ความคิดเห็นที่ 53
ปกติ มาแอบอ่านมากกว่า และก็ไม่เคยพิมพ์ยาวๆ แบบนี้ แต่คราวนี้อนากจะแชร์ประสบการณ์กับ HR ให้ฟังค่ะ ขอบอกก่อนว่าในช่วงอายุคงนับเราเป็น Gen Y ได้ แต่เราทำงานมาสองปีแล้วเป็นเพราะว่าเรียนเร็ว กำลังจะ 23 ปี(ปลายปีนี้) จบแล้วได้งานเลยน่ะค่ะ เร็วขนาดที่ว่ากะว่าเรียนจบจะไปหาซื้อชุดเรียบร้อยไว้ใส่ไปสัมภาษณ์งาน ก็ได้งานตั้งแต่ยังไม่ได้ซื้อต้องใส่กระโปรงนิสิตสีดำไปสัมภาษณ์กับเสื้อ shirt ซะอย่างนั้น แต่ก็ได้งานค่ะ โดยส่วนตัวเเล้วยังไม่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับทาง HR นะคะ แต่เราก็ไม่เชื่อ HR พอที่ไว้วางใจหรอกคะ เราต้อง Proactive ด้วยตัวเอง speak for yourself ค่ะ concept นี้เลยใช้ได้ทุกสถาณการณ์ 1. เวลา HR โทรหาเรา เราจะถามเรื่องรายละเอียดงาน เบอร์ติดต่อกลับ ชื่อ เพราะเราเป็นฝ่ายเลือกค่ะ เราคิดว่าจะเก็บมาคิดดูก่อนไปไม่ไปเราจะโทรไปบอก(คิดในใจนะ) เราเลยจำเป็นต้องถาม เบอร์กับชื่อเขาทุกครั้ง เพราะคาดหวังให้เค้าบอกไม่ได้ เพราะหลายที่เลยที่ไม่บอก (เเล้วเราจะโทรกลับไปยกเลิกนัดยังไง?) เคยมีที่นึงเราพลาดลืม ถามชื่อกับ เบอร์ ผลก็คือเราไม่ได้โทรกลับไปยกเลิก ยังทำให้รู้สึกผิดและจำได้ทุกวันนี้ (ไม่อยากขึ้น black list เขา เพราะเราไม่ชอบตำแหน่งนี้แต่ไม่ได้เกลียดองค์กร ในอนาคตอาจได้ตำแหน่งอื่นที่ดีกว่า) เคสที่ดี เคยมีบริษัทนึงทุกคนรู้จักเป็นอย่างดีเป็นบริษัทใหญ่ FMCG local เราโทรไปบอกว่าเราไม่ทำตำแหน่งนี้เพราะเราไม่ถนัด เราขอสละสิทธ์ให้ท่านอื่นดีกว่า หลังจากนั้น เขาก็โทรมาอีก แต่เสนอ ตำแหน่งอื่นให้ที่ใกล้เคียงกับที่เราอยากได้บอกรายละเอียดงานได้ดีคุยเบื้องต้นอย่างละเอียดเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทั้งสองฝ่ายถ้านัดสัมภาษณ์หลายรอบ เสียที่ deal benefit ไม่ได้ เราเลยไม่ได้ร่วมงานด้วย แต่ก็นับว่าเป็น HR ที่ใส่ใจและไม่เรียกคนมาสัมภาษณ์แบบหว่านๆ น่าชื่นชมค่ะ เคสที่ไม่ดี 1 เป็นบริษัทใหญ่เหมือนกัน แต่เป็น local ไม่ใช่ global กำลัง hunt คนเก่งๆไปแก้ปัญหาบริษัท เลย reorgainized หาคนใหม่ๆ เขาโทรหาเราเสนองานให้ ในตำแหน่งนึง เราก็รับไว้พิจารณา และอีกเหมือนกันเราไม่ถนัดเท่าไหร่ เราโทรไปบอกว่าเราไม่ทำตำแหน่งนี้เพราะเราไม่ถนัด เราขอสละสิทธ์ให้ท่านอื่นดีกว่า หลังจากนั้นเราก็สมัครไปที่เดียวกันอีกแต่เป็นอีกตำแหน่งที่เราถนัโ(เพิ่งลงประกาศทีหลัง) เค้าก็โทรมาด้วยความสงสัยว่าcancle