ความคิดเห็นที่ 1 คุณอ่านตำรามาแล้วบ้างใช่ไหมครับ งั้นผมเอาแบบทางปฏิบัติเลยนะ ก่อนอื่น การแบ่ง segmentation นั้น มี criteria ดังนี้ 1) ลูกค้ากลุ่มนั้นจะ้ต้องมีอะไรเหมือนๆ กัน จะเป็นอะไรก็ได้ เช่น อยู่ในช่วงอายุเดียวกัน อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีความชอบเหมือนๆ กัน (Lifestyle) ศาสนาเดียวกัน มีรายได้เท่าๆ กัน 2) ลูกค้ากลุ่มนั้นจะต้องมีจำนวนมากพอ เช่น ถ้าคุณสร้าง segment ใหม่ขึ้นมา สักอันหนึ่ง หลังจาก Filter ต้องข้อ 1 แล้ว ปรากฎว่าเหลือเพียง 2000 คน มันจะไม่เหมาะที่จะเป็น segmentation นะครับ เพราะมันเล็กเกินไป ไม่คุ้มค่าการลงทุน 3) ลูกค้ากลุ่มนั้นจะต้องเป็นกลุ่มเป้าหมายของสินค้าคุณ อันนี้คุณต้องคิดเอาเองนะ ว่าใครล่ะ คือลูกค้าของคุณ อาจจะใช้บริษัทที่ปรึกษา บริษัทวิจัย ช่วยก็ได้ แต่แบบนั้นเสียเงินนะครับ เบื้องต้นถ้าเป็นบริษัทคุณเอง คุณควรจะต้องมีแนวทางบ้าง และคิดเองก่อน ใช้ Gut feeling นึกดู ไม่ต้องอิงทฤษฎีมาก อย่างที่คุณยกตัวอย่างว่า ปลากระป๋อง เนี่ย ผมลองนึกดูนะ คิดเป็นขั้นตอน 1. แบ่งเป็นแบบลูกค้าในประเทศไทย กับนอกประเทศก่อน (ส่งออก) 2. ลูกค้าในประเทศ แบ่งต่อเป็น กลุ่มแม่บ้าน/แม่ครัว (ซื้อไปทำอาหารเอง) และกลุ่มร้านค้า (ซื้อไปขายต่อ) 3. ถึงจุดนี้คุณลองคิดต่อว่า เขาซื้อปลากระป๋องไปทำอะไรอีก ดังนั้นจะได้ segment ดังนี้ 1. กลุ่มลูกค้าที่ซื้อไปทำอาหารเอง    1.1 ชอบทานรสจัด    1.2 ชอบทานรสหวาน    1.3 xxxx 2. กลุ่มลูกค้าที่ซื้อไปขายต่อ 3. xxx อีกวิธีนะ กรณีที่สินค้าคุณขายอยู่ตลาดอยู่แล้ว คุณก็ลองค่อยวิเคราะห์ดูว่า ใครล่ะที่ซื้อสินค้าคุณมากที่สุด (หมายถึงกลุ่มคนประเภทไหน) หรือกลุ่มคนที่อาศัยอยู่บริเวณไหน โดยสรุป segmentation ไม่ควรมีมากเกินไป เพราะมันหมายถึงคุณต้องออกสินค้า ราคา promotion ต่างๆ มาหลายๆ แบบเพื่อตอบสนองลูกค้าแต่ละ segment และก็ไม่ควรน้อยเกินไป เพราะมันหมายถึง คุณไม่ focus ลูกค้ากลุ่มนั้น ออกอะไรมา ก็ไม่ตรงใจกลุ่มนั้นๆ แบบเต็มๆ มันต้องพอดีๆ ส่วนจะเป็นเท่าไหร่นั้น คุณก็ต้องค่อยคิดๆ คิดเสร็จแล้ว ก็ค่อยๆ ปรับปรุงเปลี่ยนภายหลังได้ เพราะ market มันเปลี่ยนตลอดอยู่แล้วครับ จากคุณ : hotshot9 (hotshot9) - [ 29 มิ.ย. 51 20:00:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขออธิบายภาษาบ้านๆได้มั๊ยครับ เพราะถ้าทางการเดี๋ยวจะเครียดเหมือนตำราจนไม่เข้าใจ (จริงๆแล้วอธิบายแบบนั้นไม่ได้ 555) สมัยโน้นที่ใครใคร่ค้าม้า ค้า  มันก็ยังไม่มีใครมามีอารมณ์นั่งทำ Segmentation เพราะจวบจนถึงปัจจุบันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โลกเรายังเป็นโลกของผู้ผลิต ผลิตไปก็ขายกันไป ถูกใจกันไป ตัวอย่างเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  ร้อยวันพันปีก็มีรสชาติเดียว  ใส่ซอง  ขนาดเดียว หรืออย่าง ร้านตัดผม  หน้าตาก็คล้ายกันหมด มีโต๊ะบาร์เบอร์ คนใส่ชุดคลุมฟ้า เข้าไปกลิ่นน้ำมันฉุนกึ้ก พอวันเวลาผ่านไป ผู้ผลิตเริ่มทำมาหารับประทานลำบากขึ้น ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง การแข่งขันสูงขึ้น ลูกค้ามีอำนาจในการต่อรองมากขึ้นฯลฯ แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ   ความต้องการของลูกค้าเริ่มหลากหลายขึ้น เช่น หนุ่มๆแก่ๆเมื่อก่อนรองทรง ลานบิน เมกัน  เด็กๆรองหวี เกรียนกันไป เดี๋ยวนี้ วัฒนธรรมข้ามชาติ แฟชั่นหลากหลาย บางคนอยากไว้ afro บางคนไว้เดร็ดล็อค  ทรงญี่ปุ่น เกาหลีอีกเป็นร้อยพัน ลำพังบาร์เบอร์ก็เริ่มตัดไม่ค่อยจะได้ซะแล้ววว ^^ พอลูกค้าความต้องการเริ่มไม่เหมือนกัน  คนโน้นไปทางนึง อีกคนไปทางนี้ คนลำบากก็คือผู้ผลิตที่จะต้องตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันให้ได้ หัวใจสำคัญในการทำ segmentation คือ " แยกคนที่มีความต้องการเหมือนกันไว้กลุ่มเดียวกัน  คนที่อยู่คนละกลุ่มมีความต้องการไม่เหมือนกัน " เวลาแยกออกมาคุณอาจจะแบ่งได้หลากหลายกลุ่ม บางกลุ่มเล็ก บางกลุ่มใหญ่ ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะเดี๋ยวเราจะไปเลือกอีกที (Targeting) ขอให้ยึดหัวใจไว้เพราะ ถ้าคุณแบ่งได้ชัดเจนราวกับอ่านลายมือตัวเอง เพื่อที่คุณตอบสนองแต่ละกลุ่มได้ตรงเป้าอย่างมีประสิทธิภาพ (Maximize Customer Value with Minimize Resource) Tips เวลาที่วิเคราะห์ segmentation ด้วย statistical analysis ก็ใช้เกณฑ์ ความเหมือนของกลุ่มเดียวกันที่สุด  ความต่างของกลุ่มต่างกันมากที่สุด คำถามต่อไปคือ   แล้วกรูจะแบ่งยังไงให้ได้ยังงั้นละเนี่ย?? (พิมพ์ผิดไปหน่อย ^^') แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 51 20:58:15 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 29 มิ.ย. 51 20:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก ตอบได้ถูกใจผมจริง ๆ ครับ ยังกะว่า เรามาจากโรงเรียนเดียวกันเลย แต่ผมขออนุญาตเพิ่มข้อความอีก 1 วรรค นะครับ หัวใจสำคัญในการทำ segmentation คือ " แยกคนที่มีความต้องการเหมือนกันไว้กลุ่มเดียวกัน  คนที่อยู่คนละกลุ่มมีความต้องการไม่เหมือนกัน ส่วนคนที่ไม่มีความต้องการไม่เกี่ยว " เช่น ตลาดผ้าอนามัย อย่าแบ่งมาเป็น เพศหญิง เพศชาย เพราะผู้ชายไม่ได้มีความต้องการ วันนี้ผมมีเวลาจำกัดครับ และไม่ได้บ่นก่อนตอบ ก็เลยตอบได้ไม่ยาว ตอบสั้น ๆ ตรงประเด็นคือ ถ้าถามเรื่องตลาดปลากระป๋อง ปัจจุบันตลาดน่าจะอยู่ในช่วง slow growth หรือ maturity ก็ควรใช้ benefit segmentation แต่ถ้าตลาดอยู่ช่วง introduction อาจจะใช้ demographic โดยเฉพาะรายได้ (อำนาจซื้อ) เป็นตัวแบ่ง พอถึงขั้น growth อาจใช้ lifestyle segmentation จะทำให้เกาะลูกค้าได้นาน สรุปคือ จะใช้เกณฑ์ใดก็ได้ครับ ไม่มีผิดไม่มีถูก เพียงแต่ว่า ใครแบ่ง segmentation ได้ชัดกว่า ก็จะเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้มากกว่า ย่อมได้เปรียบ และปกติ แผนการตลาดเค้าต้องทำต่อเนื่อง และปรับปรุงแผนอยู่แล้ว ดังนั้น การปรับปรุงแผนแต่ละครั้ง ไม่จำเป็นต้องใช้เกณฑ์เดิม จะใช้เกณฑ์อะไรก็ได้ กี่เกณฑ์ก็ได้ แต่ต้องแบ่งความต้องการของลูกค้าออกเป็นกลุ่ม ๆ ได้แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทุกส่วนตลาด (segment) ต้องมีขนาดใหญ่พอ และเราสามารถจะมีแนวทางการทำตลาดได้ทุกส่วนตลาด หลังจากนั้น ในขั้นเลือกตลาด (targeting) ค่อยมาพิจารณาอีกที ว่าจะเลือก segment ใด ที่เราได้แบ่งไว้แล้ว วันนี้ขอตอบสั้น ๆ แค่นี้ครับ จากคุณ : CNXek - [ 29 มิ.ย. 51 21:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แหม เขิลครับ   เพราะผมเองเวลาอ่านที่คุณCNXek ตอบกระทู้ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่อง marketing ที่ตอบได้ครบและคมเสมอ ผมเองก็คอยแอบจิ๊กใส่สมองบ่อยๆครับ  พอถูกชมแบบนี้ตัวจะลอยเอาครับ รู้สึกเหมือนถูกอาจารย์ชม ^^ อ้อ จขกท.ครับ เกณฑ์ข้างบนเนี่ยใน text จะครบถ้วนกว่า ถ้าขาดหรือเกินอะไรไปก็ลองใช้ดุลยพินิจนะครับ เพราะผมก็เขียนเอาจากที่ระลึกได้ แล้วถ้าติดขัดตรงไหนก็มาอภิปรายกันตรงนี้ได้  ส่วนปลากระป๋องเนี่ย ลองนึกๆเล่นๆกันครับแล้วมาแชร์กัน เดี๋ยวผมทำงานเสร็จคืนนี้ก่อนหลับจะนอนคิดเล่นๆครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 29 มิ.ย. 51 21:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โอ้วว พระเจ้าเพิ่งรู้ตัวว่าความเห็น 4 หาย   เซ็งจังพิมพ์ตั้งยาว สงสัยมีคำต้องห้าม ไว้หายช๊อคเดียวมาเขียนใหม่ล่ะ  T-T  เสียดายจังอุตส่าห์มั่วไว้ละเอียดเลย จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 29 มิ.ย. 51 21:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตามเข้ามาอ่าน(เรียน)ด้วยคนค่ะ รอคห.4 กลับมานะคะ อยากรู้เหมือนกัน ^^ จากคุณ : Gwan - [ 2 ก.ค. 51 15:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วิธีแบบบ้านๆนะครับ เดินตลาด ดูความสนใจของคน คุยกับคนขาย ลั้นลาไปวันๆ นี่คือความต้องการผู้บริโภค ดูเทียบกับว่าในตลาดมีสินค้าอะไรบ้าง แต่ละอย่างมันต้องการตอบโจทย์อะไร ถ้าเทียบๆกันดูแล้วมันยังสมดุลค่อยวิเคราะห์เพิ่มเชิงลึก ถ้ามันไม่สมดุล หรือ"รู้สึก"ว่ามันยังไม่ใช่ ก็มีช่องว่างให้เล่น คุ้มไม่คุ้มว่ากันอีกที อารมณ์เพชรเม็ดเดียวกัน มองต่างมุมประกายก็ต่างกันอ่ะ ****** แต่ถ้าทางวิชาการ คุณCNXekตอบโดนใจครับ ตอนเริ่มต้น - หรือไม่มีตัวเลือกมากนัก demographic และ อำนาจซื้อ ตอนเติบโต - ปัจจุบันใช้ lifestyle ตอนอิ่มแล้ว - คือพื้นที่ใหญ่ๆนิ่งแล้ว ลูกค้าอาจจะลองใช้หลายยี่ห้อแล้ว เลือกเพื่อจะใช้ซ้ำ ก็แบ่งโดย benefit ตอนตกต่ำ - (ยังไม่มีใครพูด) ผมว่ามันไม่คุ้มจะเล่นตลาดนี้อ่ะ ส่วนมากเค้าก็แค่ประคองตัวไป เอากำไรที่ยังพอมีไปเล่นตลาดขาขึ้น ****** อย่างไรก็ดี เป็นแค่เครื่องมือในการช่วยพิจารณาว่า -จะขายใคร- ^ ผมเอาประโยคนี้ไว้ในใจ แล้วคำถามที่เหลือมันก็ตามมาเองอ่ะ จนกว่าจะหมดที่คาใจครับ จากคุณ : numnumnum1 - [ 3 ก.ค. 51 13:13:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ pantip ไปแล้ว แล้วเห็นว่าจะจัดการให้ แต่คงเงียบไปแล้วละครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 5 ก.ค. 51 00:23:37 ]