ความคิดเห็นที่ 1 เป็นไปได้ครับ แต่ว่าคุณอยู่ใน Category ไหนหล่ะครับ เช่น FMCG, Car, Computer etc. แต่ละอัน Consumer Mindset ไม่เหมือนกัน สภาพการแข่งขันไม่เท่ากัน ความรุนแรงในการใช้สื่อก็ไม่เท่ากัน (SOV) แปลว่า Effort ในการใช้เงินก็ไม่เท่ากันนะครับ ส่วนเรื่อง Viral Marketing หรือ Guerilla Marketing อันนี้พักไว้ก่อนนะครับ ทุกอย่างมันมีหลายมุมหลายเรื่องที่ต้องเอามาพิจารณาประกอบกันอีกเยอะในการสร้าง Brand ให้เป็นเบอร์ 1 หรือ 2 นะครับ และที่สำคัญคุณต้องมี Agency ที่เป็น Partner ในการหาข้อมูลหรือวางกลยุทธ์ให้ด้วยครับ (เพราะซื้อข้อมูลเองอาจจะแพงมากกว่าเยอะ) ส่วนคนอื่นที่เป็นเบอร์ 1 ในตลาดได้ง่ายๆนั้นเพราะเค้าไม่มีคู่แข่งหรือเป็น Pioneer ใน Category นั้นๆครับ สรุปคือยังบอกไม่ได้เพียงแค่ไม่กี่บรรทัดจากกระทู้ของคุณที่บอกไว้นะครับ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 51 10:16:43 แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 51 09:42:45 จากคุณ : Lee La Man (Lee La Man) - [ 10 ส.ค. 51 09:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นไปได้(ยาก)ครับ เงินถึง ก็น่าลุ้น จากคุณ : Sand and Sea (เม็ดทราย กะ ชายหาด) - [ 10 ส.ค. 51 10:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 50 ปีที่แล้ว เมื่อตอนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าถูกครองตลาดจาก Brand ที่มาจากยุโรปและ USA สินค้าจากญี่ปุ่นถูกมองเป็นของก็อปคุณภาพต่ำ Brand ต่างๆจากญี่ปุ่น เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ยี่สิบปีต่อมา ไม่มีใครไม่รู้จัก โซนี่ เนชั่นแนล พานาโซนิก ซันโย โตชิบา ฮิตาซิ คุณภาพไม่ด้อยกว่ายุโรป ตอนนั้นสินค้าจากเกาหลีถูกมองว่าเป็นของเกรด B อีกยี่สิบปีต่อมา เกาหลีใต้ พัฒนาสินค้าของตัวเองจนหายใจรดต้นคอสินค้าจากญี่ปุ่น ไม่มีใครไม่รุ้จัก ซัมซุง แอลจี(โกลสตาร์) ตอนนั้นสินค้าจากจีนถูกมองว่าเป็นของถูก คุณภาพไม่ดี ก็อปปี้เค้าหน้าด้านๆ ปัจจุบัน สินค้า Brand จีนบาง Brand ได้พัฒนาจนเป็นที่ยอมรับของคนยุโรป เช่น Haier สรุปสั้นๆว่า "เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ" เอามาจากโฆษณา บักจอนย่าง ฉลากดำ :-) จากคุณ : DoraeMa - [ 10 ส.ค. 51 11:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สินค้าอยู่ใน หมวดของวัสดุก่อสร้างครับ ซึ่งอันดับ 1 รู้อยู่แล้วว่าเป็นของ เครือ... ถ้าเราเป็นสินค้าน้องใหม่อันดับ 6 จะขึ้นมาเบียด ผมคิดว่าสิ่งแรกที่จะทำควรเป็น การทำ awareness สินค้าให้ติดตลาดก่อน เป็นความคิดที่ถูกรึเปล่าครับ จากคุณ : Rambo*Officer - [ 10 ส.ค. 51 11:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นไปได้ แต่ไม่ง่าย จากคุณ : นายแมมมอส - [ 10 ส.ค. 51 11:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อืม ค่อยระบุมาหน่อยว่า สินค้าอะไร ตลาดไหน แต่ผมว่าอันดับ1ถ้าจะยากอ่า เพราะว่าที่หนึ่งในตลาดเขาแข็งแกร่งมากเลยนะ โกอินเตอร์ไปแล้ว (ของคุณ go regional รึยัง) แถมพระบารมีก็ปกเกล้า แต่ผม run ไม่ถูกแฮะว่าอันดับ 6 คืออะไร 1.ผมว่าต้องมีน้ำมัน(หมายถึงเงิน)ช่วยหนุนรถของคุณด้วยแหละเครื่องจะได้แรง 2.Awareness >>> Interest >>> Action เวลา lunching ถูกแล้วครับ 3.ขอให้ช่วงแรก คุณภาพสินค้าตรงตามความต้องการจริง ๆ นะครับ ไปทำวิจัยมาดี ๆ สักระยะหนึ่งของให้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ดี ๆ ครอบคลุม เปิดตลาดให้กว้าง เมื่อคุณเริ่มจะได้ที่2-3แล้ว ขอให้ทำ IMC อย่างบากบั่น ใช้เวลาหน่อยนะครับ หลายสิบปี ลองดู คงไม่เห็นผลในเร็ววันหรอก จากคุณ : Sand and Sea (เม็ดทราย กะ ชายหาด) - [ 10 ส.ค. 51 11:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าคุณมีอะไรที่เด่นกว่า เงินถึงกว่า ในระยะยาวก็ทำได้ครับ แต่เทียบกันแล้วคุณไม่ได้ดีไปกว่าเขา ทั้งด้านการบริหารภายใน ผลิตภัณฑ์ แรงสนับสนุนก็ยังสู้ไม่ได้อีก มันก็เป็นไปไม่ได้ซิครับ จากคุณ : ดาวสุริยะ - [ 10 ส.ค. 51 12:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เล่นกลยุทธ์ไรดีครับ จากคุณ : Rambo*Officer - [ 10 ส.ค. 51 12:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมถามก่อนว่า คำว่า แบรนด์อันดับหนึ่งของคุณคืออะไร????? 1. ยอดขายอันดับหนึ่ง 2. กำไรอันดับหนึ่ง 3. ระดับสินค้าอยู่ในอันดับหนึ่ง 4. มูลค่าตลาดอันดับหนึ่ง 5. องค์กรใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง และ ฯลฯ ผมว่าคุณตั้งเป้าหมายตัวเองให้แน่ชัดก่อนดีไหม ว่าจะเป็นอันดับหนึ่งในด้านไหน พูดแต่คำว่า อันดับหนึ่งเฉยๆ ผมว่ามันหลักลอยพิกลน่ะ เป้าหมายไม่ชัดแจ้งแบบนี้ แล้วจะมาถามต่อถึงกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์องค์กร ผมว่ามันตลกนะ เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกำหนดลงไปแบบไหน แล้วที่สำคัญ ก่อนกำหนดความฝันตัวเอง ลองมาพิจารณาตัวเองก่อนดีไหม ว่าตีัวเองมีศักยภาพทำได้แค่ไหน ทีมงานตัวเองเป็นอย่างไร มีเงินทุนแค่ไหน ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมีมากน้อยแค่ไหน บอกตามตรง ให้เอาแบรนด์อันดับหนึ่ง กับอันดับหกมาเปรียบเทียบกันเนี่ย มันห่างไกลกันมากๆ นะ เพราะถัดลงมาจากอันดับ 2-3-4-5-6 เนี่ย ผมว่าคิดแค่มูลค่าตลาดที่แต่ละคนได้แบ่งกว่าจะเหลือมาถึงอันดับ 6 เนี่ยมันถึง 10% มั้ย เอาที่ 6 ไปสู้ที่ 1 ในทางธุรกิจ มันเหมือนเอามวยรุ่นไลท์ฟลายเวท ไปชกกับซูเปอร์เฮฟวี่เวทนั่นแหละ มันไม่ได้แบ่งอันดับกับเป็นเส้นยาแดงเหมือนเทนนิสซักกะหน่อย แล้วคุณฝันซะสูงขนาดนั้น ถามจริงๆเถอะ ศักยภาพของตัวคุณเองน่ะ ทำได้แค่ไหนกันเชียว วิสัยทัศน์น่ะคุณ มันไม่ใช่เอาตาไปดูแต่คู่แข่ง คุณต้องรู้จักตัวเองให้ดีก่อน รู้สภาพแวดล้อม แล้วถึงค่อยกำหนดวิสัยทัศน์ได้ จากคุณ : lb'sN - [ 10 ส.ค. 51 12:56:44 A:125.26.146.204 X: TicketID:177270 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อันดับ1 กี่% อันดับ2 กี่% แล้วอันดับ6 กี่% มูลค่าตลาดรวมเท่าไร แนวโน้มการเติบโตตลาดรวมปีนี้กี่% ขอตัวเลขการเติบโตของอันดับ6 ย้อนหลัง2ปีด้วย สุดท้ายคุณเป็นdecision maker หรือเปล่า (บรรทัดสุดท้ายนี่สำคัญสุดสำหรับคนจะแย่งแชมป์ 55) จากคุณ : numnumnum1 - [ 10 ส.