ความคิดเห็นที่ 1 ผมอ่านมา 3 รอบแล้ว งงครับ 1. นำที่ดินไปจำนองกับแบงก์ 2 ได้เงินมา 2 ล้านกว่า เอาไปจ่ายแบงก์ 1 ที่เป็นหนี้ 6+3 = 9 ล้าน จะเหลือหนี้ 4 ล้านได้ไง อย่าลืมหนี้ที่คุณว่าแขวนไว้ ก็ต้องรวมไปในมูลหนี้ทั้งหมดด้วย จะไปจ่ายเท่านี้แล้วเอาหลักประกันออกมาก่อนเพื่อขาย ไม่มีแบงก์ไหนยอมคุณหรอกครับ ถ้าจะไถ่ถอนหลักประกันต้องปิดหนี้ทั้งหมดรวมถึงดอกเบี้ยคงค้างด้วย ดังนั้น ถ้าจ่ายไม่ครบ ต่อให้มีคนมาซื้อ คุณก็ขายไม่ได้ ถ้าตราบใดที่คุณยังมีหนี้ค้างกับแบงก์ คุณจะมาคิดว่าอ่ะมีคนมาซื้อแล้ว ฉันให้แก 2 ล้านกว่าก่อนน่ะ แล้วเอาโฉนดให้คนซื้อไปก่อน ผมบอกได้เลยว่า ไม่มีทาง - -" 2. "โดยตอนนี้สิ่งที่ผมอยากจะทำตอนนี้คือ ย้ายไปแบ้งค์อื่น เพื่อที่จะทำให้ดอกเบี้ยที่แขวนไว้หายไป " การย้ายทรัพย์จำนองไม่มีผลทำให้ดอกเบี้ยหายไปครับ ย้ายแบงก์ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยคงค้างครับ มันจะหายเพราะอะไร ผมไม่เข้าใจ - -" 3. "เนื่องจากที่ดินที่ติดอยู่กับแบ้งค์ ถ้าตีจากราคาประเมิน จะมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 17 ล้าน" แต่คุณมีหนี้รวมดอก = 6+3 เอง ตอนจำนอง ผมถามนิดครับว่าคิดยังไง เอาที่ 17 ล้านวางแบงก์เอาเงินแค่ 6 ล้าน แล้วพอมีปัญหาทำไมไม่ขอเพิ่มวงเงิน เพื่อให้มีกระแสเงินสดมากขึ้น - -" 4."จากนั้นก็พยามประกาศขายที่ดินให้ได้ในราคา 3.5 ล้านถึง 4 ล้านเพื่อปิด หนี้ที่ ธ.แรก ซึ่งจะทำให้โฉนดที่เหลือที่มีมูลค่ารวมประมาน 10 กว่าล้านหลุดออกมาทั้งหมด" ผมว่าไม่ง่ายหรอกครับ ใช้เวลามากเลยแหละ รวมกับข้อ 1. โฉนดแบงก์ 1 เอาออกมายังไง ยังจ่ายหนี้ไม่หมด - -" ถ้าผมเข้าใจอะไรผิดพลาด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : แตงโมสีเหลือง - [ 28 มิ.ย. 51 08:41:30 A:124.121.150.61 X: TicketID:144312 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ครับ จากที่ผมเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อที่ดูแลลูกค้าอยู่หลายราย และมีลูกค้าที่จัดชั้นหนี้ และมีปัญหาเช่นเจ้าของกระทู้ ขอตอบเป็นข้อๆ เลยนะครับ 1.ดูจากข้อมูลคุณแล้ว คุณน่าจะทำ TDR แล้ว ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้นะ แต่เอาว่าหนี้คุณขึ้น TDR แล้ว น่าจะมีการตั้งพักดอกเบี้ยค้างชำระ เอาหละ ผมไม่รู้คุณทำธุรกิจอะไรนะ แต่คาดว่าตอนนี้คุณมีรายได้ประมาณ 0.15 - 0.2 ลบ./เดือน Term การผ่อนชำระคุณถือว่าน้อยนะครับ สำหรับหนี้ 6 ล้าน ที่จริงมันควรจะ 95,000  ด้วยซ้่ำ 2. หน่วยงานที่ดูแลคุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ปกติ แต่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่าย sam หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผมคาดว่านะ คุณนะจะค้างชำระ หลายงวดติดต่อกันแล้ว หละ เขาเลยขอเงื่อนไขชำระ 10%  ที่จริงแบงค์ไม่ได้อยากจะได้ ที่ดิน หลักประกันนะครับ  แบงค์ทุกที่ ทุกธนาคาร อยากให้ลูกค้าชำระได้ ด้วยเงินจากธุรกิจมากกว่า 3. ที่คุณคิดจะกู้เพิ่ม ตอนนี้ชื่อคุณเข้าเครดิต บูโรแล้วหละครับ คิดว่าน่าจะลำบาก แล้วที่คิดจะให้ไปกู้เพิ่มแบบนี้ ผมว่า เสี่ยงมาก และอาจทำให้ลูกคุณเสียเครดิตไปด้วย นะครับ statement สวยก็จริง แต่ผมคิดว่า เจ้าหน้าทีสินเชื่อคงดูลึกกว่านั้น คิดว่า คงจับเช็คเครดิตหมด (ภรรยา ลูก คุณ) 4. จากประสบการณ์นะครับ การ refinance หนี้มีปัญหาไป ธนาคารอื่น น่ากลัวมากครับ 80% ไปไม่รอดครับ เพราะเงื่อนไข แบงค์ใหม่ คือ NORMAL ครับ เงื่อนไขไม่ยืดหยุ่นเท่า เงื่อนไข sam หรอกครับ แนะว่าไปคุยกับที่เก่า ขอเจรจา ให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน ดีกว่านะครับ เพราะหาก คุณขายที่ไม่ได้ คุณจะมีหนี้ 2 ธนาคาร ซึ่งบอกได้เลย โอกาส ป๊อก มีสูงกว่า การมีหนี้ธนาคารเดียว ยังไงก็เอาใจช่วยขอให้ แก้ไขหนี้ เป็นปกติได้ครับ จากคุณ : moojiw - [ 28 มิ.ย. 51 08:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คห.ที่ 1 ครับ ที่เจ้าของกระทู้หมายถึง การขยายทรัพย์ชำระหนี้ ครับ โดยเงื่อนไข ขอไถ่ถอนโฉนด แปลงนี้ ซึ้งค้ำภาระหนี้ xxx โดยขอชำระ เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยที่ปัจจุบันและดอกเบี้ยตั้งพัก ความเห็นส่วนตัว อาจจะยากครับ เพราะการไถ่ถอนแบบนี้ธนาคารเสี่ยงมากขึ้น ผมว่าลำบาก และขอตอบข้อที่ 3 ว่า คงไม่มี Bank ไหน พิจารณาเพิ่มวงเงินให้ลูกค้าหรอกนะครับ แค่ปัจจุบันเดือนละ 0.08 ลบ. ลูกค้ายังชำระไมได้เลย มันเลยปัญหาเรื่องขาดสภาพคล่องมานานแล้วหละ แล้วให้ผมเดาด้วยนะ เจ้าของกระทู้ กู้เงินไปซื้อที่ดิน ... แล้ว ป๊อก จากคุณ : moojiw - [ 28 มิ.ย. 51 09:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มีบัญชีที่มีเงินเข้าออกเป็นล้าน เข้าใจว่าทำธุรกิจอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถส่งดอกเบี้ยเดือนละ 8 หมื่นได้ทุกเดือน ตรงนี้ทำให้คุณโดนแบงค์บีบให้ชำระหนี้ครับ วิธีของคุณ เป็นวิธีที่ดูซับซ้อนและฝากความหวังไว้กับการขายที่ดินมากไปหน่อยครับ ระหว่างที่รอขายที่ดินซึ่งกินเวลาหลายเดือน หรืออาจเป็นปี ก็ยังคงต้องส่งดอก ตามสภาพเดิมต่อไป ไม่มีผลดีทางการปฎิบัติเลย ถ้าเป็นผมไม่ทำแบบนี้น่ะครับ แต่เนื่องจากปัจจัยต่างๆของคุณกับผมคงไม่เหมือนกัน จึงไม่อยากเสนอวิธีการใดๆ ขอให้ผ่านเดือนสิงหาไปได้ด้วยดีนะครับ :) จากคุณ : Jiang wei - [ 28 มิ.ย. 51 09:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG - [ 28 มิ.ย. 51 09:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอเสนอมุมมองดังนี้ครับ 1. ปกติเวลาทำ TDR แล้ว ค่างวดเค้าต้องคำนวณให้ลูกหนี้มีความเป็นไปได้ในการชำระ อาจจำกัดจำเขี่ยบ้าง แต่ก็เน้นให้ลูกหนี้ชำระให้เสร็จสิ้น เวลาที่ปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้วไม่มีความเป็นไปได้ที่จะให้ลูกหนี้ชำระได้ มันไม่มีประโยชน์  นอกจากจะไม่แก้ปัญหาแล้วยังเสียเวลาด้วย ด้วยเหตุนี้ผมไม่คิดว่าคุณจะไม่มีเงินมาชำระ เพียงแต่คุณอาจจะไม่ต้องการกระแสเงินสดไปชำระหนี้ อาจต้องการนำไปหมุนในธุรกิจ หรือใช้ในชีวิตประจำวันก่อน (ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของธนาคาร ที่ต้องการให้คุณนำส่วนหนึ่งมาชำระหนี้ก่อน) กรณีนี้ไม่เห็นว่า คุณไม่มีความสามารถในการชำระ แม้จะชำระด้วยหลักประกันก็ตาม (ซึ่งคุณไม่อยากเสียที่แปลงนี้ไป) แต่ปัญหาคือความตั้งใจในการผ่อนชำระมากกว่า ธนาคารเลยจัด 10% ให้คุณต่อท้ืายไว้ในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ (ซึ่งอยู่ๆธนาคารจะโทรมาบอกลูกหนี้ให้ชำระ 10% โดยที่ไม่มีในสัญญาไม่ได้) เงื่อนไขนี้คงถูกระบุไว้กรณีที่คุณผิดนัดชำระหนี้   2. วิธีการที่ระบุมาเป็นวิธีให้คุณ save ส่วนเสียหายจากการถูกบังคับคดี แล้วขายทอดตลาดที่ดินได้ต่ำกว่าที่ควร    คุณจึงต้องการไถ่ถอนเอาที่ดินมาแม้จะต้องขายเองก็สามารถหาราคาตลาดที่ดีกว่า    แต่ปัญหาคือ เงื่อนเวลา(ตามที่คห.4บอก) (bullet 1,2)    และ bullet 3 ไม่น่ามีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ดังนั้นจาก bullet 3 ไปผมไม่เห็นว่าจะเกิดขึ้น    กรณีที่ทำได้คุณจะสามารถแปลงหนี้จาก ธนาคาร A จำนวน 6 ล้านบาท เป็น หนี้จากธนาคาร B จำนวน 3 ล้านบาทและดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า    และเปลี่ยนหลักประกัน 1x ล้านบาท เป็น หลักประกัน 2 แปลงสภาพคล่องต่ำรวมกันจำนวน 5 ล้านบาท     3. สรุปว่าคงจะลำบากมากถ้าจะทำแบบนั้น เอาไว้ว่างๆผมจะมาลองเสนอแนวทางเล่นๆนะครับ โชคดีครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 28 มิ.ย. 51 11:00:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณกระทู้ดีๆและคำตอบดีๆของทุกๆท่านครับ จากคุณ : tanoy_delphi - [ 28 มิ.ย. 51 12:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบ คห.1 ครับ 1. นำที่ดินไปจำนองกับแบงก์ 2 ได้เงินมา 2 ล้านกว่า เอาไปจ่ายแบงก์ 1 ที่เป็นหนี้ 6+3 = 9 ล้าน จะเหลือหนี้ 4 ล้านได้ไง อย่าลืมหนี้ที่คุณว่าแขวนไว้ ก็ต้องรวมไปในมูลหนี้ทั้งหมดด้วย จะไปจ่ายเท่านี้แล้วเอาหลักประกันออกมาก่อนเพื่อขาย ไม่มีแบงก์ไหนยอมคุณหรอกครับ ถ้าจะไถ่ถอนหลักประกันต้องปิดหนี้ทั้งหมดรวมถึงดอกเบี้ยคงค้างด้วย ดังนั้น ถ้าจ่ายไม่ครบ ต่อให้มีคนมาซื้อ คุณก็ขายไม่ได้ ถ้าตราบใดที่คุณยังมีหนี้ค้างกับแบงก์ คุณจะมาคิดว่าอ่ะมีคนมาซื้อแล้ว ฉันให้แก 2 ล้านกว่าก่อนน่ะ แล้วเอาโฉนดให้คนซื้อไปก่อน ผมบอกได้เลยว่า ไม่มีทาง - -" - จากที่คุยกับแบ้งครั้งล่าสุด จนท. เนื่องจากได้ทำการชำระมาเป็นเวลานาน(ประมาน 20 ปีได้) ดังนั้นแบ้งจึงได้ทำสัญญาว่าหนี้ที่แขวนไว้จะหายไปเมื่อคุณชำระเงินต้นทั้งหมด 2. "โดยตอนนี้สิ่งที่ผมอยากจะทำตอนนี้คือ ย้ายไปแบ้งค์อื่น เพื่อที่จะทำให้ดอกเบี้ยที่แขวนไว้หายไป " การย้ายทรัพย์จำนองไม่มีผลทำให้ดอกเบี้ยหายไปครับ ย้ายแบงก์ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยคงค้างครับ มันจะหายเพราะอะไร ผมไม่เข้าใจ - -" - ตามข้อ 1 ครับ 3. "เนื่องจากที่ดินที่ติดอยู่กับแบ้งค์ ถ้าตีจากราคาประเมิน จะมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 17 ล้าน" แต่คุณมีหนี้รวมดอก = 6+3 เอง ตอนจำนอง ผมถามนิดครับว่าคิดยังไง เอาที่ 17 ล้านวางแบงก์เอาเงินแค่ 6 ล้าน แล้วพอมีปัญหาทำไมไม่ขอเพิ่มวงเงิน เพื่อให้มีกระแสเงินสดมากขึ้น - -" - จากเวลาที่ผ่อนมาก็ประมาน 20 ปี ทำให้มูลค่าของที่ดินเพิ่มตามไปด้วย และ คงเป็นความสะเพร่าของตัวเองพอควร ที่ไม่ได้ขอเพิ่มวงเงิน(แถม จนท. ก็ไม่เคยจะแนะนำอีกตังหาก) 4."จากนั้นก็พยามประกาศขายที่ดินให้ได้ในราคา 3.5 ล้านถึง 4 ล้านเพื่อปิด หนี้ที่ ธ.แรก ซึ่งจะทำให้โฉนดที่เหลือที่มีมูลค่ารวมประมาน 10 กว่าล้านหลุดออกมาทั้งหมด" ผมว่าไม่ง่ายหรอกครับ ใช้เวลามากเลยแหละ รวมกับข้อ 1. โฉนดแบงก์ 1 เอาออกมายังไง ยังจ่ายหนี้ไม่หมด - -" - ที่ดินแปลงที่จะเอาออกมา ทำเลค่อนข้างดีมากๆ และค่อนข้างมั่นใจว่าจะขายได้อ่ะครับ จากคุณ : KuniZ - [ 28 มิ.ย. 51 17:26:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบ คห.2 1.ดูจากข้อมูลคุณแล้ว คุณน่าจะทำ TDR แล้ว ครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้นะ แต่เอาว่าหนี้คุณขึ้น TDR แล้ว น่าจะมีการตั้งพักดอกเบี้ยค้างชำระ เอาหละ ผมไม่รู้คุณทำธุรกิจอะไรนะ แต่คาดว่าตอนนี้คุณมีรายได้ประมาณ 0.15 - 0.2 ลบ./เดือน Term การผ่อนชำระคุณถือว่าน้อยนะครับ สำหรับหนี้ 6 ล้าน ที่จริงมันควรจะ 95,000  ด้วยซ้่ำ - รายได้ตอนนี้ประมานเดือนหละ 2-3 แสนจากธุรกิจส่วนตัว แต่เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆพอควร ทำให้การชำระไม่ค่อยตรง ส่วนเรื่องการชำระ ยอมรับว่าถือว่าค่อนข้างน้อยจริงๆ 2. หน่วยงานที่ดูแลคุณไม่ใช่เจ้าหน้าที่ปกติ แต่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่าย sam หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผมคาดว่านะ คุณนะจะค้างชำระ หลายงวดติดต่อกันแล้ว หละ เขาเลยขอเงื่อนไขชำระ 10%  ที่จริงแบงค์ไม่ได้อยากจะได้ ที่ดิน หลักประกันนะครับ  แบงค์ทุกที่ ทุกธนาคาร อยากให้ลูกค้าชำระได้ ด้วยเงินจากธุรกิจมากกว่า - เป็นเจ้าหน้าที่ปกติครับผม ดูแลมาตั้งแต่แรกเลย ส่วนที่ค้างชำระ หลังจากทำ TDR มาก็ผิดนัดประมาน 2-3 งวดอ่ะครับผม, แต่ได้คุยกับพนักงานแบ้งอื่น+ผู้รู้เกี่ยวกับทางนี้ประมาน 3 คน เล่าให้เค้าฟัง เค้ายืนยันเหมือนกันหมดเลยว่า ธ. ต้องการบีบ เพื่อจะเอาที่ดินอะครับ (ตอนนี้ จนท. คนที่ดูํแลก็ยื่นข้อเสนอมาว่า ธ.สนใจที่ดินแปลงนึงของเราเพื่อต้องการเปิดสาขาย่อย และจะเสนอให้ ธ. ซื้อเพื่อปิด 10% ในเดือนสิงหาครับ แต่คนที่คุยมาเค้าให้คำแนะนำว่า ธ. ต้องการบีบและหากเราไม่มีเงินจ่าย 10% เค้าจะบีบเรื่องราคาที่ดินแปลงนั้นของเรา) 3. ที่คุณคิดจะกู้เพิ่ม ตอนนี้ชื่อคุณเข้าเครดิต บูโรแล้วหละครับ คิดว่าน่าจะลำบาก แล้วที่คิดจะให้ไปกู้เพิ่มแบบนี้ ผมว่า เสี่ยงมาก และอาจทำให้ลูกคุณเสียเครดิตไปด้วย นะครับ statement สวยก็จริง แต่ผมคิดว่า เจ้าหน้าทีสินเชื่อคงดูลึกกว่านั้น คิดว่า คงจับเช็คเครดิตหมด (ภรรยา ลูก คุณ) - ตอนนี้เข้าเครดิตบูโรไปเรียบร้อยแล้วครับ ส่วนลูกมีบัญชีของบริษัืทและมีการหมุนเวียนประจำ แถมเจ้าหน้าที่โทรมา offer เงินกู้ sml เองด้วย 4. จากประสบการณ์นะครับ การ refinance หนี้มีปัญหาไป ธนาคารอื่น น่ากลัวมากครับ 80% ไปไม่รอดครับ เพราะเงื่อนไข แบงค์ใหม่ คือ NORMAL ครับ เงื่อนไขไม่ยืดหยุ่นเท่า เงื่อนไข sam หรอกครับ แนะว่าไปคุยกับที่เก่า ขอเจรจา ให้เหมาะสมกับสภาพปัจจุบัน ดีกว่านะครับ -ไปเจรจามาหลายรอบแล้วอ่ะครับ แต่เค้าไม่ยอมมากกว่านี้จริงๆ และสุดท้ายสาเหตุ ที่ต้องย้ายแบ้งค์เพราะถ้าหากปล่อยต่อไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น และสภาพตอนนี้ก็เริ่มไม่มีเงินหมุนแล้วด้วย เพราะถ้าหากตอนนี้ได้โฉนดที่มูลค่า 12 ล้านกลับมา อาจจะทำให้มีเงินหมุนเวียน มาซอยย่อยที่ดินเพื่อแบ่งแปลงให้เช่าน่าจะมี income เข้ามาไม่ต่ำกว่าแสนต่อเดือน (ถ้าใครอยู่ เชียงใหม่จะรู้ว่าทำเลค่อนข้างดี อยู่ติดถนนใหญ่ บนถนนที่มี pub เยอะๆใกล้ มช.) แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 51 18:01:47 จากคุณ : KuniZ - [ 28 มิ.ย. 51 17:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบ คห.3 ครับ กู้เงินไปซื้อที่ดินก็ส่วนนึงครับ แต่ส่วนใหญ่คือเอาไปลงทุนกับธุรกิจ เนื่องจาก ในสมัยก่อนปี 40 income ที่เข้ามาในแต่หละเดือนมากกว่านี้เยอะ ทำให้การชำระเงินกู้ในช่วงแรกไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ จากคุณ : KuniZ - [ 28 มิ.ย. 51 17:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 - รายได้ตอนนี้ประมานเดือนหละ 2-3 แสนจากธุรกิจส่วนตัว แต่เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆพอควร เมื่อหาเงินเพิ่มในระยะนี้ไม่ได้  เอาปัจจุบันที่ทำได้แน่ๆก่อนคือลดรายจ่ายตัวเองดีไหมคะ  เพราะรายได้ระดับนี้เราว่าเดือนละ8หมื่นผ่อนได้สบายนะคะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 28 มิ.ย. 51 18:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบ คห.6 ครับ 1. ปกติเวลาทำ TDR แล้ว ค่างวดเค้าต้องคำนวณให้ลูกหนี้มีความเป็นไปได้ในการชำระ อาจจำกัดจำเขี่ยบ้าง แต่ก็เน้นให้ลูกหนี้ชำระให้เสร็จสิ้น เวลาที่ปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้วไม่มีความเป็นไปได้ที่จะให้ลูกหนี้ชำระได้ มันไม่มีประโยชน์  นอกจากจะไม่แก้ปัญหาแล้วยังเสียเวลาด้วย ด้วยเหตุนี้ผมไม่คิดว่าคุณจะไม่มีเงินมาชำระ เพียงแต่คุณอาจจะไม่ต้องการกระแสเงินสดไปชำระหนี้ อาจต้องการนำไปหมุนในธุรกิจ หรือใช้ในชีวิตประจำวันก่อน (ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของธนาคาร ที่ต้องการให้คุณนำส่วนหนึ่งมาชำระหนี้ก่อน) กรณีนี้ไม่เห็นว่า คุณไม่มีความสามารถในการชำระ แม้จะชำระด้วยหลักประกันก็ตาม (ซึ่งคุณไม่อยากเสียที่แปลงนี้ไป) แต่ปัญหาคือความตั้งใจในการผ่อนชำระมากกว่า ธนาคารเลยจัด 10% ให้คุณต่อท้ืายไว้ในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ (ซึ่งอยู่ๆธนาคารจะโทรมาบอกลูกหนี้ให้ชำระ 10% โดยที่ไม่มีในสัญญาไม่ได้) เงื่อนไขนี้คงถูกระบุไว้กรณีที่คุณผิดนัดชำระหนี้ - ถูกต้องครับ คือการทำ TDR ธ. ได้คำนวนจากบัญชีย้อนหลังของบริษัทและรายได้ทั้งหมด แต่การทำยังงั้นมันไม่ได้หมายความว่า ธ. จะคำนวน ได้ครอบคลุมทั้งหมด เนื่องจาก ภาระส่วนอื่นๆที่ ธ. ไม่ได้นำประคำนวนด้วยมันมี ดังนั้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ ธ. สรุปว่า ควรจ่ายเดือนประมาน 8 หมื่นกว่า ก็ได้บอกกับธ. แล้วว่าไม่สามารถจ่ายได้แน่นอน แต่เค้าก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ส่วนตอนนี้ บอกตรงๆว่าต้องการเงินสดเพื่อไปหมุน และ อย่างที่บอกว่าลงทุนซอยที่ดิน เพื่อให้ได้ income เพิ่มขึ้น ในระหว่างรอการขายที่ดินที่อื่นๆ 2. วิธีการที่ระบุมาเป็นวิธีให้คุณ save ส่วนเสียหายจากการถูกบังคับคดี แล้วขายทอดตลาดที่ดินได้ต่ำกว่าที่ควร   คุณจึงต้องการไถ่ถอนเอาที่ดินมาแม้จะต้องขายเองก็สามารถหาราคาตลาดที่ดีกว่า   แต่ปัญหาคือ เงื่อนเวลา(ตามที่คห.4บอก) (bullet 1,2)   และ bullet 3 ไม่น่ามีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ดังนั้นจาก bullet 3 ไปผมไม่เห็นว่าจะเกิดขึ้น   กรณีที่ทำได้คุณจะสามารถแปลงหนี้จาก ธนาคาร A จำนวน 6 ล้านบาท เป็น หนี้จากธนาคาร B จำนวน 3 ล้านบาทและดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า   และเปลี่ยนหลักประกัน 1x ล้านบาท เป็น หลักประกัน 2 แปลงสภาพคล่องต่ำรวมกันจำนวน 5 ล้านบาท - ที่ต้องการทำตอนนี้คือ นำเงินมาหมุนในส่วนธุรกิจ และ ซอยที่ดินเพื่อให้ได้ income เพิ่มขึ้น เพื่อทำให้สามารถยื้อเวลาในการชำระหนี้ ธ. ระหว่างรอการขายที่ดินไปบางส่วนครับ   3. สรุปว่าคงจะลำบากมากถ้าจะทำแบบนั้น เอาไว้ว่างๆผมจะมาลองเสนอแนวทางเล่นๆนะครับ โชคดีครับ - ขอบคุณมากครับผม ไว้จะรอแนวทางดีๆนะครับ จากคุณ : KuniZ - [ 28 มิ.ย. 51 18:10:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คห 11 พยามลดแล้วครับ อันนี้ลดมาเ้ยอะมากจริงๆ แต่ค่าใช้จ่ายบางส่วนมันก็ลดไม่ได้อ่ะครับ จากคุณ : KuniZ - [ 28 มิ.ย. 51 21:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มันจริง ค่ะ เมื่อ ก่อน เราเคยเป็น โบรกเกอร์ขาย บ้านที่ดิน เจอเรื่องแบบนี้เยอะมาก mpa รายสุดท้าย เราช่วยไม่ได้ เพราะติดวิกิตเศรษกิจ แบบนี้  บ้านขายได้ แต่ไม่ ได้ โอน คนซื้อ ไม่มีเงิน จนตอน นี้ ยังขายไม่ออก   ตอนนี้เลยหนีไป ขาย เครื่องเขียน แทน เซ็ง จัง ขายให้เกินมูลค่าหนี้ จากคุณ : แก้วกล้า (แก้วกล้า) - [ 29 มิ.ย. 51 00:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แต่ก่อนผมก็เคยขายที่ล้างหนี้อ่ะ ตั้งไว้ 6 แสน ขายไม่ออก ก็ลด 5.5 แสน ไม่ออกอีกก็ลดเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ออกเองแหละ จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 29 มิ.ย. 51 03:13:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าลดหละมันปิดหนี้ได้ก็ดีสิครับ ถ้าลดมากๆก็ปิดหนี้ไม่หมด เฮ้อออ~~ T-T จากคุณ : KuniZ - [ 29 มิ.ย. 51 04:26:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าลดมากๆก็ปิดหนี้ไม่หมด - จริง -_-' จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 29 มิ.ย. 51 08:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าที่ดินติดจำนองอยู่ จะเอาไปขาย แบงค์ไม่ยอมหรอกครับ ต้องเอาเงินมาปิดบัญชีล้างหนี้ด้วย ไม่งั้นก็ต้องหาหลักทรัพย์อื่นไปจำนองแทน ทางที่ดีถ้ายังสามารถหาทางกู้ได้ ก็น่าจะลองเพิ่มมูลค่าที่ดินดู อย่างเช่น กู้เงินมาแล้วสร้างบ้านขาย หรือพัฒนาที่ดินทำเป็นตลาดขายของ เก็บค่าเช่า หรือทำหอพัก หรือไม่ก็แบ่งเป็นแปลงเล็กแล้วอาจจะขายง่ายกว่า จากคุณ : TingTing - [ 29 มิ.ย. 51 12:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 o  ธรรมชาติครับที่ธนาคารกับลูกหนี้มองไม่ตรงกันถึงค่างวดที่สามารถผ่อนชำระได้    ธนาคารย่อมให้คุณต้องผ่อนค่างวดสูงๆ เทียบกับรายได้สุทธิต่อเดือนอาจสูงกว่า 50% ด้วยซ้ำ (DTI : Debt to Income)    แต่ลูกหนี้มักจะจัด priority ในการชำระหนี้ไว้หลังการนำเงินไปลงทุนหมุนต่อในกิจการ ไว้ก่อนใช้หนี้คืน    ซึ่งผมคิดว่าความคิดแบบนี้ที่กลายสาเหตุหลักของปัญหานี้ o   ธนาคารคงคำนวณให้คุณปรับโครงสร้างหนี้โดยมีสาระสำคัญคือ         - บีบให้คุณชำระให้เสร็จสิ้นโดยไม่สนใจว่าคุณจะต้องการเงินไปใช้ด้านอื่นอีก         -  กรณีที่คุณผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารกำหนดให้ชำระ 10%         -  ถ้าคุณไม่ผ่อนชำระเลยหรือไม่ชำระ 10% ธนาคารก็จะดำเนินการทางกฏหมายเพื่อบีบเอาหลักประกันคุณขายทอดตลาดมาชำระหนี้            ซึ่งไม่ว่าขายได้เท่าไหร่ธนาคารไม่มีส่วนเสิียหายแน่นอน แถมสามารถปลดภาระต่างๆทั้งสามารถนำเงินไปปล่อยเพื่อให้สร้างรายได้ ทั้งไม่ต้องมีภาระการกันสำรองฯลฯ o   จากดอกเบี้ยพัก 3 ล้านกว่า และระยะเวลากว่า 10 ปีที่ใช้สินเชื่อมา ฟ้องถึงปัญหาในการผ่อนชำระ     ในขณะที่ธนาคารมองว่า คุณเองมีความสามารถในการชำระหนี้แต่มีปัญหาด้านความตั้งใจในการผ่อนชำระ จึงส่งผลถึงการกระทำของธนาคารในข้อ 2 ********************************************     เท่าที่อ่านดูสรุปข้อมูลเบื้องต้นได้ประมาณว่า o   คุณมีค่าใช้จ่าย  ความต้องการเงินทุนที่ใช้หมุนเวียนในกิจการ  ภาระหนี้ รวมกันแล้วสูงกว่ารายได้     เมื่อนำไปใช้ในสองส่วนแรกทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด o   ธนาคารกำหนดให้ชำระ 10% ของหนี้ทั้งหมด (ประมาณ 6 แสน)     ซึ่งลำพังกระแสเงินสดจากธุรกิจไม่เพียงพอแน่นอน ********************************************* แนวทางที่ผมคิดมีดังนี้ครับ 1.  ปลดเงื่อนเวลา โดยเข้าไปเจรจากับแบงก์ขอdelay การจ่าย 10% ของทั้งหมดออกไป     ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นไปได้เช่นการไม่ผิดนัดชำระหนี้ หรือชำระมากกว่าค่างวด 1.x เท่า     หรือแบ่งจ่ายก้อน 10% เป็นงวดๆ โดยช่วงแรกให้น้อยและทั้งหมดในงวดหลัง 2.  เพื่อมีเวลาให้ดำเนินการใน bullet ที่ 1,2 โดยนำเงินที่ได้มาชำระในข้อ 1 (ุุุ6 แสน)     แต่ bullet ที่ 3 ไม่คิดว่าจะทำได้ เพราะที่ดินยังคงเป็นหลักประกัน ไม่ใช่ NPA ที่ธนาคารจะปล่อยขายให้บุคคลที่ 3     เว้นแต่คุณจะทำเรื่องขอไถ่ถอนหลักประกันแปลงดังกล่าวออกไปให้เหลือหลักประกันแปลง 1x ล้าน เพราะยังไงก็ยัง cover มูลหนี้ 3.  วิเคราะห์ความต้องการเงินทุนเพื่อใช้เป็นสภาพคล่องของกิจการ แล้วเลือกใช้ revolving loan เช่น วงเงิน O/D P/N แม้อัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าแต่ absolute amount อาจต่ำกว่า     และถ้าขออนุมัติจากธนาคารที่คุณจะนำ 2 แปลงไปกู้ ให้ขอแบ่งส่วนนึงมาเป็นวงเงิน revolving ด้วย rate ต่ำแบบ long term (ถ้าได้) 4.  จากการทำข้างบนยอดหนี้รวมของคุณยังคงเท่าเดิมโดยประมาณ ซึ่งเป็นภาระต่อไป     (แม้ absolute amount ของดอกเบี้ยอาจต่ำลง)     ให้คุณนำหลักประกันแปลงที่ไถ่ถอนจากธนาคารแรกและมีสภาพคล่องสูงขายเป็นเงินสดนำมาปลดภาระหนี้ธนาคารแรกออกไป     ภาระหนี้โดยรวมทั้งหมดจะลดลงในระดับที่จัดการได้ โดยรวมทั้งหมดยังยึดตามแนวความคิดของคุณเพียงแต่ปรับให้ปฏิบัติได้ หากผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยครับ อ้อ!! ธนาคารไหนครับ พอจะหลังไมค์บอกได้มั๊ยครับ ^^ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 29 มิ.ย. 51 15:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อย่าไปกู้หนี้มาโปะหนี้เลยครับ ถ้ามันไ่ม่รอดขึ้นมา ครอบครัวจะลำบาก เอาที่ดินที่มีอยู่มาแบ่งแปลงขายซะ แล้วเอาไปแก้หนี้เดิม โปะไปโปะมา ดอกเก่าก็แย่อยู่แล้ว ดอกใหม่ก็ตามมาอีก มันจะแย่นะครับ แล้วทีหลังนะครับ มีที่17ล้าน ต้องกู้ 14ล้านนะครับ อย่ากู้ไม่เต็มมูลค่า เสียเปรียบแบงค์เวลาโดนยึด เพราะมูลค่าที่ดินมันมาก คุณเลยโดนเต็มๆ ถ้ามูลหนี้มากกว่าราคาที่ดิน คุณเจรจาได้มากกว่านี้เยอะเลยครับ ลดหนี้ 50% ผมยังเคยเจรจามาแล้ว จากคุณ : ทำด้วยใจรัก (ทำด้วยใจรัก) - [ 30 มิ.ย. 51 08:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่าา ลองอ่านๆดีๆสิครับ ที่กำลังจะทำตอนนี้คือดึงแปลงโฉนดที่ขายเรวออกมาเพื่อนำเงินไปปลดหนี้ + เอาเงินส่วนหนึ่งที่เหลือมาซอยที่เพื่อเช่า+ขาย จากคุณ : KuniZ - [ 30 มิ.ย. 51 10:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 51 12:33:48 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 30 มิ.ย. 51 12:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดิฉันเพิ่งจัดการกับหนี้ของตัวเองเสร็จโดยแบงค์เสนอให้ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ หลังจากคุยเงื่อนไขที่เจ้าหน้าที่เสนอมามี2-3ทางเลือก ข้อแรกให้ชำระครั้งเดียวหมด(โดยแบงค์ลดให้ทั้งส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยเยอะพอสมควร) ข้อสองจะชำระได้เดือนละเท่าไรให้เราเสนอไป และทำหนังสือขอลดดอกเบี้ยคงค้างอยู่ ข้อสุดท้ายให้แบ่งชำระ2ครั้ง ลดให้ได้เท่าที่เค้าเสนอมาและชำระภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่คิดดอกเพิ่ม หลังจากต่อรองกันจนได้ข้อสรุปที่พึงพอใจ ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย ดิฉันก็เลือกข้อแรกค่ะ ขอชมว่าเจ้าหน้าที่และแบงค์ดีมาก ให้คำแนะนำลูกค้าทุกอย่าง ทั้งที่หลักทรัพย์ที่จำนองอยู่มีมูลค่าสูงกว่าหนี้รวมดอกอีกสองเท่า อยากแนะนำให้คุณคุยต่อรองกับแบงค์เจ้าหนี้อีกครั้งดีไหม เพราะเค้าจะเป็นคนที่รู้รายละเอียดทั้งหมดและสามารถแนะนำได้ว่าควรทำอย่างไรดีที่สุดหรือวิธีไหนที่เหมาะกับเคสของเรา จากคุณ : jomo (jomoland) - [ 1 ก.ค. 51 11:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผ่านมาอ่าน... จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 1 ก.ค. 51 16:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เดี๋ยวนี้แบงก์ไม่ยืดหยุ่นกับูลูกหนี้แล้วครับ "ถ้าหากว่าทรัพย์สินที่ค้ำประกันมีมูลคาสูงกว่ามูลหนี้ที่ค้าง" ธนาคารจ้องยึดอยู่แล้ว  เพราะขายออกไปไงๆเขาได้คุ้มกว่าการเจรจา เป็นแนวทางการบริหารสินทรัพย์ในมือของทุนต่างชาติน่ะเองครับ คุณ jomo โชคดีมากที่เจอธนาคารมีธรรมาภิบาล ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มีเหลืออีกแล้วเพราะทุนต่างชาิติเทคโอเวอร์ธนาคารไทยหมด จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร - [ 5 ก.ค. 51 07:19:41 ]