ความคิดเห็นที่ 1 แต่ก่อนโน้นนานมากแล้ว ที่ทำงานเดิม    ผมถูกหัวหน้าแผนกให้ใบภาคทัณกับเรื่องบ้าๆ  บอ ๆ  ที่ไม่ทราบว่าคิดได้ไง   โดยให้ผู้จัดการเล่นงาน   โดยที่มันไม่พูดเรื่องนี้เลยซักคำ  แล้วผมก็ไม่รุ้เรื่องด้วย   จากนั้นเป้นต้นมา  ผมไม่เคยยกมือไหว้มันเลยเวลามาทำงาน  ซึ่งก่อนหน้านี้ผมจะไหว้ตลอด  เพราะกับคนหน้าเนื้อใจเสือไม่รู้จะยกมือไหว้ทำไม   ขนาดแม่มันตาย  หัวหน้าแผนกอื่น$และเพื่อนร่วมงานไม่มีใครสนใจจะบริจาคช่วยงานศพเลย   ผมนี่แหล่ะไปขอเรี่ยรายเงินคนในบริษัทมาให้  แต่มันไม่เคยคิดถึงน้ำใจผมบ้าง จากคุณ : ชญาณัตถภัทร์ - [ 22 มิ.ย. 51 03:10:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่เคยเห็น แถวที่ทำงาน จะใช้วิธีหาทางไปที่ดีกว่าให้ เช่น ช่วยหาว่าถนัดทางไหน (มากกว่างานที่ทำอยู่) แล้วก็ส่งเสริมให้เขาไปในทางที่เหมาะกับตัวเขาซะ จากคุณ : Deckard - [ 22 มิ.ย. 51 04:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ของเราลดบทบาทลง เรียกว่าแทบมองไม่เห็นหัวเลย เวลาประชุม ก็เหมือนว่าไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น คงเป็นเพราะก่อนหน้านั้นเราลาคลอด แล้วพอคลอดก็ต้องรีบกลับมาดูแลลูกอ่อนด้วย ถ้าเป็นลดหน้าที่ลง แล้วลดเงินเดือนลงเรายังรับได้มากกว่าแบบนี้ เราก็ทนทำต่อไปได้สัก 3 เดือน ก็ลาออก คือไม่อยากเก็บความเครียดกลับบ้าน มันไม่ดีกับลูก แล้วก็ไม่อยากเกลียดบริษัทกับเพื่อนร่วมงานไปมากกว่านี้ ก็เข้าใจน่ะตอนนี้น่ะ จากคุณ : หยุดเวลาไว้ - [ 22 มิ.ย. 51 07:40:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ของผมเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว และตอนนี้ก็ออกมาแล้วครับ ทำให้เค้าอยู่ตำก็แหน่ง ผช.ผจก.โรงงาน/ผช. QMR วันดีคืนดี M.D. ก็มาบอกว่าอยากให้ลูกของเค้ามาทำแทน เค้าก็เลยลดงานเราลง จนไม่มีอะไรให้ทำ จากคุณ : คนที่ผ่านมาแต่ไม่ผ่านไป - [ 22 มิ.ย. 51 11:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เคสผมเป็นกรณีตรงกันข้าม ทำงานมานานเข้าใจระบบดีจนหาคนทำแทนไม่ได้กลายเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของตัวเอง จะขอเลื่อนตำแหน่งหรือขอย้ายไปไหนไม่ได้เลย หาคนมาแทนก็ทำไม่ได้ดีเท่า บริษัทเลยไม่ให้คนใหม่มาทำแทนและไม่ให้เราย้ายเลื่อนตำแหน่งไป ทนมาเป็นสิบปีจนกระทั่งเล็งเห็นแล้วว่าคงไม่สามารถหาความก้าวหน้าพัฒนาความสามารถตัวเองได้ คุยกันมาหลายรอบจนทนไม่ไหวยื่นใบลาออก คราวนี้โดนกดดันทุกรูปแบบ ส่งคนมาให้เทรนงานสี่คน ส่งคนมาตรวจสอบงานเกือบสิบคน ตอนประชุมเรียกทุกคนนอกจากเรา เรากลายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับบริษัท สุดท้ายทนไม่ไหวยื่นใบลาป่วยล่วงหน้าหนึ่งเดือนแล้วเลิกไปทำงานเลยครับ จากคุณ : ธนเดช - [ 22 มิ.ย. 51 11:59:23 A:58.64.113.191 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ค่ะ เปลี่ยนที่ทำงานใหม่ง่ายกว่าค่ะ จากคุณ : Hanachan - [ 22 มิ.ย. 51 15:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพื่อนผมเพิ่งโดนไป กดดันทุกอย่าง จ้องจับผิดอย่างเดียว พลาดก็โดนใบเตือน พักงาน สุดท้ายบีบออก เพื่อนผมมันบอกว่ามันเหนื่อยที่จะยื้อแล้ว สุดๆ จากคุณ : Dead Drunk - [ 22 มิ.ย. 51 20:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยก่อนทำงานโรงแรมเยอรมันในเครือดุสิตอยู่ครับ เคยเป็นรีเซฟชัน แคชเชียร์ ดอร์แมน และตอนนั้นเป็นโอเปอเรเตอร์ พอดีมีโรงแรมห้าดาวอีกแห่งหนึ่งขาดคน ผมสมัครทิ้งไว้เป็นปีๆ แล้ว เขาเพิ่งเรียกไปสัมภาษณ์ ผมก็ไป หัวหน้างานมีสองคน พยายามถามคำถามที่คิดว่าเราไม่น่าจะรู้  พยายามโชว์ว่าโรงแรมเขามาตรฐานสูงกว่าเรา แต่ผมก็ตอบคำถามได้นะครับ ไม่มีอะไรติดขัด ก็ตกลงว่าผ่าน แต่ติดอยู่ที่ผมคุยกับโรงแรมเดิม หัวหน้าเก่าผมขอให้ทำต่ออีก 20 วัน แต่ที่ใหม่อยากได้ภายใน 5 วัน พอดีเขาพอรู้จักกัน หัวหน้าใหม่ก็เลยโทรไปขอ หัวหน้าเก่าผมก็ตอบว่า ขอให้รอหน่อยเถอะ เขารับประกันได้ว่าผมทำงานดี จริงๆ เขาไม่อยากอนุมัติและจะไม่อนุมัติก็ได้ แต่อยากให้ผมได้เติบโต เขาขอเวลาแค่นี้ช่วยเขาด้วย หัวหน้าใหม่ค่อนข้างไม่พอใจ พอย้ายงานปุ๊บ โดนลองของทุกอย่างเลยครับ ชนิดที่ทุกคนในทีมมองออกว่าผมโดนแกล้ง แต่ไม่มีใครกล้าหือ เพราะหัวหน้าคู่นี้อยู่มานาน มีอิทธิพลแผ่ไปถึงหน้าฟรอนท์และแผนกอื่นๆ ใหญ่กว่าเมเนเจอร์เด็กๆ ของฟรอนท์ด้วยครับ ก็ประมาณว่าโดนดุทุกลมหายใจนะครับ ทำอะไรผิดไปหมด บรรยากาศมาคุตลอดเวลาที่หัวหน้าอยู่ในห้อง โอเปอเรเตอร์โรงแรมเป็นแผนกเล็กๆ นะครับ แต่ละกะทำงานกัน 3-5 คนเท่านั้น ตอนนั้นมีเทรนเนอร์สอนงานให้ ดุจนเทรนเนอร์ถามผมว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ แล้วที่นั่นก็มีสอบโทอิก หัวหน้าก็ขู่ว่าถ้าสอบไม่ถึงเกณฑ์ของโรงแรม ไม่ผ่านโปรนะ ประมาณว่า ยูเสร็จแน่ พอผลสอบโทอิกมาถึง รีบเรียกไปเปิดซอง ปรากฏว่าสูงกว่าเกณฑ์ของโรงแรมมาก หัวหน้าดูผิดหวังชัดเจน แต่ยังปากเก่งว่าต่อให้เต็มโทอิกก็มีสิทธิ์ไม่ผ่านโปรได้ ยูอย่าคิดว่าเจ๋ง หัวหน้าผมเป็นคนไทยนะครับ แต่ชอบพูดยูๆ ไอๆ แบบนี้แหละ แล้วก็เป็นเกย์ทั้งสองคน เรื่องนี้เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในที่ทำงานเก่าผมนะครับ หัวหน้างานเก่าผม ซึ่งก็ติดต่อกันเรื่อยๆ ทราบดีว่า ผมกับเกย์มักไม่ถูกกัน ไม่รู้เป็นอะไร ในที่ทำงานเก่าก็เคยมีปัญหานี้ตอนผมยังไม่ย้ายแผนก ไปทำงานด้วยความอัดอั้น พอกลุ้มมากๆ ก็ไปทำงานสาย มันเบื่อครับ รู้สึกเหมือนไปลงนรก ครั้งแรกสายสิบห้านาที หัวหน้าก็บอกว่า ยูไม่มีสิทธิ์ขาด ลา มาสาย เพราะยังไม่ผ่านโปร พอครั้งที่สอง ผมสายหนึ่งชั่วโมง ผมก็โทรไปบอกออฟฟิศว่าผมจะเข้าไปทำงานนะ แต่ไปถึงช้า หัวหน้าก็เรียกผมเข้าห้อง ปิดประตูตีแมว “ไอเคยเตือนยูแล้วใช่ไหม ออฟฟิศบอกว่ายูโทรมาลา ยูใหญ่มากเลยเหรอ ยูฝ่าฝืนคำสั่งไอเหรอ...” ผมก็ชี้แจงไปว่าผมไม่ได้โทรมาลา ผมขอพูดความจริงว่า ผมบังเอิญตื่นสาย รู้ตัวว่ามาทำงานไม่ทัน แก้ไขไม่ได้แล้ว เลยโทรมาแจ้ง “ให้ทราบ” ว่าไอ้เด็กใหม่ที่มันหายหัวไปเป็นชั่วโมงเนี่ยะ มันจะมาทำงานนะ เพียงแต่จะมาถึงตอนกี่โมงเท่านั้น ผมผิดเรื่องที่มาสาย และได้พยายามแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุดแล้ว ข้อกล่าวหาเรื่องฝ่าฝืนคำสั่ง ฯลฯ นอกเหนือจากนี้ผมไม่รับ หัวหน้าโกรธผมมาก ได้แต่ขู่ผมว่าจะไม่ผ่านโปร ไม่ผ่านโปร ช่วงนั้นพอดีทางบ้านผมตื๊อๆ ให้ไปช่วยงาน สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจขาดงานไปดื้อๆ ยกหูโทรศัพท์ออก ไม่ไปรับเงินเดือน ไม่ติดต่อใครทั้งนั้น ตอนหลังผมเจอหัวหน้างานเก่า เขาบอกว่า หัวหน้างานที่ใหม่โทรไปหาเขา บอกให้ผมเข้าไปคุยกัน มีปัญหาอะไรก็ไปเจรจากัน หุหุ สิบกว่าปีแล้วครับ ตอนนี้คงแยกย้ายกันไปหมดแล้ว จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 23 มิ.ย. 51 08:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นึกได้ว่าหลังจากนั้นไม่นานก็มีปัญหาอีก เล่าต่อ เล่าต่อ ผมกลับไปทำงานกับครอบครัวได้ไม่นานก็มีปัญหากับครอบครัว ก็เลยไปสมัครงานโรงแรมใหญ่ของจังหวัดสมัยนั้น ที่นั่นมี GM (เบอร์หนึ่ง) และ RM (เบอร์สอง) มาจากโรงแรมในกรุงเทพ ก็สัมภาษณ์กัน คุยกันง่าย ทีแรก RM จะให้ผมเป็น Asst FOM เพื่อเตรียมดันขึ้นไปแทน FOM (เบอร์สาม) คนเก่าที่กำลังจะออก ตกลงเงินเดือน วันเริ่มงานกันเรียบร้อย วินาทีสุดท้ายที่สัมภาษณ์เสร็จ GM เซ็นอนุมัติทุกอย่างแล้ว พลิกแฟ้มใบสมัครผมผ่านๆ เพื่อปิดแฟ้ม กำลังจะลุกขึ้นยืน เขาก็ไปสะดุดกับอะไรอย่างหนึ่ง “เฮ้ย คุณยังไม่เคยขึ้นระดับบริหารมาก่อนนี่นา....” จากนั้นเบอร์หนึ่งกับเบอร์สองขององค์กรก็คุยกันว่าจะให้ผมเป็นเบอร์สี่เพื่อเตรียมขึ้นเบอร์สามเลยมันจะข้ามอาวุโสของเบอร์ห้าไป งั้นเอาผมไปเป็นตำแหน่งเดียวกับเบอร์ห้าแล้วกัน แล้วว่ากันอีกที ว่าแล้วก็เซ็นเอกสารใหม่ “ให้ไปเรียนรู้งานที่ตำแหน่งเบอร์ห้าก่อน โดยเริ่มที่เงินเดือนลดลงมาครึ่งหนึ่ง” เหวย เหวย ไอ้หนุ่มลูกกรุงอย่างผมเลยโดนอีสาวลูกทุ่งเบอร์ห้าเขม่นเอาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเพอร์ฟอร์แมนซ์ของคนที่ผ่าน 4-5 ดาวในกรุงเทพมาแล้วนั่น ย่อมต่างจากคนที่ไม่เคยทำที่อื่นมาก่อนเลยอย่างเธอเห็นๆ การกีดกันก็เริ่มต้นด้วยการ ไม่คุยเล่น ไม่ปรึกษางาน ไม่ให้ช่วยงาน ชวนน้องๆ บอยคอต ไม่อนุมัติวันลา แต่จับสแตนด์บายแทนคนอื่นที่ลาซะงั้น เรียกว่ากีดกันทุกอย่างที่ทำได้ แรงกว่าที่ผมโดนมาก่อนหน้านี้ แต่ผมไม่ได้รู้สึกกดดันมากมาย เพราะผมมาช่วยแบ่งเบาภาระงานของเธอ แต่ไม่ได้ขึ้นตรงกับเธอ ระดับบนๆ เชียร์ผมทั้งสามเบอร์ แล้วความซวยก็มาเยือน เมื่อเบอร์สามออกอย่างที่บอกไปได้ไม่นาน เบอร์หนึ่งกับเบอร์สองก็แท็กทีมได้งานใหม่ทั้งคู่ที่ภูเก็ต เอาละซี โรงแรมไม่มีผู้บริหาร เจ้าของโรงแรมลงมาทำงานเอง เขาจะคุ้นเคยกับใครถ้าไม่ใช่คนเก่าอย่างเบอร์ห้า อีสาวเบอร์ห้าก็เลยโดดเด่นเป็นพิเศษในช่วงนี้ และผมก็ต้องแพ้อีกครั้ง ทุกอย่างเข้าอีหรอบเดิม 555 จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 23 มิ.ย. 51 12:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามา ยกมือ ยืนยันค่ะ   ถูกออกเพราะไปขัดขา ลูกน้อง  แต่ลูกน้องเป็นหลานผู้บริหารอ่ะสิ     เลยได้รับคำตอบว่า  นายไม่ปลื้ม เลยให้ออก  ซะงั้นเลยเรา แต่อยากขอบใจเขานะ  เพราะถูกเชิญออก  แต่หลังจ่กนั้นได้งานใหม่ที่เงินเดือนมากกว่าที่เก่า 1 เท่าตัวค่ะ ***ขอบคุณที่ทิ้งกัน*** จากคุณ : khunrarin - [ 24 มิ.ย. 51 09:46:08 ]