Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี ตอนที่ 52. “ทรงเอี่ยม” ยอดนักขน...แห่งยุคเมนเฟรม

    จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี  ตอนที่ 51. “ทรงเอี่ยม”  ยอดนักขน...แห่งยุคเมนเฟรม






    งานขนาดใหญ่อย่างกระทรวงเกษตร ไม่ใช่ได้มาแล้วจะจบอย่างง่ายๆ

    เหมือนหนังโรง  แต่เป็นการเริ่มต้นเรื่องใหม่ที่หนักหนากว่าเรื่องเดิม  เอาแค่

    การส่งของก็แทบแย่แล้ว……







    ในวงการเครื่องคอมฯ ขนาดยักษ์นี้ มีคณะผู้ชำนาญการขนย้ายอยู่คณะหนึ่ง

    รับงานทุกเจ้าทุกยี่ห้อ ทั้งหนักทั้งเบา ยกลงใต้ดิน ขึ้นชั้นบน ทำได้หมดไม่

    เคยมีสินค้าเสียหาย หรือทำให้ตึกอาคารลูกค้าแตกหักฉีกพังไป







    ทีมนี้ชื่อเป็นไทยๆ ว่า “ทรงเอี่ยม” เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมมาก หากคุณเห็นทีมนี้

    ทำงานแล้วอาจพอนึกออกว่า คนอียิปต์โบราณเขาขนหินก้อนหนัก ขึ้นไป

    สร้างปิรามิดที่ใหญ่โตขนาดนั้นได้อย่างไรด้วยแรงคนและเครื่องมือ

    โบราณ   “ทรงเอี่ยม” ทำให้ผมนึกเห็นภาพอย่างนั้นได้เลย.......







    ยุคนี้อาจไม่เคยเห็นภาพกุลีจีนตัวแกร่งแข็งแรง เส้นเอ็นเต็มแขนขา เส้น

    เลือดนูนพ้นเนื้อออกมา ใส่เสื้อกล้ามข้างในมีเสื้อลอยชายทับอยู่ข้างนอกไม่

    ติดกระดุม นุ่งกางเกงขาสั้นและสวมรองเท้าแตะ ทำงานแบกยกของหนัก

    แถวท่าเรือหรือโกดังเก็บของ สมัยนั้นมีมากและ “ทรงเอี่ยม” ใช้คนพวกนี้

    แหละครับมายกเครื่องคอมพิวเตอร์ไฮเทคที่แสนแพง







    ตอนที่แกรับงานยกเครื่องคอมฯยักษ์ของ UNIVAC ให้กับกระทรวงเกษตร

    นั้นแกอายุพอสมควรแล้ว







    ลูกทีมแกก็อายุมากด้วยกันทั้งนั้นคนหนุ่มไม่มีเลย ใช้รถโกดังแบบโบราณตัว

    พื้นเป็นไม้ถึงที่นั่งคนขับและโครงหลังคา หัวขับเป็นเหล็กหนาโค้งมนตาม

    แนววางเครื่องทาสีเขียวทึบออกดำ มีกันโคลนเหล็กหนาคุมล้อทั้งสองข้าง

    ด้านหน้าเป็นดวงไฟ ส่วนที่เป็นโลหะทั้งหมดยังได้รับการดูแลดีมากไม่มีผุ

    กร่อนเลย แข็งแรงเหมือนเจ้าของที่เริ่มเข้าแว่นแล้วแต่ยังแกร่งเหมือนเด็ก

    หนุ่ม  







    สมัยนั้นรถโกดังติดเวลาสามทุ่ม และกระทรวงฯให้เราขนของได้ถึงสองยาม

    เรามีเวลาย้ายของจากท่าเรือคลองเตยมาที่กระทรวงฯแค่สามชั่วโมง ของมี

    สองคันรถครับเล็กใหญ่กว่ากันไม่มาก ทั้งสองคันมีทีมยกทีมเดียว







    “คุณสมชัย” เจ้าหน้าที่ธุรการมือดีของบริษัท แกพูดได้ทุกเรื่องพรรคพวก

    เลยเปลี่ยนชื่อแกเป็น “คุณจ้อ” แกคำนวณแล้วว่ามีเวลาแค่นี้อย่างไร  ทำได้

    แค่ยกของลงกองไว้หน้ากระทรวงฯ วันรุ่งขึ้นค่อยมาขนขึ้นตึก







    แกจึงวิ่งไปพาหุรัดหาซื้อแผ่นพลาสติกหน้ากว้างหนึ่งหลายาวเท่าไหร่ไม่รู้ แต่

    ได้มาทั้งม้วนเลย คาดว่าจะมาคุมเครื่องคอมฯ กันฝนกันน้ำค้าง พวกเราและ

    พลาสติกมานั่งรอที่กระทรวง แต่รถโกดังยังไม่มา







    วันก่อน “ทรงเอี่ยม” มาขอดูสถานที่ที่กระทรวงฯหลังจากทางเราส่งขนาด

    และน้ำหนักของคอมพิวเตอร์ทั้งสองตัวไปให้ พร้อมแจ้งกำหนดการและ

    สถานที่ แกได้รับรายละเอียดแล้วโทรคุยกับช่างของเราจนไม่กระจ่างเมา

    มายทั้งสองข้างจึงต้องขอดูสถานที่จริง







    ตึกของกระทรวงฯเป็นแบบเก่าเพดานสูง รถสามารถเข้ามาจอดถึงบันไดตึก

    ทางด้านข้างแต่บันไดตึกพอดีกับขนาดเครื่องคอมฯ และมีชานพักหนึ่งชานที่

    ต้องหันกลับทางขึ้นบันไดไปชั้นสอง แล้ววกไปยังช่องทางเดินด้านซ้าย







    ผมเดินตามดูด้วยแล้วยังนึกว่าซวยแล้ว  ต้องพังตึกเพื่อยกเครื่องคอมฯเข้า

    มาไหมนี่ แต่ “ทรงเอี่ยม” แกไม่พูดอะไรบ่นงุมงำตามประสาแก  แล้วกลับ

    ไปพร้อมลูกชายที่เรียนจบจากนอก ขี่รถบีเอ็มป้ายแดงมารอรับพ่อ  







    สี่ทุ่มแล้วที่รถขนของคันแรกถอยเข้ามาจอด พอจอดสนิทก็เทกะบะลงทั้ง

    สามด้าน คนที่ชำนาญงานทั้งนั้นก็ลงมือ สองคนโดดขึ้นไปบนรถที่มีลังไม้

    ฉำฉาบรรจุของใบใหญ่อยู่ ถอดตะปูที่เย็บฝาตู้ไว้ออกทั้งสี่ด้าน ฝาตู้และ

    กระดาษห่อกันชื้นที่นำออกมานั้นถูกจัดวางเป็นที่เป็นทาง เปลือยตู้ให้เห็น

    เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดสูงท่วมหัวที่ยังยึดติดกับขาไม้รองพื้น







    “ทรงเอี่ยม” ขึ้นไปเองพร้อมกล่องเครื่องมือเล็กๆ เปิดออกมีประแจนิ้วตาม

    สไตล์น๊อตแบบอเมริกัน ช่วยกันถอดน๊อตที่ยึดขาเครื่องคอมฯ ออกจากไม้

    พื้นจนหมด ไม่มีน๊อตหล่นเกะกะสักตัว เก็บงานเรียบร้อยมาก แล้วทีมก็เอา

    ไม้รองพื้นชุดใหม่ที่แข็งแรงกว่ามาสอดแทนไม้รองพื้นเดิมที่เป็นไม้เนื้ออ่อน

    เริ่มยึดน๊อตให้เครื่องคอมฯยึดกับไม้พื้นที่แข็งแรงทั้งสองท่อน  







    อุปกรณ์ที่แพงที่สุดถูกนำออกมา เป็นรอกเหล็กแบนๆ สำหรับดึงโซ่ที่ใช้คัน

    โยกตามภาษาทั่วไปเรียก “ฮื้อ” อาจเป็นเพราะรูปร่างเหมือนปลาและภาษา

    จีนแต้จิ๋วเรียกปลาว่า “ฮื้อ” หรืออย่างไรไม่ทราบ







    เขาพาดรางจากรถบรรทุกลงมาที่พื้น เป็นไม้กระดานเนื้อแข็งแผ่นหนากว้าง

    สักสิบนิ้วมันวาวสองราง พอโยก “ฮื้อ” เครื่องคอมฯก็ค่อยเลื่อนลงมาบนราง

    ลาดนั้นโดยมีเชือกผูกหน้าโยงหลังประคองให้เครื่องคอมฯลงมาจนถึงพื้น

    อย่างสงบ







    ตอนเอาขึ้นบันไดที่เป็นขั้น ต้องพาดรองขั้นบันไดด้วยไม้แผ่นเนื้อแข็งและ

    รองกลิ้งด้วยไผ่ท่อนกลมแท่งตรงเนื้อหนา ขนาดที่กุลีชอบใช้แทนไม้คาน

    หาบของหนัก สีไม้มันฉ่ำเหมือนตกน้ำมันแบบถูกใช้งานอาบเหงื่อเป็นประจำ







    ตอนลงรถ  ไม่มีลูกกลิ้งรองก็ลงมาได้ แต่ตอนขึ้นตึกต้องใช้ลูกกลิ้งไม้ไผ่

    รองอีกที่ เครื่องคอมฯ ก็ว่านอนสอนง่ายเลื่อนตามขึ้นบันไดไปอย่างสงบ มี

    แต่เสียงทีมงานที่ล้งเล้งสั่งงานกันตลอดเวลาพร้อมกับคอยเอาไม้คานงัดแต่ง

    ผลักดันเครื่องคอมฯให้เดินตรงทาง ไม่ได้ทำความเสียหายให้กับบันไดหรือ

    ตัวอาคารแม้แต่น้อย







    มาเสียวสยองตอนหันกลับทางกลางบันไดและหักมุมบนชั้นสองเท่านั้น ดู

    ทีม “ทรงเอี่ยม” แกขนของหนักขึ้นบันไดอย่างนี้แล้ว ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า

    มนุษย์ต้องสร้างปิรามิดด้วยเครื่องมือง่ายๆ ได้แน่ๆ  







    เครื่องชุดที่สองเล็กกว่าแต่เวลายังมี และมีประสบการณ์กับเครื่องแรกแล้วจึง

    ขนกันอย่างรวดเร็ว ทีมเริ่มเหนื่อยจากเครื่องชุดแรกและตัวนี้เบากว่าแต่ศูนย์

    ถ่วงคงไม่ดีจึงมีอาการเซบ้างและมีลุ้นให้ใจแป้วบ้าง แต่ก็รอดปลอดภัยไม่

    ต้องซ่อมแซมชดใช้อะไร







    เครื่องคอมฯวางเข้าที่บนพื้นยกในห้องเครื่องแล้ว ทีมช่างก็จัดยึดขยับให้ตรง

    กับที่ทำหมายไว้เพื่อรอมาติดตั้งกันจริงจังเช้าพรุ่งนี้







    งานเสร็จในเวลาก่อนเที่ยงคืนทุกคนจึงมีอากาศเต็มปอดให้หายใจไปอีกวัน







    วันนั้นคุณจ้อแกเลยต้องโยนม้วนพลาสติก ที่แกอุตส่าห์ไปหามาทิ้งไว้ตรง

    นั้น ผมเลยเก็บมาเผื่อว่าอาจต้องใช้ในงานอื่น ปัจจุบันยังรกอยู่ที่ห้องเก็บของ

    บ้านผม ไม่ได้ออกงานไหนเลย







    เห็นไหมครับงานที่สุจริตอะไรก็ได้หากทำจริง รู้จริงขายตัวเองได้ คนอื่นตาม

    ไม่ทันก็รุ่งเรืองได้ ทีมของ “ทรงเอี่ยม” เกือบทั้งทีมสามารถส่งลูกเรียน

    ปริญญาทั้งในและนอกประเทศได้ ทั้งที่รุ่นพ่อทำแค่งานที่คนทั่วไปเรียก

    ว่า "กุลี”







    แต่ผมไม่ใช้วลีอย่างนั้นกับคนที่ผมยกย่อง แกทำในสิ่งที่ผมทำไม่ได้และคน

    อื่นๆ ก็ทำให้เหมือนแกทำไม่ได้ มีหลายทีมที่เกิดมาทีหลังแต่ทำได้ไม่ดีเท่า







    พอหมดยุค Mainframe ก็ไม่มีงานที่ต้องยกเครื่องคอมฯขนาดใหญ่กันอีก

    ทีม “ทรงเอี่ยม” นี้ก็สลายไปเหลือแต่รุ่นลูกที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทน เลย

    หมดมนต์ขลังแห่งความเพียรไป







    ตอนหลังผมมาอยู่ที่บริษัท NCR เราขายตู้ DISK ขนาดเท่าเครื่องซักผ้าให้

    กับกองเทเล็กส์ที่คนดังอย่าง “คุณบุญคลี”  ดูแลอยู่







    ผมจ้างมือยกระดับอาชีพมียี่ห้อของนอกกำกับ พนักงานแต่งเครื่องแบบ มีรถ

    ขนของอย่างดี ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการออกเอกสารและใบรับงาน ผมให้

    ไปส่งที่ชั้นหกอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก







    แค่ขนของขึ้นลิฟท์แค่นั้นละครับ ตู้มีรอยบุบ ผมส่งของไม่ได้ ลูกน้อง ”คุณ

    บุญคลี”
    ไม่ยอมรับต้องการให้เปลี่ยนฝามาให้ใหม่ ผมจะไปเอาเฉพาะฝาที่

    ไหนมาให้ จึงต้องใช้บทโศกหาเรื่องอ้อนให้พรรคพวกฝั่งลูกค้าเห็นใจ สุด

    ท้ายยอมให้ผมนำกลับไปเคาะพ่นสีมาให้ใหม่แต่ต้องใช้สีย่นตามแบบของ

    เดิม







    กว่าผมจะหาสีย่นแบบนั้นได้ก็แทบแย่ เพราะโรงงานที่เมืองนอกบอกมาว่าให้

    ใช้สีตรายีราฟ แต่อู่ซ่อมรถเมืองไทยบอกว่ามีแต่ตรานกแก้ว แล้วว่าเบอร์

    เทียบกันได้จึงต้องยอม “เคาะบุบฝาเดียวแต่ต้องทำสีทั้งตู้เลย” สีเก่าสีใหม่

    ทำยังไงก็ไม่เหมือน







    ไม่ใช่ผมจะว่า “ของเก่าดีกว่าของใหม่” นะครับ แต่ผมว่าความจริงใจในงานที่

    ทำสำคัญที่สุด ทีม “ทรงเอี่ยม” ทำด้วยความรู้งานและใส่ใจ แต่ทีมยี่ห้อนอก

    แค่ทำตามใบสั่ง ขาดการรับรู้และรับผิดชอบ คุณอยากให้ทีมของคุณเป็น

    แบบทีมไหน คุณต้องเริ่มที่ตัวคุณก่อน.......................

    แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 51 21:39:33

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 29 มิ.ย. 51 21:37:42 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom