ความคิดเห็นที่ 1 ถามเพิ่มอีกนิด... แล้วห้างเขาเอาของที่เราส่งไปดองไว้นานไหม ระบบหมุนเวียนสินค้าเขาจะตัดสินใจคืนของเราเมื่อไร เวลาส่งของเขาจะกำหนดให้เราส่งขั้นต่ำเท่าไร (ได้ยินว่ามากขนาดส่งได้ทุกสาขา ) ซึ่งก็แปลว่าเราจะต้องจมทุนกับของที่ส่งไปจำนวนมากๆ โดยยังไม่รู้ชะตาว่าของจะขายดีไหม ขอบคุณมากค่ะ ขอให้มีคนตอบเยอะๆนะ สาธุ จากคุณ : แม่ขวัญข้าว - [ 18 ก.ย. 51 23:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าจะขายของเข้าห้าง และเราไม่ได้เป็นผู้ผลิต ไม่มีแบรนด์ ของตัวเอง หรือเป็นแบรนด์ใหม่ โอกาสติด หรือขายได้ ยากมากครับ ที่สำคัญ ห้างจะมีอำนาจต่อรองมาก ทำให้กำไรโดยรวมน้อยมาก สุดท้ายขาดทุนปุ่นปี้ เช่น ขอดีล 6 เดือน และมีของโชว์ 5 % ของยอดขาย โดยไม่จ่ายเงิน อย่างนี้ จะไหวเหรอ การนำของเข้าห้าง ถ้าอยากได้ จุดวางสวยๆ เต๊ะตา ต้องจ่ายนะครับ ถ้าถึงเวลาออก campaign ต้องยอมขายขาดทุนนะ ไหวเหรอ ต้องใช้เงินทุนฝังลงไปเท่าใด จึงจะได้คืน ถ้าสินค้าไม่เดิน ภายในสามเดือน ต้องรับคืนทั้ง lot ทีนี้เงินก็ไม่ได้ ทุนก็หด ยากครับ ยากมาก ลองวิธีอื่นดีกว่ากระมัง จากคุณ : น้าพร - [ 18 ก.ย. 51 23:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ใช่เซียนห้องนี้ แต่คุ้นๆล้อกอิน ขอตอบนะคะ โดยส่วนตัว (( เน้นนะคะว่าส่วนตัว )) เรามองว่าถ้าเงินทุนไม่หนา และเงินไม่นิ่งเย็นมากๆ เราจะไม่ทำธุรกิจประเภทนำของไปวางฝากขาย เพราะเราคิดว่าต้นทุนจะจม ไหนจะต้องลงทุนซื้อของ แถมของที่ซื้อ ซึ่งต้องมีทั้งคุณภาพ และปริมานที่มาก แล้วยังต้องลงทุนบรรจุใหม่ และไหนจะต้องรอเรื่อง ดีล การเงิน แหะๆ ส่วนตัวไม่กล้าคิดค่ะ เรื่องขนส่งคงไม่ใปญหา เพราะทางห้างร้านเค้าจัดการเอง แต่อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวของเราจริงๆนะคะ -*- ส่วนความในใจ เราแอบเชียร์ให้ จขกท. ทำนในสายที่ถนัด จะต่อยอด แตกไลน์ ก็ว่ากันไป ปล. อย่ามาจัดงานแต่งแข่งกะเรานะ งุงิ จากคุณ : minnymin - [ 18 ก.ย. 51 23:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขออนุญาตตอบอีกคนละกัน คือส่วนใหญ่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง moderntrade ทั้งหลาย นั้นมีข้อจำกัดและว่ากันง่าย ๆ คือเอาเปรียบหลายประการ เช่น 7-11 จะต้องวางเงินในการเปิดบัญชีค้าขาย หรือ ถ้าเป็น Big C นั้นก็จะต้องจ่ายค่าชั้นวางสินค้า ซึ่งจะคิด เป็นรายสินค้า แต่ถ้าอยากให้ตำแหน่งเตะตาก็ต้องจ่ายมากขึ้น เรื่องของการส่งสินค้านั้นก็ตอ้งส่งให้ตรงเวลา หากไม่สามารถส่งสินค้าได้ก็มี ส่วนที่เค้าจะส่งสินค้าให้ได้ แต่เราก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นด้วย และเรื่องของเวลาในการชำระไม่ต้องห่วงครับ ยาวนาน จนแทบจะลืมไปเลย รวมถึงการคืนสินค้าอีก โดยสรุปครับ ทำได้แต่คงจะต้องใช้ทุนมาก และสินค้านั้นถ้าหากมีการแข่งขันมากก็ต้องหาวิธีการทางการตลาดมาช่วยเสริม นั่นหมายความว่าคุณต้องจ่ายเพิ่มอีกครับและถ้าหากว่าไม่มีโรงงานผลิตในมือ ก็เท่ากับว่าต้นทุนนั้นแพงกว่าเจ้าที่มีกำลังการผลิตในมือครับ จากคุณ : Novel (หมูอืด) - [ 19 ก.ย. 51 00:59:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลอง 7-11 ใกล้ๆ บ้านซักสาขานึงก่อนครับ และลองหาประวัติ  เจ้าของ สาหร่ายทอดกรอบ ยี่ห้อเถ้าแก่น้อย มาศึกษาดูครับ   เด็กนักศึกษา อายุเพียง 20 ต้นๆ  ยังทำธุรกิจ  ประสปความสำเร็จได้  แล้วคุณล่ะ ? จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย - [ 19 ก.ย. 51 01:41:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 "ไปเสนอขายแรกๆ มักเจอปัญหาไม่รับสินค้า โดนติแพกเก็จจิ้งไม่สวย เก็บไม่ได้นาน โดนต่อว่า โดนเอาของคืน ขนาดให้ขายฟรียังไม่เอาเลย เราต้องอดทนกับปัญหาพวกนี้ เราต้องไปบ่อยๆ พอร้านนี้ไม่เอา เราก็ไปร้านอื่นๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้รู้ปัญหา เมื่อรู้ว่าปัญหาเราคือจุดนี้ ก็เอาปัญหานั้น กลับมานั่งแก้ จะแก้อย่างไร ทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา ปัญหาก็จะถูกแก้ไปได้ทีละเปราะ แพคเก็จจิ้งไม่ดีก็เปลี่ยน สินค้าเก็บไม่ได้นานก็ทำให้เก็บได้นาน ก็ศึกษาหาวิธีไปเรื่อยๆ" http://www.businessthai.co.th/content.php?data=413172_Smart%20SMEs แวะไปหาข้อมูลมาหนุนใจ  สู้ๆ น๊า จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย - [ 19 ก.ย. 51 01:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทุกธุรกิจ มีปัญหา ทั้งนั้นแหะ ขนาดลด sizing เป็นระหว่าง ผู้จ่าย ผู้เรียน กรุ๊ปไม่เกิน 2-3 คน เรื่องพฤติกรรม วินัยการมาใช้เวลา และ การจ่าย พอมีการผ่อนปรน ก็เอาละ ส่วน trading อื่นก็ต้อง ลอง Lauch น้อยๆ ประเภท ผ่าน distribution ของคนอื่น เราไม่ค่อยชอบ เหมือน ต้องยืม จมูก คนอื่นหายใจ ... การลงงบประมาณ ไปที่ค่าโฆษณา เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ คู่แข่ง ในยุทธจักรก็อีก ให้ดี ต้นทุน ความโดดเด่น ความเด็ดส์ของ สินค้าตัวเอง ที่ต้องเก็บเป็นความลับ ไม่ให้เผยแพร่ หรือมีคนรู้เห็นมาก อย่าง สาย Jewelry Business ที่ต้องเป็นเครือญาติ เท่านั้น บ้านเรา ยังมีโต๊ะช่างทอง เก็บไว้ เหอ เหอ อะไร ที่ต้องผ่านจมูกคนอื่น เราไม่ชอบ อะไร ที่ทำไม่ได้เอง กำไรจะหายไปมาก กำไรหด จากคุณ : kuddle - [ 19 ก.ย. 51 02:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เกรงว่าจะได้ ไม่คุ้มเสียนะสิคะ ห้างใหญ ๆ อำนาจการต่อรองเค้าสูงมาก เราเคยทำเสนอราคา ถุงพลาสติกหูหิ้วไปที่ 7-11 ติดต่อไป 3 เดือน กว่าจัดซื้อจะยอมคุยด้วย เค้าขอเครดิต 60 วัน ส่งของแล้ว นัดวางบิลศุกร์สุดท้ายของเดือนถัดไป แล้วนัดรับเช็ค ศุกร์สุดท้ายของอีกเดือนถัดไป ผ่านเรื่องเครดิต จัดซื้อบอกติดปัญหาเรื่องราคา เค้าบอก เค้าสั่งทุกเดือน ๆ ละตัน และได้ราคาอยู่เท่านี้บาท กำไร กิโลละ 1 บาท นายเราบอกสู้ไม่ไหว ตอนนั้นเราเป็นเซลล์จบใหม่ ไฟยังแรง ความอยากขาย มีมากกว่าความกลัวเจ้านายด่า จบเรื่องราคา มีปัญหาอีก ใบสั่งซื้อระบุ ให้ผลิต..ตามถุงตัวอย่างที่เราส่งไปให้ โดย 1 กิโล ต้องได้ไม่ต่ำกว่า......ใบ ซึ่งถ้านับตามจำนวนใบ ก็ปาเข้าไปกิโลกว่า สู้ไม่ไหว หากขายก็ขาดทุน สุดท้ายก็เลยไม่ได้ขายค่ะ จากคุณ : หล่อ รวย โง่ - [ 19 ก.ย. 51 06:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คิดเรื่องนี้ในหัวมาร่วมสองเดือนนะนี่ อ่านความเห็นไปได้ 5 นาที อินิเริ่มคอตก ทำไมตอนคิด อะไรมันก็ดู ง๊าย...ง่ายยยย ไม่เป็นไร รอความเห็นต่อไป... จากคุณ : ขอบคุณทุกเซียนข้างบนนะ (แม่ขวัญข้าว) - [ 19 ก.ย. 51 09:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าสินค้าเราแตะตาพวกเขาเหล่านั้น...เขาจะติดต่อเข้ามาเอง แล้วไม่โดนกดราคาด้วย เราจะได้เปรียบด้วย เพราะเคยคุยกับเจ้าของสวนผลไม้ที่ส่งให้ห้าง เขาบอกว่ากว่าจะติดต่อได้แทบตาย เหนื่อยจนไม่อยากคุยต่อ ล้มเลิกกับขายส่งให้พวกห้างใหญ่ เพราะโดนกดขี่ไปหมด สุดท้ายเจ้าของสวนผลไม้ จึงสร้างความแตกต่างให้กับผลไม้ในสวนของตนเอง โดยการติดแบรนด์ สร้างรสชาติที่แปลกขึ้น ไม่น่าเชื่อ ห้าง..เหล่านั้น เดินเข้ามาหาเอง พร้อมทั้งรับข้อเสนอทุกกรณี คิดดูดิ...ดังนั้นเราต้องทำยังไง ให้เขาเดินมาหาเราเอง เราอย่าเดินไปหาเขาเลย...นะจ๊ะ จากคุณ : ขอแจม อีกคน (nongaoo) - [ 19 ก.ย. 51 10:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกะ ค.ห. 7 ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ไม่ดีหรอก จากคุณ : ผ่านมา (เดินดงพงไพร) - [ 19 ก.ย. 51 12:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาแชร์ข้อมูล ในฐานะทำงานอยู่ตรงนี้เหมือนกันครับ เป็นคนประสานงานโดยตรงระหว่างบริษัทกับ ห้างต่างๆ ทั้งห้าง B, ห้าง C, ห้าง L โดยเฉพาะห้างหลัง ต้องบอกว่า ชอบหาเรื่องให้supplier เสียเงินมากๆ เดี๋ยวค่านู้นค่านี่ จิปาถะ  พอวันดีคืนดี บอกว่าคิดนโยบายใหม่ ให้หักค่าจิปาถะทั้งหลายแหล่ออกให้หมด โดยให้ลดจากราคาสินค้า เป็นส่งราคาNet เลย แต่ขอส่วนลดเพิ่มตรงนี้เข้าไปตัดต้นทุน และมีการชดเชยสต็อคสินค้าเก่าให้เป็นต้นทุนใหม่ และบอกว่าจะไม่มีการหักค่าอะไรเพิ่มอีกแล้ว ดีใจจัง แต่เดี๋ยวก่อน พอมาสักระยะ โอ้ยยย มีจัดแคมเปญพิเศษขอส่วนลดเพิ่มอีกหน่อยนะ 5% พอเราบอกว่า ก็ไหนว่าจะไม่มีส่วนลดอะไรอื่นอีกแล้วไง เขาก็บอกว่า "แล้วจะไม่ให้ใช่ไหม จะได้รู้ไว" สุดท้ายก็ต้องให้อะนะ แต่ต้องต่อรองให้เราเสียน้อยที่สุดเท่าที่จะเสียไหว ล่าสุดห้างเดิมนี่แหละ มาบอกว่ามีนโยบาย turn สินค้าbrand ปกติ มาเป็น house brand ให้เราผลิตนั่นแหละแต่เป็นตรายี่ห้อชื่อห้าง จุดนี้ขอราคาทุนที่ต่ำลงด้วยนะ นั่นไงเอาอีกแล้ว   แถมมีขอส่วนลดโครงการพิเศษ ครบรอบ 14 ปี จัดยิ่งใหญ่ อะไรฟะ ปีที่แล้ว ก็บอกครบรอบ 13 ปี จัดยิ่งใหญ่ ตกลงว่าจัดมันทุกปี ยิ่งใหญ่ทุกปีว่างั้น คิดดูเอาเองก็แล้วกันครับ สมมติสินค้าราคา 100 บาท เขาขอ GP 50-60% แล้วอะ แล้วเราจะเหลืออะไรเนี่ย ทำงานกับพวกนี้เครียดนะครับ เขาไม่ง้อเราด้วย ไม่พอใจก็ยกสินค้าออกไปเลย เจ้าอื่นมีรอเสียบเยอะแยะ จากคุณ : Beloved_ - [ 19 ก.ย. 51 16:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อูยยยยยยยยยย แต่ละความเห็น ไม่ผิดหวังจริงๆที่มาปรึกษาห้องนี้ เดี๋ยวคิดโครงการใหม่มารบกวนอีกดีกว่า ช่วงนี้เป็นเจ้าแม่โปรเจคส์ 555555555 จากคุณ : ขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่านนะ (แม่ขวัญข้าว) - [ 19 ก.ย. 51 16:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 19 ก.ย. 51 16:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าคุณทำสินค้าเอง ระหว่างที่ยังเก็บเงินไม่ได้ แต่ต้งผลิตสินค้าส่งไปตามงวดเรื่อยๆ ต้องใช้ทุนเยอะครับ สายป่านต้องยาวเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณซื้อมาขาย คุณก็ลองคิดว่าคุณเป็นตัวห้างเองละกัน คุณซื้อเยอะ อำนาจต่อรองก็เยอะ คุณก็น่าจะขอเครดิตได้เหมือนกัน สมมติได้เครดิตสามสิบวัน แต่คุณไปขายห้างให้เครดิตหกสิบวัน คุณยังเหนื่อยเองแค่ครึ่งเดียว ค่อยๆ คิดครับ ค่อยๆคิด ที่จริงหากเป็นนักเขียนอยู่แล้วและมีเพื่อนๆในวงการเดียวกัน น่าลองทำสำนักพิมพ์เองนะครับ แล้วจ้างโรงพิมพ์จากนั้นค่อยหาร้านลงขาย อย่างน้อยทำสิ่งที่ตัวเองถนัดครับ จากคุณ : คนรู้มาก - [ 19 ก.ย. 51 20:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เคยไปประสานงานมาเหมือนกัน ถ้าเป็นสินค้าbrandแปลกๆ ใหม่ๆ จะเข้ายากมาก ค่าใช้จ่ายแรกเข้าสูงมาก แถมช่วงแรกๆกว่าจะเจอฝ่ายจัดซื้อได้ ยากมาก นัดคุยกันทีนึง กว่าจะได้คิวเข้าไปแนะนำสินค้าเกือบเดือน คุยกันไม่ถึง 10 นาทีก็บอกให้ไปทำราคามาใหม่ จำได้เคยไปนั่งรอ ฝ่ายจัดซื้อ นัดกัน 11 โมง ได้คุยเกือบ สี่โมงเย็น ติดประชุมบ้าบออะไรไม่รู้ บ่อยมาก กว่าจะได้เอาสินค้าไปขายต้องใช้ความอดทนสูงมาก ทำได้ 1 ปี แต่ได้ประสบการณื ความอดทนเยอะมาก จากคุณ : แมวทาโร่ - [ 20 ก.ย. 51 02:26:38 ]