Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี ตอนที่ 42 บัญชีและ Budget

    จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี ตอนที่ 42  บัญชีและ Budget




    เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ที่ลุงกับคุณนงลักษณ์ ได้สุมหัว

    กันอยู่ในห้องแคบๆ ชั้นล่างของตึกซัมมิท




    เพื่อดูบัญชี.......  คุณนงลักษณ์ในฐานะเจ้าของระบบที่ทำ

    ให้แก่ซัมมิทใหญ่ ก็รัน (Run) เอาโปรแกรมบัญชีค่าใช้

    จ่ายต่างๆ ของแผนกซัมมิทมาให้ดู  ลุงขอดูค่าใช้จ่ายที่

    เกิดขึ้นในรอบ 3 ปีก่อนว่า มีทรานแซกชั่นอะไรบ้าง





    อืม....ระบบบัญชีของซัมมิทนี่ดูยากเหมือนกันแฮะ  ถึงแม้

    ลุงจะเรียนบัญชีมาตั้งแต่อยู่พาณิชยปีหนึ่ง  และเคยทำงาน

    กับคุณพ่อ จนสามารถปิดงบทดลองได้ตั้งแต่อายุ 12 –

    13  แต่ความที่ไม่เคยชินกับระบบบัญชีแบบอินดัสเตรียล  

    ทำให้ลุงต้องขอดูรายการค่าใช้จ่ายก่อน ซึ่งจะดูแล้วเข้าใจ

    ง่ายกว่าบัญชีสินทรัพย์ หรือบัญชีอื่นๆ




    เครื่องคอมพิวเตอร์พิมพ์ระบบค่าใช้จ่ายของแผนกยูนิ

    แวคออกมา ทั้งหมด 3 ปีซ้อน  ตั้งแต่ในปัจจุบันย้อนหลัง

    ไปสามปี  มีรายการหรือทรานแซกชั่นน้อยมาก




    สรุปพอเป็นที่เข้าใจได้ว่า  มีการเดินทางไปต่างประเทศ(

    เดาเอาว่าของคุณกำธร 1 ครั้ง)  มีการเอ็นเตอร์เทนจำนวน

    แค่หมื่นกว่าบาทใน 3 ปี  มีการจ่ายค่าพาหนะในรูปของการ

    เบิกจ่ายแต่ละคนของแผนกช่าง ทุกเดือนเดือนละ 10 กว่า

    คน  มีค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปต่างจังหวัดนิดหน่อย

    ไม่มีค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์




    ไม่มีค่าใช้จ่ายในการอบรมทั้งช่าง ทั้งซัปปอร์ต และ

    เซลส์
     มันทำให้ลุงแปลกใจ ที่เขาขายเครื่องคอมพิวเตอร์

    ขนาดใหญ่ให้อีแกตได้อย่างไร  โดยไม่ได้ส่งใครไปอบรม

    แม้แต่บาทเดียว




    อ้อ....เจอแค่  จ่ายเป็นค่า Professional Fee ให้ยูนิแวค

    ครั้งเดียวเกือบสามแสนบาท  นี่คงจะหมายถึงเรียกช่างและ

    ฝ่ายซอฟแวร์มาติดตั้งเครื่องเมนเฟรมที่อีแกต




    ลุงดูไปอีกเรื่อยๆ  ไม่มีค่าคอมมิชชั่น  แสดงว่า ซัมมิทไม่

    เคยจ่ายค่าคอมฯ ให้ใครไม่ว่าภายนอกหรือภายใน




    ไม่มีค่า Management Allocation แปลว่า  ทางซัมมิทไม่

    ได้คิดค่าใช้จ่ายกับแผนกยูนิเวคแต่อย่างใด หรือเป็นไปได้

    ที่ไม่เคยช่วยเหลืออะไรเลย  จึงไม่ได้คิดค่า Fee  ซึ่งไม่

    เหมือนอยู่ที่แผนกเบอร์โร่ส์ บริษัท ยิบอินซอย ซึ่งต้อง

    จ่ายเป็นค่า Management Allocation ให้ส่วนกลางทุก

    เดือน




    ไม่มีรายการเงินเดือนแฮะ.....ถามคุณนงลักษณ์  ก็ได้คำ

    ตอบว่า  “เงินเดือนของแผนกทุกคนชาร์ตเข้ากองกลาง

    หมด”
     ซึ่งต่อจากนี้ไป จะต้องแยกออก  เพราะเป็นบริษัท

    ที่เป็นนิติบุคคลโดยเอกเทศแล้ว




    สรุปแล้ว  ลุงก็เห็นการดำเนินงานของคุณกำธร อยู่เบื้อง

    หน้าเหมือนฉากละครที่ฉายออกมาเป็นฉากๆ
     คุณกำธรขาย

    คอมพิวเตอร์โดยไม่มีแผนกซัปปอร์ตให้กับลูกค้า  มีแต่

    แผนกช่าง  ซึ่งก็ไม่ได้เคยส่งไปอบรมต่างประเทศเหมือน

    กันยิบอินซอย




    ซัมมิทคอมพิวเตอร์ไม่เคยมีเซลส์แมนสำหรับวิ่งออกหา

    ลูกค้า
     มีแต่คุณกำธรขายอยู่แต่ผู้เดียว โดยไม่ได้รับค่า

    คอมมิชชั่นแต่อย่างใด




    คุณกำธร ไม่เคยเบิกค่าเอ็นเตอร์เทน  หรือเบิกนายห้างก็

    ไม่ให้  อาจจะเพราะเงินเดือนสูงอยู่แล้ว  หรือขี้เกียจเบิก

    เพราะครอบครัวของคุณกำธรก็ไม่ได้ยากจนอะไร  




    แผนกช่าง มีค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด  ซึ่งคง

    หมายถึงไขควง  ค้อน  หรือตะปูเดือนละไม่กี่พันบาท




    ไม่มีการส่งช่างไปฝึกอบรมต่างประเทศ  ในรอบ 3 ปี  ดัง

    นั้น  ทุกคนจึงทำงานด้วยการเรียนรู้เองจากตำรา หรือไม่ก็

    ประสบการณ์




    ไม่มีการส่งใครไปอบรมเรื่องอะไรที่จัดกันอยู่ในเมือง

    ไทย  ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ  ความเป็นไปของอุตสาหกรรม

    ของประเทศไทย




    อ้อ...แต่มีค่าเช่าบ้าน  ทุกคน คนละ 15% ของเงินเดือน  

    ซึ่งทำให้ลุงสงสัย  จึงได้ซักคุณนงลักษณ์อย่างละเอียดถึง

    ความเป็นมา  พอทราบเข้าแล้วถึงกับสยอง  นั่นคือ  “เป็น

    ข้อเรียกร้องของสหภาพฯ”





    ที่นี่มีสหภาพฯ  ซึ่งต่อมาได้มีอานุภาพที่เข้ามาแทรกแซง

    งานของลุงจนแทบจะทำให้ลุงบริหารไปไม่ไหว จะลาออก

    ตั้งหลายครั้ง   คอยชมละครโรงใหญ่แห่งนี้ต่อไปก็ได้นะ

    ขอรับ




    จากนั้น  ลุงก็เอาสินทรัพย์มาดู  ปรากฏว่า  ไม่มีรถยนต์  

    แสดงว่า  ไม่มีใครใช้รถยนต์ของบริษัท  ไม่มีที่ดิน  (แน่

    นอนอยู่แล้ว....บริษัทคอมฯ ที่ไหนจะมีที่ดิน)  ไปดูหมวด

    เครื่องใช้สำนักงาน  ไม่มีเครื่องอุปกรณ์สำหรับ

    Presentation
     ลุงถามคุณนงลักษณ์ด้วยความประหลาดใจ

    ว่า  ที่นี่ไม่มี Overhead Projector ใช้หรือ  คุณนงลักษณ์

    ตอบว่าไม่มี  ถามว่า  แล้วถ้าจะต้อง Present องค์

    ประกอบ  ผลกำไรขาดทุนให้บริษัทดูจะทำอย่างไร  ....  




    คุณนงลักษณ์ตอบว่า  เท่าที่แกเข้ามาอยู่ในซัมมิทก็หลาย

    ปีแล้ว  ยังไม่เห็นการ Present ในสิ่งที่ว่าไว้เลย





    ต่อคำถามที่ว่า  แล้วเวลาออกไป Present ให้ลูกค้าดู

    ละ....จะต้องทำอย่างไร
     คุณนงลักษณ์ตอบว่า




    “ไม่ทราบคะ...”  และลุงก็ต่อคำตอบให้เองเลยว่า  “เพราะ

    คุณกำธรแกทำอยู่คนเดียว.....”





