ความคิดเห็นที่ 1 ก็ต้องยึดที่ดินที่ประกันไว้อะครับ  จะมาเห็นแก่มิตรภาพอะไรไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : อินจอง - [ 19 ก.ย. 51 19:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาถึงจุดนี้  คุณต้องเคลียร์กันภายในให้ได้ก่อน  ว่าจะเอาจริงไหม  จัดการเด็ดขาดหรือเปล่า?? ถามคุณพ่อคุณดูว่า มิตรภาพของคุณพ่อคุณนั้น  มีราคา 15 ล้านเลยหรือ?   เพราะไม่อย่างนั้น  ดูแล้วคงจะ  สูญแน่  หากไม่จัดการ  ปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป เข้าไปคุยกับทางลูกหนี้ให้เคลียร์  ว่าเขาจะจัดการหาเงินมาใช้ได้อย่างไร  และที่ดินที่โอนมาประกันหนี้ มีมูลค่าเท่าไหร่ เขาต้องใช้เงินเท่าไหร่ต่อเดือน กี่ปีจึงจบ จากคุณ : สาวกุมภ์ - [ 19 ก.ย. 51 19:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าพ่อบอกว่าเอาไว้ก่อนเพื่อมิตรภาพ ก็ควรเชื่อพ่อนะครับ เราคงทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้ ดูุคุณพ่อไม่เดือนร้อน....แสดงว่าคงมีเงินมากกว่าจำนวนนั้นมากครับ จากคุณ : โจ (ฉันมันตัวเปล่า) - [ 19 ก.ย. 51 20:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่เขาจะตกลงกัน คุณพ่อเป็นผู้ที่ทำสัญญานั้นไว้....ให้คุณพ่อเป็นผู้ตัดสินใจเองดีกว่า จากคุณ : ผู้น้อย..น้อยหน่อย - [ 19 ก.ย. 51 20:15:14 A:58.9.103.173 X: TicketID:172814 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ระวังนานเกินจะหมดอายุความนะครับ จากคุณ : คุณชายแบดบอย & หมาน้อยซื่อบื้อ - [ 19 ก.ย. 51 20:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เชื่อ พ่อแม่  แล้วจะรุ่ง (ผมจำเขามานะ) จากคุณ : ..-- น า ย ยิ้ ม ก ริ่ ม --.. - [ 19 ก.ย. 51 21:30:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เงินคุณหรือเงินพ่อครับ?? คุณให้ข้อมูลและความเห็นได้แต่เจ้าของเงินควรเป็นผู้ตัดสินใจ จากคุณ : MESMERIC - [ 19 ก.ย. 51 21:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 51 21:47:15 จากคุณ : basil bay - [ 19 ก.ย. 51 21:46:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 15ล้าน เอาคืนจิเยอะจริงๆ จากคุณ : nutto1150 - [ 19 ก.ย. 51 21:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าที่บ้านไม่เดือดร้อน  ดิฉันคงไม่มาโพสขอคำคิดเห็นในนี้ จากคุณ : basil bay - [ 19 ก.ย. 51 21:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 15 ล้านแหนะ แบ่งผมสักล้านจิ จะเอาไปซื้อบ้าน เอิ๊กๆๆ จากคุณ : mm_takky - [ 19 ก.ย. 51 22:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เงินนี่เสียเพื่อนมาเยอะครับ ต้องทำตามสัญญาครับ ลูกเค้ากลับมาให้ทำงานส่งเงินกู้คืนครับ จากคุณ : Organizer - [ 19 ก.ย. 51 22:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เพิ่งไปค้นเจอสัญญาเมื่อกี้ค่ะ สัญญากำหนดให้จ่ายเงิน + ดอกเบี้ยให้หมดภายใน เดือนตุลาคม 2553 ค่ะ ค่อยยังชั่ว ขอบคุณ คคห ที่ 1-2-5 และ 12 ค่ะ คุณแม่ซึ่งเป็นคนเซ็นสัญญาเครียด  นอนไม่หลับ  ดิชั้นเป็นลูกก็เป็นห่วง จะมาบอกว่าดิชั้นไม่มีสิทธิ์ทำอะไรมันก็ไม่ถูก ใครไม่ได้เป็นแบบนี้คงไม่เข้าใจ  เงินก็ไม่ได้น้อยๆ จะได้ยกให้กันไปฟรีๆ ได้ จากคุณ : basil bay - [ 19 ก.ย. 51 22:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้ครับ อาผมยืมเงินพ่อผมไปแสนนึง ไม่มีสัญญาเงินกู้ใดๆ ผมยังอดห่วงไม่ได้เลย แม้จะไม่ใช่เงินผมก็เถอะ และพ่อผมก็ไม่รวย จากคุณ : อิฐมอญ - [ 20 ก.ย. 51 00:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เงินเป็นของใคร คนนั้น ก็ควรเป็นคนตัดสินใจครับ มิตรภาพ กับเงิน 15 ล้าน บางคนเลือกเงิน แต่ พ่อคุณเลือกมิตรภาพ แสดงว่า พ่อคุณกับเพื่อนที่ตายไป คงต้องมีอะไรผูกพันกัน มากกว่าเรื่องเงิน แม้ขณะนี้เดือดร้อน ยิ่งแสดงให้เห็นว่า เพื่อนคนที่ตายไป ต้องมีความสำคัญ เขาอาจเคยช่วยพ่อคุณมาก่อนก็ได้ เพื่อนที่ยืมก็ตายไปแล้ว ธุรกิจก็เจ๊ง แต่ภรรยา ยังส่งดอกเบี้ยให้ ก็ถือว่ายังอยู่ในข้อตกลง ถ้าครบกำหนด ไม่ใช้คืนเงิน ตามสัญญา จะทำอย่างไรกับที่แปลง นั้น ก็คงต้องรอให้ครบกำหนดก่อน สิทธิจึงจะเกิด ส่วนการที่ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก เป็นความรัก ความหวังดีของแม่ที่มีต่อลูก ไม่ควรไปก้าวล่วง เพราะเขาคงไม่ได้ ใช้เงินส่งลูก ถึง 15 ล้านบาทแน่ๆ ไม่ใช่ว่า ไม่ส่งลูกเรียนเมืองนอกแล้วจะมีเงิน 15 ล้าน มาคืนทันที หรือ ก็เปล่า สัญญากำหนดปี 2553 นั่นหมายถึง คู่สัญญา เห็นชอบร่วมกัน จึงลงนามในสัญญา คนอื่นที่ไม่ใช่คู่สัญญา ไม่มีสิทธิ ทำอะไรครับ ยกเว้น ได้เปลี่ยนมาเป็นคู่สัญญาแทน หรือ คนทำสัญญาเสียชีวิต แล้วทายาท จึงจะมีสิทธิ ดำเนินการ ---- คุณขอบคุณเฉพาะ คห.ที่ตรงกับ ความคิดคุณ แล้วจะมาถามหาความเห็น ในนี้ ทำไม ไม่ทราบครับ จากคุณ : . - [ 20 ก.ย. 51 00:50:19 A:58.9.61.181 X: TicketID:127369 ]

ความคิดเห็นที่ 16 1. คำพูดของพ่อ    คนเป็นพ่อ  ผ่านชีวิตมาเยอะ  เจอเรืองราวมากมาย  หลายอย่างเราไม่รู้    พ่อ  กับ เพื่อน  อาจเคยช่วยเหลือกันมาก่อน  อาจเป็นเพื่อนตายที่หาได้ยาก    เวลาเพื่อนลำบาก  เงิน 15 ล้านก็ให้ยืมได้ (มันไม่น้อยนะกิ๊บ)    เพื่อนพ่อสมัยอยู่ได้ส่งเงินอย่างต่อเนื่องหรือเปล่า ถ้าได้ส่งก็อาจคิดได้ว่่าตัวเพื่อนพ่อเองก็ไม่ได้คิดไม่ดีที่จะเบี้ยว    แต่พอเพื่อนพ่อตายไป   คนเป็นลูกเมียก็คิดไม่เหมือนกัน คุณเองก็คิดไม่เหมือนพ่อ    ความผูกพันมิตรภาพ ระหว่างคนสองคน มันไม่ได้ส่งต่อไปยังครอบครัว    คำถามคือ   คุณจะรักษาความรู้สึกพ่อเอาไว้  หรือ  จะเลือกเคลียร์ความกังวลของคุณให้หมดไป    ผมนึกเล่นๆขำๆ  หากเพื่อนพ่อเคยช่วยพ่อคุณไว้ตอนลำบาก  พ่อคุณเลยคิดว่าเพื่อนคนนี้คือเพื่อนแท้    วันนึงเพื่อนมายืมเงิน ในฐานะเพื่อนแท้ก็ต้องช่วยกันให้หยิบยืมกันไป    วันนี้เพื่อนพ่อก็ตายไปแล้ว  เมียก็ไม่ยอมคืนเงิน น่าจะเคลียร์ให้จบ    แต่สำหรับพ่อ ความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนคนนั้นยังคงอยู่ในใจ   พ่ออาจคิดว่าถ้าต้องเจอหน้าเพื่อนรักคนนั้นอีกครั้ง  จะได้ยิ้มกว้างๆกอดคอดวดเหล้าอย่างที่เคย    ผมไม่ได้บอกว่าไม่ให้เอาคืน   แต่จะบอกว่าให้แคร์ความรู้สึกพ่อให้มากที่สุด 2. แนวทางการเอาเงินคืน    ก่อนอื่นอย่าเพิ่งคิดมาก  พยายามรวบรวมข้อมูล  เอกสารให้มากที่สุด    ได้มีสัญญาเงินกู้  สัญญาคำประกัน  การโอนชื่อ ต่างๆ    ถ้าตัวไหนไม่มีให้สอบถามพ่อว่าได้มีการตกลงอย่างไร  โดยการสอบถามต้องให้พ่อสบายใจและเข้าใจจุดยืนของเราว่า     เราจะทำโดยรักษามิตรภาพของพ่อเอาไว้     พยายามลด  การคิดไปเอง   หรือ  น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้     ผมเดาใจคุณว่าคิดไปแล้วว่าจะเอาเงินคืน  เพื่อจะได้ไปทำอย่างอื่น  ถ้ามัวมาห่วงใยเขา  จะกลายเป็นม้าอารี     ซึ่งความคิดแบบมีธง  จะทำให้มองอะไรผิดไป  ติดกับดักความคิดตัวเอง     เช่น เรื่องลูกเรียนเมืองนอก  ถ้าตรวจสอบข้อมูลอาจพบว่า  เรียนโดยใช้ทุนรัฐ ทุนเอกชนก็ได้ สมัยนี้มีเยอะแยะ     ดังนั้นจึงต้องเก็บข้อมูลให้มาก     เมื่อมีข้อมูลมากขึ้น  ลองมานั่งพิจารณาดูว่าถ้าจะปรับ จะปรับตรงไหนได้บ้าง     เช่น  รายได้ของ ภรรยาเพื่อนพ่อ  มีทางไหนบ้าง  มีเท่าไหร่  เพียงพอในการจ่ายต้นหรือไม่  ถ้าเพียงพอ แต่ไม่จ่าย ให้นำข้อมูลรวบรวมไว้     จะได้ไว้ใช้ชี้แจงด้วยเหตุผลกับพ่อ   ว่าทำไมเราถึงจะกระทำการต่อไปอย่างไร      ถ้ามีเงินพอจ่ายให้ตกลงเขียนสัญญาให้ชัดเจน (หากสัญญาเก่าไม่มีหรือไม่กำหนด)      โดยตกลงกับภรรยาเพื่อนพอว่าจะกำหนดลักษณะการจ่ายอย่างไร       ซึ่งสิ่งที่ทำลงไปนี้  เป็นการทำเพื่อลดความเสี่ยง  เพื่อให้เขามาชำระ       แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปบีบเอาจนเขาหน้าเขียว  เพราะจะผิดเจตนารมณ์ของพ่อไป       ถ้าเขาไม่ยอม (หรือเขาอาจไม่มีกำลังรายได้จะมาชำระอีกต่อไปแล้ว /  หรือทางครอบครัวคุณร้อนเงินจริงๆ ไม่สามารถทนต่อไป)       ก็ให้ดำเนินการเรื่องที่ที่ประกันไ้ว้ต่อไป  แต่ต้องให้ยุติธรรมและนุ่มนวล เพื่อรักษามิตรภาพไว้       อาจทำโดยสื่อสาร พูดจากับทางนั้นให้เข้าใจ ว่าเราจะกระทำการอะไรต่อไปเช่น       ลองประกาศหาผู้ซื้อ  หรือ  หาราคาตลาด/ราคาประเมิน  (Fari value) ขาย       แล้วหักส่วนที่เป็นหนี้ไว้  ส่วนที่เหลือก็คืนให้เขาไป       โดยชี้แจงให้พ่อเข้าใจว่า   สิ่งที่เราปฏิบัติต่อเขาจะ ยุติธรรมทุกอย่าง และเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลแก่คนดีๆทั่วไปเขาทำกัน        แล้วถ้าหากยังขัดสนค่อยไปจุนเจอเขาเอาในภายหลัง          คุณต้องพยายามใจเย็นและดำเนินการทุกอย่างโดยคำนึงถึงความรู้สึกพ่อมาก่อน        ถ้าคุณหักหาญน้ำใจพ่อ  มุ่งหวังแต่จะเคลียร์ความกังวลใจให้หมดไป        คุณอาจจะทำร้ายคนที่คุณรักโดยที่คุณไม่รู้ตัว   และจะไม่มีโอกาสแก้ตัว โชคดีครับ ^^ ************************************************ พ่อแม่คือชีวิต  เธอคือจิตวิญญาณ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 20 ก.ย. 51 09:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ยังส่งดอกเบี้ยสม่ำเสมอ แถมยังมีที่ดินค้ำไว้ สัญญาก็ยังไม่หมดอายุ ฝากแบงค์อีกหน่อยก็คุ้มครองแค่ล้านเดียว ด/บก็น้อย ไม่มีที่ดินค้ำด้วยนะ อย่าคิดมาก จากคุณ : พินรา - [ 20 ก.ย. 51 09:58:33 A:124.120.35.152 X: TicketID:163379 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG - [ 20 ก.ย. 51 10:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อยู่ๆก็ปิ๊งคห 16 จากคุณ : ..................... - [ 20 ก.ย. 51 12:41:19 A:124.121.245.172 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยกับคุณวิญญาณ ความรัก ความรู้สึก ครับ จากคุณ : pathfinder - [ 20 ก.ย. 51 13:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เคลียร์ในบ้านให้ได้ก่อนครับ จากคุณ : Jump.Jr - [ 20 ก.ย. 51 14:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อย่างน้อยก็ยังส่งดอกนี่ครับ คุณน่าจะดีใจที่ยังได้ดอกเบี้ยสม่ำเสมอนะ เป็นรายได้อีกทางนึง คุณก็น่าจะได้ดอกเบี้ยมาเป็นเงินไม่น้อยแล้วแหละ อีกอย่างนึงมันก็ยังไม่ครบกำหนดสัญญา ดูๆไปเหมือนทางคุณจะเร่งรัดเอาก่อนกำหนดมากกว่านะครับ หากคุณไปฟ้องร้องทางนั้นเขาก็แย้งได้ว่ายังไม่ครบกำหนดครับและยิ่งส่งดอกต่อเนื่องด้วยนี่ดูยังไงก็ยังไม่ผิดครับ ดูเหมือนทางคุณกลับคิดจะเป็นฝ่ายผิดสัญญาเสียเองด้วยซ้ำ ว่าแต่ที่ดินตรงนั้นมีมูลค่าถึง 15 ล้านหรือเปล่า ในเมื่อมีที่เป็นหลักประกันแถมเขาก็ยังส่งดอกเยี้ยคุณจะบอกว่ายกเงินให้เขาไปฟรีๆก็ไม่ถูกนะครับ ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองปี ทางนั้นเขาอาจจะใช้เงินก้อนตอนใกล้หมดสัญญาก็ได้ ที่ดินนับวันมีแต่มูลค่าจะเพิ่มขึ้น อีกสองปีเขาค่อยประกาศขายและนำเงินมาไถ่ถอนที่ก็ได้ครับ ใจเย็นๆครับ ยังไม่ถึงกำหนดเวลาคุณไปเร่งยังไงก็ยังไม่ได้หรอกครับ เอาเป็นว่าทำลืมๆเรื่องนี้ไปสักพักดีกว่า คุณก็สบายใจ คุณพ่อคุณก็สบายใจครับ จากคุณ : คนรู้มาก - [ 20 ก.ย. 51 16:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าเห็นแก่มิตรภาพไม่ควรให้ยืมตั้งแต่แรกแล้วครับ เพราะการยืมเงินกันเนี้ย มิตรภาพส่วนมากแตกสลาย จากคุณ : The bam (The bam) - [ 21 ก.ย. 51 01:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ปฎิบัติตามข้อสัญญาครับ ถึงเวลาคืนก็ต้องคืน เค้าจะมาว่าเราไม่ได้ จากคุณ : ten thousand - [ 21 ก.ย. 51 10:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 " เค้าเซ็นสัญญากู้ยืมเงินไว้  และโอนโฉนดที่ดินมา้ประกันไว้ให้ 1 แปลง  ประมาณ 5-6 ไร่  (เป็นที่ในเมือง  แต่อยู่ ตจว) " อย่างน้อยก็ยังมี โฉนดที่ดินเป็นประกันอยู่  และมีการส่งเสีย ดอกเบี้ย คุณอาจจะ ลอง เช็คประเมิน ราคาที่ดิน  ที่นำมาวางค้ำประกัน  บางที ตอนนี้ มูลค่า อาจมากกว่า ที่กู้ยืมไปก็ได้  พอถึงเวลา ครบกำหนด  ก็ว่ากันไปตามลายลักษณ์อักษร ไม่ต้องกังวลใจ  หรือไปเร่งรัด ให้เสียความรู้สึกกันทั้งสองฝ่ายเลย  อีกตั้ง 2 ปี  ใครจะรู้ เผื่อธุรกิจของเค้าเกิดบูมขึ้นมา   ให้โอกาส  ให้ทานมนุษย์  นับได้ว่า กุศลแท้ จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย - [ 21 ก.ย. 51 11:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เค้ามีสัญญาใจอะไรกันอยู่เหรอเปล่า... จากคุณ : ย่ามฝัน - [ 22 ก.ย. 51 09:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่า จขกท คงคับแค้นใจ ที่ฝ่ายลูกหนี้สามารถส่งลูกสาวไปเรียนเมืองนอกได้ ในขณะที่เจ้าหนี้  ลูก ๆจบเมืองไทย ผมแนะนำให้อย่าไปคิดมากครับ เพราะทางบ้านผมก็คล้าย ๆกับของคุณ จขกท คุณพ่อผมปล่อยเงินให้เพื่อนยืมไปหลายล้านแล้วไม่ได้คืนเช่นกัน   ทุกวันนี้ลูก ๆเขาจบเมืองนอกทุกคน  อยู่บ้านเดี่ยวราคาหลายสิบล้าน รถยุโรปทั้งเก๋ง  มอเตอร์ไซด์ช๊อปเปอร์  จักรยานเสือภูเขาจอดเต็มบ้าน ไอ้เราก็ได้แต่คิด  น่าจะขายทิ้งมาใช้หนี้สักหน่อยก็ยังดี  อิ..อิ.. แต่เห็นทางคุณพ่อผมเจ้าของเงิน  ไม่เดือนร้อนอะไร  คุณแม่ก็เฉย ๆ เราซึ่งเป็นลูกก็เฉย ๆ ตาม ทางผู้ใหญ่เขาคงมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นเกินกว่ารุ่นลูกจะเข้าใจ จากคุณ : --^ไชโย^-- - [ 22 ก.ย. 51 11:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ชอบความเห็นที่ 15+ 16 ค่ะ จากคุณ : ratta - [ 22 ก.ย. 51 19:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ปรึกษาทนายก่อนเลยค่ะ จากคุณ : PaNok@WanDerLust_Diary - [ 23 ก.ย. 51 22:57:35 ]