ความคิดเห็นที่ 1 ท่านผู้อ่านลองพิจารณาตัวท่านเองหรือบุคคลรอบข้างว่า เป็นโรคนี้หรือไม่ ? อ่านพบเจอโรคนี้จากวารสาร Harvard Business Review ฉบับเดือนมกราคม 2548 ในบทความชื่อ  Why Smart People Underperform เขียนโดย Edward M. Hallowell ซึ่งเป็นจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโรคที่เกี่ยวกับสมองและสมาธิทั้งหลาย คุณหมอท่านนี้ทำการรักษาอาการ Attention Deficit Disorder หรือ ADD มากว่า 25 ปี และ โรค ADD นี้เราเริ่มรู้จักกันมากขึ้นในเมืองไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีลูกอยู่ในวัยเรียน เรามักจะเรียกโรคนี้ว่าเป็นโรคสมาธิสั้น ผู้เขียนบทความนี้เขาพบว่า ในช่วงหลังๆ เริ่มมี ผู้ใหญ่ เข้ามารับการรักษา ในอาการที่คล้ายกับโรคสมาธิสั้นกันมากขึ้น แต่เมื่อวินิจฉัยดูก็ไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้น แต่เป็นโรคอีกชนิดหนึ่ง ที่มีอาการคล้ายกับโรคสมาธิสั้น คุณหมอท่านนี้ เลยตั้งชื่อใหม่ว่าเป็น Attention Deficit Trait หรือ ADT จากคุณ : สู้ต่อไป..ไอ้มดแดง (mpl2004) - [ 8 พ.ค. 51 15:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โดยสาเหตุของ ADT จะต่างจากโรคสมาธิสั้น เนื่องจากโรคสมาธิสั้นจะมีสาเหตุ มาจากพันธุกรรมและสภาวะแวดล้อม แต่ ADT นั้น จะมาจากสภาวะแวดล้อมเป็นหลัก ผู้ที่เป็นโรค ADT นั้น มักจะมีอาการสมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับงานใดงานหนึ่ง ได้นานๆ ก็จะถูกดึงดูดด้วยงานอย่างอื่น มีความวุ่นวายอยู่ข้างใน ( แต่มักจะไม่แสดงออกมาให้ผู้อื่นเห็น ) ไม่ค่อยอดทน มีปัญหาในการจัดระบบต่างๆ (Unorganized) การจัดลำดับความสำคัญ และการบริหารเวลา โรค ADT นี้ มักจะเริ่มก่อเกิดขึ้นเมื่อเราก้าวขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ การที่มีความรู้สึกว่ามีงานด่วน หรือสิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องทำเข้ามาเรื่อยๆ และท่านพยายามที่จะจัดการกับงานด่วนเหล่านั้นให้สำเร็จ จะเป็นบ่อเกิดที่สำคัญของโรค ADT เพราะเมื่อเรามีงานที่เร่งด่วน หรือจำเป็นเข้ามา เราก็มักจะรับภาระความรับผิดชอบต่องานเหล่านั้น อีกทั้งไม่บ่นไม่โวยวายต่อภาระงานที่เพิ่มขึ้น เราจะก้มหน้าก้มตาพยายามทำให้งานสำเร็จ ทั้งๆ ที่กำลังความสามารถ และเวลาของเราไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับปริมาณของงานที่เข้ามา ดังนั้น เมื่อเจอกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นและเร่งด่วนขึ้น เราก็มักจะอยู่ในอาการของ ความรีบร้อนตลอดเวลา พยายามทำงานให้เสร็จโดยเร็ว การทำงานหลายๆ อย่างไปพร้อมๆ กัน และขาดสมาธิต่อการทำงานๆ หนึ่ง ( Unfocused) แต่ในขณะเดียวกัน บุคคลเหล่านี้ก็จะไม่บ่นไม่โวยวาย ดูจากภายนอกแล้ว เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จากคุณ : สู้ต่อไป..ไอ้มดแดง (mpl2004) - [ 8 พ.ค. 51 15:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทีนี้ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่าโรค ADT จะก่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้น ? ง่ายๆ ก็คือทำให้สมองเราสูญเสียความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และทำงานอย่างละเอียดลึกซึ้ง จะส่งผลให้งานที่ออกมาเป็นงานที่เร็วแต่ไม่ลึก จะทำให้ความสามารถในการทำงานของเรา ลดน้อยลง การที่สมองเราจะต้องรับวิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ก็ลดลง อีกทั้งความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้มากขึ้น โรคนี้ถือเป็นโรคใหม่ในที่ทำงานอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นเนื่องจากสภาวะแวดล้อมในการทำงาน ที่ต้องการความรวดเร็ว และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น สมองเราจะต้องรับ และประมวลผลข้อมูลต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิม วัฒนธรรมในการทำงานในปัจจุบัน ก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เราเกิดโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำคัญของความเร็วในการทำสิ่งต่างๆ ในปัจจุบันดูเหมือนว่าเราต้องการความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ( เรามักจะคิดว่าในเมื่อคนทุกคน มีเวลาเท่ากัน ดังนั้น ผู้ที่มีความเร็วมากกว่าจะทำงานได้มากกว่า ) ท่านผู้อ่านลองสังเกตเวลาท่านขึ้นลิฟต์ ปุ่มไหนที่ท่านจะกดบ่อยที่สุด... ปุ่มนั้นก็คือปุ่ม ' ปิดประตู ' เนื่องเพราะทุกคนเป็นทาสของความเร็ว ไม่สามารถรอให้ลิฟต์ปิดได้เอง *** ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเป็นโรค ADT กันบ้างไหม อย่าเพิ่งตกใจ ถ้ารู้สึกว่าตนเองเป็น ADT เนื่องจากคนแต่ละคนจะมีวิธีการในการบริหารและจัดการกับโรค ADT ที่ต่างกัน ( เนื่องจากสมองของคนแต่ละคนต่างกัน ) *** ........................................ ดูแลสุขภาพของท่านให้ดีๆนะคับ :)) จากคุณ : สู้ต่อไป..ไอ้มดแดง (mpl2004) - [ 8 พ.ค. 51 15:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ชอบเลยครับ งานจุกจิก ชอบแบบทำอะไรใหญ่ ๆ ไป 2-3 อย่าง เรื่องจุกจิกหยุมหยิม ชอบโยนให้คนอื่นทำ หรือจ้างเขาทำ (เมื่อกี้เพิ่งไปนั่งฟังประชุมเรื่องทำเว้ปไซต์มา รายละเอียดเยอะมากเลย -ในใจคิดว่า ทำไมไม่เขียนมาให้หมดไปเลยแล้วไปคุยกับคนที่เขาทำเป็น นี่มานั่งคุยทีละคน รายละเอียดทีละนิด ปรับฟ้อนท์หน่อย ปรับแสงบ้าง) สมาธิสั้นนี่ส่วนหนึ่งครับ แต่หงุดหงิดนี่เยอะกว่าครับ รู้สึกว่าเสียเวลา จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 8 พ.ค. 51 16:34:05 A:58.181.152.146 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ชอบงานช่างเทคนิค มันดี ได้เหงื่อ   งานขายเป็นงานหลัก บางทีก็รับอาสานั่งสัมภาษณ์พนักงานใหม่  แทนบุคคล สนุกดี นั่งหน้าออฟฟิส แผนกรับของซ่อม  ก็ทำอยู่บ่อยๆ แต่ขืนทำหลายอย่างเวลาเดียวกัน   คงจะไม่ไหว  สับสน จากคุณ : drof - [ 8 พ.ค. 51 17:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บางทีผมก็สับสนว่า multitasking มันดีัยังงัย เพราะแต่ละงานก็ใช้เวลาทำเท่าเดิมเพียงแต่ทำไปพร้อมๆกัน แต่ก็ใช้เวลาเท่าเดิมเพียงแต่สามารถบอกได้ว่ากำลังทำงานทั้งหมดนั้นอยู่ เริ่มหมดแล้ว ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันดีตรงไหนเพราะต้องแบ่งสมาธิแล้วงานอาจไม่ดีก็ได้ ทำทีละอย่างหรือแบ่งเวลาดีดีน่าจะดีกว่าสำหรับผม จากคุณ : ชินตาโร่ - [ 8 พ.ค. 51 17:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณคุณ ฟ้าลั่น , พี่ drof และคุณชินตาโร่ ที่ร่วมแสดงความคิดเห็นคับ :)) คนส่วนใหญ่ชอบทำงานให้เสร็จเป็นอย่างๆไป แต่ในความเป็นจริงต่างก็ต้องทำงานหลายๆอย่างให้เสร็จพร้อมๆกัน เพื่อให้ทันตามกำหนด เฮ้อ   ยังไงก็ต้องอดทนและสู้กันไป สิ่งสำคัญก็คือดูแลสุขภาพของตัวคุณด้วย เพราะหากไม่สบาย งานใดก็ตามไม่อาจเสร็จลงได้โดยราบรื่นแน่ๆ จากคุณ : สู้ต่อไป..ไอ้มดแดง (mpl2004) - [ 8 พ.ค. 51 17:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอ๋ ใช้ computer อย่างงี้ ทำให้เป้นโรคไหมอะ เด๊่ยวใช้ mouse เด๊่ยวใช้ keyboard เด๊่ยวมองจอคอม เด๊่ยวไปเขียนหนังสือ พิมพ์งาน ไป chat ไป search หาข้อมูลไป ...... จากคุณ : PureSnow (PureSnow) - [ 8 พ.ค. 51 17:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คห.8 ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวเท่าไหร่ ตามเนื้อหาที่ได้รับจากเมลล์มา คิดว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานต่างชนิด ต่างข้อมูล เช่น การออกใบสั่งซื้อ แล้วต้องตรวจงานด้านบุคคล หรือต้องร่างจดหมายสำคัญ ฯลฯ ในเวลาพร้อมๆกันน่ะ แต่การใช้คอมฯ เมาส์และ คีย์บอร์ดเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน สมองจึงสั่งงานได้ในคราวเดียว ท่านอื่นว่าไงบ้างคับ จากคุณ : สู้ต่อไป..ไอ้มดแดง (mpl2004) - [ 8 พ.ค. 51 17:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมขอมาออกความคิดเห็นด้วยครับ เป็นอยู่เลยครับ เพราะพี่ทำงานแกสอนมาประมาณนี้เลยครับ ไอ้เจ้า Multitasking น่ะครับ เขาบอกมาว่า ช่วยประหยัดเวลา ในการทำงานอื่นๆ ลงด้วย ผมก็เลยรับมาปฎิบัติตาม เล่นเอาเครียดดดด ครับบ แต่ก็จริงอย่างที่ว่าคือ งานแต่ละชิ้นที่ได้จะออกมาไม่ดีครับ เพราะไม่มีสมาธิในการทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งดีพอครับ เห็นด้วยกับกระทู้นี้ครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ อีกแล้วครับท่าน จากคุณ : Usher - [ 8 พ.ค. 51 22:41:05 A:125.26.2.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 คห.10 มิเป็นไรมิได้ขอรับ มีบทความดีๆย่อมต้องนำมาแบ่งปันกันขอรับ :)) อย่าเครียดมากนะ จัดลำดับความสำคัญของานก่อน อย่างน้อยก็ลดเรื่องเครียดลงไปได้บ้าง แล้วจะทำงานได้สบายขึ้น สู้ๆๆๆ จากคุณ : สู้ต่อไป..ไอ้มดแดง (mpl2004) - [ 8 พ.ค. 51 23:22:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไอ้หย๋า!!! ทำไมในแต่ละวันของการทำงานหรือแม้หลายวันที่อยู่กับบ้านกำลังทำเหมือนอย่างที่เจ้าของกระทู้แจงมาเลยอ่ะ จากคุณ : libra-cat - [ 8 พ.ค. 51 23:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จากชื่อบทความ Why Smart People Underperform เขียนโดย Edward M. Hallowell ได้ลองค้นหาข้อมูลดูแล้ว พบว่า ชื่อบทความเต็มๆ คือ Overloaded Circuits: Why Smart People Underperform เข้าใจได้ว่าในการจัดการกับสถานะการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นประจำวันของเรา มักจะมีหลายๆ เรื่องเข้ามาเกี่ยวข้อง  (Multitasking)  จนเกิดอาการลืมชั่วขณะ ในบทความ มีการพูดถึง David ที่มีพฤติกรรมและเหตุการณ์เข้ามาในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วมีการใช้คำว่า multitasking จนทำให้เขาลืมตารางนัดหมายที่เพิ่งเลยไปเมื่อ 15 นาทีที่แล้ว http://www.hbsp.harvard.edu/hbsp/hbr/articles/article.jsp?articleID=R0501E&ml_action=get-article&print=true เชื่อว่า ผู้ที่เขียนเรื่องนี้แล้ว Forward Mail ต่อกันไปเรื่อยๆ อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน ตามบทความนั้น เป็นต้นเหตุก่อให้เกิดโรค Attention deficit trait (ADT) ผมว่า เราอย่าเข้าใจผิดว่าทำงาน multitasking ไม่ดี ก็อย่างที่น้องมดแดงว่าไว้ใน คห 11 แหละ เราต้องหัดจัดลำดับความสำคัญของงาน และนอกเหนือกว่านั้น เราต้องหัดบริหารเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะ และที่สำคัญ ต้องรู้จักหาเวลาพักผ่อนสมองบ้าง หากเมื่อเริ่มเกิดอาการ Overloaded จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 9 พ.ค. 51 09:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณคุณ เตร็ดเตร่ สำหรับข้อมูลและความรู้เพิ่มเติมขอรับ :)) พี่แมวคับ การอยู่บ้านคือการพักผ่อน ฉะนั้นการเอางานกลับไปเครียดที่บ้านด้วย จะเป็นสิ่งบั่นทอนสุขภาพอย่างหนึ่งนะคับ ............. ดังนั้นไม่ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่  สิ่งแรกที่ต้องติดตัวไว้ ก็คือ สติ สติ ในการที่จะจัดการกับงาน กับปัญหา และสิ่งที่จะผ่านเข้ามาในจังหวะนั้นๆ และการปรับอารมณ์ ก็มีส่วนช่วยให้จิตใจและสมองได้ผ่อนคลาย เพื่อที่เมื่อจัดความสำคัญของงาน หรือสิ่งต่างๆเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะสามารถทำทุกอย่างให้เรียบร้อย และเสร็จสมบูรณ์ได้ตามที่ต้องการ ............. ขอย้ำ ดูแลสุขภาพของคุณให้ดีด้วยนะคับ :)) แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 11:17:26 จากคุณ : สู้ต่อไป..ไอ้มดแดง (mpl2004) - [ 9 พ.ค. 51 11:14:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมรู้จักอาชีพนึงที่ต้องทำ multitasking ล้วนๆเหมือนกันครับ แต่เป็นอาชีพที่ต้องเทรนอย่างน้อย 1-4 ปีเพื่อทำงานนี้ (ยังไม่รวมเวลา training on job) อาชีพนี้สามารถจัดการระบบต่างๆได้เป็นระเบียบ จัดลำดับความสำคัญได้ในเวลาเดียวกัน และบริหารเวลาได้ถูกต้องทุกนาที (เพราะ 1 นาทีก็สำคัญสำหรับเค้า) และเสี่ยงต่อชีวิตคนนับพัน"ในเวลาเดียวกัน" สุดท้ายที่สำคัญสุด คือห้ามลืม Target แม้แต่ Target เดียว เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงเลยทีเดียว นั่นคือ Air Traffic Controller ครับ (ผู้ควบคุมจราจรทางอากาศ) งาน TOP 5 เครียดที่สุดในโลก และงานที่ห้ามพลาดและลืมแม้แต่วินาทีเดียว ^^ จากคุณ : porjai_j - [ วันวิสาขบูชา 23:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สุดยอดของงานที่เครียดจริงๆ ขอบคุณคห. 15 ที่แบ่งปันกันคับ เมื่อวันก่อนได้ดูสารคดีเกี่ยวกับอาชีพ Air Traffic Controller ทางเคเบิ้ลทีวี ดูแล้วก็เครียดตามทั้งๆที่เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานนั้นโดยตรง นับถือคนที่ทำงานเหล่านี้จริงๆ จากคุณ : สู้ต่อไป..ไอ้มดแดง (mpl2004) - [ 22 พ.ค. 51 23:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แง๊ว ดูที่ไหนครับ ผมอยากดูมากๆเลยครับเนี่ย ^^ จากคุณ : porjai_j - [ 23 พ.ค. 51 18:44:59 ]