ความคิดเห็นที่ 1 ตอบตามประสาคนไม่คิดอะไรมากนะคะ คิดว่าคงเป็นการเตือนกลาย ๆ ว่าคุณได้รับเชิญไปร่วมรับประทานอาหารกับเจ้าของบริษัท กลัวว่าคุณจะลืม เพราะคุณยังไม่ได้ตอบรับว่าจะไปร่วมหรือไม่ค่ะ ปกติเวลาได้รัเชิญไปร่วมงานหรือรับประทานอาหาร เราจะบอกเจ้าภาพล่วงหน้าเสมอว่าไปร่วมได้หรือไม่ได้ เราว่ามันเป็นสิ่งที่ผู้ถูกเชิญควรบอกเจ้าภาพ เพราะเค้าจะจองที่นั่งได้ถูกหรือสั่งอาหารเพียงพอกับผู้มาร่วมงาน ไม่มากไม่น้อยเกินไป ยิ่งถ้าเป็นร้านหรู หรือ ห้องอาหารของโรงแรม การรู้จำนวนคนที่แน่นอนก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะผู้จองจะได้รู้ว่าต้องจองกี่ที่ ต้องมีอาหารพิเศษสำหรับใครหรือเปล่า ถ้าเราได้รับบันทึกฉบับนี้เราจะตอบกลับไปว่าเราไปได้ หรือไม่ได้ค่ะ จากคุณ : aquelle - [ 11 มิ.ย. 51 19:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หากท่านเป็นผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับบันทึกฉบับนี้จากผู้ช่วยหรือเลขาประธานบริษัท ท่านจะคิดและทำอย่างไร? --> ก็พิจารณาดูว่า จะว่างไปหรือไม่ไป ดูตารางนัดหมายส่วนตัว แล้ว reply e-mail ( หรือ บันทึก )ไป หรือ อาจบอกให้เลขาฯ ส่วนตัว เป็นคนตอบ หรือ โทร. ไปแจ้งก็ได้ ท่านสามารถวิเคราะห์ได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นภายในองค์กรและความสัมพันธ์ของผู้บริหาร? --> วิเคราะห์เจาะลึกคงไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูล แต่ให้ข้อสังเกตว่า องค์กรนี้จะให้ความสำคัญ กับการสื่อสารทาง e-mail หรือ ทางบันทึก เป็นหลัก เพราะเรื่องส่วนตัวของ Chairman ยังต้องส่งเป็นบันทึกไปยัง Executive ไม่ได้เป็นการโทรเชิญ หรือ โทรสอบถามว่าสามารถไปร่วมงานได้หรือไม่โดยตรง และหากท่านเป็นประธานบริษัท ท่านจะบริหารจัดการเรื่องนี้อย่างไร? --> ขึ้นอยู่กับ วัฒนธรรมขององค์กร บันทึกข้างต้นสะท้อนให้เห็นอะไร? --> สะท้อนให้เห็นว่า ผู้เขียนบันทึกนี้ ไม่เก่งในเรื่อง การใช้ tense ในภาษาอังกฤษ (ไม่รู้ว่า นอกเรื่องหรือเปล่า) ในความเป็นจริงมีหลายองค์กรที่ใช้วิธีการคล้าย ๆ แบบนี้ในการสื่อสารระหว่าง บุคคลากร ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องผิดปรกติแต่อย่างไร ส่วนหนึ่งที่เป็นข้อแนะนำก็คือ ถ้าเลยกำหนด June 13th แล้วยังมี Executive บางคนไม่ได้ให้คำตอบ ก็จะให้เลขา ฯ เป็นผู้โทรไปสอบถามเป็นรายบุคคล แทนที่จะสรุปผลว่ามีใครไปบ้าง หรือใครไม่ไปบ้าง เพราะแม้ว่าต้องการทราบจำนวนคนที่จะไปร่วมงานที่แน่นอน แต่ถึงเวลา คนที่บอกว่าไป ก็อาจจะติดธุระ หรือ คนที่บอกว่า จะไม่ไป แต่บังเอิญว่าง คือ เลื่อนนัดอื่นไปแล้ว ก็อาจจะตัดสินใจไปร่วมงานด้วยก็ได้ จากคุณ : อยากแจม - [ 11 มิ.ย. 51 20:49:53 A:58.9.104.64 X: TicketID:172814 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณ aquelle และคุณอยากแจม สำหรับความคิดเห็น ขอเพิ่มเติมข้อมูลว่าบันทึกข้างต้นส่งถึง executives ประมาณ 20 ท่านของบริษัทในกลุ่ม 4-5 บริษัท เป็นบันทึกฉบับที่ 2 หรือ reminder ถ้าจะดูเรื่อง tense เท่าที่พบน่าจะเป็นประโยคที่ว่า "within" Friday June 13 ที่ควรจะเป็น "BY" Friday June 13 นอกนั้นน่าจะพอใช้และสื่อความหมายให้เข้าใจได้ ที่จริงเรื่อง tense ในการใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นปัญหาแต่อยากให้ช่วยวิเคราะห์เนื้อหาของบันทึกและวิธีการมากกว่า จากคุณ : ถอด Log In มาขอความเห็น - [ 11 มิ.ย. 51 21:16:40 A:58.8.24.79 X: TicketID:172219 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คิดว่า เนื่องจาก "ค่าใช้จ่าย" น่าจะสูง จึงไม่อยากจะ "จองเผื่อ" และ หากไม่ ตอบยืนยันว่าจะไป แล้วไป ภายหลัง ปรากฎว่า ไม่สามารถเพิ่มที่นั่งให้ได้ ก็จะกลายเป็นว่า "เจ้าของงาน" จัดงานไม่ดี ดังนั้น หากจะไป หรือ ไม่ไป "ต้องตอบ" กลับครับ ผลที่ตามมา คิดว่า "ไม่น่าจะมี" เพราะ งานแบบนี้หากคุณกล้าไม่ไป แสดงว่าคุณต้องมี "เหตุผล" ที่ดีครับ จากคุณ : kitz - [ 13 มิ.ย. 51 11:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 "I would presume that you ARE NOT available if I do not hear from you.." vs. "I would presume that you ARE available if I do not hear from you.." จากคุณ : 512 - [ 16 มิ.ย. 51 12:18:34 A:75.18.193.39 X: TicketID:031931 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Thanks Khun Kitz & Khun 512 for sharing your opinions. I will get back to Khun 512 again, probably late this evening with more comments! จากคุณ : ถอด Log In มาขอความเห็น - [ 17 มิ.ย. 51 09:30:47 A:202.149.24.161 X: TicketID:172219 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Sentence A: "I would presume that you ARE NOT available if I do not hear from you.." vs. Sentence B: "I would presume that you ARE available if I do not hear from you.." จากคุณ : 512 - [ 16 มิ.ย. 51 12:18:34 A:75.18.193.39 X: TicketID:031931 ] ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ Sentence A = Very Negative Sentence B = Very Positive Thanks all for the above comments which have given me wonderful and interesting thoughts about the situation. However, I would like to further add some remarks on the examples from Khun 512 in comment 5 which have been most valuable; very simple yet extremely MEANINGFUL!!! I understand that Khun 512 is trying to portray the vast difference between the two sentences—one is very NEGATIVE while the other is very POSITIVE. I hope my understanding of Khun 512’s response, which was enlightening, is correct. If it is, I consider Khun 512 a super intellectual person, who has taught me a highly valuable lesson, one that I’ve never expected and that I’ve only learned TODAY!!! I would like to share with you and our readers an explanation why I consider the above sentences “Very Negative” vs “Very Positive”: Sentence A: Most people would agree with this sentence as it can commonly be used in a variety of situations, especially in business. For example, when arranging an important, profitable meeting with clients, this sentence should be used to enforce into the clients the significance of the meeting and how important it is for the company. However, there are certain situations in which this sentence may not be appropriate and may even seem pessimistic. Sentence B: When arranging a meeting with high, busy executives, this sentence should be used. Since the people we are inviting are often very busy, they may not have the time to reply to our messages. However, if they are unable to attend, natural instincts will ensure that they’ll decline the invitation in some ways. Therefore, not only does this sentence sound more respectful and optimistic, it also ensures that we will not have any disadvantage in the case that the invited doesn’t show up. The above sentences (Sentence A & B) show how our perceptions, whether pessimistic or optimistic, are often reflected upon our choice of words. Therefore, it is important to express our thoughts, oral or written, carefully and respectfully, heeding the addressees and putting ourselves into their shoes. If everyone is able to express his/her thoughts in an optimistic and courteous way, the world would probably be a much more peaceful place, with less conflicts and better understanding between people through more efficient communications. Please correct me if my above thought is incorrect or share more of your opinions. Thank you all for sharing. ขออภัยที่แสดงความเห็นข้างต้นเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากทันทีที่ได้อ่านความเห็นของคุณ 512 ก็รู้สึก IN และประทับใจกับตัวอย่างที่ยกขึ้นมาแสดงให้เห็นเป็นอย่างมาก มิเช่นนั้นก็จะไม่สามารถ build อารมณ์และเขียนได้เช่นที่ทำอยู่นี้ ขอบคุณสำหรับบทเรียนที่มีคุณค่า จากคุณ : ถอด Log In มาขอความเห็น - [ 17 มิ.ย. 51 19:09:36 A:202.149.25.225 X: TicketID:172219 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่คุณ จขกท ตีความ เป็นประกายความคิดที่น่าสนใจ และเป็นเชิงลึกและกว้างกว่าที่ผมเจตนาครับ ^_^ ในความรู้สึกผม ประโยค B ออกจะสื่อว่าความสัมพันธ์ภายในดีมาก และเป็นกันเอง ขนาดสมมติไว้ก่อนได้เลยว่า มาแน่ๆ รอให้คนที่มาไม่ได้บอกเอง ประโยค A จะออกแนวห่างเหินหรือทางการหน่อย เลยไม่กล้านับถ้าไม่เห็นคำยืนยัน แต่ถ้าความสัมพันธ์ภายในไม่ค่อยดี หรือ ยุ่งกันมากจนไม่มีเวลาตอบ หรือแม้กระทั่งจะอ่าน/เห็นข้อความ ไม่ว่าจะใช้ประโยคแบบไหน ก็คงต้องมีการโทรเช็คกันอีกทีเพื่อความแน่นอน ตามที่ความเห็นข้างต้นแนะนำไว้ครับ จากคุณ : 512 - [ 18 มิ.ย. 51 11:24:21 A:75.18.193.39 X: TicketID:031931 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดีใจที่คุณ 512 ได้กลับเข้ามาอ่านอีกครั้งพร้อมให้ความเห็นเพิ่มเติม ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า จขกท คิดมากและวิเคราะห์ไปสามวาสองศอก ^_^ แต่ยังขอยืนยันความคิดเดิมว่าประโยคที่คุณนำมาเปรียบเทียบ แสดงให้เห็นถึงความคิดที่เป็นบวกและลบอย่างชัดเจน ความรู้สึกของคุณต่อประโยค B ที่สื่อถึงความสัมพันธ์ภายในดีมาก และเป็นกันเอง ขนาดสมมติไว้ก่อนได้เลยว่า มาแน่ๆ เป็นทัศนคติที่เป็นบวกมาก ๆ ที่จะช่วยทำให้เกิดความสัมพันธ์ภายในองค์กรที่ดีได้จริง ๆ ส่วนประโยค A ที่บอกว่า จะออกแนวห่างเหินหรือทางการหน่อย เลยไม่กล้านับถ้าไม่เห็นคำยืนยันนั้น จริง ๆ แล้วเป็นการเขียนที่ออกมาจากอารมณ์ที่ต้องการตัดหรือสั่งสอนผู้ที่ไม่เห็นความสำคัญของคำเชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นหนังสือเชิญจากประธานบริษัทออกไป นับเป็นความคิดและการมองโลกที่เป็นเชิงลบของผู้เขียนเป็นอย่างยิ่ง หากไม่รีบแก้ไขเพราะมองว่าเป็นเรื่องเล็กแต่อาจสามารถทำลายองค์กรได้ ดังนั้นผู้ส่งสาส์นโดยเฉพาะจากผู้บริหารระดับสูงจึงจำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความคิดที่ละเอียดรอบคอบ และที่สำคัญต้องมีจิตวิทยาสูงในการเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมและน่าประทับใจ ความเห็นข้างต้นของเพื่อน ๆ และโดยเฉพาะของคุณ 512 ได้จุดประกายความคิดในเรื่องนี้ ให้ระมัดระวังการใช้คำพูดและการให้เกียรติกับผู้อื่นให้มากกว่านี้เป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่กระทู้นี้มีผู้อ่านและแสดงความคิดเห็นเข้ามาน้อย มิเช่นนั้นคงจะได้มีการเรียนรู้และมีการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดในเรื่องเช่นนี้ได้อีกมาก ขอบคุณอีกครั้ง แล้วพบกันใหม่ตอนใส่ log in จากคุณ : ถอด Log In มาขอความเห็น - [ 19 มิ.ย. 51 00:09:47 A:58.8.20.132 X: TicketID:172219 ]