บริษัทเค้าไปแล้วจะส่ง resume มาอีกทำไม เราเลยชี้แจงว่า เราไม่ถนัดตำแหน่งนั้น เราอยากทำและคิดว่าทำตำแห่งที่สมัครใหม่นี้ถนัดกว่า เค้าก็บอกว่า อ้าวคราวที่แล้วก็กะจะให้สัมภาษณ์ตำแหน่งนี้ด้วยแหละ แต่ที่ไม่บอกเพราะอยากให้เข้ามาคุยก่อน เพราะว่านัดสัมภาษณ์ส่วนมากก็นัดๆ เข้ามาก่อน (โอ้โห )พอเห็นเรายกเลิกก็เลยนึกว่าเราไม่อยากทำ เราเลยบอกว่าเราอยากร่วมงานกับบริษัทเค้า แต่ไม่ใช่ว่าตำแหน่งอะไรก้ได้ เพราะถึงเราได้งานแต่เป็นงานที่ไม่ถนัดจริง เค้าจะเสียประโยชน์ด้วยเพราะไม่ได้ put the man into the right job. ปัจจุบัน ที่นี่เรายัง deal เรื่อง benefit อยู่ถ้าได้เข้าไปทำงานเราหวังว่าเราจะได้ make some changes ให้ที่นี่เป็นการใหญ่ เคสที่ไม่ดี 2 เคยเจอ HR บอกว่าจะสัมภาษณ์เราตำแหน่งนี้แล้วก็ยัดเราลงตำแหน่งอื่น หรือ ไปสัมภาษณ์เรียบร้อบ เราเสียเวลาลางานไป สัมภาษณ์ทุกอย่างโอเค HR โทรมาบอกว่าได้งานแต่ต่อรองเงินเดือน เราขอยืนยันตามที่เราใส่ใน resume แต่เค้าบอกว่าให้ไม่ได้จริง ฐานไม่ได้ แต่นัดไปคุยเพราะคิดว่ามีความหวังว่าเราจะชอบงาน และอาจจะยอมลดให้ (โอ้โห ) ดราไม่ได้ตั้งเงินที่คาดหวังไว้เว่อร์นะคะ เราเรียกตามคุณสมบัติและงานที่เราจะทำให้ได้ค่ะ เพื่อที่จะแฟร์ๆ และเราได้ไม่โดน underpaid เราไม่สมัครหว่านๆนะคะ แต่ก็เปิดกว้าง สมัครหลายๆที่ แต่มองแล้วว่ามี potential เลยสมัคร บางที่เราปฏิเสธตั้งแต่ครั้งเเรกที่โทรมาเลย บางที่เราก็คิดก่อน ถ้าไม่ไปก็โทรยกเลิกก่อนถึงวันนัด และขออนุญาตไม่เห็นด้วยกับประโยคนี้ของคุณ LekYam SomeOne ----แต่ดิฉันก็ยังยืนยันว่า ถึงแม้เราจะเลือกองค์กร แต่ท้ายที่สุดองค์กรก็เป็นผู้เลือกเราอยู่ดี เพราะหากเราขอค่าตอบแทนที่สูง ตามที่เราอยากได้ แล้วองค์กรนั้นยังอยากได้เราอยู่ ก็ต้องเลือกที่จะจ่ายตามที่ขอ ผู้จ่ายก็คือผู้เลือกค่ะ แต่ผู้ถูกเลือกจะตอบรับหรือไม่ นั่นอีกเรื่อง ซึ่งก็มีสิทธิ์ไม่รับการเลือกนั้น----- ไม่จริงเสมอไปนะคะ ไม่อย่างนั้นจะมี head hunter ล่าตัวแย่งคนไปทำงานกันทำไมล่ะคะ candidates เป็นคนเลือกตามความพอใจและ benefit ที่ดีที่สุด บางบริษัทก็ bit เพิ่มเงินเพิ่ม benefit ให้ ไปๆมาๆ เพื่อสู้กับคู่แข่งสุดท้ายแล้วเราก็เลือกค่ะ ไม่ใช่บริษัทซะทีเดียว แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถาณการณืและsituation ของคนสมัครด้วย **คนไทยเรายังฝังความคิดเรื่องการที่เรา ต้องเข้าไปสมัครงานไปเป็นผู้ถูกเลือก ค่ะ สังเกตว่าโลกเริ่มเปลี่ยนไป มีโปรแกรม management trainee (ยกเลิกความเชื่อเก่าๆที่ว่า คนเก่งต้องมีอายุงานนานๆอย่างเดียวเท่านั้นถึงจะเข้าไปในฝ่ายบริหารได้ จริงๆแล้วเด็กๆมีความสามารถผ่านการtrainและอบรมสักระยะ ก็บริหารได้ดีเหมือนกัน)มี head hunter เข้ามา hunt คนทำให้คนทำงานดีเป็นฝ่ายเลือกได้ บริษัทปัจจุบันที่ดิฉันทำอยู่ เป็น Global company โตได้ ตาม performance ล้วนๆ คนอายุงาน3-5ปีเป็นนายคนที่ทำงานมาเป็นสิบปีเยอะแยะค่ะในบริษัท และอีกคำถามนึงซึ่งเจอบ่อยๆและจะดดนคนที่ยังมีความคิดแบบเดิมๆ เข้ามาซ้ำเติมจนเละคือ คำถามที่ว่า "ถ้าได้บริษัทนี้ดีไหม โดยเฉพาะคนที่จะไปสัมภาษณ์กับบริษัทใหญ่ๆ แล้วมาถามว่าที่นั่น่าทำไหม ไปสัมภาษณ์ดีไหม บริษัทใหญ่มากดีมาก ผมเกรดเท่านั้นเท่านี้ ถ้าได้จะทำดีไหม เงินสวสัดิการดีไหมฯลฯ ก็มักจะมีคนมาโพสตอบประมาณว่า เข้าให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคิด, เค้าจะรับไม๊ยังไม่รู้, คู่แข่งเก่งๆเยอะไป, เนี่ยเพื่อนเราจบเกียรตินิยมยังเข้าไม่ได้เลย ฯลฯ" เราเป็นคนนึงที่เคยโพสถาม และเราก็ได้งานนะ ถึงแม้ว่าส่วนมากเค้ารับ ป.โท หรือคนมีประสบการณ์เท่านั้น(ณ เวลานั้นเราจบใหม่) แต่คุยกับ manager แล้วเค้าเลือกเรา ดีนะที่ได้งานเพราะมีแต่คนคิดว่าเราคงไม่ได้งานนี้ทั้งนั้นจริงๆ เรามีสิทธิเลือกงานนะ ไม่ชอบจะได้ไม่ต้องไปสัมภาษณ์เสียเวลา เสียความรู้สึก ทั้งเค้าและเรา ไม่ใช่ว่าเรียกมาแล้วต้องไปหมดทุกที่ไปก่อนได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน สิ่งที่จะบอกคือ เค้าไม่ทำ เราก็ทำเองค่ะ เค้าโทรมาเราถามทุกอย่างที่เราอยากรู้รายละเอียดงาน เบอร์ติดต่อกลับกรณียกเลิก เก็บมาคิด ถ้าชอบก็ไป ไม่ชอบก็โทรบอก ไม่ต้องเกรงใจบางคนปฏิเสธคนไม่เป็นไม่กล้าโทรปฏิเสธ มันเป็น ธุรกิจค่ะ HR ยังไม่เห็นเสียใจหรือเกรงใจเลยเวลาไม่รับเรา แถมไม่โทรบอกด้วยซ้ำ ถ้าไม่โทรมาเเจ้งผลนานเกินไป ให้คิดเลยค่ะว่าไม่ได้(หรือจะโทรถามเค้าเลยก็ได้ว่าได้ไม๊ ไม่โทรมาบอกชั้น ชั้นโทรถามเองก็ได้ หุหุ) ให้ไปสัมภาษณ์ที่อื่นหรือตอบรับทำงานที่อื่นได้เลย ถ้าเค้าโทรมาบอกว่าได้งานทีหลังก็คิดว่าเป็น their lost ค่ะ ไม่ใช่ my lost หรือเราอาจรับทำงานกับเค้าก็ได้กรณีเราเพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ ยังดีกว่าให้ที่ใหม่สอนงานเราเป็นหมดแล้วแล้วเราออกค่ะ
จากคุณ :
คนเริ่มสร้างอนาคต
- [
27 ก.ค. 51 18:25:29
A:124.122.231.111 X: TicketID:153722
]
|
|
|