    แต่พอมาดูรายการทรัพย์สินอันมหึมา  ลุงก็มาเจอรายการ

    Cost of Sales ซึ่งแสดงถึงต้นทุนของเครื่องคอมพิวเตอร์

    ที่ซัมมิทสั่งจากยูนิแวคมาให้ลูกค้าเช่า
     มีเครื่องของอีแก

    ต  เครื่องของกระทรวงการคลัง  เครื่องของกรมศุลกากร  

    เครื่องของการรถไฟแห่งประเทศไทย  ฯลฯ  รวมแล้ว

    มูลค่าเกือบร้อยล้าน  ซึ่งซัมมิทใช้วิธี Depreciation แบบ

    Straight Line คือหักค่าเสื่อมโดยตรง 10 ปี
    .......ลุงรีบ

    โน้ตตัวเลขเหล่านี้ไว้ด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง




    ทำไม ในสมัยก่อนๆ  ลุงเคยแยก Cost of Sales ของ

    ราคาเครื่องเหล่านี้ไว้สำหรับลงบัญชีต้นทุนในการขาย  ซึ่ง

    เราสามารถจะอธิบายกับผู้ตรวจสอบบัญชีได้ว่า  ถ้านำ

    เครื่องมาให้หน่วยงานราชการเช่า  ถึงแม้เขาจะนับระยะ

    เวลาในการเช่าเป็นปีต่อปี  แต่การเช่าระบบเครื่องเมนเฟรม

    ให้ราชการนั้น  ไม่มีใครเขาตัดยอดหนี้ทุนของเครื่องภาย

    ในปีเดียว เพราะมันจะขายไม่ได้ (และสรรพากรก็จะไม่

    ยอม)   ราคาค่าเช่ามันจะโด่งฟ้า  ดังนั้น  จะต้องประมาณ

    การเอาว่า  เราสามารถจะ Manage ไซท์นี้ให้ใช้เครื่องของ

    เราต่อไปได้อีกกี่ปี




    ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะประมาณการกันไว้ 10 ปี  (ไม่ใช่ของที่

    เป็นไปไม่ได้นะครับ  ในสมัยก่อน  ระบบเมนเฟรมที่ลุงให้

    เช่ากับการไฟฟ้าฯ  ธนาคารแห่งประเทศไทย  กระทรวง

    เกษตร  กระทรวงศึกษาธิการ  ฯลฯ  เป็นจำนวนกว่า 10 ปี

    ขึ้นไปทั้งนั้น  นั่นทำให้เราสามารถจะ Depreciated ค่าต้น

    ทุนเราได้อย่างสบายๆ 5 ปี)




    แต่ของซัมมิท ทำการ Depreciate  ในเวลา 10 ปีทุก

    เครื่อง
     ......แม้กระทั่งเครื่อง Key Punch เครื่องละแสน

    สองแสนบาท?   มันต้องมีการผิดพลาดอะไรสักอย่าง

    หนึ่ง.....................




    หันไปดูเครื่องที่ซัมมิทใช้รันระบบให้บริษัทในเครือของตน

    เอง  ก็เช่นเดียวกัน  แต่มีตัวเลขสลับซับซ้อนกว่า  มีการ

    หักโน่น  บวกนี่  เป็นตัวเลขที่น่าสงสัยมากกว่าปกติ.....นี่ก็

    อีกหนึ่งรายการที่จะต้องค่อยสอบและสืบไป




    ดูข้างหนี้สินบ้าง  ก็มีแต่รายการที่เป็นหนี้ค่าอะไหล่กับยูนิ

    แวคเท่านั้น  เป็นเงินพอประมาณที่ควรจะเป็น  ไม่มีอะไร

    น่าแปลกใจ




    สรุปแล้ว  การดูบัญชีหนึ่งสัปดาห์กับคุณนงลักษณ์  ทำให้

    ลุงได้รู้ระบบการบริหารของบริษัทซัมมิทในอดีตมาแต่เดิม

    ทั้งสิ้น
     ทำให้เห็นได้ว่า  การคบค้าสมาคมกับคนในวงการ

    คอมพิวเตอร์เป็นอย่างไร  เพราะไม่มีแม้แต่กระทั่งค่าเป็น

    สมาชิกสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย  การเลี้ยงดูปู

    เสื่อลูกค้า  ทำกันอย่างไร  การจ้างคน  หรือ turn over

    ของคนเป็นอย่างไร  เพราะไม่เคยมีคนจ้างมาใหม่และลา

    ออก  การให้การ เอนเตอร์เทนพนักงานแต่ละปี เช่นการ

    จัดงานปีใหม่ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายปรากฏ การต้อนรับเจ้าของ

    สินค้า หรือผู้แทนจากยูนิแวค  ก็ไม่มีค่าใช้จ่าย  ไม่มีรถ

    ยนต์ให้ผู้จัดการแผนกนั่ง  ไม่มีค่าน้ำมันรถ  ค่ารถของช่าง

    เบิกเป็นค่ารถเมล์ หรือแท็กซี่  ไม่มีค่าอยู่ไซท์งาน  ไม่เคย

    มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์  ไม่เคยส่งใครไปอบรมไม่ว่า

    จะเป็นฮ่องกงหรือสิงคโปร์




    แล้วเขาอยู่ได้อย่างไรกัน......นี่เป็นปัญหาที่ลุงคิดไม่

    ออก  บอกไม่ถูก
    .................................................




    แต่อาจจะเป็นไปได้ว่า  ค่าใช้จ่ายต่างๆ อาจจะถูกผลักเข้า

    ไปในอยู่ในบริษัทแม่ทั้งหมด  จึงเหลือส่วนน้อยที่เข้ามา

    Charge Direct กับแผนกยูนิแวค




    แต่อย่างน้อยที่สุด  มันก็ทำให้ลุงเห็นได้เห็น “วัฒนธรรม

    องค์กร หรือการบริหาร”
    ของบริษัทซิมมิทตอนยังอยู่กับ

    บริษัทแม่ว่ามี Culture เป็นอย่างไร




    แต่ต่อนี้ไป ....  ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว




    บริษัทซัมมิท คอมพิวเตอร์ จำกัด  ได้จดทะเบียนเป็น

    นิติบุคคลแยกเป็นอิสระจากบริษัทแม่แล้ว  เราจะต้องมี

    ทุกอย่างเป็นของคนเอง  จะต้องมีการทำบัญชีเอง  มีระบบ

    บัญชีเป็นของตัวเอง  จะต้องมีเซลส์แมนเอง  จะต้องมี

    ซัปปอร์ตที่ชำนาญการเอง  จะต้องมีช่างที่ได้รับการอบรม

    จากต่างประเทศเป็นของตัวเอง  จะต้องมีอะไหล่เอง  จะ

    ต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์สำรองเอง
    .......ลุงเห็นแล้ว  ก็อด

    ถอนหายใจไม่ได้




    นี่คือสิ่งที่ ซี เจ ฮวงต้องการ   ท่านต้องการ Budget เร็วที่

    สุด  เพื่อให้การบริหารงานจะได้เดินต่อไปได้
     ถึงท่านจะ

    ไม่ชำนาญการในธุรกิจคอมพิวเตอร์  แต่ท่านก็เป็นคนที่

    เอาใจใส่ในเทคโนโลยี  ให้ความสนใจต่อการเจริญเติบโต

    ของผลิตภัณฑ์แห่งนี้  ดังที่พูดกับลุงไว้ในตอนแรก  แต่

    ท่านไม่มีคนทำให้  เรานี่แหละที่ท่านไว้วางใจ




    เอาละ  ถึงแม้ว่าลุงจะต้อง Start ทุกอย่างจาก scratch  

    แต่นั่นก็เป็นโอกาสอันดี  ที่เราจะได้โชว์ฝีมือให้เขาเห็น  

    ถ้าเขาสร้างทุกอย่างไว้ให้พร้อม  แล้วให้ลุงเข้าไปเสวย

    สุข  มันจะเรียกว่า “มีฝีมือ” ได้อย่างไรกัน




    ลุงก็ได้แต่ปลอบใจตนเอง และคุณนงลักษณ์ก็ได้รับรู้ว่า  

    ทำไม  ลุงจึงเอาบัญชีมาดูเป็นอันดับแรก  มันให้อะไรกับ

    เราได้บ้าง




    และ.....อะไรคือสิ่งที่ต้องทำใน “Budget” เพื่อรันงานของ

    ซัมทิมคอมพิวเตอร์ต่อไป




    ลุงคืนเอกสารทั้งหมดให้คุณนงลักษณ์เอาไปเก็บไว้  และ

    ห้ามไม่ให้เอามาดูอีก  เพราะต่อจากนี้ไป  เราต้องการ

    Idea ใหม่ๆ  กลยุทธ์ใหม่ๆ  ไม่ใช่ของเดิมอย่างที่เคยทำมา




    และ...ลุงจะต้องอาศัยความสามารถที่เคยใช้มาแล้ว  ใน

    ตอนควานหา ดร. ปัญญา มาทั่วโลกให้เข้ามาช่วยงานใน

    เบอโร่ส์  หรือการขายแบบดำดิน  ทะลุฟ้า จนยิบอินซอย

    ได้มีแผนกคอมพิวเตอร์จนถึงปัจจุบันนี้





    บัดนี้  ลุงกำลังจะมาสร้างบ้านใหม่อีกแล้ว  เฮ้อ ! !..........




    amorntvm@hotmail.com

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 28 เม.ย. 51 10:41:13 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom