 วัน  มีคนมาถามใหม่   แบบเดิม  ลักษณะงานเดิมหรือคล้ายๆกัน SEARCH  ENGINE ก็มี  ไม่ใช้ ตรงนี้แหละ  ที่ค่อนข้างสะท้อนคุณภาพของคนได้ และไม่แปลกใจว่า  ทำไมถึงต้องมานั่งตั้งคำถามแบบนี้ เพราะว่าคุณคิดแต่ผล  แต่ไม่คิดหาวิธีไปถึงผล  เอาง่ายเข้าว่า จากคุณ : นางสเตนเลส - [ 1 เม.ย. 51 13:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่จริงครับ กระทู้เงินเดือนเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มาก ทั้งนี้เพราะตลาดแรงงานสำหรับเด็กจบใหม่ของเมืองไทยมันโคดที่จะห่วย ข้อมูลน้อยมาก โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องเงินเดือน และข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่เปิดอยู่ งานเป็นยังไง ฯลฯ ถ้าเป็นต่างประเทศ ที่มหาลัยจะมีทั้ง career fair (อย่าเอาของห่วยๆของไทยมาเทียบ) มีทั้งบริษัทมาเยี่ยมโรงเรียน มีข้อมูลรวมทั้งเงินเดือนครบถ้วน ทำให้เด็กจบใหม่สามารถตัดสินใจเลือกงานได้อยากชาญฉลาด ข้อมูลเหล่านี้สำคัญที่สุด ทั้งสำหรับคนที่เรียนไม่เก่ง เพราะว่าเขาต้องรู้ว่าเขามีทางเลือกอะไรบ้าง แต่จะสำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับคนที่เรียนเก่ง เพราะคนที่เรียนเก่งย่อมควรที่จะรู้ว่างานในสายไหนบ้างที่จะทำให้ศักยภาพของเขาสามารถนำไปใช้ได้อย่างดีที่สุดทั้งในด้านเนื้องานและในด้านผลตอบแทน เพราะมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ อันนี้แม้กระทั่งเด็ก stanford ก็ต้องรู้ และอยากจะบอกว่าจริงๆแล้ว ในหลายครั้ง แม้กระทั่งเด็ก stanford ก็ยังไม่รู้เลยว่าเมืองไทยอ่ะ มันมีงานอะไรบ้างแล้วงานไหนผลตอบแทนดีที่สุด ถ้าเกิดไม่มีกระทู้พวกนี้ อยากจะขอบอกว่าคนเก่งๆดีๆหลายๆคน อาจจะต้องไปติดแหง็กทำงานที่มันไร้สาระ ถ้าพวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าผลตอบแทนของเขาอยู่ในระดับไหน เขาอาจจะโดนหลอกได้ ถ้าเขาไม่รู้สายงานต่างๆที่มีการเปิดรับสมัคร รวมทั้งถ้าไม่สามารถเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆได้ มันจะเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลไปอย่างน่าเสียดายที่สุด คำถามโง่ๆมันก็เหมาะสมสำหรับตลาดแรงงานโง่ๆแบบนี้ จากคุณ : .. (! o_o !) - [ 1 เม.ย. 51 22:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เงินเดือนมากไป น้อยไปหรือไม่? เป็นคำถามที่สุดยอดแห่งความยากที่จะตอบ  แต่ก็มีตั้งใหม่บ่อยมาก จึงขี้เกียจจะตอบเหมือนกัน เพราะการประเมินว่าเงินเดือนเหมาะสมหรือไม่  มันเกี่ยวข้องกับหลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ตั้งกระทู้ก็จะบอกแค่ว่า  อายุ เท่านี้ เท่านั้น  ทำงานสายนี้ ๆ แต่การประเมิน"ศักยภาพ" ใครจะตอบได้ จากการพูดคุยเพียงทางกระทู้ จึงไม่ใช่กระทู้ทีเกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติเท่าไหร่นัก อีกอย่างหนึ่งการประเมินความสำเร็จมันประเมินได้หลายด้าน  คนที่เงินเดือน สูงมันก็มาจากหลายสาเหตุ  ถ้าบอกไปว่า  ให้ไปเปลี่ยนสายงาน  ไปเข้าหา ผู้ใหญ่  ไปอื่นๆ อีกมากมายที่ทำได้ยาก  แล้วมันจะได้อะไรในทางปฏิบัติ อีกประการ  ผมเชื่อว่า  ผู้มีความสามารถ  มักแสวงหาความรู้ซึ่งก็มักจะรู้อยู่ เองว่า  ในสายงานที่ตนทำนั้น  มีมาตรฐานอยู่ที่เท่าไหร่  ศักยภาพแบบนี้ ควรได้ที่เท่าไหร่  ผู้ที่ไม่รู้  นั่นแสดงว่าไม่เปิดหูเปิดตาไปดูโลกภายนอก เท่าที่ควร  แม้อาจมีความสามารถในวิชาชีพ  แต่อาจเรียกได้ว่า  ขาดความ สามารถ "ในการทำงานให้ก้าวหน้า"  แม้ไปที่อื่นได้  เดี๋ยวก็ไปจมอยู่ที่่ใหม่ นั่นอีก  เพราะไม่ค่อยเปิดโลก  กระทู้ถามเงินเดือนจึงแก้ไม่ตรงจุดของ ปัญหาครับ ผมว่าเรานิยมคำถาม  อะไร?  หรือเท่าไหร่? ซึ่งเป็นคำตอบสำเร็จรูปมาก เกินไป  แต่คำถาม อย่างไร? เพราะอะไร?  ซึ่งเป็นแนวการถามที่ดีเรา ไม่ค่อยถามกัน จากคุณ : Jimmy Walker - [ 2 เม.ย. 51 09:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อ 11 ผิดและไม่จริง ไม่งั้นพวกคนแก่และผู้อวุโสทั้งหลายในห้องนี้ คงไม่มานั่งพูดว่า "เด็กอายุ 25 ไม่มีทางได้เงินเดือนเกินแสน" หรอก ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่ธรรมดามากกๆสำหรับเสี้ยวหนึ่งของสังคมและสายอาชีพ จากคุณ : .. (! o_o !) - [ 2 เม.ย. 51 11:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อมูลและ content เป็นเรื่อง สำคัญครับ จากคุณ : okb - [ 2 เม.ย. 51 11:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 # 12 เอ  ถ้าความจำผมไม่เลอะเลือน  ผมไม่เคยพูดว่าเป็นไปไม่ได้นะครับ อย่างมากก็อาจบอกว่าเป็นไปได้ยาก  ไม่เชื่อลองไปหาอ่านข้อความเก่าๆ ของผมดูนะครับ  ส่วนท่านอื่นๆ ผมคงตอบแทนท่านไม่ได้  และไม่เกี่ยวกับ ผมครับ "ธรรมดามากๆ สำหรับเสี้ยวหนึ่งของสังคมและอาชีพ" ปกติคำว่าธรรมดาต้องถือว่าเป็นส่วนใหญ่  แต่คุณไปใช้คำว่าเสี้ยว   แปลว่าส่วนน้อยมากๆ  น้อยแค่ไหนก็ไม่ระบุ  แบบนี้เรียกเล่นคำ เถียงไปก็ไม่จบครับ  คำมันดิ้นไปได้เรื่อยๆ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 2 เม.ย. 51 13:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอให้ใช้ตรรกะที่ถูกต้องหน่อยครับ ส่วนใหญ่ในเสี้ยวหนึ่งความหมายมันก็แค่นั้นคือเป็นส่วนมากในกลุ่มไหนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ผมพูดได้ว่าส่วนมากคนที่ทำงานสายการเงินและจบมหาลัยที่ดีที่มีเงินเดือนเกินแสน มันผิดตรงไหน และคนเหล่านี้ถึงจะเป็นเสี้ยวหนึ่งของสังคม แต่ก็ไม่ใช่น้อยๆ เป็นสิบยี่สิบคน แต่มันก็เป็นกลุ่มหนึ่งในสังคมที่มีจริงๆ และผมก็ไม่ได้พูดมุ่งไปที่คุณโดยตรงด้วย แค่จะบอกว่า เรื่องเงินเดือน"เป็นคำถามที่สุดยอดแห่งความยากที่จะตอบ" หรือ "ผู้มีความสามารถ มักแสวงหาความรู้ซึ่งก็มักจะรู้อยู่เอง" มันไม่จริง เพราะโครงสร้างของสังคมเราแตกต่างกัน รวมทั้งข้อมูลในตลาดแรงงานมันจำกัด ฉะนั้น การที่คนจากสถานะทางสังคมแตกต่างกันมาแลกความเห็นกัน จะสามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ให้แก่คนอื่นๆที่อาจจะมีความสามารถ แต่ยังไม่ถึงทางเลือกนั้นๆ อคติมันเป็นเรื่องที่น่าเกลียดนะ จากคุณ : .. (! o_o !) - [ 2 เม.ย. 51 15:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห.15 สิบยี่สิบคนเทียบกับอะไรล่ะครับที่ว่าเยอะ  ผมจะยกตัวอย่างนะครับ 1. สิบยี่สิบเทียบกับ จำนวนคนใน ห้องเรียน 1 ห้อง  อันนี้ถือว่าเยอะครับ 2. สิบยี่สิบเทียบกับ จำนวน นศ. ในภาควิชา (สมมุติว่าภาควิชานี้มีอยู่ 100 คน )  อันนี้ผมก็ยังว่าเยอะนะครับ 3. สิบยี่สิบเทียบกับ จำนวน นศ. ในภาควิชานั้น ของทุกมหาวิทยาลัยรวมกัน อันนี้ผมว่าเริ่มไม่เยอะแล้วนะ 4. สิบยี่สิบเทียบกับ เทียบกับ จำนวน นศ.ที่เรียนจบในแต่ละปี ... ไม่ทราบว่าคุณเห็นอะไร หรือไม่? จากตัวอย่างที่ผมเทียบให้ดู อายุน้อยมีเงินเดือนเกินแสนมันก็เป็นไปได้ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่ว่าจะมีสักกี่คนล่ะครับ (ไม่นับพวกที่ที่บ้านมีกิจการหรือบริษัท แล้วพ่อแม่เป็นคนตั้งเงินเดือนเองนะครับ) จากคุณ : RuudVanNis10 - [ 2 เม.ย. 51 17:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ในความคิดผม  เรื่องเงินเดือน  จะว่าเป็นคำถามโง่ ๆ ไม่ได้หรอกครับ ผมเชื่อว่า มีไม่ถึง 0.01% ครับ ที่ทำงานแล้วไม่หวังเรื่องเงิน  ..   ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า เงินมันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตอยู่แล้ว ถ้าหวังเรื่องหน้าที่การงาน ไม่หวังเงิน  แสดงว่า คน ๆ นั้นต้องมีรายได้ หรือทรัพย์สิน มากมายมหาศาล หรือเพียงพอแล้ว  ...   คนประเภทนั้นเราก็คงไม่ต้องกล่าวถึง .. เพราะเขาอยู่เหนือความต้องการทางด้านเงินแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ ไม่ใช่  คนส่วนใหญ่ต้องการเงิน  จะทำงานเอาหน้าที่ การงาน  ความรู้ ความาสามารถ    เงินเดือนเท่าไหร่ ไม่สน  ผมว่าต้องเป็นคนที่อุดมการณ์แรงกล้า อย่างเดียว    แต่อยู่ไม่ได้หรอกครับ  ถึงอยู่ได้ก็ไม่นาน ..  เพราะคนเราต้องกิน ต้องใช้  มีกิเลส  อยากได้ใคร่มี ทั้งนั้น ..  ซึ่งถ้ามีเงิน ก็จะตอบสนองสิ่งเหล่านี้ได้  ถึงไม่อยากได้ตอนนี้ กระแสสังคมก็จะพาไปเองในไม่ช้า ถึงมีความรู้ มีความสามารถ  มีหน้าที่การงานที่ดี    แต่เงินเดือนน้อยนิด    เวลาไปสัมภาษณ์งาน ใครเขาจะเชื่อครับว่า  คุณเก่ง     ถ้าเก่งจริงทำไมบริษัทเก่าถึงไม่จ้างสูง ๆ  ทำไมได้เงินเดือนน้อยจัง   ฯลฯ      ถ้าอยากทำธุรกิจส่วนตัว  เอาเงินที่ไหนมาทำ     ผมมองว่า  ถ้าเลือกหน้าที่การงานที่ดี  มีการเรียนรู้มากมาย แต่เงินเดือนนิดเดียว   เป็นการเลือกที่ผิดครับ     ควรเลือกที่สัมพันธ์กัน   ทั้งหน้าที่ความรับผิดชอบ และเงินเดือน    และไม่มีใครบอกได้ว่าที่เหมาะสมคือเท่าไหร่   เพราะฉะนั้น  การตั้งกระทู้ถามก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะอยากรู้ว่า   สิ่งที่ทำอยู่   กับ ผลตอบแทนที่ได้คุ้มกันมั้ย ...    แต่ก็อย่างที่บางท่านว่า  ควรจะลองค้นหาคำตอบด้วยตัวเองก่อน  เมื่อไม่ได้จริง ๆ ค่อยถาม จากคุณ : เ ห็ ด ห อ ม - [ 2 เม.ย. 51 17:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณจะเทียบอะไรก็ต้องเทียบกับอย่างอื่นที่เท่าๆกันสิครับ ถ้าจะเทียบคนที่ได้เงินเดือนหลักแสน ก็ต้องเทียบกับบุคคลที่มีศักยภาพที่จะได้เงินเดือนหลักแสน ซึ่งส่วนมากคนเหล่านี้ก็ได้เงินเดือนเท่านี้อยู่ ถ้าผมพูดว่า 100 ใน 100 คนที่จบนอกโรงเรียน top 10 ได้เงินเดือนหลักแสนก่อน 30 มันเป็นประโยคที่ถูกต้องทุกประการและมันก็คือ ส่วนมากของเสี้ยวหนึ่งของสังคมอย่างแน่นอน ฉะนั้น คำตอบของคำถามเรื่องเงินเดือน ไม่ใช่ว่าคนโน้นคนนี้ได้เงินเดือนเท่าไหร่ แต่ควรจะเป็นว่าคนเหล่านี้มีคุณสมบัติอย่างไร ทำงานในสายงานไหน และมีความสามารถอย่างไรถึงจะได้เงินเดือนระดับนี้ ซึ่งก็เป็นแนวทางที่ผมตอบอยู่ตลอดเวลา และมันก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ เพราะอย่างน้อยที่สุด ก็ตอบคนถามได้ว่า 1) มีอยู่จริง 2) ต้องทำอย่างไรถึงจะไปถึงจุดนั้นได้ ซึ่งหลายคนก็อาจจะไม่มีทางไปถึงได้ มันก็ยังเป็นข้อมูลที่ดีอยู่ดีเพราะจะทำให้คนที่อาจไม่รู้เรื่องเลย รู้เรื่องขึ้นมาและปลงได้ จากคุณ : .. (! o_o !) - [ 2 เม.ย. 51 17:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นแตกต่างได้ครับ ... โหวตด้วยดิ จากคุณ : KENG76 - [ 2 เม.ย. 51 21:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนเริ่มต้นงาน ผมไม่มองนะว่าผมควรจะได้เงินเท่าไร ผมมองว่างานที่ทำมันจะไปต่ออย่างไรได้บ้าง ตัวเองจะพัฒนาอะไรได้บ้าง ตามความเห็น11 คุณJimmyWalker ครับ พอทำไปได้สักพัก รู้ว่าใครเป็นอย่างไรในอุตสาหกรรมที่ตัวเองทำอยู่ +ข้อมูลจากเว็บสมัครงาน ก็ประเมินเป็นช่วงกว้างๆได้เองว่าควรจะเรียกสักเท่าไร ความเห็น10 คำถามโง่ๆมันก็เหมาะสมสำหรับตลาดแรงงานโง่ๆแบบนี้ ..ไม่สร้างสรรค์ครับ ระบบตลาดแรงงานที่ยังล้าหลัง ยิ่งต้องการคำถามฉลาดๆสำหรับการเติบโตครับ จากคุณ : numnumnum1 - [ 2 เม.ย. 51 22:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านแล้วงงๆครับ เหมือนว่าประเด็นมันจะเพี้ยนไปจากเจตนาของเจ้าของกระทู้(หรือว่าไม่เพี้ยน แต่ผมเข้าใจผิดก็ไม่รู้) ผมเข้าใจว่า จขกท ตั้งใจจะให้เน้นในเรื่องการพัฒนาตัวเอง มากกว่าการเน้นในเรื่องที่ว่าได้เงินเดือนถึงจะไม่อายชาวบ้าน ซึ่งเด็กจบใหม่ส่วนใหญ่(รวมทั้งผมด้วย) มักจะถามแต่ว่าเงินเดือนเริ่มต้นเท่าไหร่ดี แทนที่จะไปถามถึงแนวทางการพัฒนาศักยภาพตัวเองนะ ในฐานะเด็กจบใหม่ ผมไม่คิดว่าข้อมูลพวกนี้จะหายากเย็นอะไรนักหนานะ เพราะตอนปี 4 ก็มีบริษัทเป็นสิบบริษัทมาบรรยายที่คณะผมเรื่องรับสมัครงานเนี่ยแหละ แล้วข้อมูลจากรุ่นพี่ก็เยอะแยะครับ ซึ่งข้อมูลที่ได้พวกนี้เนี่ย ผมว่ามีประโยชน์กว่าการมาตั้งกระทู้ถามเรื่อยเปื่อยเยอะเลยนะ จากคุณ : sanzo - [ 2 เม.ย. 51 22:10:46 A:203.157.29.160 X:203.157.16.245 TicketID:056673 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จริงๆ เรื่องค่านิยมการหางานของเด็กจบใหม่ที่เน้นเรื่องเงินเดือนก่อน ผมว่ามันไม่แปลกหรอก มันเป็นมานานแล้วตั้งหลายสิบปี มันเป็นธรรมชาติมนุษย์ พวกคุณที่ทำงานกันมานาน ลองหลับตามองย้อนกลับไป โดยมาก คุณก็มีวิธีคิดแบบนี้ ดังนั้น ผมว่าไปต่อว่าเด็กก็ไม่ถูก แค่เข้าใจและให้ข้อมูลพร้อมคำแนะนำก็พอแล้ว ไม่ต้องไปเสียดสี หรือ แดกดัน มันเหมือนด่าตัวเองเมื่อแรกจบมาใหม่ๆ ส่วนเรื่องการหาข้อมูลจากอินเตอร์เนท มันไม่ยากหรอก แต่คำถามคือ ความถูกต้องของข้อมูลดีพอหรือไม่ จริงๆ ผมค่อนข้างชอบคำตอบของความคิดเห็นที่ 10 ใจความสำคัญคือ กระทู้เงินเดือนเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มาก ทั้งนี้เพราะตลาดแรงงานสำหรับเด็กจบใหม่ และ ผู้มีประสบการณ์ ของเมืองไทยมันมีข้อมูลน้อยมาก โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องเงินเดือน และข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่เปิดอยู่ งานเป็นยังไง ฯลฯ ข้อมูลนี้มันสำคัญทั้งกับผู้สมัครงาน และ ผู้ประกอบการ ผมไม่ชอบเลยเรื่องการพยายามกดเงินเดือนแบบไม่เป็นธรรม ในแง่เด็กจบใหม่ คุณลงทุนกับการศึกษากันเป็นล้านบาท จบมาสมัครงานกินเงินเดือนแปดพัน เข้าไปทำงานวันแรก ก็เริ่มหางานใหม่แล้ว งานเงินเดือนแปดพันแค่งานชั่วคราวกันตาย ทำได้สองเดือนสามเดือนหรือปีนึงก็ลาออก แค่นี้บริษัทก็ขาดทุนแล้ว เพราะแทนที่จะได้คนไว้ทำงานนานพอกับการลงทุนที่จ่ายไป กลับไม่คืนทุน แถมต้องจ่ายไปเรื่อยๆ อีก มันจะเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลไปอย่างน่าเสียดายที่สุด พอมีประสบการณ์จากอายุยี่สิบสองถึงอายุสามสิบปี เงินเดือนเฉลี่ยอาจอยู่แค่ระดับหมื่นห้าพันบาทถึงสองหมื่น กี่สิบปีคืนทุน แค่ในแง่ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจก็ไม่มีแล้ว อีกทั้งคุณภาพชีวิตหละ ที่ต้องปากกัดตรีนถีบอีก มีลูกเต้าจะให้เขามีคุณภาพที่ดียังไง ในแง่คนมีประสบการณ์ บางครั้งคุณลงทุนกับการศึกษาเพิ่มทั้งในระบบ เช่น เรียน ป. โท-เอก กับนอกระบบ เช่น เรียนภาษาเพิ่ม เรียนเฉพาัะทางเพิ่ม กันเป็นเงินหลักแสนหลักล้านบาท จบมาก็เป็นผู้บริหารระดับต้น ก็โดนกดเงินเดือนกันอีก ไม่มีทางร่ำรวย ก็ทำไปวันวัน แทนที่จะได้ใช้ศักยภาพที่มีเพิ่มเติม เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างความมั่งคั่งและถาวรให้ตนเองและคนรอบข้างและสังคม อาจจะมีสักสิบห้าคนในร้อยคนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะวิศวกร นักบัญชี สถาปัตย์ แต่พนักงานทั่วไปก็อยู่กันไปวันๆ มีความสุขตามอัตภาพ ปลอบใจตัวเองว่าพอเพียง (ผมไม่ได้ดูถูกแง่คิดความพอเพียงนะครับ) ลืมนึกไปว่าชีวิตมีความเสี่ยงเสมอ วันนึงต้องตกงานทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเรา หรือเจ็บป่วยต้องใช้เงินใช้ทองมากมาย บางทีเงินเก็บอันน้อยนิดที่คุณมีจากคำปลอบใจตัวเองว่าพอเพียงก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในต่างประเทศ มีข้อมูลรวมทั้งเงินเดือนครบถ้วน เป็นธรรม เพราะบริษัทแข่งขันกันแย่งคน ทำให้ผู้หางานสามารถตัดสินใจเลือกงานได้อยากชาญฉลาด ข้อมูลเหล่านี้สำคัญที่สุด ทั้งสำหรับคนที่ไม่เก่ง เพราะว่าเขาต้องรู้ว่าเขามีทางเลือกอะไรบ้าง แต่จะสำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับคนที่เก่ง เพราะคนที่เรียนเก่งย่อมควรที่จะรู้ว่า งานในสายไหนบ้างที่จะทำให้ศักยภาพของเขาสามารถนำไปใช้ได้อย่างดีที่สุด ทั้งในด้านเนื้องานและในด้านผลตอบแทน เพราะมันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าพวกเขารู้ได้ว่าผลตอบแทนของเขาอยู่ในระดับไหน เขาก็จะตั้งใจที่จะทำให้เต็มที่ เรีัยนรู้อย่างเต็มที่ สร้างงานที่ดีขึ้น เพราะเขารู้ว่าถ้าทำได้ ทำดี ในอนาคตข้างหน้าก็จะได้เงินที่ดีเพิ่ม ไม่ค่อยย้ายบริษัท มันจึงไม่เป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคล และบริษัทสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือแนวคิดผม การมีข้อมูลที่ดีทั้งต่อผู้สมัคร และ ผู้จ้าง จะทำให้การจ้างงานเป็นธรรม มีผลที่ดีต่อผู้รับจ้างและผู้ว่าจ้าง ใครอยากได้เงินเดือนมากขึ้นก็พัฒนาตนเอง สร้างความแตกต่าง แสดงความสามารถออกมา ไม่ต้องกลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า อยากมีอยากได้ก็ต้องไขว่คว้าเอาเอง ไม่คิดมีไม่คิดได้ ก็ทำงานรักษาสถานะภาพเอาไว้ แต่ถ้าอยากมีอยากได้ แต่ไม่กล้ามัวแต่อิจฉา เข้ามาเสียดสี ก็น่าสงสาร ดังนั้นผมจึงไม่เห็นว่ามันไร้สาระ และำพยายามเข้ามาตอบและแสดงความเห็นจากประสบการณ์ที่มี ผมให้ประสบการณ์ผมไว้นิดหน่อย ถือว่าเป็นการแชร์ ผมเป็นเด็กเกเรตั้งแต่วัยรุ่น เรียนไม่เก่ง ได้สองนิดๆ บางเทอมหนึ่งกว่ากว่า คบเพื่อนอาชีวะ ไปตีรันฟันแทงกะเขา สรุป จบมาเพราะฟลุค จุดที่เปลี่ยนชีวิตผมคือผมเอ็นท์ติดมหาลัยแบบฟลุค คณะคะแนนต่ำ ผมคะแนนห้าวิชาแค่สองร้อยนิดๆเอง แต่มันเปลี่ยนชีวิตผม เพราะผมต้องดิ้นรนเรียนให้จบ พื้นฐานความรู้ไม่ดีก็ต้องสู้ จบมาหางานไม่ได้ ต้องดิ้นรนไปเป็นเซล ขายแข่งกะวิศวกร โชคดีที่ผมอยู่ในยุคที่บ้านเราเศรษฐกิจขยายตัว ทำให้ได้งานขายไม่ยาก ไอ้ที่ยากคือการไม่ได้รับการยอมรับ เพียงเพราะเราไม่ใช่วิศวกร ผมต้องผลักดันตัวเอง เรียนรู้สินค้า ทั้งวิธีการ การดีไซน์ คล้ายๆ กระทู้ของลุงแอ๊ด จนวิศวกรระบบยังรู้น้อยกว่าผมอีก และผมก็เริ่มสร้างค่าตัวจากการลงทุนกับตนเอง ทั้งสร้างคอนเน็คชั่น ต่างๆ มากมาย แต่ไม่คิดทำเอง ยังอยากเป็นลูกจ้างอยู่ วันนี้ผมมีรายได้ที่ดี ใช้เงินเดือนละหมื่นนิดๆ ที่เหลือๆ เก็บ บ้านก็แค่ทาวน์เฮ้าส์ยี่สิบวาไม่กี่แสน รถก็ใช้มาหลายปียังไม่คิดเปลี่ยน ที่เหลือก็เหลือเก็บไปไว้ใช้ตอนเกษียรจา่กงานยามแก่เฒ่า ถามว่าผมพอเพียงไหม แต่ผมมักไม่ค่อยยอมถ้าบริษัทมองคุณค่าผมต่ำกว่าคนที่ผลงานต่ำกว่าผม ที่กล่าวมาไม่ได้โอ้อวด ผมแค่มาแชร์ความคิดเห็นในนี้ จากประสบการณ์ที่มี มุมมองที่มี โดยส่วนมากคนไทยกลัวตกงาน ไม่กล้่าเรียกร้อง ทั้งๆที่ตัวเองมีศักยภาพ อยากให้เราปลดแอก สร้่างสถานะภาพที่ดีให้ตนเองและลูกหลาน ขออภัยถ้าคำตอบมันแรงไปและยาว จากคุณ : คนสู้ชีวิต ลูกจ้างมืออาชีพ - [ 2 เม.ย. 51 23:34:13 A:58.8.181.204 X: TicketID:118667 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ในที่สุดก็มีคนเข้าใจ เมืองไทยก็เงี๊ยะไร้การพัฒนา ยังคิดว่าพวกเจ้าสัวหรือพวกธุรกิจส่วนตัวคือสุดยอดแล้ว แล้วอย่างนี้งานสายอาชีพที่ในประเทศทีเจริญแล้วเป็นตัวสร้างรายได้จะโตได้ยังไง แถมยังมีผู้ใหญอคติแบบนี้ จากคุณ : .. (! o_o !) - [ 3 เม.ย. 51 02:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความเห็นดีๆ ปล่อยผ่านได้ไง ... ขอเก็บใน blog นะครับ จากคุณ : KENG76 - [ 3 เม.ย. 51 04:40:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านของคุณคนสู้ชีวิต ลูกจ้างมืออาชีพ # 22 แล้วน่าสนทนาแลกเปลี่ยน ความคิดเห็น  แต่ขอแปะไว้ก่อน  จะมาต่อช่วงบ่ายๆ (ถ้าพอมีเวลา) แต่ขอเน้นว่า  ผมจะขอเสวนาและแลกเปลี่ยนกับผู้ใช้ปัญญาเป็นหลัก และหวังว่าจะมีผู้อ่านอื่นๆ ได้ลองเก็บข้อมูลทั้งสองด้านไปพิจารณาเอง ส่วนผู้เน้นใช้อารมณ์มากกว่า  ผมคงขอข้ามไป  ไม่เสวนาด้วยนะครับ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 3 เม.ย. 51 08:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 จะต่อกระทู้เดิมผมกลัวตก จิ้มโหวตแล้วก็ไม่ขึ้น สู้กระทู้โชว์เกรียนไม่ได้ ... 555555 ทุกวันนี้กระทู้ตกเร็วมากๆครับ ถ้าจะต่อกระทู้นี้ ช่วยโหวตด้วย ... ไม่งั้นลองไปต่อกระทู้ที่แตกไปครับ จากคุณ : KENG76 - [ 3 เม.ย. 51 09:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เงินเดือนเท่าไหร่ดี นี่ ผมว่าคำถาม มันไม่โง่นะครับ ก็เพราะตอนนี้เค้าคิดได้แค่นี้แหล่ะ คำถามเลยออกมาแบบนี้ ต่อเมื่อเราใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ มันก็ผ่านประสบการณ์อื่นๆ จุดมุ่งหมาย ความชอบ หรือ สภาพบังคับต่างๆ มันเปลี่ยนไป ก็จะมีคำถามใหม่ๆ เกิดขึ้นมาแทน ส่วนหนึ่งมันก็ขึ้นกับเป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนด้วย บางคนเคยขัดสนหนักๆ ในตอนเด็กๆ ก็ย่อมต้องอยากได้เงินเยอะเป็นธรรมดา ในตอนโต บางคนเคยใฝ่ฝันอยากทำนั่นทำนี่ คำถามเค้าก็จะเป็นแบบอื่น  ที่ไม่ใช่เงิน มันจะกลายเป็นทำอย่างไร ฉันถึงจะไปถึงจุดนั้นได้ แต่เนื่องจากประเทศเรา สภาพสังคม ผลักดันให้เห็นหน้าตาเป็นสำคัญ เงินจึงเป็นสิ่งจำเป็นของหลายๆ คนไป ส่วนตัวผมก็อยากให้คนไทย ไม่ต้องหิวเงินกันมากนัก ผมอยากเห็นคนไทยหิวความสำเร็จมากกว่า อะไรคือความสำเร็จบ้าง เช่น งานในมือคุณที่มันออกมาดีอย่างที่คิดไว้ไหม เอ้อ ก็ไม่รู้นะ ว่าคนอื่นเค้ามานั่งดูหรือเปล่า ว่างานมันดี หรือไม่ดี หรือแค่ทำให้มันเสร็จๆ ไป จะได้ไปดูหนัง มั๊ง อิอิ หรือคุณสร้างงานใหม่ๆ ขึ้นมา มันน่าภูมิใจนะ อย่างพวกวงการโฆษณา ผมว่าก็เก่งนะ หรือ พวกเชฟอาหารไทยเก่งๆ ที่ไปเปิดร้านตามต่างประเทศได้ ถ้าคนไทยมีความปรารถนาในความสำเร็จกันเยอะๆ ก็จะดี ซึ่งจริงๆ มันสร้างยากมากในสังคมที่ตีกรอบมาแบบนี้ <นอกเรื่อง...> และโดยเฉพาะในยุคนี้ หุ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายๆ คน ชอบยกเรื่องนามธรรม มากกว่ารูปธรรม จับต้องไม่ได้ ทำไมคนไทย หลายๆ คน ไม่กล้าพูดสิ่งที่เป็น Action กันครับ 1 2 3 คืออะไร ขอชัดๆ ได้ไหม น่าเบื่อมาก ผมเห็นมา 30 ปีแล้ว อ้อ ตอนนี้เราก็เป็นผู้ใหญ่แล้วด้วย แต่ยังไม่มีกระบอกเสียงนี่นา เสียงเราเลยไม่ค่อยดัง จบดีกว่า ไว้มาเสวนาใหม่ จากคุณ : กะต่อ - [ 3 เม.ย. 51 10:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รีบมาต่อตามสัญญา จริงๆ ผมคงไม่อยากจะถึงขั้นให้เรียกว่าเป็นคำถามโง่ๆ อะไรนั่น แต่ผมก็คิดว่ามันไม่ใช่คำถามที่มีประโยชน์สักเท่าไหร่นัก แต่ก่อนอื่นขอแยก  กระทู้เงินเดือนเป็นสองประเภทก่อนคือ กระทู้อวด เงินเดือน คือพวกเงินเดือนมาก  มาแสร้งถาม  แสร้งอวด  กับกระทู้ถาม จริงๆ ซึ่งมักจะหมายถึงมีเงินเดือนค่อนข้างน้อยหน่อย การพูดเรื่องเงินเดือนในที่สาธารณะมีข้อไม่เหมาะสมและเป็นประโยชน์อยู่ หลายเรื่อง  แต่จะค่อยๆ พูดไปตามโอกาสนะครับ  แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนไม่ควรสนใจเรื่องผลตอบแทน  ซึ่งเป็นคนละประเด็น  เหมือนเซ็กซ์ เป็นเรื่องธรรมชาติ  แต่การพูดเรื่องเซ็กซ์ในที่สาธารณะ  คงต้องพิจารณา เอาแค่ประเด็น  ทำไมกระทู้ถามเงินเดือนจึง(ค่อนข้าง)ไม่มีประโยชน์ ก็เพราะว่า  การตั้งคำถามนั้นมันบอกถึงตัวผู้ตั้งด้วย  ในฐานะที่ผมก็ศึกษา เรื่องการประสบความสำเร็จมามาก  ทั้งอ่าน  ทั้งคิดเอง  จนหนังสือแนวนี้ มีมากมาย  และที่ศึกษาก็เพื่อจะนำมาใช้กับตัวเอง  พัฒนาตัวเอง คนที่จะประสบความสำเร็จนั้น  ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า"แรงผลักดัน"ในตัวเอง และแรงผลักดันของคนเราก็ไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน  คนที่มีแรงผลักดัน สูงๆ มักประสบความสำเร็จได้โดยไม่ยากอยู่แล้ว  ส่วนที่เหลือก็คือพวกที่ยัง ไม่รู้จักตัวเองว่ามีแรงผลักดันด้านไหน  กับพวกไม่ค่อยมีแรงผลักดัน ถ้าดูจากคำถามที่ตั้ง  คือ เงินเดือนน้อยไปไหม  ซึ่งดูเหมือนเขาจะคิดว่า การมีรายได้เพิ่มนั้น  ทำได้เลยทันที  ขอเพียงหาที่ใหม่ได้  แต่ในความ เป็นจริง  มันต้องแข่งขัน  มันต้องเก่งขึ้น  และโดยปกติ  คนที่คิดจะก้าวหน้า โดยทั่วไป  ก็จะมองด้วยวิธีหาทางไปทำงานที่บริษัทที่ใหญ่ขึ้น  ซึ่งเงินเดือน จะเพิ่มขึ้นเองโดยอัตโนมัติ  ฉะนั้นการมีเงินเดือนมากขึ้น ก็คือ  การที่จะต้อง เก่งขึ้นหรือไปทำงานในที่ๆ ดีขึ้นนั่นเอง การตั้งคำถามที่เริ่มด้วยเงิน  ส่วนใหญ่แสดงว่า  คนๆ นั้นอยากได้เงินเพิ่ม โดยไม่ค่อยเต็มใจจะทำงานเพิ่ม  มันจึงเป็นเหมือนกับที่คนส่วนใหญ่ก็อยาก รวยด้วยกันทุกคน  แต่ทำไมจึงมีแค่บางคนที่รวยได้  เพราะแค่ความอยาก ระดับปกติไม่นำไปสู่การกระทำครับ  ความอยากที่ดีต้องเป็นความอยาก ระดับที่สูงพอจะเกิดการกระทำ  ทำงานหนักขึ้น  พยายามมากขึ้น  หรือ ต้องฝ่าฟันอุปสรรค บางครั้งเป็นเรื่องแปลกที่เท่าที่ผมอ่านประวัติคนรวยๆ มามาก  คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เพียงบ้างาน  ชอบทำงานมากๆ  และส่วนใหญ่ไม่เคยคิดว่าตนเอง จะรวยได้เช่น ปัจจุบัน  เพราะสมองเขาจะคิดแต่ งาน งาน และงาน แต่งาน นั่นแหละทำให้เขารวย  มีน้อยมากที่ตั้งใจว่าจะรวยมหาศาลมาแต่แรก ในทางตรงกันข้าม  คนที่ยังไม่รวย  กลับชอบคิด  รวย รวย รวย แต่ความคิด นี้หลายครั้งไม่ทำให้เกิดงาน  เพราะเขาเพียงคิดและหวังว่า  ความรวยมันจะ ได้มาง่ายๆ   เมื่อเป็นเช่นนี้  ก่อนจะให้ความคิดดีๆ แก่ใคร  มันก็ต้องอ่านเขาดูก่อนว่า เขามีศักยภาพในตัวเองแค่ไหน  เหมือนเซลส์จะขายสินค้าก็ต้องอ่านลูกค้า เหมือนกันว่ามีโอกาสขายได้แค่ไหน  ซึ่งโดยส่วนใหญ่ที่ผมเคยอ่านกระทู้ พวกนี้มา(แต่ตอนนี้เลิกอ่านแล้ว)  มักจะเป็นแค่ความอยากระดับพื้นๆ เท่านั้น นี่คือหลักเบื้องต้นทั่วไปครับ  คุยละเอียดแล้วมันจะยาวมาก จากคุณ : Jimmy Walker - [ 3 เม.ย. 51 15:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณพี่ Jimmy มากครับ ... แค่หลักเบื้องต้นก็เพียงพอที่จะเริ่มแล้วครับ ว่ากันตามตรง เรื่อง เงินเดือนเขาถือเป็นความลับนะ ทีหลังใครบอกก็ระวังด้วย ........... ส่วนเรื่องกดเงินเดือน หรือ ไม่กด ... ผมว่ามีสองอย่าง - ทฤษฎีเกม คนมากตัวเลือกมาก คนน้อยตัวเลือกน้อย - เงินที่สะพัดในประเทศ หากเงินหมุนเวียนดี เงินเดือนก็จะดี ประเด็น คือ รายได้ไม่พอที่จะอยู่ให้เป็นสุข มากกว่า... ในเมืองไทยผมมาจากการเติบโตเร็วไปก่อนปี 40  ปัญหาไม่ไช่เกิดจากโซรอส แต่ปัญหาเกิดจากเรา "เหลิง" กันเกินไป (มีอย่างที่ไหน โบนัส 24 เดือน ไร้สาระ) ตอนนี้ ปัญหาผ่านมาแล้ว คนมีความรู้เท่าทันมากขึ้น ลำบากมากทำให้ต้องพยายามมาก ต้องเก่งมากขึ้น ทางออกจริงๆ ของคนยุคนี้ ผมมองเห็นการเปลี่ยนไปทำงานต่างประเทศครับ เพื่อนผมไปตั้งหลักที่ สิงค์โปร์กันหลายคน ผมอยู่เมืองไทยแต่ทำงานกับฝรั่ง มันต้องอ่าน เทรน ก่อน ... คิด และ สุดท้าย เอาตัวรอด .... จริงๆ มันมีอีกเยอะ อย่างพี่ จิมมี่ บอก ... แต่ผมว่า เริ่มคิดและเปลี่ยนตัวเองกันก่อนดีกว่าครับ จากคุณ : KENG76 - [ 3 เม.ย. 51 17:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คห 28 พูดถูกในประเด็นของแรงจูงใจของแต่ละคน แต่นั่นมันคือความรับผิดชอบของผู้ตอบกระทู้และผู้ที่จะสั่งสอนและให้ความรู้จขกทนั้นๆ หรือว่าคุณคิดว่าเหมาะสมกว่าที่จะปล่อยให้คนโง่ คนเห็นแก่เงิน มันโง่อยู่อย่างนั้นโดยไม่เข้าไปช่วย จะใจร้ายมากไปหน่อย รวมทั้งคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้จริงๆ ยกตัวอย่าง KENG76 ที่บอกว่า โบนัส 24 เดือนไร้สาระ KENG76 น่าจะหาความรู้เพิ่มเติมนิดนึง เกี่ยวกับโครงสร้างค่าตอบแทนในบางอุตสาหกรรม และรายได้ของบางอุตสาหกรรม ที่ทำให้มีความจำเป็นที่โครงสร้างเงินเดือนจะเป็นเช่นนั้น ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดคืองานที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่ฐานรายได้ไม่แน่นอน เช่นการเงิน ไอที หรืองานที่เกี่ยวข้องกับโวลุ่มเช่นพวกโบรกเกอร์เป็นต้น และก็อยากจะชี้แจงว่า โบนัส 24 เดือนไม่ไร้สาระ และหลายบริษัทในบางอุตสาหกรรม ก็ยังมีโครงสร้างรายได้แบบนี้อยู่ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ว่าทำไมกระทู้เงินเดือนไม่ได้ไร้สาระ และความรู้ของหลายๆท่าน มันยังไม่พอที่จะมานั่งบอกว่า ถามคนโน้นคนนี้หรือขวนขวายด้วยตนเองก็จะรู้ได้แล้ว เพราะส่วนมากจะไม่รู้เลย จากคุณ : .. (! o_o !) - [ 3 เม.ย. 51 17:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมไม่ได้ฉลาดเหมือนพี่นี่ครับ (สวนซะหน่อย เดี๋ยวจะไม่สมเจตนารมณ์คุณ  (! o_o !) ) ประเด็นคือ 1. เงินเดือน เป็นเรื่องความลับ ไปอ่าน policy บริษัทก็ได้ ผมไม่อยากบอกว่า เขา Track IP ก็รู้ว่าเป็นใครแล้ว จะโดนเล่นกันเปล่าๆ 2. ผมไม่ได้ด่าว่าคนถามเรื่องเงินเดือนเป็นคนโง่ ... แต่อยากให้ประเมินตัวเองก่อน ประเมินสถาณการณ์เงินสะพัดในประเทศก่อน แล้วค่อยๆ หาทางออก ... ไม่ไช่รู้ว่า คนอายุ 30 ได้เงินเดือน 500,000 แล้วอยากได้บ้าง ไม่ดูตัวเองเลย 3. ผมกำลังสื่อว่า ฟองสบู่การเงิน ทำให้ คนหลงระเริง ... คนได้โบนัส 24 เดือนโดยไม่ต้องทำงานอะไรเลย ... ช่วงหุ้น 1700 มีคนเล่นหุ้นได้เงินดีกว่าเงินเดือนเห็นๆ แต่เราได้ตระหนักอะไรจากการได้เงินแบบนั้นไหม ผมถึงว่ามันไร้สาระ ... เพราะมันทำให้คนโง่ แต่ถ้าคุณทำงานอะไรสำเร็จ แล้วคุ้มค่า คุ้มราคา หาคนทำไม่ได้แล้ว เงินเดือนวันละ 40,000 ผมก็เคยเห็นมาแล้ว แต่ไม่อยากบอก เดี๋ยวหาว่าเพ้อเจ้อ 4. อุตสากรรม ที่เงินดีๆ มันก็มีอยู่ แต่มันเป็นบ้าอะไรที่ผมต้องไปหาข้อมูลมาเถียงอะไรในเวบ 5. บริษัทไทยไม่มีการตั้งเงินเดือนเปิดเผยเหมือน Japan หรือประเทศต่างๆ นี่ก็เป็นข้ออยากให้ปรับปรุง ... ผมไม่รู้ว่าคุณอยากจะบอกว่าผมกำลังด่าคนตั้งกระทู้ถามเงินเดือน หรือ อยากชวนทะเลาะกันแน่ .... หรือว่าโดนกดเงินเดือนมากไป แค้นใจนายจ้างหรืออะไร ...... ผมเฉยๆ นะกับคนแบบนี้ เอาเถอะ ... ยังไงก็ได้ ผมไม่ได้เป็นเจ้าเฝ้า บอร์ด ... เห็นเด็กถามเงินเดือน คนตอบก็รู้จริงมั่ง ไม่จริงมั่ง เอาเงินเดือนตัวเองมาวัดมั่ง ด่าว่าโม้มั่ง อวดร่ำอวดรวย ตกลงคนถามมันได้อะไรไหม บางทีก็ถามเอาสะใจ ... ไร้สาระอ่ะ .... .... อ้อ .. ขอนับถือพี่ "คนสู้ชีวิต ลูกจ้างมืออาชีพ" ตอบได้ดีกว่าเยอะ ถ้าจะด่าต่อ เชิญครับ ... ผมจะเซฟคำตอบดีๆไว้แล้วทำให้กระทู้หายไปอัตโนมัติได้ ถ้าอยากด่าหลังไมค์ เชิญตรับ ... จะเก็บไว้แจ้งเวบมาสเตอร์ อยากอมยิ้มหายก็เชิญ .... ถ้าฉลาดมาก ช่วย ตอบเงินเดือนห้องสีลมไปเรื่อยนะครับ (คนเราก็มีความอดทนระดับหนึ่ง ขอให้เข้าใจด้วย) จากคุณ : KENG76 - [ 3 เม.ย. 51 22:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมไม่รู้ว่าคุณอยากจะบอกว่าผมกำลังด่าคนตั้งกระทู้ถามเงินเดือน === เงินเดือนเท่าไหร่ดี เป็นคำถามโง่ๆ หรือไม่ === เห็นเด็กถามเงินเดือน คนตอบก็รู้จริงมั่ง ไม่จริงมั่ง เอาเงินเดือนตัวเองมาวัดมั่ง ด่าว่าโม้มั่ง อวดร่ำอวดรวย ตกลงคนถามมันได้อะไรไหม บางทีก็ถามเอาสะใจ ... ไร้สาระอ่ะ ใช่ผมเห็นว่าคนกำลังด่าคนตั้งกระทู้ถามเงินเดือน และคุณกำลังจะปล่อยให้คน"โง่" พวกนั้น โง่ต่อไป และด้วยอคติของคุณ ที่คิดว่าคนที่เข้ามาตอบเป็นคนทีขี้อวด เป็นคนขี้โม้ เป็นคนไม่รู้จริง มันริดรอนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตใครบางคนได้ ผมไม่ได้มีปัญหากับใคร ที่ผมมีปัญหาใหญ่กับอคติทีน่าเกลียดแบบให้อภัยไ่ม่ได้พวกนี้ คุณไม่พอใจคุณเห็นว่าพวกเขาโม้โง่โอ้อวด ก็ไม่ต้องคลิกเข้าไปตอบ และก็ไม่ต้องมาปลุกระดมกลุ่มคนทีมีอคติและคนที่เอาความคิดเข้าข้างตัวเองเป็นใหญ่แบบคุณมาให้ป่วนกระทู้คนที่ถามด้วยเจตนาอันบริสุทธ์ด้วย ======= ตอบ 1) นั่นคือเหตุผลที่คนต้องมาถามในนี้ไง เวปบอร์ดคือที่ที่เปิดเสรีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างอิสระ และไร้พรมแดน นั่นคือเหตุผลที่ทำไมคนต้องเข้ามาโพสกระทู้ คุณไม่รู้อีกเหรอ 2) อันนั้นมันเป็นเรื่องของวุฒิภาวะของจขกทนั้นๆ แต่การที่คุณรู้ระดับที่ใช้เปรียบเทียบ นั่นเป็นเรื่องที่แย่เหรอ ถ้าคุณไม่รู้ แล้วคุณไม่ถาม คุณจะรู้เหรอ คิดบ้าง 3) ตกลงจะบอกว่า การเล่นหุ้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี? และคุณไม่รู้หรอก ว่าคนที่ได้โบนัส 24 เดือนน่ะ เขาต้องใช้อะไรไปกับมัน และสูญเสียอะไรบ้าง เพราะคุณไม่เคยถาม ใช้แต่อคติและความไม่รู้สร้างสมมุติฐานข้างเดียวเข้าไว้ 4) คุณอาจจะรู้ แต่คนอื่น โดยเฉพาะเด็กที่ยังเรียนไม่จบ หรือเพิ่งจบ จะรู้เหรอ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาต้องเข้ามาตั้งกระทู้โง่ๆแบบนั้น หยุดใช้อคติหน่อย เอาใจเขามาใส่ใจเรา คุณเป็นเด็กอายุ 20 จะรู้โลกได้ไง บ้าเหรอ จากคุณ : duh (! o_o !) - [ 3 เม.ย. 51 22:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มองคนละประเด็นจริงๆ ... โอเคครับ จากคุณ : KENG76 - [ 4 เม.ย. 51 05:33:10 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ได้ครับ ถ้าคุณจะเบี่ยงให้มันเป็นคนละประเด็นก็เชิญ แต่ผมกำลังจะสอนคุณอยู่ว่า มันไม่ใช่ความผิดของคนตั้งกระทู้ ทีเขาจะไม่รู้ ที่จะมองแคบ ที่จะผิดพลาด แต่มันเป็นความผิดของคุณ ที่ไม่ยอมใช้ความรู้ (หรือไม่รู้ อันนี้ผมไม่ทราบ) ใช้ประสบการณ์ และใช้วุฒิภาวะ (อันนี้สำคัญ) เพื่อเป็นการสั่งสอน ชี้ชัก ตักเตือน และเปิดโลกให้กับคนที่ไม่รู้ นั่นคือหน้าทีของคนที่เหมาะสมที่จะเรียกว่าครู หัวหน้า คนที่มีประสบการณ์ และผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ความน่าเคารพนับถือมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุหรือตำแหน่งอย่าลืมซะล่ะ จากคุณ : อุตส่าห์สอน (! o_o !) - [ 5 เม.ย. 51 21:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 35 บางท่านบอกไว้ว่า "สูง-ต่ำ เพราะ ทำตัว ดี-ชั่ว เพราะตัวทำ" จากคุณ : SEA - [ วันจักรี 18:58:44 A:124.120.82.69 X: TicketID:107202 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พอดี เจอกระทู้ จากตอน search น่ะครับ เลยขอแจมด้วยนะ เข้าใจว่า จขกท พยายามอยากให้คนวัยเริ่มทำงาน มุ่งเน้นไปเรื่องการพัฒนาตัวเองก่อน แล้วค่อย มองว่าเรามี ความสามารถที่จะได้เงินเดือนเท่าไหร่ ถึงตอนนั้นเราก็จะรู้ได้เอง ไม่ต้องคอยมาตั้งคำถามคนอื่นๆ ว่าควรได้เงินเดือนเท่าไหร่ดี ส่วนเรื่อง ชื่อกระทู้ที่ว่า เงินเดือนเท่าไหร่ดี เป็นคำถามโง่ๆหรือไม่ ผมคิดว่าไม่ได้เป็นคำถามโง่ๆนะ แต่คือ คำถามแบบนี้มันขึ้นอยู่กับคนตอบมากกว่าน่ะครับ เช่น ถ้าสมมุติ จขกท: ทำงาน 2 ปี เป็น SW Eng ได้เงินเดือนอยู่ 20k น้อยไปรึเปล่าครับ ที่อื่นเค้าได้กันเท่าไหร่ครับ ผู้ตอบ1: น้อยไปครับ บริษัทผมเด็กจบใหม่ยังได้ 25k ขึ้นเลย <= อันนี้ออกแนวไม่ให้ข้อมูล เข้ามาถากถางเอาสะใจ ผู้ตอบ2: ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบงานและองค์กรครับ เช่นคุณเขียนภาษาอะไรได้บ้าง ภาษาที่คุณเขียนมีตลาดรองรับมากแค่ไหน ถ้า จขกท เขียน ภาษา aaaa ทำ bbb เป็น เรต ก็จะอยู่ ที่ 20 -25 k ถ้า ทำ xxx กับ yyy เป็น เรตก็จะอยู่ที่ 25 - 35 k <== อันนี้ออกแนวบอก จขกท ให้รู้ถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถ้า จขกท เข้ามาอ่าน คคห ที่มีคนตอบ แนว ผู้ตอบ1 ก็คงจะไม่ได้อะไรกลับไป แต่ถ้า มาอ่าน ผู้ตอบ2 จขกท ก็คงจะได้คิดว่า จริงๆแล้วเงินเดือนที่ได้รับก็ขึ้นอยู่กับ ความรับผิดชอบที่เราต้องทำ ถ้าพัฒนาตัวเองให้รับผิดชอบงานได้มากขึ้น ก็มีโอกาสไปทำงานที่เงินเดือนสูงๆมากขึ้น สรุปคือ คำถามจะมีสาระ่หรือไม่มีสาระอยู่กับคนตอบมากกว่าครับ จากคุณ : ์Nat_The_Noob (Nat_The_Noob) - [ 7 เม.ย. 51 14:42:23 ]