ค. 51 13:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณดูเบียร์ไทยเป็นตัวอย่าง สมัย ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เบียร์ขายในไทย 100 % เป็นเบียร์สิงห์ 99 % ยี่ห้ออื่นรวมกัน 1 % มาวันนี้ เบียร์สิงห์เหลือ 20 กว่า % อันดับ 1 คือ เบียร์ช้าง 6-70 % (ตัวเลขคร่าวๆ) ทั้งๆ ที่เกิดทีหลัง แล้วอยู่นอกสาย ตาสิงห์มาตลอด จนประมาท กว่าจะรู้ตัว ก็สายเสียแล้ว ฝากไว้พิณาครับ จากคุณ : . - [ 10 ส.ค. 51 16:29:55 A:58.9.71.171 X: TicketID:127369 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอาช้างไปเทียบสิงห์เหรอ เออ นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีเหมือนกันนะ ตัวอย่างว่าจะอันดับ 1 ในเรื่องไหน 1. เบียร์ช้างถ้าหากเอาไปเทียบ Position การตลาดกับเบียร์สิงห์แล้ว ยังห่างไกลกันมาก พิสูจน์ง่ายๆ ก็คือราคาขาย เบียร์สิงห์ยังขายได้แพงกว่าเบียร์ช้าง และตลาดเบียร์ในบ้านเราเบียร์สิงห์ก็ยังคือ Hi-End อยู่ดี 2.ถ้าเทียบปริมาณการขาย บอกว่าเบียร์สิงห์เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์กว่าๆนี่เป็นไปไม่ได้แฮะ ยิ่งถ้าเอาลีโอมารวมกันน่าจะอยู่ที่ 50-60% ส่วนอีก 30 น่าจะเป็นของช้างอยู่ดี ช้างอยู่อันดับ 2 ในด้านปริมาณการขาย แต่ว่าถึงกระนั้น สมรภูมิเบียร์เขาก็นับว่าค่ายบุญรอดแพ้เสี่ยเจริญหลุดลุ่ย เพราะมาร์เก็ตแชร์จาก 90% มาเหลือ 50% เนี่ย เขาถือว่า โออออออ กระเจิงครับ 3. กำไรของเสี่ยเจริญไม่ได้มาจากเบียร์ช้าง คนที่ได้กำไรมากที่สุดก็คือค่ายบุญรอดอยู่ดี และสินค้าหลายๆตัวก็เป็นแบบนี้ ปริมาณการขายที่ 1 ไม่ได้แปลว่ากำไรเป็นที่ 1 เสมอไป (อาจขาดทุนซะด้วย) คราวนี้มาตอบหัวกระทู้ 1. ผมไม่คิดว่าคุณเป็นผู้บริหารกิจการ เพราะคำถามแบบนี้ นักธุรกิจตัวจริงเขาไม่คิดกัน และถ้าจะคิด เค้าก็คงมีระบบความคิดที่เป็นแบบแผนมากกว่านี้ดีกว่าที่จะมาถามโต้งๆ เลยว่า เป็นที่ 1 ได้ยังไง อย่างที่ผมบอก ลักษณะหนึ่งของนักบริหารที่เก่งคือมีแผนการที่แจ่มชัด ภาษาปะกิตเขาเรียก Clear Strategies คือรู้ว่าจะทำอะไร เป้าหมายอยู่ที่ไหน วัดได้ชัดเจน อยู่ในกรอบเวลาที่แน่นอน แต่คำถามที่คุณถามมาผมยังงอยู่จนถึงบัดนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่า ที่ 1 ของคุณคืออะไร และรูปร่างมันเป็นไงกันแน่ แต่ถ้าจะเอาให้ได้็ก็ขอตอบแบบกำปั้นทุบดินว่าหาลูกค้าของตัวเองให้เจอแล้วขายให้ได้....แล้วที่ 1 ก็จะมาเอง ตอบบแบบนี้อย่าหาว่ากวนทีนกันเพราะคุณถามมากว้างมากแล้วมันก็ตอบได้แค่นี้ 2. ถ้าคุณเป็นผู้บริหารจริงๆล่ะก็ ขอแนะนำว่าแทนที่จะคิดเป็นที่ 1 เนี่ย เอาตัวให้รอดพ้น 5 ปีข้างหน้าดีไหม อาทิตย์หน้าน้ำมันก็มีทีท่าจะขึ้นนะ รัสเซียรบกับจอร์เจียแบบนี้ผมว่านักเก็งกำไรเขากักตุนน้ำมันแน่ๆ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างเนี่ย ค่าน้ำมันมันเกิน 20% เลยไม่ใช่เหรอ สุดท้ายนี้ขอยกบทสัมภาษณ์ของพนักงานกินเงินเดือนที่ผมว่าน่าจะเก่งที่สุดในเมืองไทยตอนนี้มาให้คุณได้อ่าน "หลายคนเชื่อว่า ถ้าได้ผู้นำที่ดี จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ ดังนั้น ผู้นำจะต้องมองไปข้างหน้าว่า องค์กรจะเดินไปอย่างไร ทิศทางไหน แต่ก่อนจะก้าวไป จะต้องตรวจสุขภาพของตัวเองก่อน ดูสิ่งแวดล้อมรอบตัวแล้วกำหนดเป็นวิสัยทัศน์" ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จากคุณ : lb'sN - [ 10 ส.ค. 51 16:52:22 A:125.26.146.204 X: TicketID:177270 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ คุณlb'sN นะครับที่เ้ข้ามาตอบและก็ทุกคนด้วย ผมก็ไม่ใช่ผู้บริหารกิจการ อย่างที่คุณบอกและตัวผมก็ไม่ได้ทำงานอยู่ใน อันดับที่6 ตามที่ถาม ผมอาจจะตั้งคำถามดูมันกว้างๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร ก็เพราะผมคิดว่าคนที่เข้ามาตอบ จะมาติอะไรรึเปล่า ถามแบบนี้เพราะจะเอาไปทำไรรึเปล่า แต่ที่ผมถามเพราะผมแค่อยากจะรู้ว่า สิ่งที่ผมคิดกับสิ่งที่ทุกคนมาคอมเม้นจะคล้ายๆกันรึเปล่า ส่วนที่1ที่ผมหมายถึงก็คือ การขึ้นไปมี Market share เป็นอันดับ1 โดยแย่งจากคู่แข่งที่มีความแข็งแกร่งทางองค์กรที่สูงมาก ผมไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาตอบละเอียดยิบขนาดนี้ ผมแ่ค่ต้องการแนวความคิดของแต่ละคน แล้วผมจะลองเอามาประเมินกับแนวคิดของผมเท่านั้น ก็ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะครับที่เข้ามาตอบ แชร์ความรู้ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 51 20:25:24 จากคุณ : Rambo*Officer - [ 10 ส.ค. 51 17:42:04 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไอ้เราก็นึกว่าไปทำจริง ฮา ๆ จากคุณ : Sand and Sea (เม็ดทราย กะ ชายหาด) - [ 10 ส.ค. 51 19:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ใจจริงอยากตอบกระทู้นี้มากๆ อย่างละเอียด แต่ดูท่าจะเขียนไม่ไหว เพราะพรุ่งนี้ต้องเตรียมวาระเข้าบอร์ด เอาภาพรวมๆก่อนนะครับ ปกติเวลาที่เรามีเป้าหมาย แล้วถ้าต้องการให้บรรลุวัตถุประสงค์ เราต้องหาวิธีการที่จะไปให้ถึง   (ฟังกันมาเบื่อแล้วหรือยังครับ 555) สิ่งที่จะใช้ มี 2 สิ่ง  คือ resource กับ capability ผู้เล่นอันดับต้นๆ มักจะมี resource (ทุน เสบียง กำลังพล เวลา ชัยภูมิ ฯลฯ) จำนวนมากหรือเปรียบเทียบกับคู่แข่งแล้วเหนือกว่ามาก สำหรับคนที่เล็กและมี resource จำกัด สิ่งที่จะมาลดช่องว่างก็คือ capability ยิ่งถ้า resource ต่างกันอย่างมหาศาล ต้องใช้ capability ระดับเทพถึงจะสู้ได้อย่างสูสี (กรณีช้างชนสิงห์ เอ้ยช้างชนช้าง ผมขอไม่พูดถึงละกันนะ) ผมอยากจะสื่อให้เห็นภาพที่สำคัญที่สุดในการกำหนดกลยุทธ์คือ resource มีจำกัดได้ แต่ capability มีไม่จำกัด และ capability ที่สำคัญที่สุดคือวิสัยทัศน์ คนที่มีพละกำลังมหาศาล  เป็นได้แค่เพียงมือเท้าให้ผู้มีสติปัญญาล้ำลึก ผู้มีสติปัญญาล้ำลึก เป็นได้แค่เพียงสมองให้ผู้มีวิสัยทัศน์ ตัวอย่างเช่น การกำหนดกลยุทธ์ที่ไตร่ตรองวิเคราะห์ลึกซึ้งจากสถานการณ์ปัจจุบัน อาจได้ผลสัมฤทธิ์ไม่มาก เพราะทุกสิ่งล้วนมองเห็นภายใต้สติปัญญาที่ทันกัน การกระทำก็ไม่อาจท่วงทันให้เกิดข้อได้เปรียบจากคู่แข่ง หรือคู่แข่งสามารถปรับเปลี่ยนตามอย่างเหมาะสม แต่การกำหนดกลยุทธ์ที่เกิดจากการวิเคราะห์ลึกซึ้งจากสถานการณ์ในอนาคต ผ่านความสามารถในการทำนายอนาคต อ่านเหตุการณ์ล่วงหน้าหลายชั้น จะก่อให้เกิดกลยุทธ์ที่ก้าวล่วงหน้าทุกคน ฟังดูเหมือนเรื่องเหลือเชื่อ  แต่ทุกวันนี้ก็มีตัวอย่างมากมายดังดาวบนท้องฟ้า แต่สุดยอดโชว์เคสคงไม่พ้นกรณี Microsoft Microsoft ที่เริ่มต้นจาก resource เมื่อเปรียบเทียบกับยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ขณะนั้นเป็นได้แค่ขี้เล็บ แต่พลังคาดการณ์ในอนาคตที่จะเห็นทุกบ้านบนโลกนี้ใช้คอมพิวเตอร์ หรือแม้เคสอาจารย์กู้ google , facebook  หรืออย่าง Napster อดีตขวัญใจวัยโจ๋ในอดีต หรือสังคมบิท ที่ทำลายอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์ทางปัญญาไปไม่รู้กี่ล้านล้านล้านบาท ก่อนจะเพ้อไปกว่านี้ ตอบคำถามจขกท. ครับ ได้ครับ  แต่ไม่รู้ทำไง  5555 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 10 ส.ค. 51 22:04:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 งัดตำราออกมาสู้กันน่าดู อิ อิ อิ จากคุณ : Lee La Man (Lee La Man) - [ 11 ส.ค. 51 06:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คือ แวะมาอ่านน่ะคับ จริงๆไม่ได้เกี่ยวอะไร แต่อ่านแล้วได้ความรู้ดี คับ เอิ๊กๆๆๆๆ จากคุณ : เดกน้อย หอยสังข์ - [ 11 ส.ค. 51 08:35:58 A:125.27.3.85 X: TicketID:181042 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมไม่ทราบว่าคุณจขกท.จะได้ความรู้โดนใจมั่งมั้ย แต่ผมได้อ้ะครับ  ได้มากเลย  ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่มาเล่าเรื่องสนุกๆและได้ปัญญานะขอร้าบ จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร - [ 11 ส.ค. 51 09:20:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้แสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ นับถือ... นับถือ... นับถือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..... จากคุณ : ครูต้อ - [ 11 ส.ค. 51 14:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีเวลาที่จะตอบคำถามเลย ผ่านเข้ามาอ่านคำตอบแล้ว อืมมม ผมไม่ต้องตอบละ อิอิ ขอบคุณสำหรับคำตอบดี ๆ จากหลาย ๆ ท่านครับ จากคุณ : CNXek - [ 11 ส.ค. 51 15:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากครับ แชร์ความรู้ได้นำไปใชในเรื่องอื่นได้ มีอีกแชร์อีกนะครับเป็นข้อมูลไปทำงานวาง กลยุทธ์ได้ดีจัง และก็ได้ความรู้รอบตัวด้วย จากคุณ : Rambo*Officer - [ 11 ส.ค. 51 22:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ใช่ ไม่ต้องตอบแล้ว คห บน ๆ เขาเอา ตำรา Strategic Management มาลงกันโครม ๆ ฮา ๆ แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 51 23:43:10 จากคุณ : Sand and Sea (เม็ดทราย กะ ชายหาด) - [ 11 ส.ค. 51 23:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขออนุญาตคะ อ่านแล้วเกิดคำถามคะ เราไม่ใช่นักธุรกิจ เป็นเพียงพนักงานแต่มีความสงสัยคะ ว่าการที่จะรู้ว่าธุรกิจอยู่ในอันดับที่เท่าไร เราจะดูจากไหนคะ เพราะแม้ว่าการตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นอันดับที่ 1 ด้านกำไร ของธุรกิจ ซึ่งเท่าที่ทราบมานั้นการหาข้อมูลว่าธุรกิจใด อยู่อันดับที่เท่าไร ถ้าเป็นธุรกิจที่เป็น มหาชน ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าธุรกิจของเราเป็น SME เราจะต้องหาข้อมูลอย่างไรคะ ขอคำแนะนำด้วย จากคุณ : sysee (sysee) - [ 11 ส.ค. 51 23:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จริง ๆ มันวัดได้หลาย key ครับ แต่ที่วัดง่าย และนิยมใช้มากที่สุดก็คือ market share วัดจากยอดขายครับผม จากคุณ : Sand and Sea (เม็ดทราย กะ ชายหาด) - [ 11 ส.ค. 51 23:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คะ market share แต่ที่สงสัยคือ เราจะรู้ได้อย่างไรคะ เพราะว่าเป็น SME ข้อมูลด้านการตลาด ประมาณการยอดขาย หรือ จำนวนลูกค้า ความ ภักดีต่อตราสินค้า  ก็ไม่ทราบว่าจะหาได้อย่างไรคะ อย่างกรณี ร้านอาหารในเยาวราช มีหลายร้าน แต่ถ้าจะดูว่าในร้านอาหารทั้งหมดที่มีอยู่นั้นเราเป็นเราที่มียอดขายดีเป็นอันดับที่เท่าไร จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไรคะ คือเราคิดว่าถ้าอาหารในกลุ่มราคา 30 - 40 บาทต่อจาน มีจำนวนวันในการเปิดขายต่อสัปดาห์ ที่เท่ากัน และมีร้านค้าจำนวนมาก เราจะรู้ ได้อย่างไรคะ จากคุณ : sysee - [ วันแม่แห่งชาติ 00:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าจขกท.ต้องการแลกเปลี่ยนไอเดียเพื่อเป็นประโยชน์ต่อก็หลังไมค์ได้ครับ ยินดี^^                                                                                     เดาว่ายังไม่ขึ้นว่าวันแม่                                                                                                  v                                                                                                  v                                                                                                  v จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ วันแม่แห่งชาติ 00:06:35 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มานั่งฟัง(เรียน)ด้วยคนครับ                                                                                                                                                                 แป่ว ขึ้นแล้วซะงั้น                                                                                                 v                                                                                                 v                                                                                                 v จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ วันแม่แห่งชาติ 00:08:40 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบคุณ sysee นะครับ เค้ามีวิธีวัดได้หลายอย่างครับ อย่างกลุ่ม FMCG (Fast Moving Consumer Goods) เค้าดูจาก Retail Audit ซึงก็เป็นข้อมูลกลางจากบริษัท Research, กลุ่มสินค้า Brand บางตัว (ที่ไม่มีการเก็บข้อมูล) สามารถดูได้จากยอดขายของตัวเองเทียบกับคู่แข่ง บางเจ้าเค้าดูจากยอดประมาณการเสียภาษีเงินได้รายปีจากกรมสรรพากร และก็มีอีกหลายรายเหมือนกันที่ดูจากยอดการใช้จ่ายหรืองบในการโฆษณาครับ อันนี้เรียกว่า SOV (Share Of Voice) ซึ่งก็จะสามารถ Mark ได้คร่าวๆว่าเราหรือคู่แข่งอยู่ตรงไหน ใครเป็นอันดับที่เท่าไหร่แล้วจะ Move ไปในทิศทางไหนบน Competitive Map อันนี้ เรื่องยอดขายของ SME คงจะวัดไม่ได้โดยตรง นอกจากดูเราแล้วเทียบตามวิธีคร่าวๆที่ผมบอกไปแล้วจากด้านบนของความคิดเห็นนี้ครับ อันนี้ไม่ได้เอามาจากตำรา แต่เอามาจากประสบการณ์ล้วนๆครับผม อาหุ อาหุ อาหุ....สุขสันต์วันแม่คร้าบบบบบบบ!!!!!! แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 08:35:28 จากคุณ : Lee La Man - [ วันแม่แห่งชาติ 08:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แล้วอย่างกรณี ร้านในเยาวราช อย่างร้านอาหาร (โดยส่วนตัวผมสงสัยเช่น อย่างร้านทอง ร้านอะไหล่ ร้านวัสดุต่างๆ) เราจะเข้าถึงยอดประมาณการเสียภาษีเงินได้จากสรรพากร ได้อย่างไรครับ เรื่องการโฆษณาก็ไม่มีให้เห็น จึง mapping ลำบาก ขออนุญาตถามเพิ่มเต็มหน่อยนะครับ และยังอยากฟังความเห็นจากทุกๆท่านนะครับ   (ขออนุญาตคุณ sysee สงสัยด้วยคนนะ ^^) 888888888 ลืมบอกว่าเดี๋ยวจะออกไป กลับมาแล้วจะมาอ่านครับ 888888888888 แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 51 09:31:40 จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ วันแม่แห่งชาติ 09:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ ^ ^ ถามอย่างงี้ก็ต้องสงสัยผมซินะ อาหุ อาหุ อาหุ ขอชิงตอบก่อนจะไปข้างนอก คริ คริ คริ 'แล้วอย่างกรณี ร้านในเยาวราช อย่างร้านอาหาร (โดยส่วนตัวผมสงสัยเช่น อย่างร้านทอง ร้านอะไหล่ ร้านวัสดุต่างๆ) เราจะเข้าถึงยอดประมาณการเสียภาษีเงินได้จากสรรพากร ได้อย่างไรครับ เรื่องการโฆษณาก็ไม่มีให้เห็น จึง mapping ลำบาก' คือตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่เคยมีธุรกิจประเภทนี้ต้องการรู้เรื่อง Competitive Map เหมือนกัน เดี๋ยวระหว่างทางจะลองแวะถามอาเฮียอากู๋ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านทองดูก่อนนะ ดึกมากๆ...จะเข้ามาอ่านจากท่านอื่นๆดูบ้างคร้าบบบบบบบบบบบบ จากคุณ : Lee La Man - [ วันแม่แห่งชาติ 10:21:09 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่คิดว่าจะเป็นที่น่าสนใจขนาดนี้ คำตอบเยอะมากเลย ส่วนผมได้ไอเดียว่าจะทำให้อันดับ 6 มาเป็นอันดับ1เนี่ย คงยากมาก เพราะปัจจัยต่างๆนั้นไม่มีพร้อมเลย ก่อนอื่นคงต้องมานั่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งก่อน แล้วกลยุทธ์แรกที่คิดว่าจะใช้ก็คือการทำ Awareness ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของอันดับ 6 แต่มันก็ต้องใช้ทุนเยอะใช่มั้ยครับ การจะมานั่งทำ Above The Line คิดอย่างผมนี่มันถูกป่ะครับ กลยุทธ์แรกที่ผมจะทำ จากคุณ : Rambo*Officer - [ วันแม่แห่งชาติ 12:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โอ้.....................กูรู มาให้ความเห็นเยอะดีจริงๆ เอิ๊กๆๆๆ  เอาไปใช้ทำกรณีศึกษาได้เลยนะเนี่ย เก็บๆๆๆ ครับ เก็บความรู้นะครับ จากคุณ : Mr. กรึ่ม (np_np1) - [ วันแม่แห่งชาติ 12:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อืมใช่ครับ ส่วนใหญ่ยอดขาย market share เขาก็ใช้ Retail Audit กัน Retail Audit หมายความว่าบริษัทวิจัย (ชั้นนำก็คง AC Nelson เนอะ) ไปขอซื้อข้อมูลหรือทำวิจัยกับร้านค้าปลีก พวก modern trade ทั้งหลาย ซึ่งเอาจริง ๆ พวก modern trade พวกนี้คิดหรอว่าจะให้ข้อมูลจริง ก็คงมีการดัดแปลง ตกแต่งบัญชีกันเล็กน้อยนั้นแหละ ไม่งั้นคู่แข่งที่ซื้อข้อมูลจากบริษัทวิจัยก็เห็นยอดขายฉันหมดนะสิ เออ จาก Retail Audit ก็เลยทำให้ทราบ market share แต่ละแบรนด์ (ถึงแม้จะไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็ถือว่ามันเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้วแหละ อ้างอิงได้เท่านี้) ส่วน SMEs คงต้องกะคร่าว ๆ หรือ อนุมาน หรือใช้ key ตัวอื่นช่วยแหละครับ มันคงไม่ได้จริง ๆ ก็อย่างที่ คห บน ๆ ว่าในโลกแห่งความจริง พวก SMEs เขาก็ไม่ได้ทำอะไรจริงจังขนาดนั้น จากคุณ : Sand and Sea (เม็ดทราย กะ ชายหาด) - [ วันแม่แห่งชาติ 16:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ึถึงคุณ Lee La Man ครับ ไม่ได้สงสัยอะไรในคห.คุณจริงๆครับ แค่อยากรู้ว่า ถ้าเอากันจริงๆแล้วแต่ละท่านพอจะมีอะไรดีๆแนะนำบ้าง เพื่อจะได้ความรู้เพิ่มครับ วันนี้เพิ่งกลับจากกินเบคคุมา  ยังสุดยอดเหมือนเดิม ^^ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ วันแม่แห่งชาติ 17:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ช่วงนี้ตาลาย ไม่ค่อยอยากพิมพ์ยาว ๆ เข้ามานั่งดูอยู่ข้าง ๆ เวทีละกัน :) จากคุณ : CNXek - [ วันแม่แห่งชาติ 19:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อยากจะรู้อันดับของธุรกิจ ดูจากที่ไหน??? ยิ่งเป็น SMEs นี่ยิ่งดูง่ายครับ ดูที่กำลังการผลิตหรือทีู่สต๊อกสินค้า ยิ่งมีกำลังการผลิตเยอะ ก็ยิ่งยอดขายเยอะ ถ้าเป็นร้านอาหาร ก็ดูที่จำนวนโต๊ะเป็นหลัก ดูจำนวนเตา ดูจำนวนเด็กเสริฟ เท่านี้ก็ดูได้คร่าวๆแล้ว ยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลาขาย กวาดตาดูคร่าวๆก็น่าจะรู้ว่าร้านไหนครองตลาด ส่วนสินค้าที่เป็นในระดับตลาดใหญ่ๆ เช่นเบียร์ ถ้าอยากรู้ว่าในแต่ละพื้นที่ยี่ห้อไหนขายดีก็ให้ดูว่าในร้านโชว์ห่วยสต๊อกยี่ห้อไหนมากกว่า ยิ่งมีตัวไหนสต๊อกเยอะเก็ยิ่งแสดงว่าตัวนั้นขายดี ..... ผมว่าก่อนที่จะไปพึ่งข้อมูลจากบริษัทวิจัยลองดูผ่านจากสายตาตัวเองและพยายามประเมินด้วยวิธีการง่ายๆ ก่อนดีมั้ยครับ จากคุณ : lb'sN - [ วันแม่แห่งชาติ 20:14:33 A:125.26.139.172 X: TicketID:177270 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มาเก็บความรู้อย่างเดียวครับงานนี้ อิอิ จากคุณ : phoenixia - [ 13 ส.ค. 51 15:33:52 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ความคิดเห็นที่ 35   ไม่คิดว่าจะเป็นที่น่าสนใจขนาดนี้ คำตอบเยอะมากเลย ส่วนผมได้ไอเดียว่าจะทำให้อันดับ 6 มาเป็นอันดับ1เนี่ย คงยากมาก เพราะปัจจัยต่างๆนั้นไม่มีพร้อมเลย ก่อนอื่นคงต้องมานั่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งก่อน แล้วกลยุทธ์แรกที่คิดว่าจะใช้ก็คือการทำ Awareness ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของอันดับ 6 แต่มันก็ต้องใช้ทุนเยอะใช่มั้ยครับ การจะมานั่งทำ Above The Line คิดอย่างผมนี่มันถูกป่ะครับ กลยุทธ์แรกที่ผมจะทำ ^ ^ แบ่งตลาดด้วยsegmentationก่อนครับ อันดับ6ก็อาจกลายเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเล็กๆที่เลือกสนใจ ไม่ต้องใช้ทุน ใช้แค่วิสัยทัศน์และความสามารถในการวิเคราะห์ พูดอีกแบบหนึ่งคือsegmentationตลาด เพื่อเลือกตำแหน่งที่จะเล่นให้เหมาะกับSWOTของเรา จากคุณ : numnumnum1 - [ 13 ส.ค. 51 22:34:56 ]