Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี ตอนที่ 52 แล้ว “กระทรวงศึกษาก็อยู่ในกำมือ”

    จากเซลส์แมนสู่เอ็มดี  ตอนที่ 52 แล้ว “กระทรวงศึกษาก็อยู่ในกำมือ”







    “IBM ไม่ใช่หมูตัวเล็กที่ใครจะมาหยามได้”







    สงครามที่กระทรวงเกษตรนี้ต้องมีการเอาคืน นโยบายของ IBM นั้นมั่นคง

    และมีกรอบชัดเจน ทำให้ไม่คล่องตัว และหลีกเลี่ยงเงื่อนไขที่จะเผชิญ

    ปัญหาทางกฎหมายมาโดยตลอด คือ IBM ลงนามในสัญญาของราชการไม่

    ได้ ต้องใช้สัญญาของ IBM ที่เรียกกันอย่างดูแคลนว่า “สัญญาเมืองขึ้น” จึง

    จำเป็นต้องตั้งตัวแทน(Nominator) ที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งเข้าประมูล

    แทน “กลยุทธ์สงครามมหาภารตะ” (ขอโทษ...เผลอไป) ทางด้านเมนเฟรม

    เลยต้องสั่นสะเทือนเมื่อมือใหม่หัดขายอย่างพวกเรา  เข้าสู่สนามรบแบบนัก

    ขายลูกทุ่ง สักยันต์เต็มตัวและไม่มีเสื้อเกราะ







    เราไม่มีอิทธิพลคุ้มกัน  อาจติดคุกได้ตลอดเวลาหากพลาด แต่เราก็เหนียว

    เกาะติด ไม่ปล่อยลูกค้าล่องหนหายตัวได้ในบางโอกาส และมุดเข้านอกมุด

    ออกในได้ดีกว่า







    เมื่อเราได้กระทรวงเกษตรแล้ว เราก็เหล่...หาเป้าหมายรอบข้าง จน

    เจอกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการเครื่องเตรียมข้อมูล เราจึงเลาะอยู่แถว

    ถนนราชดำเนินนอก.....







    ไปกระทรวงเกษตรก็แวะกระทรวงศึกษา ไปกระทรวงศึกษาก็แวะกระทรวง

    เกษตร จนสนิทสนมกับ “ดร.ณรงค์” พระเอกประจำกระทรวงศึกษาของเรา

    เชื่อใจกันถึงกับยกเครื่องไปให้ทดลองใช้ก่อนแล้วค่อยตั้งงบประมาณมาเช่า

    ทีหลัง







    เริ่มจากระบบเตรียมข้อมูลง่ายๆ เล็กๆ ไม่มีใครสนใจเราจึงกินรวบอยู่คน

    เดียว จนกระทรวงศึกษาคิดจัดหาเครื่องขนาดกลางมาใช้งาน (ตามคำแนะนำ

    ของเรา)  จึงเป็นข่าวขึ้นมา







    งานนี้คู่แข่งเป็นเจ้าเล็ก และที่แรงมาเป็นพวก “ไวท์กรุ๊ป” ของ ดร.อดิศัย เจ้า

    นี้สัมพันธ์ดีกับผู้ใหญ่ในกระทรวงฯเกินขนาด ผมเลยโดนกันอยู่ห่างปลาย

    แถวไปเลย (ทั้งๆ ที่เป็นผู้ที่เริ่มตั้งโครงการนะนี่....)







    ตามปกติการจัดหาต้องมีแผนกจัดซื้อของกระทรวงฯทำหน้าที่จัดหา และเป็น

    จุดสำคัญที่พนักงานขายต้องไปทำ “พิธีครอบ” ให้อยู่มือ ไม่งั้นเงื่อนไขที่

    ประกาศออกมาแล้วอาจทำให้เราอาจเข้าประมูลไม่ได้ หรือเขาอาจจะใช้

    กลยุทธ์ “ซื้อเงียบ” คือ ไม่ประกาศซื้อซอง  หรือประกาศจริง  แต่ติด

    ประกาศไว้บนเสาในโรงอาหารโน่น  ทำให้มีการแอบซื้อแอบขายกันเงียบๆ

    โดยใช้ “พระอันดับ”  (สมัยนี้เขาเรียกว่า “คู่เทียบ”) มายื่นซอง







    คราวนี้ผมเข้าพบแผนกจัดหาไม่ได้ครับ... โหดมาก ทั้งๆ ที่หากินอยู่ที่ตึกตรง

    ข้ามเท่านั้น เหมือนพระมหาชนกที่ว่ายน้ำไม่เห็นฝั่งสักที จนมี “นางฟ้า” มา

    ช่วย ผมก็มีอะไรทำนองนั้นเหมือนกัน คือตอนที่กำลังแย่หาทางพบแผนกจัด

    ซื้อของกระทรวงฯไม่ได้  เหมือนว่ายน้ำจวนจะหมดแรง







    “นามบัตร” ของผมเกิดใช้หมดและต้องสั่งพิมพ์ใหม่ ตอนจะพิมพ์ผมคิดอย่าง

    ไรไม่ทราบให้ระบุคุณวุฒิที่จบมาของผมไว้ท้ายชื่อด้วย อาจเป็นเพราะการ

    อยู่ที่กระทรวงศึกษาทุกคนเป็นจาน(อาจารย์) ทั้งหมด ไม่มีช้อนไม่มีซ่อมมี

    แต่จาน







    และตอนผมจบปริญญาโทใหม่ๆ ผมขอคุณอมรแวบไปสอนในเวลาที่พระ

    จอมเกล้าธนบุรีอยู่หลักสูตรหนึ่ง เป็นการชดใช้ความรู้สึกผิดที่ผลาญงบ

    ประมาณหลวงตอนทำวิทยานิพนธ์ไปหลายอัฐอยู่ พอโดนเรียกจานมากเข้า

    เลยชักคุ้น







    ผมใช้นามบัตรใหม่ที่มีวุฒิอยู่ท้ายชื่อแบบพวกที่อยู่มหาวิทยาลัย ยื่นขอพบ

    แผนกจัดหา น่าแปลกครับ นัดได้ด้วยไม่น่าเชื่อ ผมมาทราบตอนหลังจากพบ

    จานแล้วคือท่านบอกว่า







    “ไม่เคยเห็นคนขายของจบวิศวมหาบัณฑิต จึงอยากดูตัว”







    เป็นอะแซหวุ่นกี้ไปเลย ผมบอกแล้วไง.... “วงการนี้ความน่าเชื่อถือขายได้ “







    วันประมูลผมติดประชุมต้องหาคนไปแทน จึงได้ “คุณสมชัย” หรือ “คุณจ้อ”

    ของเพื่อนๆ อาสาทำแทนให้พร้อมกับทีมสนับสนุนอีกคนที่รู้ทางหลบหลีกใน

    กระทรวงศึกษาดี







    ผมในฐานะที่มองการณ์ได้ไม่ไกลนักและเข็ดเขี้ยวมาตลอดกับงานนี้ จึงรีบ

    สั่งเสียแผนสองแผนสามให้คุณจ้อนำไปปฏิบัติ







    แผนหนึ่งไม่ต้องพูดถึงได้เวลาก็ยื่นซองตามปกติแล้วรอฟังประกาศผลเสร็จก็

    กลับได้...แพ้อยู่แต่ในมุ้งแล้ว แต่ที่ต้องสั่งแผนสองแผนสามคือ “โอกาสที่

    จะไม่แพ้มีอยู่”








    ผมให้ “คุณจ้อ” แกไปนั่งรออย่าเพิ่งยื่นซองรอดูว่ามายื่นกันกี่เจ้า หาก

    พวก “ไวท์กรุ๊ป” มายื่นเจ้าเดียวให้ “คุณจ้อ” แกกลับเลยไม่ต้องยื่นซองและ

    ไม่แสดงตัวด้วย หวังว่าการเข้าเจ้าเดียว จะทำให้การประมูลไม่ครบตาม

    ระเบียบสำนักนายกฯ เพราะผมคุยกับเจ้าอื่นไว้แล้วว่า เขาอาจไม่เข้าเพราะ

    พวก “ไวท์กรุ๊ป” มาแรงเหลือเกิน แต่บริษัทซัมมิทต้องเข้าเพื่อแสดงตัวว่ายัง

    อยู่ในกระทรวงฯ







    ตามคาดครับไม่มีใครเข้า แต่ “ไวท์กรุ๊ป” ดันมาช้าเกือบนาทีสุดท้าย “คุณ

    จ้อ”
    ของผมก็ใจร้อนรีบยื่นซองเข้าไปก่อน “ไวท์กรุ๊ป” ซะอีก แถมยังนึกว่า

    เจ๋งแล้วเลยเรียบร้อยโรงเรียนไวท์กรุ๊ป เป็น “พระอันดับ” ให้เขาฟรีๆ สะใจ

    แบบเศร้าๆ ไปหลายวัน โกรธใครไม่ออกครับ







    ผมอยากไม่ไปเองช่วยไม่ได้ และงานนี้ “คุณจ้อ” เขาออกโรงตั้งแต่ช่วย

    เตรียมราคาให้เลยทีเดียว จึงขอลองเอง







    ศิลปะอย่างหนึ่งที่นักคิดนักบริหารต้องสร้างให้ได้คือ







    “การใช้คนอื่นให้ทำอย่างที่เราต้อง

    การ............................................................................................

    ไม่รู้ว่าเป็นที่ภาษาพูดของเรามันไม่ชัดเจนหรืออย่างไร คนอื่นจึงฟังได้เฉพาะ

    แต่เรื่องที่เขาอยากรับฟังเท่านั้น สิ่งที่เราอยากให้เขาฟังกลับผ่านหูไปเฉย

    ไม่ตกค้างในกะโหลกเลย”








    นี่เป็นแค่ยกสองนะครับ ยกแรกเรายกเครื่องเตรียมข้อมูลไปตั้งให้ใช้ก่อน

    แล้วค่อยหางบมาเช่าทีหลัง







    ยกสองเป็นเครื่องขนาดกลางเราเจอเส้นเบ่อเร่อและเล่นแผนไม่เต็มสูบจึง

    พลาดไป







    ยกสามต้องกัดให้อยู่ ยกนี้เราได้เปรียบเพราะพวก “ไวท์กรุ๊ป” ไม่มีระบบ

    เครื่องขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Mainframe คือเครื่องคอมฯ อะไรก็ได้ที่ “ใหญ่

    เข้าว่า”
    แล้วต่อพ่วงอุปกรณ์มากๆ ชุดได้ แต่คู่แข่งกลับเป็น IBM ที่พยายามสู้

    กลับ







    ขอเล่าไว้เป็นประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ไทยสักนิดว่า  “คุณอมร”  เจ้านาย

    ของผมนั้น  มักมีแผนการที่ทำอะไรแล้วล้ำลึกเสมอ  ตอนนั้น  เรารู้ว่าเรา

    สู้ “IBM” ไม่ได้ทางด้านชื่อเสียง  ซับพอร์ต หรืออะไรก็ตามที่ “ลูกค้าที่มี

    เลือดสีฟ้า”
    ครอบงำอยู่  ประกอบกับเครื่องของ Univac เป็นเครื่อง

    คอมพิวเตอร์ที่เหมาะกับงานคำนวณมากๆ และมีประสิทธิภาพสูง  ดังนั้น  

    อย่าหวังที่จะไปขายให้บริษัท ห้างร้าน  เอกชน  มีที่ไหนที่เขาจะมาให้ความ

    สนใจ







    สำหรับในวงการธนาคารนั้น  Univac ก็มีชื่อ  และขายได้แต่ธนาคารใหญ่ๆ ที่

    เมืองนอก  ที่ต้องใช้ Terminal และระบบ Real Time On line  ซึ่งสมัย

    นั้น  ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในเมืองไทย  







    ดังนั้น  ตลาดเดียวของ Univac ในตอนนั้น  คือ  “การขายให้ภาครัฐ”







    การขายให้ภาครัฐ....คนขายจะต้องเป็น “นายพรานที่ชำนาญป่า  อย่างระ

    พินทร์ ไพรวัลย์”
    ที่หาตัวจับได้ยากอย่างไรนั้น  ก็รู้กันอยู่  ผมจะไม่ขอย้อน

    ความ







    แต่ “การขายให้ราชการ” นั้น  มีกฎอยู่ข้อหนึ่งว่า  “ข้าราชการจะต้องไม่

    ผิด”
     และ  “เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการ”  เป็นศัพท์เฉพาะที่ข้า

    ราชการ (ผู้ซึ่งต้องการ IBM)  นำไปอ้างได้เสมอ......IBM ก็เลยผูกขาด

    หน่วยงานราชการมาแต่ผู้เดียวตั้งแต่ต้นรายการ







    แต่พอเริ่มมีเจ้าอื่น เช่น Univac, Burroughs, CDG เข้ามาหากินกับหน่วย

    งานราชมากขึ้น  IBM ก็ชักจะรู้ตัวว่าโดนคู่แข่งถล่มจนตั้งตัวไม่รอด  







    ตอนนั้น  “คุณอมร”  เจ้านายของผม  กับคุณดิลก  คุณมนู  คุณสุธรรม

    (จาก NCR) ได้ร่วมมือกันก่อตั้ง “สมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทย” ขึ้น  โดย

    คุณอมร  เป็นเลขาธิการ  ได้เสนอและผลักดันให้ มี “สัญญามาตรฐาน

    คอมพิวเตอร์”
     ขึ้น  ทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์  ซึ่งมีข้อ

    กำหนดอย่างชัดเจนว่าผู้ขายจะต้องรับผิดชอบในเรื่องอะไร  และผู้ซื้อต้อง

    ทำอะไรบ้าง  และแน่นอน  การทำสัญญากับราชการนั้น  มันต้องมีบท

    ปรับทุกหน้า  จึงจะสมเกียรติในการที่ได้ลงนามเซ็นสัญญากับหน่วย

    งานราชการ







    ทำเอา IBM หลังจากนั่งอ่านสัญญาของหน่วยงานราชการหลายสิบเที่ยว

    แล้ว  ก็หายเงียบจากการขายให้กับหน่วยงานราชการไปถึง 2 ปี  .....  คงจะ

    ไปนั่งคิดว่า  “มันจะคุ้มกันไหมนี้”  กับการที่ต้องมาเสี่ยงกับสัญญาที่เรียก

    ว่า “สัญญาทาส” ฉบับใหม่  ซึ่ง IBM เคยเป็นผู้ใช้แต่ผู้เดียวมาก่อน (อย่างนี้

    เขาเรียกว่า "ดาบนี้ ตามสนอง")







    แต่ในที่สุด  งบประมาณอันมหึมาของระบบคอมพิวเตอร์ที่เย้ายวนใจในวง

    การราชการ  และ  ในฐานะที่ IBM ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์มา

    ก่อน  จะมาเสียเหลี่ยมให้เจ้าอื่นมาครอบครองพื้นที่ และจะให้ IBM  วางมือ

    จากการขายให้หน่วยงานราชการนั้น มันก็เป็นการดูถูกกันมากเกินไป.......







    หลังจากเงียบไป 2 ปี  IBM จึงกลับมาใหม่....มาในมาดใหม่....โดยการเป็น

    ตั้ง “บริษัทชินวัตร คอมพิวเตอร์” มาเป็นผู้เข้าประมูลแทนจำหน่าย และ

    IBM เป็นฝ่าย สนับสนุนทุกอย่าง   แม้กระทั่งการเขียน Proposal ในการขาย

    ให้หน่วยงานนั้น  ชินวัตรมีหน้าที่อย่างเดียว  คือ  “การวิ่งเต้น และเซ็น

    สัญญากับหน่วยงานราชการ”
    (ที่ IBM เซ็นไม่ได้) นั่นเอง







    งานนี้เราเฉยๆ ครับเพราะเราเคยชนะมาแล้ว แต่ยังสงสัยว่า IBM จะคบกับ

    บริษัทตัวแทนอย่างนี้ได้ยืดยาวแค่ไหน แม้ว่าคราวนี้มีคนชื่อ “ทักษิณ ชิน

    วัตร”
    เป็นเจ้าของบริษัทก็ตาม แต่เราจะประมาทไม่ได้และต้องวางหมากกัน

    สุดๆ ครับ  "เราจะให้บริษัทชินวัตรจะเกิดไม่ได้"  ไม่งั้นเราจะเหมือนจิวยี่ ที่

    ต้องฟ้องร้องต่อฟ้าว่า







    “ฟ้าให้ข้ามาเกิดแล้ว ทำไมถึงให้ขงเบ้งมาเกิดด้วย”

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 7 ก.ค. 51 11:57:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom