ความคิดเห็นที่ 1 อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายฉบับนี้จะมีข้อดีอยู่หลายด้าน แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ในแง่ที่ต้องเสียภาษีที่ดินเพิ่มขึ้น ตลอดจนถึงภาษีบ้านอยู่อาศัย ทุกประเภท รวมถึงคอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และสำนักงาน จากเดิมที่ไม่เคยต้องเสียภาษี ทำให้หลายฝ่ายมองว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ผู้มีรายได้น้อย และรายได้ปานกลาง จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพื่อตอบคำถาม และข้อสังเกตเหล่านี้ ทีมเศรษฐกิจ จึงบุกเข้าถึงตัว นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง หนึ่งในผู้ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นผู้ให้ความกระจ่าง เปิดศักราชภาษีที่ดินยุคใหม่ นายสมชัยลำดับความเป็นมาของกฎหมายที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างฉบับนี้ให้ฟังว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเข้ามาแทนที่ พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และ พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ภายใต้หลักการและเหตุผลของการจัดเก็บภาษีตามความเป็นจริงเช่นที่นานาอารยประเทศใช้กัน พร้อมๆกับการปรับปรุงออกแบบภาษีใหม่ให้เข้าใจง่าย และสะดวกสบายแก่ผู้รับชำระ และผู้เสียภาษี ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับภาษีโรงเรือน และภาษีบำรุงท้องที่ที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบัน จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาษีโรงเรือน และที่ดินที่เก็บอยู่ในปัจจุบัน มีฐานการจัดเก็บอยู่บนค่าเช่าซึ่งแปลกประหลาดมาก อาจจะเป็นเพราะในอดีต ประเทศไทยยังไม่มีราคาประเมินที่ดินที่ใช้เป็นราคากลาง รัฐบาลขณะนั้นจึงใช้วิธีจัดเก็บจากฐานของค่าเช่าแทนมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ราคาค่าเช่าจะถูกกว่าราคาทรัพย์สินลิบลับ และนั่นทำให้รัฐต้องตั้งอัตราภาษีที่จัดเก็บจากค่าเช่าสูงถึง 12.5% ของค่าเช่า เพื่อทดแทนราคาประเมิน ส่วนภาษีของภาษีบำรุงท้องที่นั้น ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีการจัดเก็บ และประเมินมูลค่าทรัพย์สินกันอย่างยากลำบากไม่แพ้ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซ้ำยังมีการกำหนดอัตราที่ใช้ในการจัดเก็บมากถึง 34 อัตรา แต่ละอัตราก็จัดเก็บแบบถดถอย เช่น ที่ดินราคาแพง เสียภาษีถูก ส่วนที่ดินราคาถูก กลับเสียภาษีแพง ซึ่งไม่ตรงกับหลักการของการจัดเก็บภาษีที่คนมีมากต้องจ่ายมาก คนมีน้อย จ่ายน้อย หรือไม่เสียเลย จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เช่น ที่ดินราคาต่ำ คิดอัตราภาษีบำรุงท้องที่ไร่ละ 0.50 บาท, ที่ดินราคาปานกลาง คิดอัตราไม่เกินไร่ละ 200 บาท, ที่ดินราคาสูง (มากกว่าไร่ละ 30,000 บาท) ให้คิดภาษี 30,000 บาทแรกไร่ละ 70 บาท และส่วนที่เกิน 30,000 บาท เสียภาษีไร่ละ 25 บาทต่อทุกๆ 10,000 บาท ที่เกิน และที่ดินที่ใช้ในการประกอบกสิกรรมประเภทไม้ล้มลุก เสียกึ่งอัตรา แต่ถ้าเจ้าของปลูกเอง เสียสูงสุดไร่ละ 5 บาท เป็นต้น จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:39:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แม้ภาษีบำรุงท้องที่จะจัดเก็บบนฐานของราคาประเมิน แต่กฎหมายฉบับนี้ก็ยังมีความล้าหลังมาก เพราะใช้ราคาประเมินที่ดินเมื่อปี พ.ศ.2524 มาเป็นฐานโดยไม่มีการปรับปรุงมากว่า 27 ปีแล้ว ที่สำคัญ ภายใต้ภาษีเก่าทั้ง 2 ฉบับ ยังไม่มีบทลงโทษนักเก็งกำไรที่ดิน หรือปรับผู้มีที่ดินเปล่า แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม หากเป็น พ.ร.บ.ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างฉบับนี้ จะมีฐานจัดเก็บภาษีจากการประเมินตามข้อเท็จจริงในราคาประเมินปัจจุบัน ซึ่งสามารถกำหนดอัตราภาษีให้ต่ำลงโดยไม่สร้างภาระต่อประชาชนได้ อัตราภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่ว่า จะมี 3 อัตรา (ดูตาราง) ได้แก่ 1. ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์ รวมถึงที่ดินเปล่า กำหนดเพดานการจัดเก็บไม่เกิน 0.5% ของมูลค่าที่ดินตามราคาประเมินปัจจุบัน 2. ที่อยู่อาศัย ซึ่งไม่ได้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ จัดเก็บไม่เกิน 0.1% และ 3. ที่ดินเกษตรกรรม จัดเก็บภาษีไม่เกิน 0.05% เช่น มูลค่าที่ดิน 1 ล้านบาท เสียภาษีไม่เกิน 500 บาท สำหรับที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เสียภาษีไม่เกิน 0.5% แต่ภายใน 3 ปี หากไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก็จะเก็บภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า เช่น ในปีแรกกำหนดอัตราไว้ 0.1% ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นเป็น 0.2% และอีก 3 ปีถัดไป จะเพิ่มขึ้นเป็น 0.4% แต่จะจัดเก็บสูงสุดได้ไม่เกิน 2% ของฐานภาษี หรือของราคาประเมิน จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คนมีบ้านเตรียมใจจ่ายรายปี ที่ปรึกษา สศค.ยอมรับว่า ภายใต้ภาษีที่ดินใหม่ จะมีประชาชนที่ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นกว่าปัจจุบัน ซึ่งมีข้อกำหนดยกเว้นไว้มาก ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีบ้าน และที่ดินไม่เคยต้องเสียภาษี เช่น ใน พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ ยกเว้นให้ที่ดินนอกเขตเทศบาล 3-5 ไร่, ที่ดินในเขตเทศบาล 200 ตร.วา -1 ไร่, ที่ดินในเขตเมืองพัทยา เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ไม่เกิน 50-100 ตร.วา รวมถึงที่ดินในเขต กทม.ในพื้นที่ชุมชนหนาแน่นไม่เกิน 50-100 ตร.วา และชุมชนหนาแน่นปานกลางในที่ดิน 100 ตร.วา -1 ไร่ ไม่ต้องเสียภาษี “กฎหมายใหม่ กำหนดให้คนที่มีบ้าน มีที่ดิน รวมถึงคอนโดมิเนียม จะต้องจ่ายภาษีรายปี และประเมินภาษีจากมูลค่าราคา ณ ปัจจุบัน จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ขอยืนยันตรงนี้ว่า จำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีจริงๆจะต่ำมาก เพราะรัฐบาลจะดูแลไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระค่าครองชีพต่อประชาชนส่วนใหญ่” เพราะอัตราภาษีที่กำหนด เป็นเพดานสูงสุดที่จะจัดเก็บ แต่อัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริง มีจำนวนเท่าไรนั้นไม่ได้ระบุไว้ในกฎหมาย แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นอัตราที่ต่ำมาก ภายใต้ การพิจารณาของคณะกรรมการกลาง ซึ่งจะมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน กำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำอีกครั้ง เช่น 0.05% หรือ 0.1% เป็นต้น อีกครั้ง โดยมีข้อแม้ว่า อัตราภาษีที่จัดเก็บใหม่ จะต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าอัตราภาษีเดิมเพื่อไม่ให้ท้องถิ่นมีรายได้ลดลง นอกจากนี้แล้ว หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาออกมา ก็จะมีบทเฉพาะกาลบังคับใช้นานถึง 2 ปี เพื่อผ่อนปรนแก่ผู้ที่มีภาระภาษีต้องจ่ายตาม กฎหมายสูง และเพื่อให้กฎหมายเป็นที่ยอมรับอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่สร้างภาระให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ปีแรกของการบังคับใช้ กำหนดให้เสียภาษีเพียง 50% ของเม็ดเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น ปีที่ 2 เพิ่มเป็นเสียภาษี 75% และตั้งแต่ ปีที่ 3 ขึ้นไป จะเริ่มเสียเต็มจำนวน หรือเสียภาษีเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:43:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยกตัวอย่างผู้ที่เคยเสียภาษีบำรุงท้องที่เดิม 10,000 บาท เมื่อคำนวณตามภาษีใหม่ต้องเสียเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 บาท โดยเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก 5,000 บาท ส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้ จะเสียเพียง 50% ในปีแรก หรือเท่ากับ 2,500 บาท สำหรับคนที่ ไม่เคยเสียภาษีบำรุงท้องที่มาก่อนเลย ก็จะเสียภาษีเพียง 50% ของภาษีที่ต้องเสียในปีแรกเท่านั้น คิดง่ายๆว่า ผู้มีบ้าน และที่ดินราคาประเมิน 1 ล้านบาท หากเสียภาษีในอัตรา 0.05% ก็จะเสียภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเพียง 500 บาทต่อปี ส่วนผู้มีฐานะปานกลางซึ่งมีบ้านและที่ดินมูลค่าเฉลี่ย 2-5 ล้านบาท จะเสียภาษีที่ดินปีละประมาณ 1,000-2,500 บาทต่อปีเท่านั้น ยังมีข้อยกเว้นเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นอีกประการคือ มีค่าเสื่อมราคาของบ้าน ซึ่งกฎหมายยอมให้เจ้าของบ้านนำรายจ่ายในการบำรุงรักษาบ้านมา หักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 10% ของมูลค่าด้วย โดยบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างปีแรก อนุญาตให้หักค่าใช้จ่ายได้ 1% ปีที่ 2 หักได้ 2% ปีที่ 3 หักได้ 3% จนถึง ปีที่ 10 หักได้ 10% ส่วนบ้านที่อยู่มาแล้ว 20 ปีขึ้นไป หักค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้ 10% เป็นอัตราสูงสุด “ถึงตรงนี้ ผู้คนอาจจะด่าผมว่าไปเก็บภาษีคนจน แต่ต้องขอชี้แจงว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สินที่ดูจากการครอบครองที่ดินว่ามีเท่าไหร่ ไม่ได้พิจารณาว่า ใครมีรายได้มากหรือน้อย จน หรือรวย ขณะเดียวกัน ก็บัญญัติมาตราเพื่อลดผลกระทบจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจเอาไว้ด้วย ส่วนการปรับปรุงอัตราก็ให้มีการปรับปรุงทุก 4 ปี... จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คณะกรรมการกลางยังมีอำนาจกำหนดมูลค่าทรัพย์สินที่จะลดหย่อน ทำให้ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือคนจนได้ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าสินทรัพย์มีมูลค่า 50,000 บาท ก็ไม่ต้องเสียภาษี เป็นต้น” เงินภาษีพัฒนาท้องถิ่นให้เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายจะ ต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างรากฐาน ที่แข็งแรงเพียงพอแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะรองรับกระบวนการจัดเก็บ และประเมินมูลค่าทรัพย์สินด้วยตนเองได้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในขณะนี้ยังไม่มีความพร้อม ฉะนั้นในระยะ 2 ปี หลังจาก พ.ร.บ.นี้ผ่านสภา ก่อนมีผลบังคับใช้ กระทรวงการคลังจะลงไปสร้างความพร้อมให้กับทุกฝ่ายโดยในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น กระทรวงการคลังจะจัดหน่วยจัดเก็บภาษี เช่น กรมสรรพากร ไปอบรมแบบปูพรม พร้อมกับทยอยทำความเข้าใจกับประชาชนส่วนใหญ่ในทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ก็เตรียมความพร้อมสำหรับการประเมินราคาที่ดิน โดยให้กรมที่ดินใช้ราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ ซึ่งล่าสุดได้ทำการประเมินที่ดินรายโฉนดได้แล้ว 5 ล้านแปลง จาก 30 ล้านแปลง ยังเหลืออีก 25 ล้านแปลง คาดว่าใช้เวลา 2 ปีจะสามารถประเมินได้เสร็จสิ้นทันเวลาบังคับใช้กฎหมาย “วัตถุประสงค์สำคัญก็คือ สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการปกครองท้องถิ่น และกระตุ้นความรู้สึกมีส่วนร่วมในหมู่ประชาชนที่ต้องเสียภาษีให้ท้องถิ่นโดยตรง ซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าตนมีหน้าที่ต้องตรวจสอบ หรือมีส่วนร่วมในการปกครองท้องถิ่นมากขึ้น มีผลให้การบริหารท้องถิ่น และการใช้เงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส... ประชาชนในท้องถิ่นจะรู้ดีว่าการใช้จ่ายเงินของผู้บริหารเป็นอย่างไร ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ ถ้าใครโกง ครั้งหน้าก็ไม่ต้องเลือกเข้ามา ท้ายที่สุด คนที่เสียภาษีก็ต้องเลือก คนดีเข้ามาดูแลเงิน และบริหารท้องถิ่นตน” จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:45:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ท้องถิ่นก็จะมีรายได้ เพียงพอที่จะสร้างระบบสาธารณูปโภค และสาธารณประโยชน์แก่ประชาชนได้ ขณะที่รัฐบาลกลางจะสามารถนำเงินที่เคยอุดหนุนไปใช้เพื่อการอื่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ โดยไม่ต้องมีสภาพเหมือนเตี้ยอุ้มค่อมเช่นในปัจจุบัน เกือบทุกประเทศในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อังกฤษ หรือแม้แต่สหรัฐฯ ต่างก็ใช้ภาษีนี้เพื่อดูแลท้องถิ่นของตน และส่วนใหญ่ก็ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี “ดูตัวอย่างจากนิวซีแลนด์ ใน 100 บาท ท้องถิ่นของเขาสามารถเก็บภาษีได้เอง 90 บาท ให้รัฐบาลกลางอุดหนุนเพียง 10 บาท ในมาเลเซีย ท้องถิ่นจัดเก็บเอง 85 บาท รัฐบาลกลางอุดหนุน 15 บาท ส่งผลให้การบริหารการจัดการของท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมาก เรียกว่าไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง ท้องถิ่นสามารถดูแลตัวเองอย่างดี” สำหรับประเทศไทย ใน 100 บาทของงบประมาณรายจ่ายแผ่นดินนั้น ภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีโรงเรือนสามารถจัดเก็บได้เพียง 8 บาทเท่านั้น ส่วนอีก 92 บาท รัฐบาลกลางต้องส่งเงินไปอุดหนุนจุนเจือ ซึ่งเมื่อปรับปรุงเป็น พ.ร.บ.ที่ดินฉบับใหม่ ในปีแรกๆ ท้องถิ่นอาจจัดเก็บรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 9 บาท หรือ 10 บาท ปีถัดๆไป อาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุด สามารถจัดเก็บได้ 40 บาท 50 บาท ก่อนจะไปสู่อัตราสูงสุดที่เก็บได้ 80 บาท เมื่อท้องถิ่นมีรายได้มากขึ้น การพัฒนาชนบทในด้านสาธารณูปโภค และด้านต่างๆก็จะมีมากขึ้นจากที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศเคยมีรายได้เพียงปีละ 18,000 ล้านบาท สศค.ตั้งเป้าหมายในใจว่าในอนาคตอีก 10 ปีหรือ 15 ปีข้างหน้า ท้องถิ่นควรจะมีรายได้จากภาษีนี้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 90,000 ล้านบาท ถึงเวลานั้นรัฐบาลกลางน่าจะประหยัดงบประมาณได้ถึงปีละ 70,000-80,000 ล้านบาทจากที่ต้องอุดหนุนท้องถิ่นถึงปีละกว่า 100,000 ล้านบาท ก็จะลดลงเหลือเพียงปีละ 20,000-30,000 ล้านบาท เพื่อที่รัฐบาลจะสามารถนำเงินภาษีอากรไปลงทุนในกิจการอันเป็นสาธารณประโยชน์ หรือสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ยังขาดแคลนอีกเป็นจำนวนมากให้แก่ประชาชนได้ ตลอดจนถึงสามารถเข้าไปดูแลท้องถิ่นที่ยังอยู่ห่างไกลได้มากขึ้น ท้องถิ่นน่าอยู่ปลอดภัย ผู้คนได้รับโอกาสทางการศึกษา โอกาสในการมีงานทำ และมีรายได้เพิ่มขึ้น...ประเทศไทยก็จะหลุดพ้นจากระบบการเมืองน้ำเน่า และสังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ขาดสติเสียที. จากคุณ : แนนแนน - [ 1 ก.ย. 51 21:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณ สำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครับ รีดเลือดจากปู รถไฟฟรี รถเมล์ฟรี แต่มาเก็บนี่แทน คงเริ่มรู้ตัวมั้งครับ ว่าของฟรี ทำให้เกิดอะไรขึ้น เฮ้อ แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ไม่ได้คิดมากครับ เรื่องแค่นี้ผมเสียได้ แค่บ่นเฉยๆว่า รู้ยังเวลาที่รัฐมีแต่รายจ่ายเพราะลด แลกแจก แถมเป็นอย่างไร ขอโทษทีครับวิจารณ์เรื่อยเปื่อยครับ ผมหาสาระให้ตัวผมเองไม่ได้ 5555  ^.^ จากคุณ : BMWTurboman - [ 2 ก.ย. 51 11:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ามีการลดหย่อนสำหรับพื้่นที่สีเขียวก็ดีซิ เช่น บริษัทแห่งหนึ่ง มีเนื้อที่ 10 ไร่ ปลูกไม้ยืนต้นเป็นพื้นที่สีเขียว 1 ไร่ คิดเป็น 10 % ของพื้นที่ทั้งหมด นำไปลดภาษีที่ดินได้ 10 % เป็นต้น แบบนี้เมืองไทยจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ จากคุณ : DoraeMa - [ 4 ก.ย. 51 11:10:52 ]