Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    แสบซ่าส์วาสนา “แจ๋ว”! ตอนที่ 4…ส่งแอ๋วเรียนราม

    …..ในบทที่แล้วได้เล่าเรื่องรายรับประจำเดือนของนังแจ๋วไปแล้ว
    และในบทนี้จะนำเรื่องรายจ่ายของหล่อนมาทยอยแฉให้หมดเปลือก…

    “เดี๋ยวนี่นั่งแจ๋วบ่ต่องให่เงิ่นอีผ่ออีแม่ใซ่แล่ว
    มื่ออื่นซิม่าบอกว่าเป่นอิหยัง
    ใน่ต๋อน “ส่งแอ๋วเรียนราม” เด้อออ…”

    บทที่แล้วได้เขียนข้อความข้างต้นว่า
    เดี๋ยวนี้นังแจ๋วไม่ต้องให้เงินพ่อแม่ใช้แล้ว
    ทำไมเป็นเช่นนั้นไปได้?

    ช่วงปีแรก ๆ นังแจ๋วส่งเงินเดือนทุกบาททุกสตางค์
    ไปให้พ่อแม่ทุกเดือนโดยไม่ได้หักเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวสักบาทเดียว
    แต่พอส่งไปได้สักพักนังแจ๋วต้องเปลี่ยนแผนการส่งเงิน
    เพราะส่งไปเท่าไรพ่อแม่ก็ใช้หมดและนังแจ๋วเริ่มมีภาระเพิ่มขึ้นแล้ว

    จึงได้แบ่งเงินเดือนออกเป็นสามส่วน
    ส่วนหนึ่งก็ยังส่งให้อีผ่ออีแม่เหมือนเดิม
    ส่วนที่สองเอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัว
    เพราะนังแจ๋วเริ่มรักสวยรักงาม
    ชอบซื้อเสื้อผ้าอยู่เสมอ ๆ
    นังแจ๋วเปลี๊ยนไป๋?

    ส่วนที่สามนังแจ๋วต้องส่งไปให้ “นั่งน่อย” (น้องนุชสุดท้อง) เรียนหนังสือ
    ตอนนั้น “นังน้อยแอ๋ว” จบม. 3 ก็ขอเข้าเรียนต่อชั้นปวช.
    และต้องไปพักในตัวเมืองของจังหวัดบ้านเกิดทางภาคอีสาน

    นังน้อยแอ๋วเป็นหนึ่งเดียวจากพี่น้อง 4 คนที่ได้เรียนสูงสุด
    นอกนั้นพอจบป. 6 ก็หนีพ่อแม่มาทำงานในบางกอกกันหมด
    รวมทั้งนังแจ๋วซึ่งเป็นลูกสาวคนโตด้วย
    นังแจ๋วมีน้องชายชื่อ “จั้น” และน้องสาวคนรองชื่อ “เรียม”

    แต่นังแจ๋วไม่ได้สูญค่าเทอมเปล่า ๆ ที่ส่งเสียนังน้อยแอ๋วเรียนเหมือนหลาย ๆ คน
    เพราะนังน้อยแอ๋วเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนและเรียนได้คะแนนในระดับที่ดีใช้ได้ทีเดียว
    แถมพอเรียนจบปวช. นังน้อยแอ๋วก็ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น
    แต่ขอให้พี่สาวส่งเรียนต่อปวส. ณ โรงเรียนบ้านนอกในตัวเมืองนั้นจนจบเช่นกัน

    หลังจากเรียนจบนังน้อยแอ๋วเริ่มหัวสูงไม่ยอมทำตัวเป็นวัวเป็นควาย
    อยู่ช่วยอีผ่ออีแม่ไถนาเหมือนคนอื่นและหนีเข้ามาบางกอกเหมือนพี่ ๆ อีกคน

    พอมาถึงบางกอกแทนที่จะเจียมตัวว่าตนนั้นโตมาพร้อมกับวัวกับควาย
    นังน้อยแอ๋วของพี่แจ๋วบังอาจทำซ่าส์ไปสอบกพ. แข่งกับคนบางกอก
    โดยหวังจะได้เป็นจอหงวนรับราชการสร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูลกับเขาบ้าง
    เหมือนกับที่เด็กบ้านนอกคอกนาทั่วไปใฝ่ฝันกันนั่นแหละ

    “ไม่อยากจะเชื่อเลย!!”ว่าโชคจะเข้าข้างคนที่ไม่เจียมตัวอย่างนังน้อยแอ๋ว
    เพราะในที่สุดเจ้าหล่อนก็ดันฟลุ๊คสอบเข้ากพ. ได้อย่างเหลือเชื่อ
    และได้รับการบรรจุให้เป็นข้าราชการในเวลาต่อมา…

    ข่าวการได้รับบรรจุเข้าทำงานเป็นข้าราชการในกรมที่ดินของนังน้อยแอ๋ว
    ดังสะพัดไปทั่วหมู่บ้านทำให้อีผ่ออีแม่หน้าบานเป็นกระด้ง
    ตื่นเต้นนอนไม่หลับเป็นเดือน ๆ เพราะนังน้อยแอ๋วทำให้ครอบครัว
    มีชื่อเสียงเป็นที่น่าชื่นชมและพร้อม ๆ กับน่าอิจฉาของคนทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว

    แต่ความทะเยอทะยานของนังน้อยแอ๋วหาได้หยุดอยู่แค่นั้นไม่
    เพราะรู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าข้าราชการเงินเดือนน้อยนิด
    เข้าใจว่าเข้าไปทำงานใหม่ ๆ ก็คงจะได้เงินเดือน ๆ ละ 6-7,000 บาทกระมัง
    หักค่ากินค่าอยู่ค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายอีกร้อยแปดก็ไม่พอนะซิ
    ขนาดทำงานแล้วนังน้อยแอ๋วก็ยังต้องแบมือขอเงินจากนังแจ๋วพี่สาวไม่เลิก

    แบมือขอไปขอมาก็ชักหนักข้อขึ้น ๆ ทำให้นังแจ๋วเริ่มจะบ่น
    จึงโดนน้องสาวสุดที่รักประนามเสียจนต้องมานั่งร้องห่มร้องไห้
    หาว่าทำงานมาตั้งนานไม่เห็นจะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเงินทองก็ไม่มีเก็บ

    ความรู้ถึงหูน้องรองของฉันก็เกิดลมพายุสลาตันเลยจับนังแจ๋วมาเสี้ยม
    ให้ไปจัดการกับน้องสาวขั้นเด็ดขาดพร้อมกับสั่งสอนให้ถามว่าใช้สมองส่วนใดคิด
    จึงได้บังอาจมาพูดดูถูกไม่ให้เกียรติพี่สาวที่แสนดีคนนี้ได้

    ที่จริงฉันและน้อง ๆ ก็รู้อยู่เต็มอกว่านังแจ๋วคงไม่กล้าไปดุด่าว่ากล่าวน้องหรอก
    เพียงแต่มาร้องไห้เพื่อระบายความเสียอกเสียใจเท่านั้นเอง
    เพราะไม่คิดว่าตอนนี้น้องสาวได้เป็นข้าราชการที่มีเกียรติจะมาพูดจา
    เหมือนกับว่าอาชีพนังแจ๋วของพี่สาวต่ำต้อยเสียเหลือเกิน
    คงลืมคิดไปว่าที่ตัวเองได้ดิบได้ดีมาเป็นข้าราชการที่ทรงเกียรติเช่นนี้ได้
    ก็ด้วยน้ำพักน้ำแรงและหยาดเหงื่อแรงงานของนังแจ๋วที่ส่งเสียให้เรียนนั่นเอง

    จะว่าไปแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดน่าจะมาจากอารมณ์และวัยวุฒิของทั้งสอง
    เพราะตอนนั้นนังน้อยแอ๋วก็ยังเด็กนักเพิ่งเรียนจบและเพิ่งทำงาน
    ความคิดและทัศนคติก็อาจจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่และยังคิดไม่เป็นนั่นเอง

    แต่อย่าว่าแต่นังน้อยแอ๋วที่เป็นเช่นนี้เล๊ย
    แม้แต่ดารานักร้องหรือผู้บริหารรุ่นใหม่ ๆ ที่อยู่ ๆ ก็บุญหล่นทับ
    มีเหตุให้ดังทะลุฟ้าแบบฉุดรั้งไม่อยู่หรือได้รับการสนับสนุนเร็วเกินไป
    ก็มีโอกาสเตลิดเปิดเปิงคิดว่าตนนั้นเป็นเทวดาก็มีให้เห็นอยู่เสมอ ๆ

    จึงจำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงหรือผู้จัดการส่วนตัวที่เก่ง ๆ
    ที่คิดเป็นและเข้าใจโลกอย่างดีคอยให้คำแนะนำตักเตือน
    เมื่อเห็นว่ากำลังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือหลงระเริงจนเกินขอบเขต
    มิเช่นนั้นก็อาจจะดังแล้วดับหรือตกม้าตายก่อนเวลาอันควรอย่างน่าเสียดาย…

    ที่จริงเหตุผลหลักอีกประการหนึ่งที่ทำให้เงินเดือนของนังน้อยแอ๋วไม่พอใช้
    ก็เนื่องมาจากความทะเยอทะยานไม่สิ้นสุดของน้องสาวคนนี้ของนังแจ๋วนั่นเอง

    เพราะนังน้อยแอ๋วทำงานรับราชการไปด้วยและเรียนปริญญาตรีไปด้วย
    นังแจ๋วจึงต้องทำงานบ้านไปด้วยและ “ส่งแอ๋วเรียนราม” ไปด้วยเหมือนกัน
    และก็ยังต้องส่งเงินกลับไปบ้านนอกให้อีผ่ออีแม่เหมือนเดิมไม่เคยบกพร่อง
    จะว่าไปแล้วนังแจ๋วคนนี้ก็น่าจะถือได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งลูกกตัญญูทีเดียว

    ที่จริงแล้วเนื้อหาของเพลง “ส่งแอ๋วเรียนราม” ก็คล้าย ๆ กับเรื่องของนังแจ๋ว
    เพียงแต่นังแจ๋วไม่ได้ขับรถสองแถวส่งแอ๋วเรียนรามเหมือนในเนื้อเพลง
    แต่เป็นการทำงานเป็นเด็กรับใช้หรือแม่บ้านส่งแอ๋วเรียนรามคณะบัญชีที่ไม่ใช่นิติศาสตร์

    วันนี้จึงได้นำเพลง “ส่งแอ๋วเรียนราม” มาคั่นรายการให้ท่านผู้อ่านฟังด้วย
    เพื่อให้ได้อรรถรสและให้อินไปกับเนื้อเรื่องก่อนที่จะอ่านกันต่อ….




    เพลงส่งแอ๋วเรียนราม…..

    จากคุณ : Destinyhurtsme - [ วันแรงงาน 17:03:52 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom