Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    หลายหลายวิธีที่จะเริ่มต้นธุรกิจ{แตกประเด็นจาก B6572126}

    แต่ละปีมีหลายคนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจเอง บทความนี้จะให้ข้อแนะนำถึงทางเลือกในการทำธุรกิจที่น่าจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงผลดี และผลเสียของแต่ละวิธีประกอบการตัดสินใจ


    วิธีแรก เกิดจากการมีความคิดทางธุรกิจที่ดี

                ความคิดทางธุรกิจที่ดีอาจจะมาจากการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ หรืออาจอยู่ในรูปความคิดดั้งเดิมหรือแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจเป็นช่องว่างในตลาดที่คุณสามารถเติมเต็มได้ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานที่คุณทำอยู่ ความสนใจหรืองานอดิเรกที่คุณสามารถเปลี่ยนมาทำในเชิงธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่เกิดจากอะไรก็ตาม คุณต้องแน่ใจว่าสามารถตอบสนองได้ทั้งความต้องการโดยส่วนตัวของคุณ และความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจ ในกรณีนี้ มีคำถามที่คุณต้องหาคำตอบให้กับตัวเองก่อนตัดสินใจคือ
    • คุณมีประสบการณ์และความชำนาญอะไรสำหรับนำมาใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจที่คุณจะเลือก
    • มีตลาดไหม มีคนที่ต้องการความคิดคุณไหม ลูกค้าอยู่ทีไหน และเขาจะยอมจ่ายซื้อความคิดคุณหรือไม่
    • ขนาดของตลาดเป็นอย่างไร และคุณจะเข้าถึงได้อย่างไร
    • ใครคือคู่แช่งสำคัญของคุณ
    • ความคิดของคุณมีอะไรเป็นพิเศษ มีความแตกต่างจากสินค้าและบริการที่มีอยู่เดิมๆ หรือไม่
    • คุณจะลงทุนอย่างไร
    • คุณจะทำอย่างไรถ้าเกิดความผิดพลาดชึ้น


    วิธีที่สอง ทดลองรูปแบบธุรกิจที่มีอยู่แล้ว

               ผู้เริ่มต้นธุรกิจหลายรายใช้ทางลัด โดยการซื้อธุรกิจที่มีอยู่เดิม หรือการซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ ที่มีรูปแบบทางธุรกิจเป็นที่รู้จักและยอมรับในตลาด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการต้องเริ่มใหม่โดยลำพัง วิธีนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสีย

    ข้อดี
    • ง่ายต่อการกู้ยืมเงิน
    • มีการนำเสนอสินค้าและบริการในตลาดแล้ว
    • แผนธุรกิจและวิธีการทางการตลาดถูกจัดวางระเบียบไว้ชัดเจน
    • ช่วยสร้างประสบการณ์ที่มีค่าในการทำธุรกิจสำหรับการเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี
    • ปัญหาหลายอย่างได้มีการค้นพบและแก้ไขแล้ว
    • บางแฟรนไชส์มาพร้อมกับการสนับสนุนด้านเงินทุนด้วย
                     
    ข้อเสีย
    • ธุรกิจที่ขายกิจการในราคาพิเศษบางแห่งก่อให้เกิดปัญหาตามมา คุณต้องให้แน่ใจว่าเข้าใจเหตุผลของการขายธุรกิจอย่างชัดเจน ซึ่งบางทีคุณอาจจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากราคาที่คุณซื้อไว้เพื่อปรับปรุงให้เกิดโอกาสที่จะประสบความสำเร็;
    • สิทธิในการที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ หรือสิทธิในการขายสินค้าและบริการอันใดอันหนึ่งอาจมีราคาสูงมาก
    • ในกรณีของแฟรนไชส์ บางทีคุณอาจจะพบกับข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งคุณต้องยึดติดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


    วิธีที่สาม รูปแบบเฉพาะ

                 บางครั้งการเป็นเจ้าของธุรกิจอาจมาจากวิธีการที่คาดไม่ถึง เช่น การได้รับข้อเสนอให้ซื้อกิจการจากนายจ้าง หรือการได้รับโอกาสในการดูแลธุรกิจของครอบครัว เป็นต้น ในการเข้ามาเริ่มต้นธุรกิจแบบนี้ก็เหมือนกับรูปแบบอื่นๆ คือ คุณจะต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งใจสูง ควบคู่กับการที่ต้องมีเงินทุนสำหรับใช้หมุนเวียนในกิจการ และที่สำคัญคุณต้องประเมินความเป็นไปได้ของธุรกิจคุณอย่างระมัดระวัง
                       
    ข้อดี
    • มีการดำเนินงานในส่วนของการพัฒนาสินค้าและบริการ การวางแผน และการทดสอบตลาดมาแล้ว
    • มีกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว มีรายได้ที่แน่นอนส่วนหนึ่ง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง และยังมีเครือข่ายสำหรับติดต่อที่เป็นประโยชน์ได้
    • ในกรณีของการซื้อกิจการจากนายจ้าง คุณอาจมีความรู้ ความชำนาญในธุรกิจอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
                       
    ข้อเสีย
    • คุณอาจจะต้องมารับภาระปัญหาของคนอื่นต่อ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจ คุณต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ได้หรือไม่
    • ในกรณีที่ซื้อกิจการจากนายจ้าง คุณอาจเสียสิทธิประโยชน์ที่คุณเคยได้รับจากการเป็นลูกจ้าง ในขณะเดียวกัน คุณจะต้องแบกภาระความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านการบัญชี การบริหารบุคลากร และการจ่ายเงินเดือน เป็นต้น


    วิธีสุดท้าย   ทำธุรกิจเป็นงานนอกเวลา

                  ถ้าลักษณะธุรกิจสามารถทำงานนอกเวลาได้ คุณสามารถตัดสินใจที่จะเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับงานที่ทำอยู่ปัจจุบันหรือความรับผิดชอบอื่น และเมื่อธุรกิจไปได้ดี หรือสถานการณ์ทางการงานเปลี่ยนแปลงไป คุณก็อาจจะก้าวเข้ามาทำธุรกิจอย่างเต็มตัว
                       
    ข้อดี
    • คุณยังคงมีรายได้อยู่ขณะที่ธุรกิจของคุณยังไม่แข็งแรงพอ
    • เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์ตอบรับ อินเตอร์เน็ต และ E-mail สามารถช่วยให้ติดต่อกันได้ ถึงแม้คุณไม่ได้อยู่ในเวลานั้น
                       
    ข้อเสีย
    • อาจจะยาก เครียด และเหนื่อยสำหรับคุณที่จะบริหารเวลาที่คุณต้องการใช้ในการทำธุรกิจ
    • อาจทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่ธุรกิจจะอยู่ตัว
    • คุณอาจต้องเสียภาษีสำหรับรายได้ทั้งสองอย่างในอัตราที่สูงกว่าปกติ (อัตราก้าวหน้า)

                 หลายคนมองว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะคุณยังคงมีรายได้ที่แน่นอนควบคู่กับรายได้ที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจ ในทางกฎหมายคุณไม่จำเป็นต้องบอกนายจ้างว่าคุณกำลังทำธุรกิจ ถึงแม้บางแห่งกำหนดไว้ในสัญญาจ้างห้ามไม่ให้พนักงานทำงานอื่น คุณอาจใช้วิธีขอปรับเวลาการทำงานให้ยืดหยุ่นกว่าเดิมแทน

    ที่มา : สสว.
    ----------------------------------------

    แล้วจุดเริ่มต้นของทุกท่านละครับ เป็นกันยังไงบ้าง.....

    จากคุณ : ACM - [ 4 ก.ค. 51 11:54:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom