Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี: ตอน ตอนลุ่มๆดอนๆถึงเมืองผู้ดี (ภาคสาม)

    สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี: ตอน ตอนลุ่มๆดอนๆถึงเมืองผู้ดี (ภาคสาม)
    Episode IV: A bumpy ride to London (Part III)

    การไปสถานที่ราชการหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับราชการเนี่ยเป็นหนึ่งในอะไรที่คุณอู๋ไม่โปรดปรานเอาซะเลยค่ะ เพราะเวลาไปทีไรมันจะต้องมีอะไรซักอย่างที่ทำให้คุณอู๋ได้อารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าคุณนักอ่านคอลัมน์ได้เจอประสบการณ์แย่ๆเหมือนคุณอู๋รึเปล่านะคะ แต่สำหรับคุณอู๋เนี่ย บางทีก็เจอคุณข้าราชการที่พูดจาค่อนไปทางแม่ค้าตลาดสดซะมากกว่า หลายทีก็ต้องทนกับคิวที่ขอประทานโทษเถอะค่ะกลับบ้านไปรอบนึงแล้วกลับมายังได้เลย ด้วยเหตุนี้เอง คุณอู๋จึงไม่ค่อยถูกกับสถานที่ราชการเท่าไหร่ แต่เหมือนพระเจ้าลงโทษค่ะ อะไรยิ่งเกลียดเหมือนต้องยิ่งได้เจอ (เหมือนหนังช่องเจ็ดไงคะที่นางเอกเกลียดพระเอกซะเหลือเกิ๊น แต่มีเหตุให้ได้เจอกันบ๊อยบ่อย) ช่วงก่อนไปเมืองผู้ดีเนี่ยมีหลายทีทีเดียวค่ะที่คุณอู๋ต้องไปสถานที่ราชการ แล้วคุณอู๋ก็ได้เจอะเจอสถานการณ์ “ร้ายนักนะเรา”อยู่เรื่อยเลย

    หลังจากที่คุณอู๋ได้รับการยืนยันจากออฟฟิสเมืองผู้ดีว่ารับคุณอู๋เข้าทำงาน สองสิ่งแรกเลยที่คุณอู๋ทำคือ หนึ่งประกาศความเป็นไทให้แก่ตัวด้วยการลาออกจากงานเดิมทันทีเลยค่ะ และสอง ที่หนีไม่พ้น ป่าวประกาศข่าวให้โลกรู้ (แหม ก๊อคุณอู๋คันปากยิบๆมานานกว่าสามเดือนแล้วนี่คะ) ช่วงนั้นคุณอู๋มีเวลาประมาณสองอาทิตย์เองค่ะเพื่อเตรียมตัวไป เหนื่อยมากๆค่ะขอบอก เพราะมีเรื่องต้องทำเยอะมาก ตั้งกะหาตั๋วเครื่องบิน เก็บของ ตรวจสุขภาพ เลี้ยงส่ง แล้วไหนจะต้องหาที่พักชั่วคราวที่ลอนดอนอีกล่ะ คุณอู๋เองก็ดั๊นไม่ไฮโซเอาซะเลย ไม่มีเพื่อนฝูงอยู่เมืองผู้ดีเลยน่ะสิคะ ส่วนญาติๆไม่ต้องพูดถึง ยังไม่เคยไปกันเลยด้วยซ้ำ เห็นมั้ยคะว่ามีหลายเรื่องต้องทำซะเหลือเกิน แต่ไอ้เรื่องที่คุณอู๋ไม่ชอบที่สุดน่ะคือต้องไปทำเรื่องขอวีซ่าค่ะ ก็เพราะมันเกี่ยวข้องกับสถานที่ราชการน่ะสิคะ

    คุณอู๋เองก็เพิ่งเคยไปสถานฑูตอังกฤษที่เมืองไทยครั้งแรกก็คราวนี้แหละค่ะ ตื่นซะเช้าเลยกะไปให้ทันตอนเค้าเปิด แต่พอไปถึง โอ้ พระเจ้าช่วยจอร์จ มันคิวยาวมากๆ กว่าจะได้เข้าไปถึงช่องยื่นเอกสารเนี่ยเหงื่อไหลพรากเลย ไหนต้องรอเค้าสัมภาษณ์อีก แค่นั้นก็ปาเข้าไปจะเที่ยงแล้ว หิวข้าวเค้าก็ไม่ให้ออก โทรศัพท์ก็ไม่ให้ใช้ค่ะ สถานฑูตนี่เริ่มส่อแววร้ายนักนะเราซะแล้ว คุณอู๋ก็เลยไปนั่งคลายเครียดอยู่ตรงม้านั่งหินอ่อน ซักพักนึงก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งข้างๆ คุณอู๋ก็ยิ้มให้ กะชวนคุย แต่แล้วเค้าก็ตัดหน้าคุณอู๋ซะก่อน
    “พี่มาขอวีซ่าไปทำไรที่โน่นคะ แล้วไปเมืองไหนเหรอ” คุณน้องไม่เอ่ยนามถาม
    “มาขอวีซ่าทำงานน่ะค่ะ จะไปลอนดอน แล้วน้องล่ะคะ” คุณอู๋ถามกลับ
    “ไปนิวคาสเซิลน่ะค่ะ เนี่ยเบื่อมากเลย ไปมาหลายทีมากๆแล้วเค้าก็ยังต้องมาสัมภาษณ์อีก” คุณน้องตอบกลับ
    “อ๋อเหรอคะ” คุณอู๋ไม่รู้จะตอบอะไรนี่คะ (แต่ในใจคิดว่า “อ้าว ยัยเด็กนี่ไฮโซนี่หว่าไปมาหลายทีแล้ว”)
    “พี่ไปทำงานเมืองนอกได้เนี่ยถือว่าเก่งมากนะคะ” คุณน้องชมทำเอาคุณอู๋งี้ยิ้มหน้าบ้านเลยค่ะ “...ว่าแต่ว่า พี่ไปทำที่ร้านอาหารไหนล่ะ เผื่อหนูไปช่วยอุดหนุน” อ้าว! เวร คุณอู๋ช๊อคซินีม่าค่ะ หน้าบานๆของคุณอู๋ๆเงี๊ยะหดเหลือสองนิ้วเอง โธ่เอ๋ย ทำกรรมมาแต่ชาติไหนเนี่ยหน้าตาคุณอู๋ถึงไม่ได้มีราศีเป็นสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีเอาซะเลย นี่ถ้าหน้าตาแบบเทย่ามาขอวีซ่าคุณน้องคงไม่คิดว่าไปทำงานร้านอาหารแน่ๆ คุณอู๋เริ่มมีน้ำโหขึ้นมานิดนึงเลยค่ะ ว่าแล้วมั้ยล่ะมาสถานที่ราชการทีไรมีต้องให้เสียอารมณ์ทุกที ร้ายนักนะเรา!

    ไม่กี่วันถัดมาคุณอู๋ก็ได้วีซ่าและก็เตรียมบินค่ะ โชคดีที่เที่ยวบินออกตอนเย็นๆวันศุกร์เลยมีเวลากลางวันให้คุณอู๋คุยโทรศัพท์ร่ำลาเพื่อนๆอีกรอบ ก่อนออกบ้านไปสนามบินคุณอู๋คุยโทรศัพท์กับคุณแม่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคุณอู๋ จำได้ว่าบอกคุณแม่ญี่ปุ่นก่อนวางหูว่า “ไว้ไปถึงโน่นจะโทรหานะแก” แล้วคุณอู๋ก็ลัลลัลล้าเริงร่าขนกระเป๋าออกบ้านไปดอนเมืองพลางคิดในใจว่า วันนี้แหละที่ชั้นจะได้โกอินเตอร์ซะที โดยไม่คิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อรออยู่ที่สนามบิน...

    ไม่นานหลังจากที่บ้านของคุณอู๋ขับรถกลับออกไปจากดอนเมือง การท่าอากาศยานก็ออกอาการ“ร้ายนักนะเรา”กับคุณอู๋เข้าอย่างจังเลยค่ะ ขณะที่เจ้าพนักงานกำลังตรวจพาสปอร์ตอยู่นั่นเอง เค้าก็หยุดแล้วก็เงยหน้าถามคุณอู๋ว่า “แสตมป์จากกรมแรงงานอยู่ไหน” คุณอู๋งงเป็นไก่ตาแตกเลยค่ะ แสตมป์อะไรไม่รู้เรื่อง เข้าใจผิดอะไรรึเปล่าเนี่ย เลยตอบเค้าไปว่าต้องมีด้วยเหรอ เค้าก็ตอบเสียงดุเลยค่ะ “ไม่มีก็ไปไม่ได้” อ้าว ซวยล่ะสิ มันคืออะไรล่ะเนี่ยเห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย แต่แล้วเค้าก็บอกต่อว่า ไปให้เค้าแสตมป์ตรงข้างนอกด่านตรวจแล้วค่อยกลับเข้ามา โอ้ คุณอู๋ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย โธ่ นึกว่าเรื่องอะไรใหญ่โต ทำเอาตกอกตกใจหมด แต่แล้วพอคุณอู๋ไปถึงด่านตรวจแรงงานถึงกับช๊อคค่ะ

    เค้าบอกคุณอู๋ว่าก่อนจะแสตมป์ได้เนี่ยต้องมีเอกสารที่ออกจากกรมแรงงานมาด้วย ซึ่งต้องไปทำเรื่องที่กรมแรงงานต่างประเทศแถวๆดินแดง ไม่งั้นก็ออกนอกประเทศไม่ได้ อ้าวทำไงดีล่ะตู เย็นวันศุกร์แล้วด้วยที่ไหนเค้าจะทำงานกัน มีทางเดียวคือต้องไปวันจันทร์แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะทำเรื่องเสร็จวันไหน ออฟฟิสที่เมืองผู้ดีก็จะให้เริ่มงานอีกไม่ถึงอาทิตย์ด้วย ตอนนั้นจำได้ว่าอ้อนวอนขอเค้าแทบกราบเท้าค่ะ แต่เค้าก็แบบ“ร้ายนักนะเรา”กับคุณอู๋มากๆค่ะทำเสียงดุยังกะว่าคิดว่าคุณอู๋เนี่ยจะหนีไปขายประเวณีต่างประเทศซะงั้น เครื่องบินก็จะออกอยู่แล้วอีกไม่ถึงชั่วโมง ทำไงได้ล่ะคะ คุณอู๋ก็เลยตัดสินใจไปบอกสายการบินค่ะ ว่ามีปัญหาขอเลื่อนตั๋วได้มั้ย โชคดีมากค่ะที่เค้าให้ (ขอบคุณสายการบินคาเทย์มากค่ะ) ไม่งั้นซวยกว่าเดิมแน่ๆเลย ตอนนั้นคุณอู๋ทั้งโกรธ ทั้งเซ็ง ทั้งเศร้า ปนกันไปหมดเลยค่ะ ที่บ้านก็ออกจากสนามบินไปแล้วด้วย โทรศัพท์มือถือก็ไม่มีเพราะคุณอู๋คิดว่าชั้นโกอินเตอร์แน่ๆเลยไปตัดบริการทิ้งซะงั้น ต้องไปหาตู้หยอดเหรียญ ซวยอีกค่ะค้นกระเป๋าตังค์มีตังค์อยู่ห้าบาทเอง ตอนนั้นบอกตามตรง น้ำตาแทบเล็ดเลยค่ะ คิดดูสิคะว่าคุณอู๋เนี่ยได้ร่ำลาใครต่อใครไปหมดแล้วแต่ดั๊นต้องขนกระเป๋ากลับบ้านน่ะสิค๊ะ นี่ถ้าไปเจอใครต่อใครวันถัดไปจะทำไงล่ะเนี่ย อารมณ์อยากแทรกแผ่นดินหนีมันเป็นอย่างนี้นี่เอง คุณอู๋กลับถึงบ้านด้วยอารมณ์พานิคมากค่ะ ต้องระบาย เลยโทรไปหาคุณแม่ญี่ปุ่นซึ่งคงไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นเพราะคุณแม่ญี่ปุ่นเองถามคำถามแรกเลยว่า “อ้าว แกอยู่ฮ่องกงรอเปลี่ยนเครื่องแล้วเหรอ” ตอนนั้นคุณอู๋เนี่ยแทบกลืนน้ำลายไม่ลงเลยค่ะแล้วก็ตอบไปว่า “แกอ๊ะ! เค้าไม่ให้ชั้นออกนอกประเทศ ชั้นกลับมาบ้านแล้วอ่ะ”

    วันจันทร์คุณอู๋รีบไปกรมแรงงานแต่เช้าเลย ไปถึง เหมือนเดิมค่ะ สถานที่ราชการเนี่ยคิวมันยาวซะเหลือเกิ๊นเลย คุณอู๋ไปครั้งแรกด้วยสิเลยไม่รู้ว่าต้องทำไง ก็เลยไปถามคุณข้าราชการหญิงคนหนึ่งที่หน้าตาบอกบุญไม่รับเอาซะเลย
    “จะทำเรื่องไปต่างประเทศนี่ต้องทำไงคะ” คุณอู๋ถาม
    “ไปไหนล่ะ” คุณข้าราชการตอบแบบไม่แยแสมากค่ะแล้วมองคุณอู๋ตั้งกะหัวจดเท้า
    “ไปอังกฤษค่ะ” คุณอู๋ตอบ พยายามใจเย็นมาก (แต่ในใจคิดว่า มองชั้นตั้งกะหัวจดเท้าหมายความว่าไงยะ)
    “อ่ะ เอาแบบฟอร์มนี่ไปเซ็น แล้วอย่าลืมกรอกด้วยว่าไปทำที่โรงงานไหน”
    อ้าว! อีกแล้วเหรอเนี่ย หน้าตาคุณอู๋ช่างไม่ออกราศีสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีเอาซะเลย เฮ้อ ไปสถานที่ราชการทีไรเนี่ย แม๊ มันได้อารมณ์เสียทุกทีเลย ร้ายนักนะเรา! นี่ยังดีที่เค้าออกเอกสารให้ภายในหนึ่งวันค่ะ ไม่งั้นคงมีได้อารมณ์เสียกว่านี้เป็นแน่

    เย็นวันนั้นในที่สุดคุณอู๋ก็ได้ขึ้นเครื่องไปเมืองผู้ดี เห็นมั้ยคะว่าถนนโกอินเตอร์เนี่ยมันลุ่มๆดอนๆจริงๆ กว่าจะได้ขึ้นเครื่องไปเมืองผู้ดีได้เนี่ย แม๊ มันเล่นเอาเหงื่อไหลไครย้อยน้ำตาแทบเล็ดเลยล่ะ แต่ว่าอะไรจะรอคุณอู๋อยู่ที่เมืองผู้ดีเนี่ย ติดตามได้ในฉบับหน้านะคะ

    คุณอู๋

    ถามคุณอู๋ (Ask Nissy)
    Q: ทำงานออฟฟิสเมืองไทยมาหลายปีแล้วค่ะและสังเกตุว่าคนที่หน้าตาดีส่วนใหญ่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานเร็ว อยากทราบว่าที่ออฟฟิสเมืองนอกเป็นเหมือนกันรึเปล่าคะ ถ้าจริงจะได้ไปดึงหน้าเสริมดั้งก่อนไปทำงานเมืองนอกน่ะค่ะ (จากข้าวโพดอ่อน)
    A: จากประสบการณ์นะคะ ที่ออฟฟิสที่คุณอู๋ทำอยู่คุณอู๋สังเกตุว่าคนที่ก้าวหน้าเร็วเนี่ย หน้าตาค่อนข้างธรรมดาค่ะ ขอโทษนะคะบางคนเนี่ยหน้าตาติดแนวฝรั่งขี้นกด้วยซ้ำ แต่ที่เค้าโตเร็วน่ะเป็นเพราะทำงานเก่งและบุคลิกภาพดีมากกว่าค่ะ คือเป็นพวกที่แบบว่า เชื่อมั่นในตัวเองสูงมากๆแล้วก็พูดเก่งด้วย เพราะฉะนั้นคุณอู๋ว่าเก็บเงินดึงหน้ารึเสริมดั้งไปเรียนพัฒนาบุคลิกภาพดีกว่าค่ะ

    ป.ล.ถ้าคุณนักอ่านคอลัมน์คนไหนมีคำถามอยากถามคุณอู๋เรื่องสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีสามารถส่งอีเมล์มาได้ที่ ns_nissy@yahoo.com ได้นะคะ จะนำคำถามมาตอบเรื่อยๆค่ะ

    จากคุณ : NS - [ 17 ส.ค. 51 23:39:43 A:86.140.166.64 X: TicketID:184548 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom