ความคิดเห็นที่ 1 หลังจากนั้นก็ถามเรื่องงานอื่น ใช้คอมพิวเตอร์เป็นไหม แหม ผมจบโทแล้ว ใช้คอมไม่เป็นจะทำวิทยานิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่มได้ยังไงเนี่ย ใช้ powerpoint เป็นไหม อยู่ที่นี่เราต้องพรีเซ้นงานบ้างนะ มีงานนอกเข้ามาเรื่อยๆ พี่อยากได้คนทำงานด้านนี้เป็น ผมก็ตอบแต่ครับ ผมทำงานด้านนี้ได้ดี เพราะเกี่ยวเนื่องมาตั้งแต่เรียนโทครับ บลาๆๆๆๆ และก็คุยเรื่องงานพวกนี้ไปอีกสามนาทีได้ แล้วก็เพล้ง!!!!! มันมาอีกแล้วครับ ประโยคเดิมๆซ้ำๆ "พี่บอกไว้ก่อนนะ ว่าผู้จัดการเป็นคนตรงๆและไม่ชอบคนที่ไม่เก็บอาการ อย่างที่พี่บอก พี่ไม่ได้รังเกียจผู้ชายเรียบร้อยแบบเราแต่หัวหน้าไม่ชอบน่ะ เวลาเจอกัน รวมกันเป็นกลุ่มทีไร ชอบส่งเสียงดังทุกที คนไข้ร้องเรียนบ่อยมาก ผู้จัดการเค้าปวดหัวมาก บลาๆๆๆ" ตอนนั้นเริ่มโกรธ อยากจะบอกออกไปว่า "ตรูไม่ได้เป็นเกย์โว้ย ห่วงจริง" แต่ก็ได้แค่ยิ้มๆ และตอบว่า "ครับ" "ที่นี่นะ มาทำงานปีแรก จะได้เป็นตำแหน่งชั่วคราวก่อน เราให้เงินแบบนี้ บลาๆๆๆๆๆ เราพอจะทราบมาก่อนไหม" "ครับ พอจะทราบบ้างครับ" "อืม พี่อยากให้เราไปคิดดูด้วยว่าพอใจไหม แล้วค่อยมาคุยกันนะ เพราะพี่ว่ามันก็เป็นส่วนสำคัญที่เราต้องตัดสินใจ บลาๆๆๆ" "ครับ" "แล้วเราชอบทำกิจกรรมไหม หมายถึงอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานรักษาคนไข้" 5 นาทีต่อจากนั้น ผมสาธยายกิจกรรมต่างๆที่ผมทำตอนอยู่มหาลัย เพราะผมเป็นเด็ก กิจกรรมตัวยง พอจบปุ๊บ มันมาอีกแล้วครับ เพล้งที่สาม เหมือนเดิมเด๊ะเลยครับ ตอนนี้เริ่มหงุดหงิดใจแล้วครับ ทำไมไม่ถามมาตรงๆเลยล่ะครับคุณนายว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า ไม่ถามไม่ว่ามั่นใจซะขนาดนั้นอีกเฮ้อ อะไรของคุณเนี่ย แต่ก็ได้แต่ฟัง ยิ้ม แล้วพูดว่า "ครับ" แล้วอยู่ๆประตูห้องก็เปิด คุณ manager (คนนี้ก็ผู้หญิงครับ) เดินเข้ามาพอดี เค้าบอกว่าขอมาเอาของเดี๋ยวจะไปประชุม คุยต่อได้ไม่ต้องสนใจเค้า "ภาษาอังกฤษของเราเป็นอย่างไรบ้าง" "อยู่ในระดับสื่อสารได้ดีครับ ผมมีคะแนน TOEIC แนบมาด้วยครับ เห็นว่าที่นี่ให้สอบทุกคน บลาๆๆๆ" "อืม พี่เห็นแล้ว คะแนนดีมาก (เท่าที่ผมทราบมา คนในแผนกที่ผมสมัครที่ได้คะแนนสูงสุด มีคะแนนน้อยกว่าผมร้อยกว่าคะแนน) แล้วเราถนัดด้านไหนหรือ" "ถนัดการฟัง-พูดครับ เพราะชอบสื่อสาร อยู่มหาลัยจะคุยกับเพื่อนภาษาอังกฤษตลอด อ่านก็โอเคเพราะอ่าน text มาตลอดครับ เขียนพอได้ครับแต่ถนัดเขียนงาน วิจัยหรือพวกแนววิชาการ" "ถ้าให้ซักประวัติคนไข้ และอธิบายอาการต่างๆให้คนไข้ฟังได้ไหม" "ได้แน่นอนครับ" ทันใดนั้น เสียงคุณนาย manager ก็ดังขึ้นจากข้างหลังจนผมสะดุ้ง เพราะเสียงดุมาก "ไม่ได้หรอก จะมาเคลมเอาง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ ยังไงก็ต้องเรียกมาคุยกันก่อน พี่ไม่ไว้ใจ" ผมก็ซีดสิครับ มาจากไหนเนี่ย ไหนว่าจะรีบไปประชุม คนถามก็ได้แต่ยิ้ม ผมก็ยิ้มตอบแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรไป แล้วเธอก็เงียบไปให้ผมคุยกันต่อ "แล้วมีภาษาอื่นเพิ่มเติมไหม" "มีครับ ที่ทำงานผมคนไข้ญี่ปุ่นเยอะครับ ตอนนี้ผมซักประวัติและคุยเรื่องการรักษาได้คร่าวๆครับ" "ดีมากเลย ที่นี่ก็มีญี่ปุ่นบ้าง แต่ไม่เยอะนะ ส่วนใหญ่ฝรั่ง" แล้วก็ได้ยินเสียปิดประตูของคุณ manager ออกไป เพล้งต่อมาดังขึ้นทันทีเลย ตอนนี้ควันเริ่มออกหูเลยครับ อะไรกันนักกันหนากับเรื่องนี้เนี่ย แต่ด้วยวิทยายุทธขั้นสุดยอด ผมไม่แสดงสีหน้า อาการอะไรเลย นอกจากยิ้มฟังและตอบว่า "ครับ" เพราะคิดว่านี่คือการทดสอบอารมณ์และการตอบโต้ของผม คุยกันต่อไปได้อีกไม่นาน เค้าก็สรุปว่า ให้เรารอก่อนนะ ตำแหน่งน่ะว่างและอยากได้คน แต่เบื้องบนยังไม่อนุมัติ เงินยังไม่มีจะจ้าง แต่คุยกันก่อน ถ้ายังไงอนุมัติก็จะเรียกเข้ามาสัมภาษณ์กับผู้จัดการเลย แล้วก็ถามทั่วไป ถ้ารับแล้วเริ่มงานได้เมื่อไหร่ พี่อยากได้เร็วที่สุดบลาๆๆๆๆๆ พี่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจนะ ยังไงเราต้องไปเตรียมตัวมาคุยกับคนตัดสินใจดีๆ แล้วก็เดินออกมาส่งผม พร้อมด้วยเพล้งสุดท้ายครับ ตอนนี้บอกตรงๆว่า อารมณ์เสียสุดๆ แต่เก็บไว้ภายใต้สีหน้าและรอยยิ้มที่สุดจะเนียน โดยสรุปคือ ผมอารมณ์เสียมากจากการสัมภาษณ์งานครั้งนี้ เธอคนนี้เอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้นว่าผมเป็นเกย์ ตลอดการสัมภาษณ์กว่า 45 นาที เธอย้ำเรื่องนี้ไปกี่รอบ แทนที่จะสนใจเรื่องอื่นของผม เดินออกมาจากแผนก ต้องไปนั่งสงบใจอยู่ที่ร้านอาหารในโรงพยาบาลเกือบชั่วโมง สมองตื้อไปหมด ไม่รู้จะทำยังไง น้ำตาไหล และก็กลับบ้านเลย มันน้อยใจไปหมด ทำไมอ่าครับ เพราะผมเป็นผู้ชายตี๋ๆขาวใส่แว่น หน้าตาค่อนไปทางดี (อันนี้ทุกคนบอกและค่อนข้างมั่นใจเองด้วย) ไม่มีหนวดเครา แต่งตัวสะอาดสะอ้าน และมีกลิ่นหอมสะอาดๆติดตัวเนี่ย หมายความว่าผมจะต้องเป็นเกย์หรอครับ แล้วถึงผมจะเป็นเกย์จริงๆ มันน่ารังเกียจเหมือนไส้เดือนกิ้งกือขนาดนั้นเลยหรอครับ (แต่ผมไม่ได้เป็นแน่นอนนะครับ) ตั้งแต่ไปสัมภาษณ์งานมาเอง และฟังเพื่อนๆสัมภาษณ์งานมา ไม่เคยรู้สึกว่าไม่มีความเป็น professional ขนาดนี้เลย คนไข้ผมที่ผ่านมา มีทั้งนามสกุลนักการเมือง ผู้พิพากษาระดับสูงสิบกว่าท่าน อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรี และนักธุรกิจระดับร้อยล้านอีกหลายคน ไม่เคยมีใครทำดูถูก ผมขนาดนี้เลย ที่โมโหขนาดนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผมหวังไว้กับโรงพยาบาลนี้มาก เพราะว่าใกล้บ้าน แถมยังมีเพื่อนๆรุ่นน้องทำงานที่นี่เยอะ และมีทัศนคติที่ดีต่อโรงพยาบาลนี้มาตลอด มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าอยากทำที่นี่ ก่อนหน้านี้ปฎิเสธที่ๆเรียกเข้าทำงานไปสองสามที่เพราะอยากได้ที่นี่จริงๆ แต่วันนี้ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือเปล่า ผมอุตส่าห์เตรียมงานวิจัยของผมที่ได้รับการตีพิมพ์ไปให้ดู เตรียมเอาเอกสารทั่วไปที่ผมเขียนและทำแจกคนไข้เป็นความรู้ไปให้เค้าดูว่าผมทำอะไรมากกว่ารักษาคนไข้ไปวันๆ แต่เค้าไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไร หรือแม้แต่จะสนใจถามผมเลย ผมเตรียมรายงานเคสเด่นๆที่เคยทำไปนำเสนอ ก็ไม่ถาม ไม่ถามความรู้ด้านเฉพาะทางด้วย ไม่แม้กระทั่งทดสอบภาษาอังกฤษผมด้วยการสัมภาษณ์หรือการแนะนำตัว ทั้งๆที่ผมสอบได้ที่ 1 มาตลอดสำหรับอังกฤษตอนอยู่มหาลัย แต่ดูสิครับ เค้าเอาเวลามากมายไปใช้ในการพูดเรื่องบ้าๆแบบนั้นจนหมด ตอนนี้เดือนนิดๆแล้ว ยอมรับว่าเครียดมากครับ อยากทำงานที่นี่ แต่ไม่ได้นำเสนอตัวเองในด้านดีๆออกไปเลย ผมควรทำยังไงดีครับ ตัดใจได้เลยใช่มั้ยครับ ใจจริงผมอยากจะลองโทรเข้าไปถามว่า ผมยังมีโอกาสได้รับการเรียกตัวเข้าไปคุยอีกหรือเปล่า แต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรไหม พี่ๆมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ สอนผมหน่อย จะบอกว่าผมเด็ก ก็เด็กจริงๆน่ะครับ อายุยังน้อย แต่ผมก็มั่นใจในความสามารถของตัวเองนะ แต่พอมาเจออย่างนี้ น้อยใจครับ มาตัดสินกันแบบนี้ ขอโทษที่บ่นมายาวนะครับ แต่ก็อยากได้ความเห็นเพื่อเป็นแนวทางให้ผมต่อไปน่ะครับ ตอนนี้ก็เลยพักการสมัครงานไว้ก่อนเพราะเข็ดครับ ทำงานที่ทำอยู่อย่างขยันขันแข็ง ขอบคุณครับสำหรับทุกความเห็น จากคุณ : เรียบร้อยเจ้าเดิมครับ - [ 14 ก.ย. 51 01:59:24 A:58.8.187.83 X: TicketID:175523 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เฮ้อ น่าเกลียดจริงๆด้วยค่ะ ไม่โปรอย่างแรง จากคุณ : ชาเขียวน้อย - [ 14 ก.ย. 51 02:18:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ยังไงก็ระบายมาแล้ว ค่าของคนเรา เอาไปให้คนอื่นบางคนมันวัดไม่ได้หรอก เรื่องแค่เนี้ย ก็รู้แล้วว่าใครเหนือกว่ากัน จากคุณ : up2thep - [ 14 ก.ย. 51 05:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่าไปเสียเวลา เลยครับ หางานใหม่เหอะครับ ดูยังงัยๆ ก็ไม่รู้ ไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง ทั้ง... ขบวนการคัดเลือก/สรรหา เงินค่าจ้าง ระยะเวลาในการสัมภาษณ์ และรอผล การนัดเพื่อทำการสัมภาษณ์ที่กระชั้นชิดเหลือเกิน หางานใหม่เหอะครับ คนมีความสามารถเช่นคุณ มีค่ามาก ถ้าเทียบกับการที่จะต้องมารองานที่นี่ จากคุณ : tanatiwat - [ 14 ก.ย. 51 08:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คิดในแง่นี้ได้รึเปล่า...เค้าบอกว่าไม่ชอบคนเก็บอาการ ก็เลยแกล้งยั่วโมโหดูว่าคุณจะเก็บอาการหรือจะแสดงออกมั๊ง ไม่งั้นคงไม่พูดตั้งหลายรอบ จากคุณ : Beamy - [ 14 ก.ย. 51 08:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 "  น้องคะ  น้องต้องเข้าใจนะคะ  พี่ก็จะสามสิบแล้ว   ทำแต่ในโรงพยาบาลวันๆเจอแต่คนไข้  พี่แทบจะไม่ได้เจอผู้ชายโดนใจเลย     พอดีเห็นน้อง  ถูกใจพี่มากเลยค่ะ  กะว่าจะรับมาแล้วรวบหัวรวบหางซะเลย   แ่ต่พี่ไม่อยากพลาดค่ะ   เดี๋ยวนี้เกย์มันเยอะ   คนในโรงพยาบาล มากันวันแรกๆ ก็เรียบร้อยเก็บอาการ แต่พอผ่านไปไม่เท่าไหร่สาวแตกกันให้ฮึ่ม   ไหนๆจะรับทั้งที่  พี่ขอรับชายแท้ โสดแท้ ดีกว่าค่ะ  เผื่อพี่จะได้สมหวัง อิอิ" ------------------------------------------------------------------------------- อาจเป็นแบบนี้ก็ได้นะครับ ^^ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 14 ก.ย. 51 09:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้ารอนานแล้ว ลองโทรไปถามดูซิคะ จะได้ไม่เสียเวลามาก อย่าตัดโอกาสตัวเองเลยคะ คนบางคน ก็แก่กะโหลกกะลาคะ บางครั้ง เราก็คงต้องปล่อยๆ ไปบ้าง อย่าเก็บเอามาคิดมากนะคะ จากคุณ : akikosang - [ 14 ก.ย. 51 10:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บอกได้คำเดียวว่าอึ้ง คิดเหมือนคุณ วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก หึหึ เพราะเคยโดนที่ทำงานแม๊งมาว่า ให้หาน้องผู้ชายมาสัมภาษณ์บ้าง เพราะที่นี้มีแต่ผู้หญิง เอาหล่อ ที่สำคัญแมนๆ ก็สาวๆ ที่นี้ไม่มีแฟน 555++ ไอ่เราก็อึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : เจ้านายตัวเอง - [ 14 ก.ย. 51 12:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นี้ละครับ HR .ไทย ที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย ผมก็เคยเจอมาเหมือนกัน จากคุณ : okb - [ 14 ก.ย. 51 13:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าบอกเขาไปเลยดีกว่า "พี่สงสัยว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่าใช่ไม๊ครับ?" "ผมไม่ได้เป็นเกย์ครับ ผมชอบผู้หญิง สบายใจได้ครับเรื่องออกอาการอย่างว่า ผมไม่แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ผมอาจจะดูเรียบร้อยๆน่ะครับ" บอกไปเลยครับ เขาทดสอบคุณ หากชายใดไม่เป็น ถูกถามซ้ำถามซาก ก็ต้องบอกอยู่แล้ว การบอกเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่การไปโต้เถียง เป็นการชี้แจงข้อสงสัย ขึ้นอยู่กับลักษณะการบอกด้วย จริงๆแล้ว ผมไม่เห็นด้วยกับการที่คุณได้แค่ยิ้มและเงียบ เมื่อเขาเพล้งๆๆ!!ใส่อย่างที่คุณว่า เพราะนั่นยิ่งเพิ่มความมั่นใจ ว่าคุณเป็น ในรอบที่สอง สาม และสี่ จากคุณ : เคมีพี่ตุ๊ก^_+ - [ 14 ก.ย. 51 13:48:51 A:10.40.68.168 X:202.28.27.6 TicketID:167169 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขี้น้อยใจ และติดใจเรื่องหยุมหยิมไปหน่อยนะสำหรับผู้ชาย ไม่เคยเห็นผู้ชายสัมภาษณ์ได้ไม่ดีแล้วถึงกับร้องไห้เลยนะ เพราะส่วนความรู้สึกของคุณที่ไวผิดปกติ ทำให้คนอื่นๆจับได้ แล้วตีความไปในทางนั้นหรือเปล่าครับ  ถ้านิสัยผู้ชายๆก็ต้องอย่างที่ คุณเคมีพี่ตุ๊ก ว่านั่นแหล่ะ คือใส่กลับไปตั้งแต่สอบที่ 2 หรือ 3 แล้วครับ มันก็มีรูปแบบของการตอบโต้หลายอย่างให้เลือกนะครับ เก็บอาการไว้เฉยๆตลอด ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไปหรอกครับ จากคุณ : ดาวสุริยะ - [ 14 ก.ย. 51 16:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 14 ก.ย. 51 17:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราคิดว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลที่เราเคยทำงานอยู่แถวเพลินจิตน้า สู้ๆๆ นะคะเจ้าของกระทู้ ลองโทรไปถามเลยจ้า จากคุณ : phenix_duelequartz - [ 14 ก.ย. 51 17:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ล้างใจ ลืมไปเลยค่ะ ส่งกำลังใจมาให้เยอะเลยค่ะ เดี๋ยวก็มีที่อื่นตามตัว ในเมื่อที่เป็นแบบนี้ ก็ไม่น่าเข้าไปร่วมงาน ไม่มีค่าไปนั่งนึก เวลาเจอเรื่องไม่สบอารมณ์ จะโทรหาเพื่อนสนิทค่ะ ซึ่งเขาพูดสั้นๆ แต่ได้ผลคือ "ล้างใจไปเลย" แล้วก็ชวนคุยเรื่องอื่น บางทีก็ถามว่า มีที่อื่นอีกไหม ดึงให้เราไปสนใจเรื่องอื่น เราเลยเลิกขุ่นใจ ก็เลยส่งคำพูดนี้มาให้ค่ะ จากคุณ : wendyprog - [ 14 ก.ย. 51 20:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อย่าให้คนอื่น มาตัดสิน เรา จากคุณ : Rhythm Investor - [ 14 ก.ย. 51 20:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ได้บอกเล่าออกมาคงสบายใจขึ้นบ้าง เท่าที่อ่านข้อความคิดว่าคุณมีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูงระดับหนึ่ง แต่คงยังไม่พอสำหรับบรรยากาศการทำงานในโรงพยายาม เอ๊ย พยาบาลแห่งนั้น ความสามารถระดับคุณคงหางานที่ถูกใจไม่ยากหรอกอาจมีอะไรดีๆ กว่านี้รออยู่ก็ได้ ตอนเราหางานเจอหนักกว่าอีกโดนปล่อยให้รอครึ่งค่อนวันแล้วพูดจาดูถูกเหยียดหยาม หาว่าจบสถาบันไม่ดัง ที่นั่นรับแต่เด็กระดับมหาวิทยาลัยท๊อปเท่านั้น บลาๆๆๆ แค้นใจเดินร้องไห้กลับบ้านไปเลย แม้แต่สอบขึ้นบัญชีไว้แล้วหน่วยงานราชการที่มีตำแหน่งว่างยังปฎิเสธไม่ให้บรรจุ อ้างว่าไม่เชื่อถือสถาบันที่เราเรียนมาอ่ะ จากคุณ : แต่ช้าแต่ เขาแห่ยายมา - [ 14 ก.ย. 51 21:02:05 A:210.86.215.223 X: TicketID:159141 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยกะความเห็น 10,11  มากๆ ค่ะ การที่น้อง จขกท. นิ่ง ไม่ตอบโต้ ทั้งที่เค้าย้ำแล้วย้ำอีกเนี่ย ทำให้เค้าคิดไปได้ว่าน้องเป็นเกย์แน่ๆ เลย แล้วยังมีการร้องไห้ เก็บมาคิดได้นานหลายวันขนาดนี้ เราอ่านมายังแอบสงสัยเลยว่าน้องเป็นแล้วไม่รู้ตัวหรือเปล่า แบบปฏิเสธตัวเองอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เป็นจริงๆ ก็ขอโทษด้วยนะคะ จากคุณ : ดีใจได้อมยิ้ม - [ 14 ก.ย. 51 21:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณสำหรับความเห็นของหลายๆคนนะครับ ผมอาจจะคิดว่ามันเป็นการทดสอบมากไปจริงๆก็ได้ จริงๆแล้วผมควรจะตอบเค้าไปตรงๆว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ ตรงนี้ผมเข้าใจดีครับว่าพลาดไปแล้ว อัพเดทล่าสุดนะครับ ผมถามข่าวจากเพื่อนผมที่ทำงานที่นั่น ได้ความว่า ตอนนี้เค้าอยากรับผู้หญิงก่อน ถ้าจะรับเพิ่มยังไงคงจะติดต่อมา ผมคิดว่าผมคงจะไม่ติดต่อไปแล้วล่ะครับ ลาขาดกันที ไม่รู้จะเรียกผมไปคุยหาอะไรถ้าหากว่าจะรับผู้หญิง น่าจะบอกกันแต่แรกจะได้ไม่ต้องเสียอารมณ์กันทั้งสองฝ่าย และถ้ามันเป็นแค่ข้ออ้างก็ถือว่าผมดวงตกแล้วกันครับ จากคุณ : เรียบร้อยสำนักบู๊ตึ๊ง - [ 14 ก.ย. 51 22:34:57 A:58.8.198.203 X: TicketID:175523 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สรุปที่นั่งอ่านเป็นหน้า ๆ เนี่ย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องงานเลย คือแค้นที่คนอื่นว่าตัวเองเป็นเกย์ว่างั้น จบ แล้วอีกอย่างเนี่ย จากที่อ่านมา ไม่เห็นมีอะไรที่บ่งบอกเลยว่าเป็นเหตุการณ์การสัมภาษณ์งานที่กระเทือนใจ ผมเจอมายิ่งกว่าคุณอีก ผมว่านี่มันไม่ใช่เรื่องเลยน่ะ จากที่อ่านประวัติดูคุณก็เคยผ่านงานมาแล้วนี่ ไม่ใช่จบใหม่แล้วยังไม่ทำงาน ผมว่าที่คุณเล่ามาน่ะ ธรรมดามากนะ แต่ละคนมีประสบการณ์มากกว่าคุณซะอีก นี่มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าเล่าเลยนะ ผมว่ามันธรรมดา เพียงแต่คุณเด็กเกินไปรึเปล่า ยังรับอะไรไม่ได้ มันธรรมดามากเลยครับ อ่อ.........อีกอย่างนะครับไม่ว่าจะอาชีพไหน ลองถ้าเป็นผู้ชายได้เป็นพนักงานใหม่ ทุกที่นะครับ ย้ำว่าทุกที่ คุณจะถูกมองแล้วจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของชายจริงหญิงแท้ คือมันเป็นความคิดพื้นฐานไปแล้วนะที่ผู้ชายที่เป็นพนักงานใหม่เข้าไปทำงาน จะถูกให้ความสนใจ แล้วมองลงไปในความเป็นชาย ซึ่งผมเองก็เคยโดน มันเป็นคำถาม มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนในองค์กรคิดเป็นอันดับแรกว่าคุณ "ไม่หรือใช่เกย์" ลองลงมาก็เป็นเรื่องอื่น ๆ เช่น จบที่ไหน เคยทำอะไรมาก่อน แล้วอีกอย่างนึงนะครับ หน้าตาแบบคุณไปสัมภาษณ์ที่ไหน การที่เค้าคิดว่าคุณเป็นเกย์ก็ไม่แปลก เพียงแต่เค้าจะถามคุณตรง ๆ รึเปล่า หรือว่าเก็บไว้ในใจ ซึ่งตัวผมเองก็เคยถามว่าผมใช่รึเปล่า เพื่อนผมเองไปสมัครงานมันก็ถูกถามว่าใช่รึเปล่า ทั้ง ๆ มันมีเมีย มีลูกแล้วตั้งแต่อยู่ ม.4 (แต่ทำตัวโสด) เฮ้อ.....สรุปร่ายมาซะยาว คือเคืองที่คนอื่นหาว่าเป็นเกย์ ไร้สาระครับ จากคุณ : บอย - [ 15 ก.ย. 51 00:37:05 A:58.8.188.26 X: TicketID:174238 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขออีเมล์ได้ไหมละแด่วให้คำปรึกษา ฮาวทูทำไงให้ดูไม่เป็นเกย์อิอิ ว่าแต่ยำประเด็นนี้จัง แด่วเราจะมาสแกนให้นะว่ามุมไหนที่ดูเหมือนอะ ว่าแต่ใส่เชิ้ตสีชมพูอ่อนไปหรือป่าวอะ จากคุณ : อิอิ (คุณหมูดุ๊กดิ๊ก) - [ 15 ก.ย. 51 10:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทำไมไม่บอกเค้าไปล่ะคะ ว่าไม่ได้เป็นเกย์หรือตุ๊ดน่ะ คุณตอบรับว่าครับๆๆ เค้าก็นึกว่าคุณยอมรับน่ะสิ เราว่าที่เค้าถามย้ำ ๆ เพราะอยากให้คุณพูดออกมาว่า -ไม่ใช่- มากกว่านะ อีกอย่าง ถ้าเขามาเห็นตอนคุณน้ำตาไหล น้อยใจ เค้าอาจจะคิดว่าเค้าคิดถูกแล้วก็ได้นะคะ จากคุณ : gizmos - [ 15 ก.ย. 51 12:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณอดทนเก่งนะ ขอชม เพราะถ้าเป็นเรานะ เราสวนกลับไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่เราหญิงแท้เลยไม่เคยเจอเคสแบบนี้หรอก  อิอิ สู้ๆแล้วกันนะคะ จากคุณ : hanawa - [ 15 ก.ย. 51 14:52:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่เป็น ก็ไม่เป็น จากคุณ : Thanksgoditsfriday - [ 16 ก.ย. 51 08:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 1. แต่งตัวเรียบร้อย 2. ดูสะอาดสะอ้าน 3. มีกลิ่นน้ำหอม 4. รองเท้ามันนนน 5. ผมเผ้าเรียบ และดูดี 6. อาจใช้ของแบรนแนมด้วย โอ้ยยยยย  เกย์ ป่าววะ ครั้งหนึ่ง เจอ ผู้หญิง สูง ขาว สวย รูปร่าง ดีกว่านางสาวไทย แต่ดูๆ เธอสูง และดูมั่นมาก มากกว่า หญิงปกติ ผมยังสงสัยว่า ว่า เป็นกระเทยเหรอป่าววะ จขกทเอง คงต้อง งดใช้น้ำหอม ครับ ทั่วๆ ไป เวลาไปสัมภาษณ์ ชายจริงแท้ มักจะไม่นิยม ใส่น้ำหอมครับ ลิปมันกัอไม่ต้อง แป้งไม่มี ถ้าหน้ามันก็เอา ทิชชูในห้องน้ำเช็ดเอา ไม่พอทิชชูติดตัวดอก ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่พก หนักหนัก ก็แขนเสื้อนั่นแหละ ยกมาปาดดดดด ทีนี้ถ้าเขาถาม หรือเอ่ยเรื่องเฉียดๆ ไปทางเกย์ ควรเตรียมคำพูดออกมาให้ พอเหมาะพอดี ทำนองว่า คนเรา เกิดมา มีสิ่งแวดล้อมต่างกันไป คนที่ดูภายนอกต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง ถ้าเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ก็ทำงานร่วมกันได้ เห็นว่าน่าจะดูด้านจิตใจ มากกว่า จะดูว่าส่วนตัวเป็นอย่างไร ส่วนตัวผมเอง มีข้อด้อยคือ พอแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว บางคนอาจคิดว่าเป็นเกย์  ข้อเสียคือ  มักจะทำให้พวกเขาผิดหวังบ่อยๆ ที่ไม่ใช่พวกเดียวกับเขา  แปลงเป็นตลกไปซะ  .......... จะต้องพูดไปยิ้มไป โดยน้ำเสียงที่นุ่มนวลสุภาพ ก็เท่านั้น   แหม....... จะอะไรกันหนักหนา คำถาม คำพูดที่ไม่เข้าหูบางคำ มันทำให้ขุ่นข้องใจ ต้องเก็บมาไว้ คิดไว้ขบ นานถึงเพียงนี้เหรอ จขกท ควรจะมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มากกว่านี้ ผมนั้น เคยถูก ชี้หน้า กลางถนนว่า ไอ้นี่สับปลับ กลอกกลิ้ง เดียวโดนteenยำหมู่ดอกmung..... ผมกลับเห็นว่านี่เป็นภาวะการณ์ที่ ทดสอบตัวผมเอง ผมจะต้องเอาตัวรอดออกมาจากสถาณการณ์แบบนั้นให้ได้ จึงได้ตอบกลับไปว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็พบกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านก็แล้วกัน พอเจอกัน ก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้น สุดท้าย คนที่ให้ลูกน้องมากล่าวหาผม ก็มายกมือไหว้ขอโทษผม ผมตอบไปว่า ผมลืมแล้ว และที่สำคัญ เรื่องที่กล่าวหาผมนั้น มันไม่มีมูล  แล้วผมจะไปเก็บไว้ทำไม  หนักหัวปล่าวๆ ในใจผมก็ไม่ได้เก็บไว้ครับ ได้แต่หัวเราะครับ หัวเราะว่า คนเรานั้น EQ ช่างน้อยเสียจริง ช่างไม่รู้จัก หลักของการนำเหตุผลมา อธิบายสิ่งต่างๆ รอบตัวกันบ้าง บางคนเลวชาติชั่วจริงหรือไม่ไม่รู้ แต่พอมีคนเอาชื่อเอานามสกุล มากล่าวหาหน้าจอทีวี บ่อยครั้งเข้า นานวันเข้า ก็เชื่อว่าเป็นจริง ดูคล้ายๆ พวกสมองกลวงอย่างไรชอบกล เรื่องอย่างนี้ต้องปล่อยวางครับ  ถือไว้ก็หนักตัว เก็บไว้ ก็หนักใจครับ จากคุณ : น้าพร - [ 17 ก.ย. 51 12:32:50 ]