ความคิดเห็นที่ 1 อ่านแล้วร่วมด้วยช่วยเซ็งครับ จากคุณ : Ace striker - [ 14 ก.ย. 51 19:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมขอแฉอีกอย่างละกันครับ 1ในบริษัทบิ๊กโฟร์ ผมไม่ขอเอ่ยนาม มีการอมค่าเดินทางเกิดขึ้น และทำกันเป็นธรรมเนียมกันเลยทีเดียว โดยที่บริษัทจะจ่ายเงินสดย่อยก้อนหนึ่งมาให้แก่อินชาร์ต เพื่อให้อินชาร์ตนำเงินก้อนนี้มาแบ่งให้น้องๆเพื่อเป็นค่าเดินทาง แต่อินชาร์ตดันอมเงินเอง โดยจ่ายให้น้องเพียงคนละไม่กี่เที่ยว ส่วนที่เหลือเข้ากระเป๋าอินชาร์ตเอง (ไม่ได้เป็นทุกคนนะครับ อินชาร์ตดีๆก็มี อินชาร์ตชั่วๆก็เยอะ) ถ้าพาร์ทเนอร์ของบริษัทบิ๊กโฟร์บังเอิญเข้ามาอ่าน ท่านคงรู้นะครับว่ารูปแบบการจ่ายค่าเดินทางแบบนี้ ใช่เป็นของบริษัทท่านรึไม่ ถ้าใช่ก็ลองไปถามน้องๆ staff ปีแรกดูได้ ว่าได้เงินคนละกี่เที่ยว พนักงานในบริษัทตัวเองยังไม่ซื่อสัตย์ ยังไม่โปร่งใส แล้วยังมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นอีกรึครับ ถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมาก็ไปเคลียร์กันเองนะครับ ใครทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจดี ผมฝากเตือนอินชาร์ตทั้งหลายนะครับ ว่าเลิกเถิด สำหรับพฤติกรรมแบบนี้ ตอนผมเป็นอินชาร์ต ผมทำตารางเลยนะครับ ว่าได้เงินมาเท่าไหร่ และแบ่งให้สมาชิกที่ออกจ็อบคนละเท่าไหร่ ตัวผมเองได้เท่าไหร่ และแต่ละคนต้องเดินทางกี่กิโล ถึงได้เงินเท่านี้ ผมทำรายละเอียดทุกอย่าง เพื่อความโปร่งใส จะเอาวิธีผมไปใช้ก็ได้นะครับ ผมยินดี ทุกวันนี้ผมเห็นน้องๆถูกเอาเปรียบแล้วมันอึดอัดใจครับ จากคุณ : จขกท - [ 14 ก.ย. 51 20:00:58 A:58.8.94.55 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 2-3 ปีก่อน ที่บริษัทฯ จ้าง 1 ในบิ๊กโฟร์มาสอบบัญชี  ในทุกๆ ปีจะส่งเด็กจบใหม่มา ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย  นักบัญชีของบริษัทฯ ต้องมาคอยบอกโน่น บอกนี่  เขาเบื่อกันมาก จ้างก็แพง ต้องมาสอนงานเด็กใหม่(ที่มักจะรับจากรั้วสีชมพู)พวกนี้ทุกปีๆ  ปีหลังๆ มาเลยเปลี่ยนไปใช้อีกบริษัทฯ ซะเลย จากคุณ : ปืนใหญ่นางพญาตานี - [ 14 ก.ย. 51 20:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เฮ้อออออออออออออออออออออออออ ได้แต่ถอนหายใจ จากคุณ : Laya - [ 14 ก.ย. 51 20:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านแล้วรู้สึกว่าไม่ได้ครึ่งของหน่วยงานราชการหลายๆ แห่งเลย ผู้บริหารบ้าอำนาจยึดติดกับระบบศักดินาเล่นเส้นสายกันอุตลุต ใครสอพลอไม่เก่งหรือไม่รู้จักหาผลประโยชน์มาประเคนท่าน ก็ต้องยอมรับสภาพดักดานกันไป บางทีโดนจิกใช้ตามอัธยาศัยยังกับเป็นทาสในเรือนเบี้ย บ้างก็โดนพวกมีเส้นสายดีเอารัดเอาเปรียบกันอย่างไร้ความละอายแก่ใจ เราเองกำลังจะลาออกคิดว่าอยากเขียนหนังสือสักเล่ม แฉมันให้หมดว่าพวกผู้บริหารคนไทยมีพฤติกรรมอย่างไร คนดีๆ มีความสามารถรับราชการไม่ได้นานเพราะเจอระบบเส้นสายอุปถัมภ์ และความริษยาแก่งแย่งภายใต้วัฒนธรรมองค์กรแบบงี่เง่า ปัญหาสมองไหลไม่ได้มาจากเรื่องเงินเดือนน้อยเสมอไป หลายคนมีใจรักงานที่ทำและอยากใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมา เงินน้อยยังพอทนแต่ความบ้าอัตตาและความงี่เง่าของผู้บริหาร การโดนแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ตลอดจนสภาพแวดล้อมแย่ๆ ทัศนคติคับแคบ มันบั่นทอนสุขภาพจิตมาก ทนดูรุ่นพี่ รุ่นน้องถอดใจลาออกไปหลายคน วันนี้ถึงตาเราบ้างก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเตรียมตัวไว้นานแล้ว หน่วยงานรัฐใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แต่บรรดาผู้บริหารและนักการเมืองทำเหมือนเป็นธุรกิจของตัวเอง ที่โคตรเหง้าศักราชสร้างไว้ให้กอบโกย จากคุณ : อำนาจไม่เข้าใครออกใคร - [ 14 ก.ย. 51 20:44:20 A:210.86.215.223 X: TicketID:159141 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่รู้รายละเอียดครับ ออกความเห็นไม่ได้ จากคุณ : lb'sN - [ 14 ก.ย. 51 21:02:29 A:125.26.142.213 X: TicketID:177270 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วย จริงๆ ทำไม่ถึง 3 ปีเด็กลาออกไปทำงานสำนักงานสอบบัญชีที่อื่นก็ได้ไม่ต้องมาทนเก็บชั่วโมงกับ big4 หรอก  งานหนักและโหดจริงๆ  แต่ที่ทนเพราะประสบการณ์ big4 จะสัมผัสกับธุรกิจใหญ่กว่าบริษัทสอบบัญชีทั่วๆ ไปกัน ซึ่งตรงนี้จะส่งผลต่ออนาคตทั้งการรับงานตรวจสอบ,การหางาน,การดึงตัวไปร่วมงาน แต่เพิ่มเวลา 3 ปีเป็น 5 ปี นี่ก็โหดนะ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่มวิชาสอบจาก 5 วิชาเป็น 6 วิชา นี่เราว่ามันเริ่มสกัดดาวรุ่งแล้วนะ จากคุณ : เจ๊วรรณา - [ 14 ก.ย. 51 22:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอแจมหน่อย ก่อนหน้านี้ เราทำงานอยู่ listed company คุณ Big4 ส่งเด็กหน้าใหม่กิ๊ก มาตรวจสอบบริษัทเรา แถม leader ก็อายุงานแค่ไม่เกิน 3 ปี เท่านั้นเอง ถึงว่า ... ไม่สงสัยที่ จขกท. บ่นมาเลย จากคุณ : Invisible Angel - [ 14 ก.ย. 51 22:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยว่างานใน big4 หนักมาก เพื่อนเราทำจนดึกดื่นตี 1 ตี 2 กว่าจะได้กลับก็มีเหมือนกัน แต่เงินเดือนก็สูงอยู่นะเนี่ย จากคุณ : endimian - [ 15 ก.ย. 51 11:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ...โหดร้ายได้อีก... แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 51 16:06:07 จากคุณ : ย่ามฝัน - [ 15 ก.ย. 51 11:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดีใจจังที่คิดตัดสินใจมาทำงานบริษัทแทนที่จะไปทำงานสอบบัญชี จากคุณ : อย่าวิ่งตามความรัก - [ 15 ก.ย. 51 15:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Grant Thornton โดนด้วยป่ะเนี่ย หุหุ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ก.ย. 51 19:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีปัญหาทุกวิชาชีพเลย ไม่กล้าวิจารณ์เพราะคนละวงการ จากคุณ : 2498 (cpbu) - [ 16 ก.ย. 51 11:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าขยายเวลาก็เกินไปครับ เป็นการมองที่ปลายเหตุไปหรือปล่าว งานสอบบัญชีผมว่าเป็นวิชาชีพหนึ่งที่ดีเลยครับ ได้ความรู้ ได้ประสบการณ์ ได้ความอดทน ทั้งอดทนต่องานและอดทนต่อลูกค้า(ดีบ้าง แย่เยอะ) จากคุณ : ราชันย์เมฆา - [ 16 ก.ย. 51 14:56:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วท่านผู้ใหญ่ในสมาคม ไม่สงสารแฟนของบิ๊กโฟร์บ้างเลยเหรอครับ บางที ทำงานดึกดื่น เป็นห่วงเวลากลับบ้านอันตรายออก เอาใจช่วยทุกท่านนะครับ และขอสรรเสริญ จขกท ด้วยครับที่ยังเห็นใจและเข้าใจ น้องๆที่จะมาเป็น นักบัญชีในอนาคต ส่วนตัวผม มองตาละห้อย อยากสอบแต่สอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เรียนด้านนี้มา  อิอิ จากคุณ : October31st - [ 22 ก.ย. 51 10:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สมาคมไม่มีแล้วจ้ะ มีแต่สภาวิชาชีพ ถ้าออกกฎเกณฑ์ที่มันเกินไปแบบนี้ก็เชียร์น้องๆ ให้ไปฟ้องศาลปกครองครับ เพื่อให้ยกเลิกกฎเกณฑ์ที่ออกโดยไม่เป็นธรรมได้ จากคุณ : TingTing - [ 22 ก.ย. 51 16:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เดี๋ยวนะครับ ถ้าหากว่าขยายเวลาจาก 3 ปี เป็น 5 ปี อะไรเกิดขึ้นมาก มีการวิเคราะห์กันหรือเปล่า หรือมองกันที่ตัวผู้ตรวจสอบแต่เพียงฝ่ายเดียว แล้วลูกค้าละ ถ้าได้ผู้ตรวจสอบที่มีประสบการณ์น้อยมาตรวจสอบ มาตรฐานงานตรวจสอบจะเพียงพอหรือไม่ การขยายเวลาการทำงานด้านการตรวจสอบจาก 3 ปี เป็น 5 ปี บริษัทที่ได้รับการตรวจสอบก็จะได้มั่นใจได้ว่า ได้บุคคลากรที่มีคุณภาพไม่ใช่เหรอ ส่วนเรื่องที่ต้องอยู่ดึก ไม่มีโอทีนั้น เป็นหน้าที่ความรับผิดที่ต้องมีอยู่แล้ว ถ้าไม่อยากจะอยุ่ดึกและไม่มีโอที จะมาทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบทำไม คนที่ทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบย่อมที่จะเล็งเห็นผลของอนาคตอยู่แล้วว่า หากทำงานด้านนี้ จะมีความเจริญก้าวหน้าในภายภาคหน้า จึงยอมที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจเรียนรู้วิชาชีพนี้ จะ 3 ปี หรือ 5 ปี สุดท้ายตำแหน่งหน้าที่ย่อมที่จะสูงกว่า ดีกว่า คนที่ทำงานเป็นพนักงานบัญชีในบริษัทแน่นอน อีกอย่างหนึ่ง บริษัทเหล่านี้ ส่วนหนึ่งก็ให้เงินเดือนที่สูง สูงกว่าคนทำงานบัญชีเสียด้วยซ้ำ แต่จะขอรับผิดชอบเท่าๆ กับคนทำงานบัญชีทั่วไปอย่างนั้นเหรอ หรือว่าสังคมเปลี่ยนให้เกิดความเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น เรื่องทุจริตในองค์กร ในหน้าที่ หากมีใครทุจริตเชื่อว่าน้องๆ ผู้สอบบัญชีคงไม่ยอมกันง่ายๆ หรอกครับ เพราะคนที่ทำงานด้านนี้ส่วนใหญ่แล้ว ความเชื่อมั่นตัวเองสูงมาก และกล้าที่จะแสดงออก เจอเรื่องอมค่าเดินทาง เชื่อว่าไม่นานต้องรู้ถึงหูพาร์ทเนอร์แน่นอน ถ้าไม่เบื้อเสียก่อน จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 23 ก.ย. 51 10:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คห.3 ครับ " ต้องมาสอนงานเด็กใหม่(ที่มักจะรับจากรั้วสีชมพู)พวกนี้ทุกปีๆ " ทำไมต้องมีคำขยายในวงเล็บด้วยหละครับ ? จากคุณ : บัตรผ่าน (ผีเสื้อน้อยระเริงไฟ) - [ 23 ก.ย. 51 15:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 23 ก.ย. 51 17:59:53 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ของแบบนี้มีกลไกตลาดอยู่แล้ว... ถ้าผู้สอบบัญชีรายได้มันดีมากๆ ให้เปลี่ยนเป็น 10 ปี คนก็ทนครับ... แต่เคยเห็นน้องๆที่มาสอบบัญชีจากบริษัทใหญ่ๆพวกนี้นี่งานนักจริงๆ มาก็เช้ากว่าผม กลับก็ดึกๆ แถมต้องถือคอมพิวเตอร์เครื่องหนักๆ... ก็คิดเอาว่าเค้าคงสนุกกับงานมากจนหลงลืมเวลากันทุกคนมั้งครับ... :P จากคุณ : MESMERIC - [ 23 ก.ย. 51 20:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าเปลี่ยนกฎจาก 3 ปี เป็น 5 ปี   คนที่กำลังอยู่ในระบบ จะต้องโดนผลกระทบไปด้วยหรือเปล่า หมายความว่า  คนที่ฝึกงาน อยู่ในระบบเก่า 3 ปี และกำลังรอสอบ ซีพีเอ อยู่ จะต้อง ไปอยุ่ในระบบใหม่ คือ เปลี่ยนจาก 3 ปี เป็น 5 ปี หรือเปล่า  หรือว่า  กฎ 5 ปี นี้จะเริ่มต้น สำหรับ คนที่เริ่มลงทะเบียนฝึกงาน (นับตั้งแต่วันที่ประกาศ กฎ ออกมาใช้ )   แต่ในความเห็น ผม นะ ถ้าจะเปลี่ยน ควรจะเริ่มนับใหม่จาก คนที่เริ่มมาลงทะเบียนฝึกงานเลย  เพราะว่า คนที่ลงทะเบียนฝึกงานไปแล้วนั้น เขา ลงทะเบียนฝึกงาน ตามหลักและกฎเกณฑ์ของระบบ 3 ปี นะ   รบกวน เจ้าของกระทู้ ด้วย เพิ่มเติม และ ตอบคำถามด้วย นะครับ จากคุณ : newenter - [ 24 ก.ย. 51 09:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG - [ 24 ก.ย. 51 13:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่เอาไม่ยอม 3 ปีก็นานจะตายอยู่แล้ว จากคุณ : เด็กบัญชี (กลับรายการ) - [ 24 ก.ย. 51 21:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า อาจารย์เองก็เป็นผู้สอบบัญชีของรัฐ CA, USA  อาจารย์บอกว่าที่อเมริกาไม่ต้องฝึกงาน แต่ต้องสอบ ถ้าสอบได้ก็ได้เลย สอบเดี๋ยวนี้ก็ 6 วิชาแล้ว ก็สกัดดาวรุ่งอยู่แล้วนะ ยังจะมาเพิ่มฝึกงานจาก 3 เป็น 5 ปี อีกเหรอ ไม่นะ..... จากคุณ : ACUMI 86 - [ 24 ก.ย. 51 22:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อืม เราไม่ได้เข้าข้างใครนะคะ แต่เห็นประเด็น สามปี ห้าปีเนี่ย มีมานานมากแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ มันเหมือนการกล่าวหาข้างเดียวน่ะค่ะ ทำไมถึงไม่ถามเข้าไปที่สภาวิชาชีพคะ ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ไม่น่าเอามาโพสในที่สาธารณะแบบนี้เลยค่ะ ด้วยความเคารพ จากคุณ : ผ่านมา ผ่านไป (@Nana-cute@) - [ 24 ก.ย. 51 23:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ว่าไป..ถ้าแต่ละองค์กรรักษาคนของตัวเองไม่ได้... เขาต้องแก้ปัญหาของตนเองให้ได้......... การเพิ่ม 3 ปี 5 ปี บางทีอาจไม่เป็นประโยชน์เลยก็ได้.... จากคุณ : skyrocket - [ 25 ก.ย. 51 11:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอไม่วิจารณ์ 3 หรือ 5 นะ แต่งานดึกหรือไม่ มันก็คือความรับผิดชอบ เพราะเรามาทำงาน ถ้าคิดว่าบริษัทที่ทำงานด้วยมีระบบการทำงานที่ไม่ดีแนะนำให้ย้าย (เราพอรู้ว่าคุณทำงานที่ไหน) ไปบริษัทใหม่ในระดับเดียวกับที่ระบบการทำงาน Work กว่าเพราะเค้ารับคุณแน่ๆ และเนื่องด้วยระบบงานที่ดีจะทำงานได้ดีขึ้น แต่แน่นอนว่าความกดดันและคาดหวังในผลของงานจะมากตามไปด้วย จากคุณ : JusTT - [ 26 ก.ย. 51 22:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเปลี่ยนเด็กใหม่มาบ่อย ปัญหาคือตรวจไปก็ไม่เจออะไร ทำให้บริษัทบางบริษัท make ตัวเลขได้ตามใจ เฮ้อแล้วมาตรฐานอยู่ที่ไหนกันเนี่ย จากคุณ : ซีเจ็กฉ่ายใส่โหล - [ 26 ก.ย. 51 23:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 3 ปี หรือ 5 ปี objective คืออะไร หากให้เด็กอยู่นานขึ้น  นี่ก็เหมือนใช้ ก.ม. เป็นเครื่องมือ เพื่อ firm หากคาดว่าจะได้งานมีคุณภาพมากขึ้นจากคนที่อยู่นานขึ้น ไม่จะเป็นต้องใช้ ก.ม. เพราะหากคุณ มี Demand and Supply ที่ดี เด็กส่วนใหญ่ยังไงก็อยู่อยู่แล้วละครับ การคุมคุณภาพ ก็ต้องไปคุมผู้เซ็น รายย่อย การรับงาน เอา share ระบบ ประเมินความเสี่ยง อะไรก็ว่าไป แต่ทั้งหมดนี่ Audit ให้อะไรมากกว่า Salary เยอะครับ ทั่งระบบวิธีคิด การบริหารจัดการ และ train คน  ^^ (ความเห็นส่วนตัว) จากคุณ : Mr Google - [ 27 ก.ย. 51 19:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขออธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับการทำงานของออดิทนะครับ (ที่ต้องอธิบายเพราะมีบางคนเข้าใจว่า การออกกฏ5ปีจะทำให้งานสอบบัญชีมีคุณภาพมากขึ้น) การทำงานจะถูกรีวิวเป็นลำดับตามนี้ staff(ยังไม่ได้cpaเพราะชั่วโมงไม่ครบ) >> inchart(บางคนก็ได้Cpaบางคนก็ยัง แล้วแต่ความสามารถว่าใครสอบได้)>>>ซุป หรือ เมเนเจอร์ (ได้Cpaแล้ว)>>>Partner-คนที่เซ็นงบ (ด้Cpaมานานแล้ว) จากลำดับชั้นดังกล่าวจะเห็นว่า คุณภาพงานสอบบัญชี จะอยู่ตรงขั้นตอนรีวิวของซุป และ พาร์ทเนอร์ ถ้างานไม่ผ่านต้องถูกส่งลงมาแก้ หรือ ซุปบางคนอาจจะคอมพลีทให้ ดังนั้น การที่ตำแหน่งStaffจะได้Cpaใน3ปีหรือ5 มันจึงไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นต่อคุณภาพงาน เพราะบางคนสอบครบ6ตัวก่อน3ปีอีก พวกนี้ก็แค่รอเวลาไปขึ้นทะเบียนCpaเท่านั้น การยึดเวลาออกไป5ปี มันมีประโยชน์ตรงไหนต่องานสอบบัญชี ผมมองไม่ออกจริงๆ หรือใครมองออกก็ช่วยบอกกันบ้าง ดังนั้นการเพิ่มระยะเวลาเป็น5ปี ก็เพื่อ 1.สกัดดาวรุ่งให้ได้ Cpaช้าลง เพื่อไม่ให้ลาออกไปทำงานด้านอื่น 2.ต้องการชะลอจำนวนCpaภายในประเทศ เพื่อไม่ให้Cpaหน้าใหม่เหล่านี้ไปแย่งลูกค้าของผู้ใหญ่ในสภา การที่ในตลาดมีCpaมากขึ้น นั่นคือมีSupplyมากขึ้น จะส่งผลให้ราคาค่าสอบบัญชีถูกลง จึงทำให้พวกผู้ใหญ่เหล่านี้ต้องออกกฏดังกล่าว เพื่อป้องกันการที่มีอุปทานมาก แล้วค่าสอบน้อย อันจะส่งผลให้ Profit sharing ที่ตัวเองได้รับลดลง ที่ผมออกมาโพสแบบนี้ ไม่ใช่ว่าต้องการแฉอาชีพของตัวเอง แต่ผมรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมที่ ผู้มีอำนาจในสภาใช้อำนาจในมือแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงเด็กๆว่าเขาเป็นยังไง พวกผู้ใหญ่ท่านชอบคิดกันเอาเองว่า เด็กสมัยนี้โง่ รู้ไม่ทันพวกท่านรึยังไง และที่สำคัญตั้งแต่ตำแหน่ง Ad ขึ้นไปในแต่ละFirm ชอบพูดกันว่า เด็กสมัยนี้ไม่มีคุณภาพ ปกครองยาก ไม่อดทน ทำงานหนักไม่ได้ ผมขอเป็นตัวแทนน้องๆตอบท่านเลยนะครับว่า.. ไม่ใช่เด็กสมัยนี้ไม่มีคุณภาพสู้รุ่นเก่าไม่ได้ แต่เด็กสมัยนี้ฉลาดขึ้น พวกเขาไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ ถ้าท่านแฟร์กับเขา เขาก็ทำงานให้เต็มที่ แต่ถ้าท่านเอาเปรียบเขา แล้วยังคิดว่าเขาต้องทน ต้องยอม ทั้งชอบพูดว่าอาชีพนี้งานก็หนักแบบนี้ ถ้าทนไม่ได้มาทำทำไม ผมถามหน่อยครับว่า คนที่ใช้ไม่ได้คือตัวเด็ก หรือ พวกผู้ใหญ่แบบท่านกันแน่ จากคุณ : ผู้อยู่ในเหตุการณ์ - [ 29 ก.ย. 51 10:01:09 A:58.137.137.98 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าบริษัทใหญ่ๆ บ้องตื้นจนหาทางออกไม่ได้จริงๆว่าจะทำยังไงให้เด็กทำงานน้อยลง ไม่หนักเหมือนปัจจุบัน เขาจะได้ไม่ลาออกกันหมด เหมือนที่เป็นอยู่ ผมแนะนำให้เลย เดี๋ยวจะหาว่าติอย่างเดียว ไม่แนะนำอย่างสร้างสรรค์... นั่นคือ ให้บริษัทของพวกท่าน รับงานน้อยลงไงครับ ง่ายมากๆเลย คุณภาพงานสอบบัญชีมันต่ำ เพราะพวกท่านรับงานกันแบบไม่ลืมหูลืมตา เห็นแต่ผลกำไร ไม่เคยมองคุณภาพชีวิตของพนักงาน พนักงานทำงานถึงตี2 แบบนี้มันเป็นเรื่องผิดปกติแล้ว คนนะครับ ไม่ใช่เครื่องจักร เครื่องจักรยังต้องพักเลย แต่พวกท่านกลับมองว่า อาชีพนี้ทำงานตั้งแต่8โมงเช้า ถึงตี2 เป็นเรื่องปกติ เพราะท่านไม่ได้มองพนักงานเป็นคน แต่มองเป็นเครื่องจักรหาเงินให้พวกท่าน จากคุณ : ผู้อยู่ในเหตุการณ์ - [ 29 ก.ย. 51 10:12:06 A:58.137.137.98 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขออนุญาตครับ เพราะผมก็เคยอยู่ในวงการนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าผมอยู่ใน firm เล็กๆ ที่เจ้านายเคยพาไปรู้จักกับ firm อื่นๆ และ เจ้านายของ firm อื่นๆ ก็เคยเป็นกรรมการในสมาคมผู้ตรวจสอบบัญชี นอกจากที่คลุกคลีกับ Audit firm เล็กๆแล้ว เคยอยู่ใน Consulting Firm 1 ใน Big4 ที่เคยสัมผัสกับกลุ่มตรวจสอบบัญชีด้วย ที่คุณกล่าวมาเกี่ยวกับงานการตรวจสอบนั้น ถ้าเป็น firm ใหญ่ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Big4 คงจะใช่ แล้ว firm ขนาดกลาง ขนาดเล็กละครับ เขาปฏิบัติเช่นเดียวกันกับกลุ่ม Big4 หรือเปล่า คงไม่มีน้องจบใหม่คนไหนอยากจะไปงานตรวจสอบบัญชีกับ Firm ไร้ชื่อเหมือนกลุ่ม Big4 แน่ๆ ดังนั้นกลุ่ม Big4 ก็จะมีโอกาสคัดเอาหัวกระทิไปเป็น Staff เพื่อรองรับงานตรวจสอบที่ตัวเองมีอยู่ แล้ว Firm เล็กๆ ละครับ เขาจะมีปัญญาเทียบเท่า Big4 หรือ Firm ใหญ่ๆ หรือไม่ หากมองในแง่มุมของผู้ช่วยผู้สอบบัญชี ก็เห็นด้วยที่การออกระเบียบเช่นนี้ เปรียบเสมือนเอาเปรียบเด็ก แล้วถ้ามองในแง่มุมของ Audit Firm ขนาดกลางขนาดเล็กละครับ มันมีประโยชน์หรือโทษอย่างไร ช่วยวิเคราะห์ให้ด้วย รวมไปถึงบริษัทห้างร้านต่างๆ ที่ต้องจำยอมใช้บริการงานตรวจสอบไม่ว่าจะใช้บริการของ Big4 หรือไม่ก็ตาม ถ้าสภาวิชาชีพบัญชีออกกฏระเบียบอย่างนี้ มันจะมีประโยชน์หรือโทษอย่างไร ช่วยวิเคราะห์ให้ด้วยครับ อย่ามุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ของคนกลุ่มเดียว ในขณะที่ภาพรวมอื่นๆ เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ช่วยผู้สอบบัญชี หรือจะเป็นหุ้นส่วนของ Audit Firm ก็แล้วแต่ คนที่อยู่ตรงกลางอย่างบริษัทห้างร้าน มีแต่เสียกับเสีย โปรดพิจารณา จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 29 ก.ย. 51 14:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 #32 คุณได้อ่านกระทู้ของผมรึป่าวครับ ทั้งหมดที่ผมเอามาโพส มันคือความคิดของผู้ใหญ่ในสภาจริงๆ ไม่ใช่ผมทึกทักเอาเอง ผู้ใหญ่ในสภาเขาก็พูดกันอยู่ว่า ออกกฏ5ปี เพื่อให้เด็กลาออกน้อยลง เขาไม่ได้ต้องการปรับปรุงคุณภาพอะไรทั้งสิ้นครับ คุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว เห็นถามถึง Firm ขนาดกลางและเล็กใช่ไหมครับ ผมพูดอะไรมากไม่ได้ครับ เดี๋ยวเกิดผลกระทบในวงกว้าง ผมบอกแค่ว่า firm ที่ชื่อ ปิติเสวี ถ้าลาออกก่อน3ปี เขาไม่เก็บชั่วโมงให้คุณด้วย สมมติคุณทำงาน2ปีครึ่งแล้วลาออก เท่ากับ2ปีครึ่งที่ผ่านมาของคุณศูนย์เปล่า เอาเปรียบเด็กไหม คิดดูแล้วกันครับ เดี๋ยวเอาไว้วันหนึ่งข้างหน้า ผมจะรีวิว บริษัทสอบบัญชี ทั้งหมดที่ผมรู้ข้อมูลมาเล่าให้ฟัง ว่าแต่ละที่เป็นยังไง ที่ไหนน่าเข้า ที่ไหนควรหลีกเลี่ยง เอาให้เห็นกันจะจะ จากคุณ : ผู้อยู่ในเหตุการณ์ - [ 29 ก.ย. 51 19:49:53 A:58.8.94.231 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 34 rep30 จากลำดับชั้นดังกล่าวจะเห็นว่า คุณภาพงานสอบบัญชี จะอยู่ตรงขั้นตอนรีวิวของซุป และ พาร์ทเนอร์ ถ้างานไม่ผ่านต้องถูกส่งลงมาแก้ หรือ ซุปบางคนอาจจะคอมพลีทให้ ดังนั้น การที่ตำแหน่งStaffจะได้Cpaใน3ปีหรือ5 มันจึงไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นต่อคุณภาพงาน เพราะบางคนสอบครบ6ตัวก่อน3ปีอีก พวกนี้ก็แค่รอเวลาไปขึ้นทะเบียนCpaเท่านั้น การยึดเวลาออกไป5ปี มันมีประโยชน์ตรงไหนต่องานสอบบัญชี ผมมองไม่ออกจริงๆ หรือใครมองออกก็ช่วยบอกกันบ้าง >>>>>>>>>>>>>> ในฐานะที่เคยทำงานด้านนี้มาขอตอบจุดนี้หน่อยละกัน... "ดังนั้น การที่ตำแหน่งStaffจะได้Cpaใน3ปีหรือ5 มันจึงไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นต่อคุณภาพงาน เพราะบางคนสอบครบ6ตัวก่อน3ปีอีก" ทำไมจะไม่กระทบละครับ ??? หรือเป็นเพราะว่า คนที่อยู่ มันอยู่อย่างอยู่ไปวันๆ ? เพราะอย่างสมัยที่ผมทำงานน่ะ แต่ละปีที่ผ่านไป งานที่ได้รับมาทำมันก็เปลี่ยนไปทุกปี... มันก็เป็นการพัฒนาไม่ใช่หรอครับ? ---------------------------------------------- จากคุณ : SiTZ - [ 30 ก.ย. 51 00:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 35 รีบรีวิวหน่อยก็ดีครับผมกำลังจะโดนส่งไปฝึกงาน หนึ่งใน สี่ บริษัทที่ว่าแล้ว เผื่อจะได้ชิ่งทัน ถ้ามันไม่ดีหมดจะได้เลือกบริษัทที่ จ่ายเงินดีๆ ไว้กอ่น 555 จากคุณ : GeBaN - [ 30 ก.ย. 51 00:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ดังนั้นการเพิ่มระยะเวลาเป็น5ปี ก็เพื่อ 1.สกัดดาวรุ่งให้ได้ Cpaช้าลง เพื่อไม่ให้ลาออกไปทำงานด้านอื่น 2.ต้องการชะลอจำนวนCpaภายในประเทศ เพื่อไม่ให้Cpaหน้าใหม่เหล่านี้ไปแย่งลูกค้าของผู้ใหญ่ในสภา การที่ในตลาดมีCpaมากขึ้น นั่นคือมีSupplyมากขึ้น จะส่งผลให้ราคาค่าสอบบัญชีถูกลง จึงทำให้พวกผู้ใหญ่เหล่านี้ต้องออกกฏดังกล่าว เพื่อป้องกันการที่มีอุปทานมาก แล้วค่าสอบน้อย อันจะส่งผลให้ Profit sharing ที่ตัวเองได้รับลดลง -------------------------------------------- ข้อสอง.... ถามว่า ถึง supply มากขึ้น...ถ้าเป็น job ใหญ่จริงๆ เค้าจะยอมให้ firm เล็กๆ เป็นผู้สอบหรอ? ยังไงขั้นต่ำก็ต้องเป็น firm ที่ SEC รับรองไม่ใช่หรอครับ? เพราะบริษัทในบ้านเราส่วนใหญ่ ก็เป็น MNC ที่อย่างไรเค้าก็ต้องการให้ international firm อยู๋แล้วไม่ใช่หรอครับ? ผมว่าที่จะกระทบคือ firm ขนาดเล็ก สำหรับตรวจสอบบริษัท SME มากกว่า ที่น่าจะกระทบ เพราะราคาอาจจะตกลงได้.. จากคุณ : SiTZ - [ 30 ก.ย. 51 00:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 37 และที่สำคัญตั้งแต่ตำแหน่ง Ad ขึ้นไปในแต่ละFirm ชอบพูดกันว่า เด็กสมัยนี้ไม่มีคุณภาพ ปกครองยาก ไม่อดทน ทำงานหนักไม่ได้ ผมขอเป็นตัวแทนน้องๆตอบท่านเลยนะครับว่า.. ไม่ใช่เด็กสมัยนี้ไม่มีคุณภาพสู้รุ่นเก่าไม่ได้ แต่เด็กสมัยนี้ฉลาดขึ้น พวกเขาไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ ถ้าท่านแฟร์กับเขา เขาก็ทำงานให้เต็มที่ แต่ถ้าท่านเอาเปรียบเขา แล้วยังคิดว่าเขาต้องทน ต้องยอม ทั้งชอบพูดว่าอาชีพนี้งานก็หนักแบบนี้ ถ้าทนไม่ได้มาทำทำไม ------ ไม่แน่ใจว่าตำแหน่ง ad ย่อมาจากอะไร? แต่ผมเห็นด้วยจริงๆ กับคำว่า "เด็กสมัยนี้ไม่มีคุณภาพ ปกครองยาก ไม่อดทน ทำงานหนักไม่ได้" เพราะเท่าที่ผมเจอคือ... น้องๆส่วนมาก มักทำงานไม่เป็น อาจจะเป็นเพราะตอนเรียนไม่ตั้งใจเรียน .... หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ จากนั้นพอพี่ๆจะสอนก็ไม่ยอมฟัง ประมาณว่าชั้นเก่ง....แต่ทำไม working paper ที่ทำมามันไม่ได้แสดงถึงความเข้าใจในการทำงานของคุณน้องละ... หลังจากนั้นงานส่วนของตัวเองก็ทำไม่เสร็จ (แบ่งงานให้น้องเท่าๆกันทุกปี..... ทำไมบางปี น้องทำเสร็จไว มาช่วยพี่ทำได้.... ทำไมปีหลังๆ มา นอกจากกจะทำไม่เสร็จแล้ว ยังมาโบ้ยให้ senior ทำอีก) สุดท้ายพอได้โบนัสน้อย ก็บ่นกระจุย.... (เพราะ performance ไม่ดี แต่ก็ เพราะตัวเองทำไม่ใช่หรอ ?) จากคุณ : SiTZ - [ 30 ก.ย. 51 00:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 #33 คุณได้อ่านกระทู้ของผมรึป่าวครับ ทั้งหมดที่ผมเอามาโพส มันคือความคิดของผู้ใหญ่ในสภาจริงๆ ไม่ใช่ผมทึกทักเอาเอง ผู้ใหญ่ในสภาเขาก็พูดกันอยู่ว่า ออกกฏ5ปี เพื่อให้เด็กลาออกน้อยลง เขาไม่ได้ต้องการปรับปรุงคุณภาพอะไรทั้งสิ้นครับ คุณเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว - - - - - - - - - - - - - อ่านครับ เพียงแต่ว่า ผมไม่ได้ตีความตามคำพูด "ออกกฏ5ปี เพื่อให้เด็กลาออกน้อยลง" คือความเห็นแก่ตัวของพวกผู้ใหญ่ในสภาวิชาชีพฯ จะจริงหรือเท็จ ผมไม่สามารถอ่านความคิดของผู้ใหญ่ในสภาฯ ได้ แต่ผมพยายามมองกระจกในด้านอื่นๆ ของการออกกฏ 5 ปี เพื่อให้เด็กลาออกน้อยลง มากกว่า ตัวคุณพยายามสะท้อนภาพปัญหาของเด็ก ผู้ช่วยผู้สอบบัญชี ก็คือมุมมองมุมหนึ่งที่น่าสนใจ หากผู้เกี่ยวข้องกับสภาฯ ได้มาอ่านมุมมองของคุณ จะได้เข้าใจในตัวผู้ช่วยผู้สอบบัญชีมากขึ้น และรับรู้รับทราบและเร่งแก้ไขปัญหาของเด็กบ้าง เพราะทุกวันนี้ ผมได้ยินเสียงบ่นต่อสภาวิชาชีพฯ มากๆ ถึงความไร้ประสิทธิภาพการทำงาน จริงเท็จ ต้องตรวจสอบ แต่ผมพยายามสะท้อนในแง่มุมของ firm ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ที่มีปัญหาในการหาผู้ช่วยผู้สอบบัญชี ที่นับวันจะหาได้ยากขึ้น เพราะเด็กหนีไปอยู่ firm ใหญ่ๆ รวมถึงพวกที่อยู่ก็อยู่ไม่ทน แถมเด็กรุ่นใหม่ เหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อจริงๆ ตามที่คุณ SiTZ บอกนั่นแหละ ผมพยายามสะท้อนให้คุณเห็นภาพของบริษัทห้างร้านทั่วไป ที่มีปัญหาจากเด็กเพิ่งจบมาทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้สอบบัญชี บางปีส่งมาหน้าเอ๊าะๆ เกือบทุกคน จะดีก็ตรงที่มีเด็กเก่ามาปนบ้างประปราย หากเป็นคุณ คุณจะมั่นใจในประสิทธิภาพงานตรวจสอบไหม คุณจะรับรู้รับทราบไหมว่าจะมีใครมารีวิวกระดาษทำการของเด็กๆ เหล่านี้เหรอ ไม่สนใจหรอก ถ้าคุณอยู่ฝ่ายบัญชี คุณคงดีใจที่ไม่มีคนมาตรวจเจอสิ่งผิดปกติทางบัญชี แต่ถ้าคุณอยู่ฝ่ายตรวจสอบภายใน คุณคงยิ้มไม่ออก แค่เรื่องการตรวจสอบเรื่องการอนุมัติสั่งซื้อ แค่ Authorization Delegation ยังตรวจสอบไม่เจอถึงความพิรุธทางธุรกรรม แน่นอน ไม่ปรากฏบนกระทำการหรอก ถ้าเด็กไม่เก่งจริง ส่วนเรื่อง Audit Firm ที่ไม่เซ็นรับรองชั่วโมงการทำงานให้นั้น หากสภาวิชาชีพฯ มีประสิทธิภาพจริง เรื่องเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นหรอก เพื่อนๆ ผมที่ยังอยู่ในสายตรวจสอบเขาบ่นกันอุ๊บเลย ว่า เสียดายตัง แต่มันก็คนละประเด็นกับกระทู้นี้ จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 30 ก.ย. 51 08:30:12 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเข้าใจความคิดของคุณ เตร็ดเตร่ ครับ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มาร่วมแสดงความเห็นในกระทู้ของผม ประเด็นของคุณเตร็ดเตร่ คือ เด็กลาออก ทำให้เฟิร์มกลาง-เล็ก ต้องส่งเด็กใหม่มาตรวจลูกค้า คุณเลยมองว่าการตรวจสอบอาจจะไม่ได้คุณภาพใช่ไหมครับ อันนี้มีส่วนถูกครับ ผมเห็นด้วย แต่สาเหตุที่แท้จริง ของการที่เด็กลาออก คืออะไรล่ะครับ เราก็ไปแก้ตรงนั้นสิ การขยายเวลาเป็น5ปี มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ พอครบ5ปี เด็กมันก็ลาออกอีกนั่นแหละ เดี๋ยวต่อไปก็ต้องขยายเป็น8ปี 10ปี ดังนั้นการขยายเวลาเป็น5ปี มันจึงไม่ใช่ทางออกไงครับ เพราะมันไม่จบ เราจึงควรมาดูว่าปัญหาของเด็กลาออกมันอยู่ตรงไหน ซึ่งผมก็ได้บอกไปแล้วว่า เพราะงานมันหนักเกินไป อาชีพนี้ turn over สูงเป็นอันดับต้นๆในอาชีพทั้งหมดเลย บางปีลาออก30กว่าคน ตอนนี้สมมติรับเข้า300คน พอ3ปีผ่านไปลาออกไปร้อยกว่าคน มันเป็นแบบนี้มาตลอดเลยครับ จากคุณ : จขกท - [ 30 ก.ย. 51 09:28:22 A:58.137.137.98 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ปัญหาอยุ่ตรงไหนละครับ ที่จขกท ว่าอยากรุ้เช่นกัน จะได้เอาไปให้คำปรึกษา กับ น้อง ๆ คนอื่นด้วยครับ เพราะอ่านแล้วผมก็เข้าใจที่ว่าคุณบอกเจ้านายไม่แฟร์แต่ก็ไม่อธิบายว่าไม่แฟร์ตรงไหนอย่างไรนะสิครับ กระผมก็อยากรุ้ จะได้เอาไปส่งเป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่นต่อได้ จากคุณ : et009 - [ 30 ก.ย. 51 14:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผู้สอบยุคใหม่หลายๆท่าน หรือแม้แต่ตัวเด็กที่ขอฝึกหัดงานเองหลายๆคน ผมเองมองว่าก็ยังไม่มีคุณภาพหรือประสิทธิภาพการทำงานจริงๆ เด็กบางคนหาผู้สอบเซ็นฝึกหัดงาน โดยไม่มีการฝึกหัดจริง ถึงเวลาสอบผ่านออกมารับงานเซ็นเอง เป็นผู้สอบที่ไม่ได้คุณภาพ คอยตัดราคาค่าสอบกับผู้สอบตลาดล่าง เด็กบางคนยอมจ่ายเงินรายปีแลกกับการฝึกหัดงาน (เรื่องนี้เป็นข้อมูลจากเด็กที่เคยทำงานด้วยกันมาเล่าให้ฟังนะครับ ประมาณปี 46-47) การเพิ่มชั่วโมงฝึกหัดงาน 3 เป็น 5 ปี คงช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้เพราะเป็นแค่ปลายเหตุ สภาบัญชีคงต้องหาวิธีแก้ไขต้นเหตุจะเหมาะสม แต่ตรงไหนคือต้นเหตุ ผมเองก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน มันเหมือนถูกหมักหมมมานาน เรื่องอมค่าแรงการเดินทางนี่ ผมเองไม่เคยเจอนะครับ เคยเจอแต่เบิกค่าน้ำมันเกินความจริง ซึ่งจะต้องเรียกเก็บจากลูกค้า ประมาณ 8-9พันบาท (ยุคนั้นน้ำมันยังไม่แพงนะครับ) แต่น้องๆเองได้แต่ก้มหน้ารับรุ้พฤติกรรม ไม่อาจทำไรได้ เพราะตัวอินชาร์จเอง เป็นคนมีความสามารถที่พาร์ทเนอร์ให้การยอมรับ ไม่กล้าทำอะไรมากนัก   การให้บิ๊กเฟิร์มรับงานน้อยลง คงยากนะครับ ทุกวันนี้งบใน sec มีแต่จะมากขึ้น และทำงานยากขึ้นตามมาตรฐานบชใหม่ๆที่ออกมา หรืองบจากบริษัทที่มีแม่อยู่ต่างชาติและรีเควสให้ใช้บิ๊กเฟิร์มเข้ามาลงทุนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในขณะที่เฟิร์มออดิทขนาดใหญ่รวมถึงผู้สอบกลตที่เซ็นงบ sec ได้กลับไม่ได้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น คงเป็นเรื่องยากนะครับที่จะให้บิ๊กเฟิร์มรับงานน้อยลง แต่ถามว่าเอาเปรียบพนักงานมั้ย กับการให้พนักงานทำงานกัน8โมงเช้าถึงตี2-3 ลองคิดเป็น cost ของเฟิร์มนั้นๆดูก็จะรู้ครับ ว่าเอาเปรียบหรือไม่ ขอไม่ตอบนะครับ ยังงัยส่วนตัวมองว่า ต่อให้สภาบัญชีรับรุ้ข้อเท็จจริงๆ จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ดีแค่ไหน หรือ ทิศทางใด รอดูกันต่อไปครับ จากคุณ : twist_t - [ 30 ก.ย. 51 15:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สำหรับที่ถามว่าไม่แฟร์ยังไง ผมอธิบายอยู่ในกระทู้ตั้งแต่แรกแล้วครับ เอามาแปะให้ดูอีกทีก็ได้ เผื่อขี้เกียจเลื่อนไปอ่าน 2.บริษัทบิ๊กโฟร์ไม่มีธรรมาภิบาลที่ดี พยายามลดCostทุกวิถีทางโดยไม่คำนึงถึงบุคคลากร เช่น -ไม่ยอมให้พนักงานที่ไปออกจ็อบ ลง time sheet ว่าไปออกจ็อบเพื่อเก็บชั่วโมง แต่ให้ลงว่าอยู่ออฟฟิศ กรณีนี้ทำให้ส่งconfirmลูกค้าเก็บชั่วโมงลำบาก และไม่ได้โอที ย้ำไม่ได้โอที เสริมนะครับ office hour คือ 8.00-16.30 ดังนั้นโอทีควรเริ่มคิดหลัง5โมงเย็น แต่บริษัทก็เอาเปรียบโดยการคิดหลัง6โมงเย็น และส่วนมากเวลาเลิกงานไม่เกิน2ทุ่ม ก็ไม่ให้โอที (ถามเด็ก E กับD ได้เลยครับ) คิดว่าแฟร์ไหมครับ???? ปล.หลังๆนี้มีแต่คนมาถามผม ผมก็ตอบให้ทุกประเด็น ดังนั้นถ้าท่านใดได้คำตอบแล้ว ก็โปรดตอบประเด็นผมบ้างนะครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนกัน จากคุณ : จขกท - [ 30 ก.ย. 51 16:33:35 A:58.137.137.98 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เสริมนะครับ office hour คือ 8.00-16.30 ดังนั้นโอทีควรเริ่มคิดหลัง5โมงเย็น แต่บริษัทก็เอาเปรียบโดยการคิดหลัง6โมงเย็น และส่วนมากเวลาเลิกงานไม่เกิน2ทุ่ม ก็ไม่ให้โอที (ถามเด็ก E กับD ได้เลยครับ) คิดว่าแฟร์ไหมครับ???? เรื่องเอาโอทีมาอ้างถ้าว่ากันตามกฎหมายอาจจะไม่แฟร์ แต่ในการทำธุรกิจ การตกลงแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกตินะผมว่า ถ้าพนักงานรับได้ ไม่เรียกร้องอะไร ก็ไม่เกี่ยวกับการแฟร์ไม่แฟร์ ถ้าคิดว่าไม่แฟร์ผมว่าแนะนำให้ร้องเรียนไปที่กระทรวงแรงงานแล้วนำเรื่องออกสื่อครับ เดี่ยวก็มีมาตรการกระตุ้นเองจริงไหม ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับการออกกฎข้อนี้น่าการเพิ่มจำนวนปีนี่ -ไม่ยอมให้พนักงานที่ไปออกจ็อบ ลง time sheet ว่าไปออกจ็อบเพื่อเก็บชั่วโมง แต่ให้ลงว่าอยู่ออฟฟิศ กรณีนี้ทำให้ส่งconfirmลูกค้าเก็บชั่วโมงลำบาก และไม่ได้โอที ย้ำไม่ได้โอที เออ ต้องถามว่า ทำไมพนักงานถึงยอมกันครับ ปัญหา มันอยุ่ที่ตรงไหนละ อยุ่ที่ กฎที่เค้าออกมาหรืออยุ่ที่ สมาคมไม่มีความรับผิดชอบต่อผู้ร่วมวิชาชีพ  จะบอกบริษัทไม่แฟร์ก็ได้ แต่ในความเป็นจริงบริษัททุกบริษัทต้องทำอย่างนี้ทั้งนั้น  ซึ่งคนที่ปกป้องผลประโยชน์ก็คือสมาคมอาชีพนั้น ๆ ดังนั้นผมว่า มันก็ไม่เกี่ยวกับการที่เค้าจะออกกฎ 5 ปีอยุ่ดีแหละ ข้อเสียที่คุณว่ามามันเกี่ยวกับการที่สมาคมไม่ดูแลสมาชิกวิชาชีพตัวเองมากกว่าที่จะเกี่ยวกับการออกกฎมากันการลาออกครับ จากคุณ : et009 - [ 30 ก.ย. 51 17:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ พูดกันคนละเรื่องแล้วครับ ข้างบนคุณถามว่า บริษัทไม่แฟร์กับพนักงานยังไง ผมก็ตอบตามประเด็นไป ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการขยายเวลาเป็น5ปีของสภา และผมถึงบอกไงว่าสภาทำไมถูก แต่ตอนนี้คุณกำลังเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงว่า คณะกรรมการในสภา กับ ผู้บริหารในบริษัทสอบบัญชี มันเป็นคนละคนกัน ทั้งที่จริงแล้ว ผู้บริหารในบริษัทสอบบัญชี ก็เข้าไปนั่งอยู่ในสภาหลายคน แถมให้อีกนิดนะครับ คนที่ตำแหน่งสูงสุดในสภา ก็เปิดบริษัทสอบบัญชีเองนะครับ เอาแบบนี้ครับ คุณคิดว่าการที่ สภาขยายเวลาเป็น5ปี มันดีกว่าแบบ3ปีที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างไรครับ??? ผมก็อยากทราบความเห็นของคุณเหมือนกัน จากคุณ : จขกท - [ 30 ก.ย. 51 21:19:51 A:58.8.91.31 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อืม ผมพูดในฐานะคนที่เคย ได้ยินมาจากเพื่อนอีทีนะครับไม่มีประสบการณ์ตรง เค้าก็บอกว่า ทำไมเค้าต้องเสียเงินจ้างเด็กที่ทำงานไม่เป็นมาทำด้วย เสียเงินแพง ๆ อีกต่างหาก แทนที่จะส่งคนเป็นงานมาทำ ถ้ามองในมุมผม ผมก็รุ้สึกว่า แค่ 3 ปีมันพอแล้วรึ ถ้าพอจริงทำไมมีคนมาบ่นว่ามันไม่ใช่เด็กยังทำงานไม่ดีอะไรอย่างงั้นละครับ ผมไม่ใช่คนทำงานทางสายนี้ด้วยแหละ   ถึงเข้าใจว่า ยิ่งมีประสบการณ์มากขึ้นงานที่ผ่านมาย่อมเยอะ และย่อมรู้กลวิธีในการหลบเลี่ยงหรือหลบหลีกตัวเลขบัญชฃีเยอะหว่า 3 ปีจริงไหมครับ อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ยังไงก็ตอบผมด้วยละกันครับ วันศุกร์จะมาอ่านต้องไปต่างจังหวัดพอดี ผมไม่ได้มีอคิตอันใดเน้อแค่อยากรู้เฉย ๆ จากคุณ : et009 - [ 30 ก.ย. 51 23:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แต่สาเหตุที่แท้จริง ของการที่เด็กลาออก คืออะไรล่ะครับ เราก็ไปแก้ตรงนั้นสิ การขยายเวลาเป็น5ปี มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ พอครบ5ปี เด็กมันก็ลาออกอีกนั่นแหละ เดี๋ยวต่อไปก็ต้องขยายเป็น8ปี 10ปี ดังนั้นการขยายเวลาเป็น5ปี มันจึงไม่ใช่ทางออกไงครับ เพราะมันไม่จบ เราจึงควรมาดูว่าปัญหาของเด็กลาออกมันอยู่ตรงไหน ซึ่งผมก็ได้บอกไปแล้วว่า เพราะงานมันหนักเกินไป อาชีพนี้ turn over สูงเป็นอันดับต้นๆในอาชีพทั้งหมดเลย บางปีลาออก30กว่าคน ตอนนี้สมมติรับเข้า300คน พอ3ปีผ่านไปลาออกไปร้อยกว่าคน มันเป็นแบบนี้มาตลอดเลยครับ - - - - - - - - - เด็กที่ไปเข้าทำงาน Audit Firm ใหญ่ๆ เงินเดือนเท่าไหร่ครับ คิดว่าคุณคงตอบได้ แต่ไม่มีโอทีแน่นอน โบนัสส่วนใหญ่ก็แค่ปีเดียวเองด้วย แล้วเด็กที่ทำงานตรวจสอบบัญชี คนภายนอกมองพวกเขาว่ามีมูลค่าแค่ไหน ที่แน่ๆ มากกว่าคนที่จบมาสายอาชีพเดียวกันไปทำงานอื่นๆ ทั้งหลายทั้งปวง เด็กที่ทำงานผู้สอบบัญชีมีแต่ได้กับได้ในสายตาของคนอื่น แต่หากดูเบื้องหลังอย่างที่คุณ จขกท พูด ก็ดูเหมือนน่าสงสารเมื่อเทียบกับคนที่ทำงานประเภทอื่น เทียบแค่ชั่วโมงการทำงาน สมัยผมทำงานตรวจสอบ ผมอยู่ Firm เล็กๆ ผมกลับภูมิใจที่ผมทำงานตรวจสอบบัญชี ช่วงงบเยอะ ผมยังเตรียมเสื้อผ้ามานอนที่บริษัทอย่างไม่รังเกียจ หรือหวังผลตอบแทนอื่นๆ พี่ๆ หลายๆคนก็ทำเช่นนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิง สมัยนี้ ผมก็ยังเจอน้องๆ ตรวจสอบที่ยังมีทัศนะคติเกี่ยวกับงานตรวจสอบภายในอย่างที่ผมเคยมี แม้จะมีเสียงบ่นต่อสภาวิชาชีพฯ ก็ตาม แต่ภาระกิจและหน้าที่ของผู้ช่วยสอบบัญชีไม่เคยเปลี่ยน เพิ่งจะเจอกระทู้ของคุณ จขกท นี่แหละที่เรียกร้องโอที เสมือนพนักงานบัญชีทั่วไป ที่เงินเดือนก็น้อยกว่า โอกาสการเจริญในหน้าที่การงานก็น้อยกว่า แต่มีโอที มีโบนัสที่มากกว่า (แต่บางที่ โบนัสก็น้อยนะ) ที่ว่า TurnOver Rate สูง ใช่ สูงตั้งนานแล้ว แต่ที่สูงเพราะอะไร ลองวิเคราะห์ดูก็ดีครับ เพราะมันมีหลายปัจจัย ไม่ใช่เพียงแค่ตัวผู้บริหารของ Audit Firm เท่านั้นหรอก ไหนจะพ่อแม่ ที่เห็นลูกกลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ ไม่ได้ กลัวลูกจะเป็นอะไร ยิ่งสมัยนี้ พ่อแม่รังแกฉันเยอะมากขึ้นยิ่งกว่าเห็นโคนอีก ยิ่งแล้วใหญ่ ไหนจะเป็นที่ตัวเด็กเอง ที่เรียนมาแค่ตำรา แต่เอาไปใช้งานไม่เป็น วิเคราะห์ไม่ได้ โดนเรียกไปตำหนิตัวงานก็รับไม่ได้ คุณโก้สูง ไหนจะมีบริษัทลูกค้าเห็นฝีมือ จีบเข้ามาร่วมงานเสียเลย ให้ทั้งเงินเดือนและตำแหน่ง จนเด็กบัญชีเก่าๆ มองค้อนประหลับประเหลื่อ หรือบางคนอยู่เพื่อขอให้ได้ CPA ก่อน ได้แล้วฉันก็อยากรวยบ้าง ไปเปิดบริษัทรับทำบัญชีและตรวจสอบเสียเลย รับทรัพย์คนเดียว บางคนอยู่เพื่อชั่วโมงตรวจสอบ ได้ครบชั่วโมง เดี๋ยวค่อยไล่สอบก็ได้ ขอไปทำงานบริษัทธรรมดา รับทั้งเงินเดือนและตำแหน่งก่อนดีกว่า บางคนก็ย้ายสายอาชีพไปทำงาน Consulting เสียเลย ลองมาคิดดูเล่นๆ แต่จริงๆ ว่า ใครได้ ใครเสียกับปัญหาตามที่ผมลิสท์ให้ดูนี้ เอาให้ครบ 360 องศานะ อย่าคิดแค่ตัวเด็กเอง ส่วนปัญหาของสภาวิชาชีพฯ ผมว่าต้องแก้ด้วยสมาชิกสภาวิชาชีพฯ เมื่อแก้ด้วยวิธีเงียบๆ ไม่ได้ คงต้องแก้ด้วยวิธีที่เสียงดัง แต่ใครจะยอมเสนอหน้าเสื่อนี้ไหมละ ขนาดตัวคุณที่ทนพฤติกรรมไม่ได้ ยังมาตะโกนที่นี้แบบแอบๆ ด้วยการใช้บัตรผ่านเลย ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็คงอีกนานหรือลืมไปเถอะ ในการแก้ไขปัญหาของสภาวิชาชีพฯ อ้อ!!!! เดี๋ยวนี้สภาวิชาชีพฯ เขามีสมาชิกทั้งผู้สอบบัญชีและผู้ทำบัญชีแล้วนะ รวมกันเสียงย่อมจะดัง แต่ใครจะทำละ จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 1 ต.ค. 51 08:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมใช้บัตรผ่านเพราะ ล็อกอินผมโดนยึดในห้องราชดำเนินครับ ไม่ได้มีเจตนาจะแอบอะไรทั้งสิ้นครับ และผมไม่ได้มีตำแหน่งในสภา ดังนั้นไม่มีโอกาสแสดงความเห็นใดๆทั้งสิ้น ถ้าผมเข้าไปอยู่ข้างในได้ ผมจะพยายามเป็นปากเป็นเสียงให้กับน้องๆออดิทครับ และที่สำคัญ..คือคุณเตร็ดเตร่ ยังไม่ได้ตอบเลยว่า การขยายเวลาจาก3ปีไปเป็น5ปีมันมีผลดียังไง ผมออกมาค้านสภาเรื่องขยายเวลา โดยให้เหตุผลไปแล้ว แต่คุณก็ออกมาแย้งผม ดังนั้นผมจึงอยากฟังความเห็นของคุณไงครับว่า ทำไมคุณถึงคิดว่าการขยายเวลาเป็น5ปี มันจะดีกว่า ถ้าคุณสามารถบอกเหตุผลได้ ผมก็จะได้ถกเถียงกับคุณได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือคุณกำลังแย้งประเด็นผมไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีบรรทัดไหนเลยที่คุณให้เหตุผลว่า 5ปีดีกว่า3ปี ยังไง จากคุณ : จขกท - [ 1 ต.ค. 51 21:37:16 A:58.8.93.152 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ตอบไปแล้วหลายความเห็น ลองไปอ่านและทำความเข้าใจผมให้ดี ไม่อยากตอบซ้ำ จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 1 ต.ค. 51 21:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สำหรับเรื่องโอที ผมขออธิบายดังนี้นะครับ... การที่เราทำงานเกิน8ชั่วโมง กฏหมายเขากำหนดบริษัทให้จ่ายโอทีนะครับ วันธรรมดา 1.5เท่า วันเสาร์-อาทิตย์ 2เท่า ถ้าเกิน8ชั่วโมง จ่าย3เท่า นี่คือสิ่งที่เราควรจะได้ ตามกฏหมายกำหนด เราไม่ผิดที่เรียกร้องโอที แต่ถ้าบริษัทไม่จ่ายถือว่าบริษัททำผิดกฏหมาย นิสัยคนไทย คือ เป็นคนใจดี หยวนๆ อะไรก็ยอมไปหมด แบบนี้ถึงถูกเอาเปรียบไงครับ กฏหมายไม่ได้กำหนดว่า ถ้าคุณเงินเดือนสูง คุณจะไม่ได้โอที เพราะฉะนั้น คุณเตร็ดเตร่จะอ้างว่า ออดิทได้เงินเดือนสูงกว่าบัญชีธรรมดา ก็ไม่ควรเรียกร้องโอที นี่คือตัวอย่างนิสัยดีงามของคนไทยไงครับ ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร เงินเดือนมากแค่ไหน ถ้าทำเกิน8ชั่วโมงก็ต้องได้โอทีตามกฏหมายกำหนดครับ ต่อให้เงินเดือนเดือนละ1ล้านก็ตาม และผมจะอธิบายเรื่องเงินเดือนเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ เพราะเห็นว่าคุณเตร็ดเตร่ไม่ได้มีข้อมูลเรื่องนี้เลย แถมมั่วมาก ที่บอกว่าออดิทเงินเดือนมากกว่านักบัญชีทั่วไป คุณเล่นเอาเงินเดือนของบริษัทสอบบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ4อันดับแรก ไปเทียบกับเงินเดือนของนักบัญชีบริษัทเล็กๆ มันจะเทียบได้ไงครับ ถ้าจะเทียบเงินเดือนของบิ๊กโฟร์ คุณก็ต้องเอาเงินเดือนนักบัญชีของบริษัทใหญ่ๆระดับหัวของประเทศมาเทียบ หรือไม่ก็ต้องเทียบกับบริษัทข้ามชาติเหมือนกัน เพราะบิ๊กโฟร์ถือเป็นบริษัทข้ามชาติ ผมเทียบให้ดูก็ได้ พนักงานออดิทของ PWC ,Kpmg,Ey,Dl สตาร์ทเท่ากันที่ 1.8หมื่น พนักงานบัญชีของ SCG สตาร์ที่1.9หมื่น ปตท สตาร์ทที่1.8-2หมื่น เอกซอนสตาร์ทที่ 2.2หมื่น ซีพีสตาร์ที่1.8หมื่น เห็นไหมครับว่าใครมากกว่าใคร ถ้าคุณเตร็ดเตร่ไม่ได้ตอบคำถามโดยอิงจากข้อมูล ผมก็ไม่ต้องการโต้เถียงด้วยแล้วครับ เพราะผมไม่ได้ความรู้อะไรใหม่ขึ้นมาจากคำตอบของคุณ และที่สำคัญคุณไม่ได้มองเรื่องสิทธิประโยชน์ของพนักงานที่จะได้รับตามกฏหมาย คุณมองแต่เพียงฝั่งผู้ประกอบการ ซึ่งวัตถุประสงค์ของเราแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณเคยผ่านงานออดิทบริษัทเล็กๆมาก่อน คุณน่าจะรู้ดีว่าฐานเงินเดือนมันน้อยมาก ผมรู้ฐานเงินเดือนของแทบทุกบริษัทที่ทำธุรกิจตรวจสอบบัญชี และรู้ฐานเงินเดือนของพนักงานบัญชีตามบริษัทต่างๆจำนวนมาก ดังนั้น ผมกล้าพูดได้ว่า ถ้าจะเทียบกันจริงๆแล้ว โดยค่าเฉลี่ยพนักงานบัญชีทั่วไปเงินเดือนสูงกว่าออดิทอีกครับ จากคุณ : จขกท - [ 1 ต.ค. 51 22:10:39 A:58.8.93.164 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้นะครับ ถ้าสมาคมจะขยายเวลาเก็บชั่วโมงจาก 3 เป็น 5 ปีเพราะแก้ปัญหาเด็กลาออก แต่เท่าที่ผมทราบมา ทางสภาต้องการให้ผู้ตรวจสอบมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่านี้ (อันนี้ไม่ทราบว่าเหตุผลจริงๆจะเป็นอย่างไรนะครับ) ส่วนตัวผม ผมคิดว่างานออดิทตรงนี้ ประสบการณ์ 3 ปี ดูจะน้อยไปนิดนะครับ ว่ากันตามจริงผมก็คิดว่าเราต้องมีประสบการณ์ในการเป็น In-Charge อีกซักนิดนึง รวมถึถ้าอยู่ได้เป็น Manager ก็น่าจะดีกว่า เดาเอาว่า จขกท อยู่ EY ซึ่งงานค่อนข้างจะหนัก แต่ส่วนหนึ่งไม่อยากให้ จขกท เหมารวม Big4 ทั้งหมด ทั้งนี้ สภาพการทำงาน วัฒนธรรมขององค์กรก็แตกต่างกันไปครับ เรื่องที่เด็กลาออกกันเยอะนั้นที่ จขกท บอกก็ส่วนหนึ่งครับ เพราะงานออดิทมันค่อนข้างหนัก แล้วก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างมากเกินไป ไม่ว่าจะทีมออดิทเอง ลูกค้า ตลอดจนมาตรฐานการบัญชีที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้หลายๆคนมักจะทนไม่ได้ลาออกกันไป ผมอยากให้ลองเปลี่ยนมุมมองดูนะครับ เรื่องงานหนัก เราก็ได้ความรู้ ถ้ารับไม่ได้แบบว่าดึกมากทุกจ็อบ ลองย้ายเฟิร์มดูนะครับ ไม่ก็หาวธีการขอโอทีให้แฟร์ และสมเหตุสมผล อยากให้เปิดใจให้กว้างกว่านี้ เรื่อง OT ที่มันจะมานับเป๊ะๆขนาดนั้นคงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเราก็ต้องมีไปทานข้าว นั่งคุย นั่งเล่นบ้างแหละ งานก็เครียดอยู่แล้ว อย่ามาคิดมากเรื่องเล็กน้อยเลยครับ เป็นกำลังใจให้ จขกท สู้ต่อไป จากคุณ : As long as u love me - [ 1 ต.ค. 51 23:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มุมมองต่างคน ก็ต่างกันคับ สิ่งแวดล้อมและปัจจัยต่าง ๆ ทำให้เห็นในมุมและทิศทางที่ต่างกัน ตำแหน่งที่ยืน แม้จะชิดเบียดกันขนาดไหน ก็ถือว่าคนละมุมคนละองศาอยู่ดี เขาเลยเรียกกันว่า มองต่างมุม รับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน  แต่ถ้าบังคับให้คนอื่นคิดตามเรา ผมว่าคงยากแฮะ ส่วนตัวจากประสบการณ์ที่ทำงานมาของตัวผมเองน่ะคับ คิดว่างานออดิทค่อนข้างหนักไปนิดนึงอ่ะคับ (แต่ก็ได้ความรู้มากมายจากการทำงานจุดนี้ ซึ่งหาไม่ได้จากการทำงานที่อื่น)   ส่วนเรื่องถ้าจะเพิ่มเก็บชั่วโมงจากสามปีเป็นห้าปีเพื่อเพิ่มคุณภาพงานสอบบัญชีก็โอเคน่ะคับ  แต่ถ้าจะแก้ปัญหาเด็กลาออกจากบริษัทฯ คิดว่าน่าจะแก้เรื่องการแบ่งงานแบ่งเวลาให้เหมาะสมจากบริษัทตรวจสอบนั้น ๆ มากกว่าอ่ะคับ ป.ล. ที่คิดว่างานหนักไปนิด เพราะว่าแต่ก่อนร่างกายค่อนข้างแข็งแรงมาก แต่พอทำงานออดิทได้ไม่กี่ปี พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายไม่แข็งแรง จนสุดท้ายได้โรคประจำตัวแถมมากับไลเซินซ ซะงั้น จากคุณ : แพนด้าขี้เซา - [ 2 ต.ค. 51 01:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมเทียบให้ดูก็ได้ พนักงานออดิทของ PWC ,Kpmg,Ey,Dl สตาร์ทเท่ากันที่ 1.8หมื่น พนักงานบัญชีของ SCG สตาร์ที่1.9หมื่น ปตท สตาร์ทที่1.8-2หมื่น เอกซอนสตาร์ทที่ 2.2หมื่น ซีพีสตาร์ที่1.8หมื่น เห็นไหมครับว่าใครมากกว่าใคร ถ้าคุณเตร็ดเตร่ไม่ได้ตอบคำถามโดยอิงจากข้อมูล ผมก็ไม่ต้องการโต้เถียงด้วยแล้วครับ เพราะผมไม่ได้ความรู้อะไรใหม่ขึ้นมาจากคำตอบของคุณ และที่สำคัญคุณไม่ได้มองเรื่องสิทธิประโยชน์ของพนักงานที่จะได้รับตามกฏหมาย คุณมองแต่เพียงฝั่งผู้ประกอบการ ซึ่งวัตถุประสงค์ของเราแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณเคยผ่านงานออดิทบริษัทเล็กๆมาก่อน คุณน่าจะรู้ดีว่าฐานเงินเดือนมันน้อยมาก ผมรู้ฐานเงินเดือนของแทบทุกบริษัทที่ทำธุรกิจตรวจสอบบัญชี และรู้ฐานเงินเดือนของพนักงานบัญชีตามบริษัทต่างๆจำนวนมาก ดังนั้น ผมกล้าพูดได้ว่า ถ้าจะเทียบกันจริงๆแล้ว โดยค่าเฉลี่ยพนักงานบัญชีทั่วไปเงินเดือนสูงกว่าออดิทอีกครับ ---- ไหนๆ อุตส่าห์เทียบเงินเดือน start แล้ว ... น่าจะเทียบหน่อยนะครับ ว่า เวลาปรับเงินเดือน เค้าปรับกันขนาดไหน ? จากคุณ : SiTZ - [ 2 ต.ค. 51 01:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ความเห็นของคุณเตร็ดเตร่ เขียนได้ถูกใจจริงๆ ในฐานะที่เคยทำงานในสายงานนี้ที่เมืองไทย อ่านกระทู้นี้แล้วเศร้าใจพิลึก จากคุณ : Appreciator - [ 2 ต.ค. 51 08:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณหลายๆท่านที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นครับ ขอเรียนตามตรงนะครับว่าผมไม่ได้มีเจตนาจะบังคับให้ใครคิดเหมือนผม และผมก็ยอมรับในมุมมองที่แตกต่าง การที่ผมถกเถียงด้วย ไม่ได้แปลว่าจะบังคับให้ใครคิดเหมือนผม แต่ผมมองว่ามันเป็นการสร้างสรรค์ ที่แต่ละคนเมื่อคิดไม่ตรงกัน ก็บอกเหตุผลทางฝั่งตัวเองออกมา ทั้งนี้ผมก็ไม่ได้คิดว่า การถกเถียงของผมกับสมาชิกท่านอื่น จะต้องมีข้อสรุปว่าใครผิดใครถูก แต่ต้องการทราบเหตุผลของคนที่คิดแตกต่างกันออกไปเท่านั้นเองครับ .... จากคุณ : จขกท - [ 2 ต.ค. 51 08:31:49 A:58.137.137.98 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เดี๋ยวก่อนโยม สมัยผมเริ่มทำงานตรวจสอบนั้น เจ้านายผมบอกก่อนล่วงหน้าว่าไม่มีโอที ผมก็ยอมรับ เริ่มเงินเดือนเป็นรายวัน วันละ 150 บาท ทำได้ 4 เดือนปรับเงินเดือน 5800 บาท โดยผมขอเริ่มจับงบเล็กก่อน ผ่านไป 1 ปี เงินเดือนขึ้นเป็น 8 พัน เข้าปีที่ 2 เงินเดือนได้เป็น 1 หมื่น กับตัวผม เงินเดือนที่เริ่มต้นน้อยกว่าน้องๆ สมัยนี้เสียอีก แต่ไม่เคยคิดเรียกร้องอะไร เพราะในเมื่อผมต้องก้าวเข้ามาเรียนบัญชี ผมถามอาจารย์ที่ปรึกษาผมแล้วว่า สูงสุดของบัญชีคืออะไร ก้ได้คำตอบว่าคือ ตรวจสอบบัญชี ผมจึงตั้งเป้าเพื่อที่อยู่ที่นี่ ผมมาทำงานตรวจสอบบัญชี เพราะผมรักในความก้าวหน้า รักในความรู้ มากกว่าเงิน หากเทียบแล้ว Firm ไม่ได้เอาเปรียบเราก็จะไม่แคร์ที่จะไม่ได้ OT เพราะรู้ว่ามันคือหน้าที่และความรับผิดชอบ ปัจจุบัน เวลาที่ผมคุยงานกับเพื่อนในแผนกอื่น ไม่ว่าจะสายงานฝ่ายผลิต หรือฝ่ายจัดซื้อ ทุกคนยังงงว่าผมเคยทำงานประเภทนั้นหรือ เปล่า!!งานตรวจสอบบัญชีสอนให้ผมเห็นภาพกระบวนการทำงานของธุรกรรมผ่านเอกสารที่เราตรวจสอบ จนมีนายญี่ปุ่นจากฝ่ายจัดซื้อเรียกผมว่า Conceptionist คุณบอกว่าผมมองเฉพาะฝั่งผู้ประกอบการ มันก็แล้วแต่ว่าคุณหรือผมหรือใครจะเป็นกระจกด้านไหน ผมมองภาพกว้างๆ ของงานตรวจสอบบัญชี ผมเห็น Audit Firm ใหญ่ กลางและเล็ก เห็นผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชี เห็นบริษัทห้างร้านต่างๆ ผู้บริหารบริษัท พนักงาน และ ผู้ถือหุ้น และหุ้นส่วนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้าหรือลุกค้า โดยเฉพาะบริษัทห้างร้านต่างๆ ที่บอกว่า เขาต้องการความมั่นใจในงานตรวจสอบบัญชีนั้น ไม่ได้หมายถึงผู้บริหารบริษัทหรอก เพราะส่วนมากไม่ต้องการให้ใครมาขุดขุ้ยเจอขยะที่ตัวเองสร้างไว้ แล้วผู้ถือหุ้นละ เขาต้องการความถูกต้องหรือเปล่า ดูกรณีศึกษาจากบริษัท Enron และ WorldCom ของอเมริกาที่ล้มไม่เป็นท่าสิ แม้ต้นเหตุเกิดจากผู้บริหารของบริษัทยักษ์ แต่เพราะผู้ตรวจสอบบัญชีของ 1 ใน Big6 สมัยนั้นตรวจไม่เจอ ใครได้รับผลกระทบบ้างครับ ก็ผู้ถือหุ้น คู่ค้าและลูกค้าไงละ ถ้าถามว่าผมอยู่ฝั่งไหน ผมอยู่ฝั่งความถูกต้อง ยุติธรรม ต่อบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ทั้งผู้ช่วยผู้สอบบัญชี Audit Firm หรือสภาวิชาชีพฯ ผมจึงมองหาความสามารถในการตรวจสอบบัญชีจากสำนักงานตรวจสอบบัญชี ที่แต่ละปีมักส่งเด็กเพิ่งจบมาตรวจสอบบริษัทต่างๆ หากสภาวิชาชีพฯ จะคิดเช่นผมว่า มาตรฐานการตรวจสอบเริ่มมีปัญหา ต้องหาทางแก้ไข วิธีแก้ไขจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารสภาวิชาชีพฯและ สมาชิกสภาวิชาชีพฯ ต้องร่วมกันระดมสมองคิดครับ หากมาตรการเรื่องขยายเวลาทำงานจาก 3 ปี เป็น 5 ปี ไม่ถูกต้อง ก็ต้องถามว่าไม่ถูกต้องอย่างไร แล้วจะทำอย่างไรให้มาตรฐานการตรวจสอบน่าเชื่อถือ ในขณะที่ Audit Firm ส่วนใหญ่มีแต่เด็กจบใหม่หรือเรียนรู้งานตรวจสอบแค่ ปี 2 ปี ที่ไร้ประสบการณ์การตรวจสอบ มาทำหน้าที่แทนผู้ถือหุ้น คู่ค้าและลูกค้า หากเทียบกับ สตง จะเห็นว่าเป็นองค์กรตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก เพราะเขาทำงานด้านนี้กันนาน มีจรรยาบรรณในวิชาชีพสูง ทั้งๆ ที่ก็ทำงานหนักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า Audit Firm เอกชน ทำไมเขาถึงทำงานกันได้ เรื่องเสียงบ่นเชื่อว่ามีบ้างตามประสามนุษย์ ส่วนเรื่องปัญหาการจัดการภายในองค์กร มันคนละเรื่องกับการขยายเวลาทำงาน 3 ปี 5 ปี เพราะไม่ใช่แค่ Audit Firm ที่มีปัญหา ที่ไหนๆ ก็มีปัญหาทั้งนั้น มากน้อย แตกต่างกัน ตามประเภทธุรกิจ และคนที่เป็นฝ่ายบริหาร หากเอามาโยงเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะมีมาตรการไหนๆ เงินเดือนจะสูงเท่าไหร่ โอกาสในวิชาชีพจะสูงเพียงใด ไม่พอหรอกครับ สำหรับคนโลภ จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 2 ต.ค. 51 09:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โทษที เปิดมาแล้วก็พิมพ์ๆ แล้วโพสต์ เลยไม่เห็นข้อความใหม่ ผมไม่ได้บอกว่าเป็นการโต้เถียง บอกแล้ว เรามันกระจกคนละด้าน ผมมองมุมหนึ่ง คุณมองอีกมุม เพื่อนๆ ท่านอื่นมองอีกมุม ส่วนใครจะนำไปใช่อีกเรื่องหนึ่ง หากองค์กรมีปัญหา ถ้ารวมตัวกันแก้ไขได้ ก็ดี เป็นประโยชน์หลายฝ่าย แต่ถ้าทำไม่ได้ ไม่มีใครกล้า มันก็ต้องก้มหน้ากันต่อไป แต่จริงๆ แล้ว วิธีแก้ไขมีตั้งหลายแนวทาง ขึ้นอยู่ว่าใครจะเจอประตูไหนเท่านั้น จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 2 ต.ค. 51 09:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ในฐานะที่ทำงานอยู่ที่อเมริกา ตอนนี้พวกบิ๊กโฟร์ที่บริษัทใช้บริการเท่าที่รู้มาพนักงานเขาไม่ได้โอที แถมหนักกว่านั้นคือแต่ละคนได้ budget มาว่าแต่ละปีต้องทำ billable hours เท่าไหร่ เพื่อความก้าวหน้าในอนาคตในเฟิร์ม ไม่แน่ใจว่าที่เมืองไทยแบ่งจะเหมือนที่นี้หรือเปล่า คือเงินเดือนพนักงานจะมีสองแบบ แบบที่หนึ่งคือ Exempt salaried employees ซึ่งจะไม่ได้รับโอทีถึงจะทำงานเกินกว่า 40 hours per week อีกพวกหนึ่งคือ Nonexempt salaried employees พวกนี้คือพวกถ้าทำงานเกินเวลาจะได้โอที เรื่องมองต่างมุม มันมองต่างกันตั้งแต่จุดประสงค์ในการเข้ามาสู่สายงานนี้แล้ว จากคุณ : Appreciator - [ 2 ต.ค. 51 12:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ตอบคุณ Appreciator ไทยเราเหมือนอเมริกาเป๊ะเลยครับ คือ ข้างบนจะกำหนดเป้ามาให้เราว่าปีนี้ต้องทำยอดให้ได้เท่าไหร่ เช่น กำหนดมาว่าปีนี้คุณต้องทำให้ได้17ล้านบาท และมีการประเมินCostด้วย ตรงนี้เองที่ไทยเราเหนื่อยกว่าอเมริกาสุดๆ เพราะจะคำนวนว่าCostเป็นกี่%ของรายได้ ที่อเมริกาจะคิดค่าสอบได้แพงมาก เช่น Erron จ่ายค่าสอบปีละ52ล้านเหรียญ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ พันเจ็ดร้อยล้านบาท ต่อปี จึงทำให้ฐานตั้งต้นในการประเมินCostมันสูง ถ้าสามารถใช้Costได้40% ก็เท่ากับว่าเมเนอเจอร์มีวงเงินCostให้ใช้ได้ที่ หกร้อยแปดสิบล้านบาท แต่ในประเทศไทยค่าสอบถือว่าถูกกว่ากันหลายเท่าตัว ดังนั้นถ้าคิด%ของCost แล้วไทยจะเสียเปรียบ มันมีประเมินแบบนี้ทุกปีครับ และบริษัทแม่ก็ตำหนิเราทุกปีว่า สัดส่วCostสูงกว่าที่อเมริกาเยอะมาก ยกตัวอย่างง่ายๆสำหรับคนที่ไม่เข้าใจคือ อเมริกา สามารถใช้พนักงาน 10 คนต่อ1จ็อบได้โดยไม่เกินCostที่ตั้งไว้ แต่ไทยจะใช้พนักงานได้เพียง5คน ต่อ1จ็อบ ถ้าใช้มากกว่านี้ ถือว่าบริหารCostห่วย ดังนั้นออดิทคนไทย ถือว่าทำงานหนักกว่าออดิทอเมริกาครับ เพราะกำลังคนเราน้อยกว่า แต่เราก็ต้องตรวจสอบตามมาตรฐานที่มาจากอเมริกาเหมือนกันปริมาณงานเท่ากัน แต่เราเอาคนออกจ็อบได้ไม่กี่คนต่อ1จ็อบไงครับ งานมันเลยหนัก (ซุปบางคนจึงmange cost แบบผิดๆโดยการให้เด็กลงไทม์ชีทว่าอยู่ออฟฟิศไงครับ เพื่อลดCostที่ตัวเองต้องบริหาร) เรื่องคุณภาพงานสอบบัญชี บริษัทแม่ที่อเมริกาเอา Working paper เราไปรีวิวทุกปีอยู่แล้ว สุ่มเอาไป และตอนนี้กำลังพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาช่วยในการสอบอีกด้วย เครื่องมือในการตรวจสอบตอนนี้มากเหลือเกิน จากคุณ : จขกท - [ 2 ต.ค. 51 12:54:02 A:58.137.137.98 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้ที่มาชี้แจง ตอนนี้กำลังคิดว่าอยากส่งกระทู้นี้ไปให้ผู้ใหญ่ในสภาได้รับทราบ แต่อีกใจก็นึกว่าอยากจะไปสัมภาษณ์ความคิดของท่านด้วยตัวเองมากกว่า ส่งลิงค์กระทู้ไปให้ท่าน คุณเจ้าของกระทู้ว่ายังไง จากคุณ : Appreciator - [ 3 ต.ค. 51 09:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อยากให้give คห.5 มากครับ ผมก็โดนอยู่ เซ็งโคดเลย จากคุณ : ole (oleowen) - [ 3 ต.ค. 51 15:05:56 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เดี๋ยวครับ การที่เด็กลาออกหลังสามปีมันเกี่ยวอะไรกับสมาคมหรือครับ สมาคมนี้เค้าทำธุรกิจด้วยหรือครับถึงไปกังวลอะไร กับเด็กลาออกจากบริษัท ผมไม่เข้าใจ สมาคมผู้สอบบัญชี มันควรจะมีหน้าที่อะไรครับ ผมอยากจะรู้ มีหน้าทีทำให้เด็กอยู่นานขึ้นในบริษัทอย่างนั้นเหรอ อันนี้คือหน้าที่ของสมาคมเหรอ ผมละงง จากคุณ : รูปหล่อ_พ่อคนดี - [ 3 ต.ค. 51 17:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ภารกิจของสภาวิชาชีพบัญชี 1. กำหนดมาตรฐาน คุณภาพ และจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี ในระดับมาตรฐานสากล 2. กำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ และตามที่กฎหมายกำหนด 3. พัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี โดยให้ความรู้ ความเข้าใจ การฝึกอบรม รวมถึงให้ คำปรึกษา หรือออกแนวปฏิบัติให้มีความชัดเจน 4. ร่วมมือและประสานงานกับองค์กรต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างบทบาทในการเป็นองค์กรชั้นนำในระดับภูมิภาค และนานาชาติ 5. ผลักดันให้เกิดการพัฒนา และใช้ประโยชน์รายงานทางการเงิน เพื่อสร้างความ น่าเชื่อถือ ความโปร่งใสและส่งเสริมบรรษัทภิบาลที่ดี 6. บทบาทในการบัญญัติกฏหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพบัญชี 7. เสริมสร้างความสามัคคี ความร่วมมือ เพื่อผดุงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของวิชาชีพบัญชี 8. มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในสภาวิชาชีพบัญชี แนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ o  การกำหนดมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชีและมาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีในทุกๆ ด้าน รวมถึงการกำหนดจรรยาบรรณสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี o  การจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพบัญชี โดยมีวิทยากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ (เช่น โครงการอบรมผู้อำนวยการบัญชีระดับสูงของบริษัทและวิสาหกิจขนาดใหญ่ ด้านการบริหารองค์การและการนำเสนอรายงานทางการเงินที่มีคุณภาพ  การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับภาษีอากร การอบรมระบบ e-Learning เป็นต้น) o  การจัดทำฐานข้อมูลด้านวิชาการ เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาชีพบัญชีให้มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน โดยการพัฒนาและจัดทำสื่อการสอนวิชาการบัญชี โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ (เช่น CD-ROM เป็นต้น) o  การประสานความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน  สถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาคุณภาพมาตรฐานเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  (เช่น การกำหนดเกณฑ์ มาตรฐานทางการศึกษา การอบรม การรับรองคุณภาพการศึกษาด้านการบัญชี) o  การเพิ่มบทบาทของสภาฯ ในฐานะผู้นำองค์กรวิชาชีพระหว่างประเทศ  โดยการเข้าร่วมเป็นกรรมการในองค์กรวิชาชีพบัญชีระหว่างประเทศต่างๆ และเข้าร่วมประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสถาบันและองค์กรต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ o  การเผยแพร่และประชาสัมพันธ์กิจกรรมของสภาฯ สู่สาธารณชน โดยมุ่งเน้นการสร้างความรู้ ความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับการบัญชี ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน o  การเพิ่มบทบาทในการให้คำแนะนำกับธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญของไทย ให้มีประสิทธิภาพในการจัดทำบัญชี การเสนองบการเงิน การจัดการ และการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้งาน o  การจัดโครงสร้างการบริหารสภาฯ และจัดเตรียมบุคลากรที่มีคุณภาพและการเตรียมความพร้อม ในการปฏิบัติงาน เพื่อการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่       + การจัดหาระบบข้อมูลที่ทันสมัยเพื่อรองรับการขึ้นทะเบียนการประกอบวิชาชีพบัญชีและอื่นๆ    ที่เกี่ยวข้อง ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ       + การพัฒนา web site ของสภาฯ เพื่อใช้เป็นสื่อเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์งานของสภาฯ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี       + การพัฒนาระบบ e-Services เช่นการรับสมัครสมาชิก online  การชำระเงิน online       + การเพิ่มศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการแก่สมาชิก       + การบริหารงานสาขาให้สามารถบริการสมาชิกที่อยู่ในส่วนภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 4 ต.ค. 51 09:39:35 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ส่วนผลการปฏิบัติงานจริงเป็นที่ยอมรับของสมาชิกหรือเปล่า ผมไม่ทราบ จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 4 ต.ค. 51 09:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าถามว่าผมอยู่ฝั่งไหน ผมอยู่ฝั่งความถูกต้อง ยุติธรรม ต่อบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ทั้งผู้ช่วยผู้สอบบัญชี Audit Firm หรือสภาวิชาชีพฯ ผมจึงมองหาความสามารถในการตรวจสอบบัญชีจากสำนักงานตรวจสอบบัญชี ที่แต่ละปีมักส่งเด็กเพิ่งจบมาตรวจสอบบริษัทต่างๆ หากสภาวิชาชีพฯ จะคิดเช่นผมว่า มาตรฐานการตรวจสอบเริ่มมีปัญหา ต้องหาทางแก้ไข วิธีแก้ไขจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารสภาวิชาชีพฯและ สมาชิกสภาวิชาชีพฯ ต้องร่วมกันระดมสมองคิดครับ หากมาตรการเรื่องขยายเวลาทำงานจาก 3 ปี เป็น 5 ปี ไม่ถูกต้อง ก็ต้องถามว่าไม่ถูกต้องอย่างไร แล้วจะทำอย่างไรให้มาตรฐานการตรวจสอบน่าเชื่อถือ ในขณะที่ Audit Firm ส่วนใหญ่มีแต่เด็กจบใหม่หรือเรียนรู้งานตรวจสอบแค่ ปี 2 ปี ที่ไร้ประสบการณ์การตรวจสอบ มาทำหน้าที่แทนผู้ถือหุ้น คู่ค้าและลูกค้า หากเทียบกับ สตง จะเห็นว่าเป็นองค์กรตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก เพราะเขาทำงานด้านนี้กันนาน มีจรรยาบรรณในวิชาชีพสูง ทั้งๆ ที่ก็ทำงานหนักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า Audit Firm เอกชน ทำไมเขาถึงทำงานกันได้ เรื่องเสียงบ่นเชื่อว่ามีบ้างตามประสามนุษย์ ส่วนเรื่องปัญหาการจัดการภายในองค์กร มันคนละเรื่องกับการขยายเวลาทำงาน 3 ปี 5 ปี เพราะไม่ใช่แค่ Audit Firm ที่มีปัญหา ที่ไหนๆ ก็มีปัญหาทั้งนั้น มากน้อย แตกต่างกัน ตามประเภทธุรกิจ และคนที่เป็นฝ่ายบริหาร หากเอามาโยงเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะมีมาตรการไหนๆ เงินเดือนจะสูงเท่าไหร่ โอกาสในวิชาชีพจะสูงเพียงใด ไม่พอหรอกครับ สำหรับคนโลภ จากคุณ : เตร็ดเตร่ อิอิ จขกท ตอบตรงนี้ด้วยสิ ผมว่าเค้าถามแทนผมพอดี อิอิ จากคุณ : et009 - [ 6 ต.ค. 51 17:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สามปี เป็นห้าปี มันช่วยอะไรได้จริงหรอ ... มันเพิ่มประสบการณ์มากขนาดนั้นเลยหรอ แล้วถ้าเทียบกับเมื่อก่อนหล่ะ เก็บชั่วโมงแค่ปีเดียวเองหนิ สอบก้ไม่ถึงหกตัว .... กลับไปคิดถึงเมื่อครั้งที่ยังเริ่มทำงานใหม่ๆ สิ ใครๆ ก็อยากรีบเก็บชั่วโมงให้มันครบทั้งนั้นแหล่ะ แล้วจะบอกว่า กลัวเด็กใหม่มาแย่งงานหน่ะหรอ คิดมากไปรึเปล่า เด๋วนี้ คนไม่อยากจะออกไปทำหาความเสี่ยงเปิดบริษัทของตัวเองหรอก ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ อย่างมากก็รับทำจ๊อบเล็กๆ ที่พวกผู้ใหย่ในสภาฯ ไม่รับทำอยู่แล้ว .... ส่วนเรื่องฐานเงินเดือน เมื่อก่อนเริ่มต้นแค่ไม่กี่พัน หน่ะ มันก็จริง แต่ไม่คิดว่า ค่าครองชีพเมื่อก่อนเป็นยังไง ทองบาทละ สี่พัน รถเมล์ หนึ่งบาท ...สมัยนี้หล่ะ ทองบาทละเท่าไหร่ เกือบหมึ่นสี่ ให้ต่ำสุดในรอบปีก็หมี่นสาม ค่าครองชีพ ค่าอาหารจานละเท่าไหร่ ค่ารถเมลล์ สิบบาท สมัยนี้กับสมัยก่อนมันต่างกันเยอะนะ....ค่าสอบวิชาละ ห้าร้อย ค่าดูข้อสอบวิชาละหนึ่งร้อย สอบปีละกี่ครั้ง คนละกี่ปี กว่าจะผ่าน ค่าสมาชิกอีกเท่าไหร่ สภาฯเก็บค่านั่นนี่ยิบย่อยมากมาย .... เฮ้อ!! มิดน่าถึงได้ย้ายจากตึกเก่าๆ แถวสามเสน ไปตึกหรูใหม่ ตรงสุขุมวิทได้ ... ถ้าเค้าไม่ได้คิดว่าอยากจะเป็น ซีพีเอ จริงๆ คงถอดใจกันไปนานแล้วหล่ะ แล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกที่เข้าไปทำใน บิ๊กโฟร์เนี่ยแหล่ะ การเมืองกันดีนัก คนถึงได้ออกเยอะไง แล้วจะมาบอกว่าเด็กไม่มีความอดทนเนี่ย มันคงไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญซะทีเดียวละมั้ง คิดดู จากคุณ : คิดๆๆๆ - [ 6 ต.ค. 51 21:02:22 A:58.9.189.137 X: ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณ et009  >> คุณลอกการบ้านนะ คุณ คิดๆๆๆ >> อย่างที่ได้แจ้งไว้ กระจกมีหลายด้าน มีหลายมุมมอง มองมุมคุณมันก็ใช่ ผมเองก็เคยฝันอยากจะได้ CPA ไว้ประดับหรูๆ เหมือนกัน แต่โชคชะตา ทำให้ไม่สอบ CPA สักที เพราะเปลี่ยนไปทำงานด้าน consultant เสียก่อน สภาวิชาชีพฯ มีปัญหา ในมุมมองของทั้งผู้สอบบัญชี และ นักบัญชี นี่ก็อีกมุมมองหนึ่ง มันก็ต้องหาทางแก้ไขกับเรื่องนี้สิ ผมถึงถามหาว่า ใครจะกล้าเป็นทัพหน้าประกาศแก้ไขปัญหาการทำงานของสภาวิชาชีพฯ กันบ้าง ถ้าไม่มี มันก็คงเป็นเสียงที่ผ่านสายลมแล้วก็จบไป ปัญหาของการขยายเวลาฝึกงานจาก 3 ปี เป็น 5 ปี ก็อีกมุมมองหนึ่ง เป็นมุมมองที่คนทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้สอบบัญชีไม่ชอบ เพราะมองว่าโดนเอาเปรียบ แต่ไม่ได้มองถึงคนอื่นเลยว่า มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า วิธีการนี้จะดีและควรได้รับการสนับสนุน แต่ควรจะวิเคราะห์ว่ามีวิธีการอื่นที่ดีกว่าไหม คนในสายวิชาชีพนี้ น่าจะคุยกันเองนะ คิดดู จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ วันเกิด PANTIP.COM 11:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอให้give คุณเตร็ดเตร่หน่อยเถอะค่ะ พูดตรงใจในหลายประเด็น เราเคยอยู่บิ๊กโฟร์ เป็นออดิท เป็น ซีพีเอ ตอนเราอยู่ทำงานหนัก เราก็ไม่ค่อยบ่น เงินเดือนก็น้อยนิด (ตอนเริ่ม) เพราะว่าอยากได้ประสบการณ์  (แหะๆ แต่ลาออกมานานแล้วนะคะ) ครบสามปีกะสี่เดือนก็ออก เพราะไปเรียนต่อ  ตอนแรกเคยตั้งใจว่าจะอยู่จนกว่าจะเป็น M แล้วค่อยออก เพราะสนุกกับงานมาก แต่แพลนชีวิตมาอีกแนวนึงแทนแล้วเลยลาออกแน จริงๆ เราชื่นชมเพื่อน น้องๆ ทั้งหลายที่ยังอดทนทำงาน ใจจริง (ฟังจากเพื่อนที่ตอนนี้เป็น M อยู่) เพื่อนๆเราบ่นเหมือนกันว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่อดทนเลย ดุอะไรไม่ได้ สอนไปก็ไม่ค่อยฟัง ชั้นดี ชั้นเก่ง ความรับผิดชอบก็น้อย เพื่อนเราแม้จะเป็น M ยังคงต้องคอยมานั่งเก็บงานเด็กๆอยู่ ประเด็น สามปี ห้าปี เราว่ามันไม่ได้ช่วยให้เด็กอยู่นานขึ้นนะคะ เราว่าอาจเป็นการมองว่า โหย อยู่ตั้งห้าปี อย่าไปเป็นมันเลยดีกว่า ออดิทเนี่ย // จากคุณ : @Nana-cute@ - [ 9 ต.ค. 51 21:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ดีใจจัง มีผู้สอบบัญชี / นักบัญชี เยอะดีครับ เท่าที่อ่านนะครับ ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำว่าขยายจาก 3 ปี เป็น 5 ปี เพียงเพื่อให้เด็กได้อยู่นานขึ้นน่ะครับ เพราะถ้าเขาเริ่มคิดแบบนี้ รากย่อย รากฝอย เหตุผลต่าง ๆ ที่จะตามมาผมก็ไม่อยากจะฟังแล้วล่ะครับ ไม่ว่าจะเพื่อให้เด็กมีคุณภาพดีขึ้น หรืออะไรก็ตาม แต่คงต้องก้มหน้ารับกรรมไปกับบรรดา Partner งี่เง่าน่ะครับ แต่อยากจะเสนอเรื่องของตัวพนักงานด้วยน่ะครับ ผมคิดว่ามันอยู่ที่จุดมุ่งหมายของเราด้วยครับ ผมไม่ได้เข้าร่วมงานกับ Big six ครับ แค่รู้ว่าผมจบรามฯ หรือไม่ได้รับเกียรตินิยม เขาก็ไม่รับแล้ว (บางที่แล้วก็ในยุคนั้นนะครับ ไปมาสามที่แล้วก็เลยท้อใจ) ผมต้องเริ่มงาน Audit กับ Firm เล็ก ๆ ที่สุดแสนจะ Local มาก ๆ พนักงานทั้งหมดไม่ถึง 7 คน เงินเดือนก็ไม่ต้องพูดถึงนะครับ แต่ผมคิดอยู่เรื่องหนึ่งว่าผมต้องอดทนน่ะครับแล้วก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานให้มากที่สุด แล้วก็กัดฟันทำงาน ผมอยู่ที่นั่น ประมาณหกปีครับ แล้วก็ลาออก เรียนรู้หลายอย่างทั้งจากการตรวจสอบ แล้วก็จากตัวบริษัทเอง เพราะขนาดของบริษัทที่เล็กทำให้ผมได้มองเห็นแนวคิดของผู้บริหารได้ค่อนข้างชัดเจน ที่ลาออกเพราะสองสามเหตุผล ผมไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะร่วมเป็น Partner และอยากจะร่วมงานกับบริษัทขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อมุมมองและระบบการทำงานที่กว้างขึ้น อีกเหตุผลหนึ่งคือทนไม่ได้กับความเห็นแก่ตัวของ Partner และการเอารัดเอาเปรียบซึ่งผมเพิ่งมาทราบทีหลัง ผมลาออกพร้อมประสบการณ์ที่มากขึ้น แล้วก็ได้เข้าทำงานกับ Multinational ที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลกจนถึงปัจจุบัน ช่วงหลังผมมีโอกาส Supervise เด็กที่มาจาก Bigfour แล้วก็รู้สึกค่อนข้างผิดหวังน่ะครับ ผมคิดว่าค่านิยมที่อยากจะทำงานกับ Bigfour มันกลับกลายเป็นว่าอยากได้ Brand ดัง ๆ ติดตัวมาเหมือนถือกระเป๋า หลุยส์ น่ะครับ เพราะเด็กขาดซึ่งความอดทน (ซึ่งในส่วนตัวผม คิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ว่าคุณจะเป็น Auditor หรือสาขาวิชาชีพอื่น) และคุณภาพของงานน้อยกว่าที่ผมคาดหวังไว้มากครับ ผมคิดว่า จะสามปีหรือห้าปี ถ้าเด็กมีเพียงค่านิยมที่อยากจะได้ brand ติดตัวมา จะกี่ปีก็ไม่มีประโยชน์ครับ คงจะมีแต่คำว่าไม่แฟร์ครับ แต่ถ้าคิดถึงคุณภาพชีวิตของพวกคุณ ผมอยากบอกว่าจะอยู่บริษัทไหนก็ไม่สำคัญเท่าใจของคุณหรอกครับว่าอยากจะเรียนรู้กับเขาหรือเปล่า ประเด็นที่ผมอยากจะบอกก็คือ ผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องขยายจากสามปีเป็นห้าปีถ้าเหตุผลของพวกคุณพาร์ทเนอร์ผู้ประเสริฐมีแค่นั้น แต่ผมก็อยากจะบอกกับรุ่นน้อง ๆ ว่าถ้าคุณอยากได้รับประสบการณ์จาก บิ๊กโฟร์ หรือ อยากเป็นผู้สอบบัญชี หรือ อยากเป็นคนที่มีคุณภาพ มากกว่า Brandname คุณต้องอดทนครับ เราเป็นเพียงเฟืองตัวเล็ก ๆ ที่คงไปงัดข้อกับเขาไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าพวกคุณไม่ได้เสียเปรียบพวกเขา เพราะพวกคุณเป็นคนกำหนดชีวิตของคุณเอง ไม่ใช่พวกเขาระยะเวลา 3 หรือ 5 ปี มันเป็นเสี้ยวหนึ่งในชีวิตของพวกคุณ ข้างหน้ายังอีกยาวไกลครับ จากคุณ : ขอแจมครับ - [ 11 ต.ค. 51 22:42:24 A:124.120.181.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 69 ลืมขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ ที่มีข้อมูลข่าวสารแบบนี้มาให้อ่าน แล้วก็ขอโทษถ้าเขียนเยอะเกินไป จากคุณ : ขอแจม - [ 11 ต.ค. 51 22:43:41 A:124.120.181.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 70 การปรับเงินเดือนของสี่ที่นี้ต่างกันไงบ้างอ่ะคับ อยากรุ้ เริ่มอ่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกผมว่านะ จากคุณ : นัท - [ 12 ต.ค. 51 18:05:34 A:203.131.220.21 X: ]

ความคิดเห็นที่ 71 ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เป็น Audit แต่บังเอิญแฟนผมเป็น Audit อ่านๆมาเกือบทุก คคห. สรุปได้ว่า ถ้าเพิ่ม 3 ปีเป็น 5 ปี ด้วยเหตุผลว่าจะดึงคน อันนี้ผมไม่เห็นด้วย แต่ถ้าด้วยเหตุผลว่าเเพื่อให้ Audit มีประสบการณ์มากกว่านี้ ผมเห็นด้วย ซึ่งเหตุผลที่สภาฯ ปรับเพิ่มระยะเวลานั้นมีแต่ จขกท. ที่เป็นบัตรผ่าน มาอ้างถึง ผมจึงขอไม่เชื่อนะครับ แฟนผมอยู่ Big4 เช่นกัน ในส่วนของ Big ที่เหลือผมไม่รู้ แต่ที่ๆแฟนผมอยู่ ผมรู้สึกว่า Partner เห็นแก่ตัวจริง รับงานเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งๆที่จำนวนคนก็เดิมๆ ผลคือสัดส่วน คนต่องาน ลดลง เท่ากับเป็นการเพิ่มงานให้พนักงานชัดๆ งานก็หนัก เหนื่อยๆก็เหนื่อยอยู่แล้ว ยังต้องมาต่อรองแย่งน้องๆมาใส่ job อีก ถ้าได้น้องที่เคยขึ้น job นี้มาก่อนแล้วก็เบาใจหน่อย แต่ถ้า job ไหนได้น้องใหม่จริงๆ แถมเวลาน้อยๆเข้าไปอีกนี่นรกชัดๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้บริหารเขาคิดอะไรกันอยู่ จากคุณ : Aplus - [ 15 ต.ค. 51 20:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ก่อนที่จะมาเถียงกัน คิดว่าน่าจะสืบหาข้อเท็จจริงให้ดีก่อนน้า อาจารย์สอนบัญชีที่มหาลัยเป็นหนึ่งในสภาค่ะ ได้มาบอกเรื่องนี้เหมือนกัน ว่ามีการพูดคุยกันเรื่องเพิ่มเวลาเก็บ ชม. แต่อาจารย์บอกว่า คงไม่เกิดขึ้นค่ะ^^ ตามที่รู้มานะคะ ถ้าใครมีข้อมูลมากกว่านี้ก็ช่วยบอกด้วยค่า ปล***เห็นพี่ๆ ทำ audit กันเยอะ ตอนนี้สับสนมาก ไม่รู้จะทำที่ไหนดี ถ้าใครมีประสบการณ์ดีๆที่ไหน ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ปล***2 ตอนนี้ที่ KPMG ฐานขึ้นเป็น 20000 แล้วนะคะ ที่อื่นไม่ทราบค่า ขอบคุณค่า จากคุณ : R~BO (R~BOcuty) - [ 15 ต.ค. 51 21:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ถ้ากฎหมายนี้ออกมาจริง ผมดูแล้วเหมือนการล่ามสัตว์ไว้ใช้งานนะ เรื่องงานมีคุณภาพหรือไม่ ชั่วโมงสะสมที่มากขึ้น งานจะออกมามีคุณภาพมากขึ้นมั๊ยนั้น ผมบอกได้ว่า OUTPUT มากไม่จำเป็นต้องมาจาก MANHOUR มาก จากคุณ : โลหการ4 - [ 16 ต.ค. 51 19:39:54 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ในฐานะที่เคยทำงานออดิดใน BIG 4 มาก่อนค่ะ อยากบอกว่า จริงๆแล้วมีหลายปัจจัยที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่ทำงานได้ไม่นาน ส่วนตัวทำงาน 3 ปีแล้วออกค่ะ จะบอกว่าต้องการเก็บชม ใช่มั้ย ก้อใช่จิงๆ แต่ถามว่าทำงานไปวันๆรึป่าว ไม่ทุ่มเทให้บริษัทรึป่าว ก้อไม่ใช่นะคะ จริงๆแล้ว ทำออดิด ก้อรู้สึกชอบมาก เป็นงานที่ให้ประสบการณ์เราสูง ได้เรียนรู้อะไรเยอะ ได้ตรวจธุรกิจหลายๆอย่างที่แตกต่างกัน ได้เพื่อนร่วมงานที่ดีๆมากมาย ถ้าไม่ติดปัจจัยไรบางอย่าง ก้อมั่นใจว่าจะสามารถทำงานด้านนี้ต่อไป โดยไม่คำนึงถึงระยะเวลาเลยคะ ไม่ว่า 3 หรือ 5 ปี ถ้าเราชอบ เราก้อจะไม่เดือดร้อนนะคะ แต่เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่าง ทำให้บางทีไม่ชอบงานนี้คือ 1. งานหนักมาก ยอมรับว่าอาชีพแต่ละอาชีพก้อต้องบอกว่าตัวเองงานหนักค่ะ แต่ออดิดทำงานเลิกตรงเวลามีซักกี่วันในหนึ่งปีคะ ส่วนตัวถือว่าเวลาเฉลี่ยที่เลิกงานอยู่ที่ 3-5 ทุ่ม ดึกสุดคือเช้าคะ ตี 4 ไม่มีเวลาพักผ่อนเลย บางครั้งป่วยหนักขนาดไหน ยังต้องไปทำงานเพราะต้องรับผิดชอบค่ะ ดังนั้นถึงจะชอบงานยังไง แต่ถ้าเวลาทั้งหมดมีแต่งาน มันจะสนุกได้ยังไงคะ ด้วย nature งานออดิด มันมี deadline ตลอดเวลา ทุกคนจึงทำงานด้วยความเครียด ยิ่งบริษัทไม่พยายามช่วยเด็ก คือ บริษัทมักจะคุม budget ค่ะ จำกัดจำนวนเด็กและเวลาด้วย โดยไม่ดูถึงลักษณะงาน จะดูแต่ขนาด firm มันก้อไม่ใช่ เพราะบาง firm ถึงจะเปนขนาดเล็กแต่ระบบงานภายในยุ่งเหยิงมาก มีไรปกปิดไว้เยอะ มันก้อต้องใช้เวลานานในการตรวจนะคะ ให้ตรวจแบบรีบร้อน สุดท้ายมันก้อไม่ได้อะไร ยอมรับว่าบางครั้งตรวจไปไม่ได้ใช้ความคิดอะไรมากเลย เพราะจะเจาะอะไรทีต้องใช้เวลานานมาก อยากให้เสร็จไวๆ 2. ลูกค้าค่ะ ไม่ให้ความร่วมมือ พูดจาไม่ดีกับออดิดเลย และบริษัทเละมาก ไม่เข้าใจว่าบริษัทเราจะรับมาทำไม เราว่าเรื่องลูกค้านี้ เป็นประเด็นนึงที่ทำให้เด็กลาออกเลยนะ บางคนหนีเพราะเจอบริษัทลูกค้าที่ไม่ดีค่ะ เขาต้องเจอแบบนี้ทุกควอเตอร์ แทบจะทั้งชีวิตออดิดของเขา 3. การทำงานแบบไม่สนใจเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะ manager ก้อไม่แพ้กัน เคยเจอมั้ยคะ manager แบบต้องการให้ทำนู้นนี่ ต้องเสร็จ คุณจะมีธุระอะไรชั้นไม่สนใจ งานต้องมาก่อน แต่ไม่เคยช่วยดูงานน้อง เวลามีปัญหาหรือไม่คิดจะเตรียมไรให้น้องก่อนออกจ๊อบ เหมือนส่งน้องไปตายประมาณนั้น ไม่มีข้อมูลใดๆ ถ้าเป็นคนที่เคยตรวจ แน่นอนว่าไม่มีปัญหาค่ะ แต่ถ้าเด็กที่ไม่เคยไปจ๊อบนั้น ถึงจะทำงานมา 2-3 ปีแล้วก้อตาม แบบนี้ถึงลูกค้าจะดีแต่งานเราก้อล่าช้าได้นะคะ 4. เรื่องโอที จริงๆแล้วสำหรับบางคนสำคัญนะคะ ไม่ใช่ว่าทุกชมต้องตอบแทนด้วยเงิน แต่การทำงานหนักบางครั้ง มันก้อเพื่อบริษัท ดังนั้น บริษัทก้อไม่ควรเอาเปรียบพนักงานค่ะ การจำกัดโอที มันคงเป็นไปไม่ได้กับทุกจ๊อบ เพราะบริษัทลูกค้าแต่ละที่ก้อแตกต่างกัน transaction มากน้อยต่างกัน การดำเนินงานต่างกัน ระบบซับซ้อนมากน้อยต่างกันค่ะ จะตีความว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่มีความอดทน ก้อคงไม่ทุกคนค่ะ ด้วยสภาวะงานกดดันแบบนี้ ทังลักษณะงาน ลูกค้า แล้วเจ้านาย หลายๆคนเจอไม่เหมือนกันนะคะ ถ้าบริษัทไม่พยายามหาวิธีแก้ หรือช่วยเหลือเด็กบ้าง ยิ่งจะทำให้ turnover สูง ไม่ก็จำนวนเด็กที่สนใจสาขานี้น้อยลงค่ะ บริษัทก้อจะแย่ด้วย สองฝ่ายก้อควรเอาใจเขามาใส่ใจเราค่ะ จากคุณ : พนักงานออดิด (เก่า) - [ 17 ต.ค. 51 12:36:09 A:58.8.184.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 75 คคห. 38 คะ งาน ออดิท >>> 1. เงินดีกว่างานทั่วไป ถูกต้องค่ะ               >>> 2. ให้ประสบการณ์ทำงานที่ดี ถูกต้องค่ะ               >>> 3. เงินที่มากขึ้นต้องสัมพันธ์กับความรับผิดชอบที่มากขึ้น ถูกต้องค่ะ               >>> 4. การเพิ่มจาก 3 ปี เป็น 5 ปี ทำให้เด็กที่ได้ CPA มีประสบการณ์ทำงานที่มากขึ้น working papaerมีคุณภาพมากขึ้น ถูกต้องค่ะ                             >>> คนที่จบบัญชี ต้องการพัฒนาตัวเองคงไม่ต้องการละทิ้งโอกาสทำงาน นี้แน่ๆ เพราะนอกจากเนื้องานที่ได้ไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่หลากหลาย งานไม่ซ้ำซาก อาชีพเป็นที่ยอมรับ บริษัทที่เป็น Globalize ที่ยอมรับทั่วโลก แถมเงินเดือนดีอีก และ ต่อไปสามารถออกไปเซ็นเองได้ หรือต่อให้อยู่บริษัทต่อไปก็ได้ โปรโมท ตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ เงินเดือนก็สูงไปๆ ไม่ว่าเลือกทางไหนก็มีแต่ได้ประโยชน์เห็นๆ *เเต่ก็ยังมีคนเลือกที่จะลาออก   ถ้าคุณพิจารณาจากเงื่อนไขข้างต้น คุณคิดว่าปัญหามันคืออะไรคะ คุณคิดดูนะงานอื่นไม่จำเป็นต้องบังคับว่าทำกี่ปีๆ ถึงจะได้ใบ Certificate ในอาชีพนั้นๆ เค้ายังไม่ Turnover สูงขนาดบริษัทออดิทเลย และบางอาชีพ ผลตอบเเทนระยะยาวยังไม่เท่าออดิทอีกด้วย แต่คนก็เลือกลาออก ทั้งๆที่อยู่ในสถานะ ที่ดีขนาดนั้น งานมีโอกาสก้าวหน้าสูงขนาดนั้น ถ้าปัญหาคือการที่งานหนัก และหนักจนเด็กต้องลาออกทั้งที่มีอนาคตวางอยู่ข้างหน้า คุณว่าหนักขนาดไหนน้องๆ ถึงต้องดิ้นรน คะ และการเพิ่มจาก 3 ปี เป็น 5 ปี อาจทำให้ออดิทเพิ่มประสบการณ์ทำงานขึ้น *แต่ต่อให้เพิ่มประสบการณ์ทำงานมากขึ้น แต่จำนวนงานยังหนักเท่าเดิม และหนักขึ้นในทุกๆปี คุณคิดว่างานมันจะพัฒนาได้มากแค่ไหนคะ เราว่าการเพิ่มระยะเวลาเพื่อประสบการณ์ของผู้ช่วยผู้สอบบัญชีอาจเป็นเหตุผลที่สมควร เพื่อคุณภาพของงานตรวจสอบนะคะ แต่ปัญหาของคุณภาพงานตรวจสอบนั้น นอกจากประสบการณ์ของผู้ช่วยผู้สอบ ที่กระทบต่อคุณภาพงานแล้ว ควรใส่เรื่องระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจสอบงบ ด้วยไหมคะ เพราะระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจสอบก็มีผลโดยตรงเช่นกัน เเละคงช่วยแก้ปัญหาเรื่องงานหนักของออดิทด้วย การทำงานถึงตี 2-4 ทุกวัน คงต้องเป็นมนุษย์เหล็กแล้วละคะ ถึงทำให้งานที่ออกมามีมาตรฐานที่ดีเหมือนกันหมดได้ เอาใจช่วยออดิทนะคะ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 51 17:30:22 จากคุณ : aislinn (aislinn) - [ 19 ต.ค. 51 17:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คุณโลหการ4 คห 73 ครับ >>> คิดว่า ถ้าสภาวิชาชีพฯ จะออกจริงๆ คงไม่ใช่กฏหมายครับ น่าจะกฏระเบียบมากกว่า เพียงแต่ว่า กฏระเบียบนี้ออกมาบังคับใช้กันหรือยัง ก็ไม่รู้ แต่หากมีเค้าลางจะบังคับใช้จริงๆ ฟังจากเสียงของหลายคนก็ไม่เห็นด้วย ตอนนี้มีแค่บ่นที่ล่องลอยไปตามสายลม คิดเหรอว่าจะเข้าถึงหูคนที่เกี่ยวข้อง ผมถึงถามว่า ใครจะกล้าออกเป็นแม่ทัพหน้า ปฏิรูปการบริหารของสภาวิชาชีพฯ ถ้าไม่มี อยากบ่นก็บ่นต่อเถอะครับ แต่สุดท้าย น้องๆ auditor ก็ต้องก้มหน้าทำงานกันต่อไป ผมเห็นด้วยกับ คห 74-75 ครับ ถ้ามองที่ตัวบุคลากร ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด แม้ไม่ใช่จับกังที่แบกหามของหนัก แต่ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ ปัญหาของน้อง auditor คือ ปัญหาด้านประสิทธิภาพในการบริงานของ Audit Firm ครับ ซึ่งก็น่าจะแก้กัน เรื่องที่ว่าด้วยการบริหารบุคคลากรของสำนักงานตรวจสอบบัญชี เช่นกำหนดไปเลยว่าพนักงานแต่คน ทำงานได้ไม่เกินกี่ชั่วโมง หากมีการบันทึกชั่วโมงการทำงานจริงไม่ต้องกับข้อเท็จจริง สำนักงานตรวจสอบบัญชีจะต้องรับโทษอย่างไร แต่ประเด็นที่ จขกท เปิดขึ้นมาก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งหากมองหลายๆ ด้าน คนที่ได้คือสังคม การที่บริษัทฯ ห้างร้านต่างๆ ต้องการปกปิดรายการที่เกิดขึ้น ก็อาจเพราะมีการทำธุรกรรมที่ไม่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่สังคมต้องฝากความหวังไว้ที่ผู้สอบบัญชีครับ แม้ไม่ใช่การลงโทษทางตรง แต่ก็เป็นการเตือนบริษัทฯ ห้างร้านต่างๆ ทางอ้อม ก็ยังดีกว่าไม่มีใครไปแตะอะไร จากคุณ : เตร็ดเตร่ - [ 20 ต.ค. 51 10:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 78 กลับมาอ่านค่ะ เพื่อนร่วมอาชีพเยอะดีแฮะ จากคุณ : @Nana-cute@ - [ วันปิยมหาราช 01:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ใช่เพื่อนร่วมวิชาชีพเยอะจริงๆเลย.... เสริม 77 นะครับ ซึ่งก็น่าจะแก้กัน เรื่องที่ว่าด้วยการบริหารบุคคลากรของสำนักงานตรวจสอบบัญชี เช่นกำหนดไปเลยว่าพนักงานแต่คน ทำงานได้ไม่เกินกี่ชั่วโมง หากมีการบันทึกชั่วโมงการทำงานจริงไม่ต้องกับข้อเท็จจริง สำนักงานตรวจสอบบัญชีจะต้องรับโทษอย่างไร ยากครับ... เพราะว่าทำงานบางที ทำที่บ้าน.... ทำที่ลูกค้า.... ทำที่ออฟฟิส... การเก็บชมทำงานนั้น เก็บชมตามจริงไม่ได้หรอกครับ แต่เข้าใจนะครับ กับเรื่องงานหนัก.... แต่ถามว่า บางครั้ง จ๊อบลดลง.. มันก็ไม่ได้ช่วยให้งานเบาลงในบางครั้งน่ะครับ ปัญหาหรอครับ ยกตัวอย่าง ผมเคยไปจ๊อบนึง ... ทางเมืองนอกจะเอา ตัวเลข (แบบไม่ให้ปรับแล้ว) วันที่ 15/1... แต่ทางลูกค้าปิด TB เสร็จ 7/1 .... detail ไม่เรียบร้อย.... โอ้ แล้วเป็นเช่นนี้แล้ว คนมาตรวจจะทำเยี่ยงไรครับ... ... เพิ่มเด็กมาทำ ก็ไม่ได้ทำให้เสร็จไวขึ้น... เพราะว่ามีคนให้ถามเท่าเดิม .... (สำหรับงานนี้ไม่ใช่แค่คนตรวจจะทำงานหนัก . นักบัญชีก็ทำหนักเช่นกัน) *แต่เห็นด้วยกับการที่บางเฟิร์ม รับงานเยอะเกินไปนะครับ..... จากคุณ : SiTZ - [ วันปิยมหาราช 23:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เข้ามาอ่าน  มาเจอเพื่อนร่วมอาชีพครับ ^^ เรื่องข่าวลือวงการ Auditor มันเยอะจริงๆครับ  เช่น 1. วิชา.....เตรียมเเตกเป็น 2 วิชานะรีบๆสอบก่อน 2. อย่างที่คุยกันแหละครับ  เรื่อง 3 ปี เป็น 5 ปี 3. มีใครได้ข่าว CPTA ว่าจะต้องสอบเพิ่มอีก 6 วิชา เพราะว่าทางสรรพากรต้องการพัฒนาคุณภาพงานด้านภาษี   โดยทุกงบการเงินต้องถูกแสดงความเห็นโดย CPA และด้านภาษีโดย CPTA แต่ทาง CPA สามารถไปสอบเพิ่มเพื่อเป็น CPTA ได้  โดยมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2553 ผมเครียดข้อ 3 มากครับ  ถ้าเป็นจริงก็งานเข้าตั้งแต่ Partner ถึง Jr ครับ T T นอกเรื่องมาเยอะกลับมาสู่ประเด็นครับ  เรื่อง 5 ปี ผมได้ยินมาตั้งแต่ก่อนเรียนจบอีกครับ  (ตอนนี้เกือบ 3 ปีแล้วครับ)  แต่มันก็ยังไม่เปลี่ยน  ถ้าเปลี่ยนจริงๆ  เรื่องนี้จะผิดไม่ผิดอยู่ที่เจตนาล้วน ถ้าเพื่อยกระดับงานก็โอเคครับรับได้  ถ้าดึงคนให้อยู่นานผมว่าจะเกิดปัญหาขาดคนมากกว่าครับ (จริงๆนะผมว่าคนจะลาออกก่อนครบปีเยอะมาก) ส่วนเรื่องงานหนัก   ยกมือเห็นด้วยกับ คห. 79 ครับ  เท่าที่ผมสัมผัส พี่ๆน้องๆใน firm ผมว่าทุกคนมีความสามารถมากครับ  แต่อาจจะไม่ได้แสดงเต็มที่เนื่องจาก ปริมาณงานและ Deadline ครับ  ซึ่งผมว่าเป็นปัจจัยหลักที่สุดของคุณภาพงานสอบบัญชีครับ  ผมว่าดีกว่าการเพิ่มระยะเวลาการฝึกงานอีกครับ ปล.  Auditor ที่อายุประสบการณ์น้อยๆเวลาไปตรวจเค้าก็ผ่านการ Training อย่างเข้มข้นมาแล้วนะครับ งานก็จะมีการสกรีนจาก In-charge, Supervisor/Manager, Partner ก่อนกว่าจะเป็นความเห็นในหน้างบการเงินครับ  ก็น่าจะมั่นใจได้เกี่ยวกับคุณภาพงานครับ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 51 02:17:43 จากคุณ : Checked against - [ 24 ต.ค. 51 01:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 81 โอ้โห เพื่อนร่วมอาชีพเยอะสุดๆๆอะ อ่านแล้วเครียดเลย อิอิ จากคุณ : anotai - [ 27 ต.ค. 51 20:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อยากให้เจ้าของกระทู้จัดอันดับจังค่ะ ว่าbig4ที่ไหนน่าทำงานด้วยมากที่สุด จากคุณ : ผ่านมา - [ 29 ต.ค. 51 21:33:48 A:58.8.24.215 X: ]

ความคิดเห็นที่ 83 เหอ เหอ..เป็นเด็กกำลังจบ...บัญชี งง เลยค่ะ....แบบ ปัญหาเยอะ ปวดหัว แทนเลย ค่ะ.. ... .. . จากคุณ : เด็กกำลังจะจบ (YoogirlS) - [ 2 พ.ย. 51 02:45:55 ]