ไม่เลือก อันใดมาก่อนหลัง
แต่ขอแบ่งใหม่เป็น สองส่วน
ส่วนที่ 1. ระบบ + คน(ผู้บริหารระดับสูง)
ส่วนที่ 2. คน (ระดับทำงาน)
ต้องมีทั้งสองส่วนพร้อมกันเสมอคือ
ส่วนที่ 1 : ส่วนที่ 2 = 70 : 30
ส่วนที่ 1 ซึ่ง = 70 แบ่งเป็น ระบบ : คน(ผู้บริหารระดับสูง) เท่ากันคือ 50 : 50
เพราะบริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัท size เล็ก กับ กลาง
จะไม่พูดถึงบริษัทใหญ่
แต่พูดถึงองค์กรระดับ ยอดขายสองพันล้านลงมา
บริษัทพวกนี้มักมีปัญหาเรื่องการหาบุคลากรที่มีคุณภาพมีฝีมือมาร่วมงาน โดยเฉพาะระดับทำงาน middle ถึง beginning หรือระดับปฏิบัติการ (Functional) พวกหัวกระทิก็จะไปอยู่บริษัทยักษ์ใหญ่หรืออินเตอร์กันหมด หรืออยู่ก็ไม่นานเป็นประเภท jobs hopper
เจ้าของ/CEO หรือ MD ต้องรู้จริงและเป็นหลักสร้างระบบให้เกิด แล้วสร้างผู้บริหารระดับสูงคุมแต่ละแผนก โดยผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้มีวุฒิพร้อมทั้งวัยวุฒิและประสบการณ์จากบริษัทใหญ่ แน่นอนต้องจ่ายราคาเหมาะสมแต่ก็พอหาได้
และให้ช่วยบริหารตามระบบที่วาง รวมถึง modify ระบบให้ดีขึ้น สร้างวิธีการทำงานร่วมกัน สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เหมาะสมกับธุรกิจ ที่สำคัญต้องมีตัววัดที่ชัดเจน เช่น KPI Balance score card etc.
key of success คือผู้มีอำนาจสูงสุดต้องคลุกกับระบบและการจัดการ ต้องรู้จริงและต้องมีธรรมาภิบาล ห้ามนั่งกระดิกขาอยู่ในหอคอยงาช้างเด็ดขาด แต่ก็อย่าทำให้ keyman ระดับสูง รู้สึกอึดอึด แต่ในความเป็นจริง ส่วนใหญ่ หูเบาบ้าจี้ และโลภมากกกก ได้คืบเอาศอก แถมเป็นที่มาของการเมืองอีกต่างหาก ข้อมูลที่ได้มาก็ไม่แม่นยำ เพราะตัวเองอยู่สูงมาก ข้อมูลที่ได้ส่วนใหญ่มาจากพวก NATO (No action talk only) ม่ายก้อ พวกลิ้นกระดาษทรายน้ำลายชะแล็ค
พนักงานในส่วนระดับปฏิบัติงานเข้ามาใหม่ น้องใหม่ก็พร้อมจะปฏิบัติตามอยู่แล้ว หากระบบไม่ดี มั่วๆ การเมืองเยอะ เขาก็พร้อมจะปรับตัวให้เข้ากับระบบมั่ว ดีเสียอีก มั่วไปวันๆ ห้าโมงเย็นเป๊งก็กลับบ้านหมด และส่วนใหญ่ก็ได้เกรดเฉลี่ยตอนเรียนประมาณสองกว่าๆ ระดับ C ไอ้ประเภทบ้างาน ทำงานแม่นยำ ดัน output พุ่งกระฉูดคงหายาก ส่วนใหญ่ต้องเข็นแล้วเข็นอีก ส่วนใหญ่ก็ทำงานวัดเป็นเกรดได้เหมือนเรียน เข็นมากมากเดี๋ยวก็เป็นประเด็น เพราะพวกเขาไม่ได้คุ้นเคยกับการได้ A ได้ B คราวนี้จะปรับให้เข็มแข็งมีประสิทธิภาพละยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
แต่จุดดีคือ ถ้าวัฒนธรรมองค์กรเหมาะสมกับไพร่พลระดับ C องค์กรคุณก็ไม่ขาดคน เพราะ supply เหลือเฟือในตลาด แต่บริษัทส่วนใหญ่คาดหวังสูง และมักจะบ่นเสมอว่า คนเก่งเก่งหายาก แล้วรู้มั้ย คนเก่งเก่ง ทำงานร่วมกันก็ยาก และปกครองก็ยิ่งยากใหญ่ อัตตา อีโก้สูง ทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยาก เรื่องมาก ลีลาเยอะ และส่วนใหญ่เก่งแต่เรียน ไม่เก่งทำงาน ไม่เก่งคน
ปัญหาที่ยากที่สุด และปวดหัวสุด คือแก้วัฒนธรรมองค์กรของบริษัทที่ตั้งมานานแล้ว ไม่มีระบบระเบียบที่แข่งขันได้ พนักงานระดับปฏิบัติงานเคยชินกับวิธีเดิมๆ หากมืออาชีพทำซ่าทำเก๋าอยากปรับปรุงเปลี่ยนแปลง อยากเปลี่ยนโรงเรียนวัดลิงขบเป็นโรงเรียนเตรียม รับรองเจอต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ซึ่งบริษัทเล็ก กลาง รวมถึงบริษัทเก่าแก่ใหญ่ๆ หลายๆแห่งก็ปวดหัวกับการเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงระบบให้สามารถแข่งขันได้ในภาวะปัจจุบัน
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 01:37:06
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 01:34:09
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 01:27:36
แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 01:21:49