ความคิดเห็นที่ 1 เพื่อนเคยทำได้เดือนละ 100000+ เลยค่ะ อายุแค่ 22 เอง จากคุณ : บีน - [ 17 ก.ย. 51 22:22:23 A:58.9.142.225 X: TicketID:187502 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เงินเยอะกันจัง มองดูตัวเองแล้วทำให้ไม่มีกำลังใจ เฮ้อ โหมดหดหู่ในชีวิต ทำงานอีกแล้ว จากคุณ : คนจนรุ่นสุดท้าย - [ 17 ก.ย. 51 23:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าอยู่ในระดับหัวหน้าที่มีทีม ก็ 100000+ แต่ก็ลำบากนา....   ทำอะไรแล้วมีความสุขทำอันนั้น อย่าหลงกับคำ motivate ดูใจตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ จากคุณ : Jollimor - [ 18 ก.ย. 51 00:28:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คนที่ว่ากันว่าขายประกันเก่งที่สุดในเมืองไทย เค้าว่าเค้าหาเงินจากการขายประกันได้ 30 ล้านเหรียญ ใน 30 ปี อ่ะ อย่าไปรู้สึกต่ำต้อยอะไรเลยครับ รายได้คุณก็ไม่น้อยแหละ ส่วนคนที่ขายประกันน่ะ มีส่วนน้อยนะครับที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่จะอยุ่ได้ไม่เกิน สามปี หรือห้าปีแหละ คนทีอยู่ได้นานกว่านั้นเท่านั้นแหละครับ ถึงจะมีรายได้เดือนละหลายแสนอย่างที่เค้าว่ากัน จากคุณ : Sleepless in Bangkok - [ 18 ก.ย. 51 03:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เดาว่าคุณอายุประมาณสามสิบต้น ๆ รายได้ไม่น้อยหรอกค่ะ ส่วนที่เขาพูดก็เพื่อจูงใจให้คนฟังรู้สึกอยากขายประกัน และแสดงให้เห็นว่าขายแล้วดี ขายแล้วรายได้ดีมาก สภาพชีวิตดีขึ้น แถมไปเมืองนอกบ่อย ก็เป็นธรรมดาของการโน้มน้าวหาสมาชิกในธุรกิจแนว MLM ที่ประสบความสำเร็จก็มี ได้ตามนั้น แต่ที่เหี่ยวเฉาก็มีนะคะ ดังนั้นเอาแค่ทำตามที่คุณอยากประหยัดส่วนที่ไม่อยากให้ตัวแทนคนอื่นได้ค่าคอมฯ เหอะค่ะ ไม่ต้องคิดมากว่ารายได้คุณน้อย เพราะมันไม่น้อยนะคะ จากคุณ : เป็ดน้อยในไร่ส้ม (เป็ดน้อยในไร่ส้ม) - [ 18 ก.ย. 51 07:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมคิดว่าธุรกิจประกันเป็นธุรกิจที่ดีอย่างนึงนะครับ สามารถทำเป็นเงินเสริมได้ แม่แฟนผมก็ทำอยู่ ตามความคิดของผมธุรกิจนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างนี้นะครับ ข้อดี 1.เป็นธุรกิจที่เริ่มทำแล้ว มีรายได้เร็ว ขายแล้วได้ค่าคอมเห็นๆ ขายได้ก็ได้เลย 2.สามารถทำเป็นงานเสริมได้ 3.เป็นลักษณะชวนคนให้มาออม และได้ความคุ้มครองแทนดอกเบี้ย โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง คนไม่ค่อยอยากจับจ่ายใช้สอย 4.ได้รู้จักการเข้าสังคมมากขึ้น ข้อเสีย 1.คนทั่วไปเค้าก็รู้อยู่แล้วว่าตัวแทนได้ค่าคอม แต่จะกี่เปอร์เซนก็อาจจะรู้หรือไม่รู้ ส่วนใหญ่จะมาขอต่อรองราคา 2.ต้องดูแลลูกค้าตลอดอายุกรมธรรม์ ซึ่งบางกรมธรรม์นั้นมีอายุตลอดชีวิต 3.หยุดทำงานไม่ได้อย่างแท้จริง ยังต้องขายอยู่เรื่อยๆ 4.ต้องบริการลูกค่า จนลูกค้าพอใจที่จะต่อกรมธรรม์ปีต่อปี 5.ต้องสอบเป็นตัวแทน ข้อดีข้อเสียอาจมีอีกนะครับ นี่แค่เท่าที่ผมเคยคุยกับคนที่ทำแล้วมาสรุปเอง อยากรู้เพิ่มก็ลองมาปรึกษาได้ครับ cybercopj@hotmail.com จากคุณ : Cybercopj (Cybercopj) - [ 18 ก.ย. 51 11:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเป็นตัวแทนมาก่อน และกำลังจะเลิกครับ เพราะว่าการเป็นตัวแทนนั้นต้องมีพรสวรรค์จริง ๆ ด้าน หน้าด้านครับ ทำอย่างไร พูดอย่างไรก็ได้ให้เขาเอาเงินในกระเป๋าของเขามาให้เราได้ซึ่งบางคนพูดเก่งจนเหมือนมีมนต์สะกด จนเขาจ่าย พอผ่านไปสัก 3 วันมนต์คล้ายก็อยากได้เงินคืน แต่ก็สาย แล้วตัวแทนก็เหมือนกับคนหรอกลวง เพราะได้เงินมาแล้ว ลำบากใจ ไม่คุ้มค่ากับคอม ที่เราได้หรอกครับ ผมว่าถ้าอยากทำให้ตัวเองนะ เงินขนาดนี้จ่ยไปเถอะครับ เป็นส่วนที่ตัวแทนเขาต้องได้ เพราะเขาจะดูและคุณไปจนครบกรมธรรมแล้วก็ จากคุณ : loveJust - [ 18 ก.ย. 51 12:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หลังไมค์ครับผม จากคุณ : ตัวแทน 15 ปี (rujiphan) - [ 18 ก.ย. 51 19:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเพิ่งกลับจากท่องเที่ยวประจำปีกับเอไอเอมาครับ ไปกันทั้งครอบครัว เป็นครั้งแรกที่ได้ไปต่างประเทศกันทั้งครอบครัวอย่างนี้ ผมลาออกจากบริษัทโฆษณามาเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อมาเป็นตัวแทน(และผู้บริหารหน่วย) แบบเต็มเวลา อาชีพตัวแทนประกันชีวิต ไม่ได้ให้แต่เรื่องเงินครับ ถ้าคิดแต่เรื่องเงิน อาชีพตัวแทนจะไม่น่าสนใจเลย แต่ถ้ามองถึงการ "มีโอกาส" ที่จะได้ใช้ชีวิตครอบครัวดีๆ สังคมเพื่อนฝูงดีๆ การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองดีๆ น่าจะพอให้คนเราได้ "ลองดู" สำหรับผม หลังจากได้ศึกษาและลงมือทำเป็นแบบพาร์ทไทม์มาสองปี ผมคิดว่า มันไม่ใช่อาชีพ หรือวิธีหารายได้นะครับ แต่มันเป็นวิธีใช้ชีวิตอีกแบบนึงที่ทำให้เรามีความสุขกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนมากๆๆ ผมทิ้งเงินเดืนประจำกว่าหนึ่งแสนบาทต่อเดือน เพื่อที่จะมาทำงานนี้เต็มที่ และมองอย่างตรงไปตรงมา ตัวแทนประกันก็เหมือนกับอาชีพอืนๆ คือ มีโอกาส แต่ต้องขยันเรียนรู้ อดทน ซื่อสัตย์ เป็นคนดี คุณต้องฟังและทำตามทีพี่ๆแนะนำ และยืนหยัดอยู่ในอาชีพนี้ถึงที่สุดนะครับ แล้วคุณจะเห็นว่า อาชีพนี้ไม่ได้ดีแค่เรื่องเงินครับ โชคดีนะครับ (หมายเหตุ : คนที่ชวนคุณเขาคงหวังดีกับคุณและคงให้ข้อมูลคุณเต็มที่แล้ว ลองทำอย่างเต็มที่ ปีเดียวก็รู้เรื่องแล้วครับ) จากคุณ : หวังดีจ้า - [ 19 ก.ย. 51 09:27:38 A:124.121.9.109 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมก็เป็นอีกคนที่ผ่านงานประจำมาแล้วแปดปี บริษัทเอกชนแถวหน้าของเมืองไทยด้วย เบื่อเหมือนกันนะกับการที่ต้องมาแปดโมงเช้าเลิกงานสามทุ่ม เป็นอย่างนี้มาหลายปี วันหยุดคิดว่าจะได้พักผ่อน บางครั้งมันต้องเข้ามาเคลียร์งาน ช่วงแรกก็มาทำพาร์ททามดู แต่ดูแล้ว คนเราวิ่งได้แล้วจะเดินทำไม ผมก็ลาออกจากงานประจำ มาทำอาชีพนี้เต็มตัว ทุกวันนี้ ผมบริหารเรื่องเวลาของผมได้ ผมมีเวลาให้ครอบครัวผมมากขึ้น ผมได้ส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน ตอนเย็นผมได้ไปรับลูก และกินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เคยทำได้ที่นี่ รายได้สูงสุดที่ผมทำได้มาจากการขายเอง หกหมื่นบาท และค่าจัดงานของผมอีกห้าหมื่นกว่าบาท รวมแล้วก็แสนต้น ๆ ในระยะเวลาแค่หนึ่งเดือน งานนี้ให้อะไรผมหลายอย่าง มันอาจจะมองดูเวอร์ แต่ผมไม่คิดอย่างพวกคุณหรอก งานของผมคือการทำบุญตอนต้นและทำบุญตอนปลาย เพราะสิ่งที่ผมเสนอไม่ใช่สินค้าสิ้นเปลือง ไม่ใช่บัตรเครดิต ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ แต่เป็นการออมเงินที่เป็นระบบมากขึ้น ช่วยให้คน ๆ นึง มีเงินที่จะใช้โดยที่ไม่เดือดร้อนยามเค๊าเกษียณ ยามที่เค๊าไม่มีรายได้ ในขณะที่รายจ่ายมีทุกวัน งานนี้ช่วยให้แม่หม้ายมีเงินใช้ยามต้องเสียหัวหน้าครอบครัว ทำให้เด็กเล็ก ๆ มีเงินเพื่อใช้ในการศึกษาที่แน่นอน แล้วคุณคิดว่า งานนี้มันแย่อย่างที่คุณคิดเหรอ กลับไปคิดใหม่เลยนะ ทุกวันนี้แบงค์ยังต้องขายประกันเองเลย คิดดูละกัน จากคุณ : kimoji...lovepink009@hotmail - [ 21 ก.ย. 51 12:43:29 A:124.120.159.147 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 อะไรกัน  ฟังคนอื่นพูดแค่นี้ก็รู้สึกท้อแท้  ต่ำต้อยแล้วเหรอคะ เงินเดือนคุณไม่น้อยนะ  ถือว่าเยอะทีเดียว  ลองนึกถึงคนจบป.ตรีมา 8-9 ปีที่ทำราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือบริษัทเล็กๆดูสิคะ  เงินเดือนแค่ครึ่งหนึ่งของคุณเอง อย่าไปหลงเชื่อคำพูดคนขายประกันมากค่ะ  บางทีเค้าก็พูดเกินจริงเพื่อให้คุณอยากเข้ามาเป็นเด็กในสังกัดของเค้า ส่วนคนที่ทำเงินได้เยอะอย่างนั้นจริงๆก็มีนะ  แต่ไม่กี่คนหรอก ส่วนใหญ่จะเลิกไปซะก่อน  เพราะทนกัดก้อนเกลือกินไม่ไหว ถ้าคุณคิดจะทำเป็นรายได้เสริม  เราว่าก็ ok เลย  เพราะไหนๆจะทำประกันอยู่แล้ว  จะได้ได้ค่าคอมฯคืนมาด้วย  สนับสนุนค่ะ จากคุณ : เจ้าขาว - [ 25 ก.ย. 51 23:32:13 ]