คือมีเรื่องเกิดขึ้นว่า ที่ทำงานเปิดเป็นร้านให้บริการเช่าและซื้อ ได้รับแจ้งว่า ในตอนเช้ามีคนเข้ามาภายในร้านบอกว่า ทาง Manager ให้มาเอาเงินไปซื้อของโดยได้ทำท่าทางโทรไปหาทาง Manager และเรียกชื่อ manager ถูกด้วยและเรียกชื่อพนักงานคนนั้นถูกด้วย พนักงานก็ให้เงินไป นี้คือเรื่องราวได้รับแจ้งจากทางพนักงานคนนั้น และพอถามว่าพนักงานอีกคนที่ต้องเข้าเช้าด้วยไปไหน เพราะต้องเข้าพร้อมกัน ก็บอกว่าพนักงานอีกคนมาสาย พอถามพนักงานคนนั้น เค้าบอกว่ามาไม่สาย จึงให้ไปแจ้งความ พอไปแจ้งกลับมาบอกว่าไม่ไปสเก็ตภาพได้ไหม ไม่อยากไป ก็บอกว่าเดี๋ยวให้คนที่คอยดูแลร้านอีกคนพาไป ทำให้จบขั้นตอน โดยคืนนั้นประชุมพนักงาน ให้ช่วยกันรับผิดชอบ เพราะว่า Manager ใหม่ มาได้ 2 วัน อยู่ดีๆ รู้จักชื่อกันเลย จึงน่าจะเป็นคนใน แต่ไม่รู้ว่าใคร จึงรับผิดร่วมกัน
วันรุ่งขึ้น ได้ข่าวเพิ่มเติมจากคนแถวๆนั้น บอกว่าเห็นเหตุการ์ณในตอนเช้านั้น บอกว่า รูปพรรณสัณฐาน ไม่ตรงกับที่ คนที่ให้เงินไปบอกมา จึงมีการจับกลุ่มพูดจากันตลอดวัน ทาง manager บอกกับทางคนดูแล ซื่งคอยดูแลพนักงานอยู่แล้ว ว่าให้ถามรูปพรรณสัณฐานมาว่าเป็นยังไง แล้วรุ่งขึ้นให้คุยกับ ทางพยาน แต่พอคืนนั้นทางคนดูแลเด็กตัดบท บอกให้จบไป เพราะว่าก่อนหน้านี้ให้พูดกันว่าจะเอายังไงไม่พูด แต่คราวนี้พูดกันไม่จบ จึงสรุปให้ทุกอย่างจบ เรื่องจึงนิ่งอยู่แค่นี้ จบแค่การแจ้งความ ยังไม่ได้สเก็ตภาพ
หลายวันผ่านไป ได้รับข่าวว่า ทางคนดูแลเด็ก บอกกับเด็กที่ยังข้องใจอยู่ว่าให้แจ้งคำร้องไปยังกองตำรวจให้ดำเนินคดีต่อ และบอกว่าถ้ามีการดำเนินคดีต่อ จะต้องมีคนออกอย่างน้อย 2 คน
ปัญหาข้องใจคือ
1 ตัวเองตัดบทเองให้จบ แล้วทำไมจึงไปบอกเด็กให้ทำแบบนั้น
2 คนที่จะต้องออกอย่างน้อย 2 คนหมายถึงยังไง ถ้าเด็กคนนั้นแต่งเรื่องเอง ก็โดนคนเดียวไม่ใช่เหรอ กฎหมายเล่นแค่การเอ่ยชื่อได้ด้วยเหรอ แล้วถ้าบุคคลที่ถูกอ้างถึง พิสูจน์ได้ว่าบริสุทธิ์ มีสิทธิเรียกร้องกลับได้อย่างไรบ้าง
3 คดีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยไหม
4 ร้านเป็นร้านใหม่ มีคนต้องการเข้ามาดูแลเยอะ การทำแบบนี้ถือว่าจะเล่นใครหรือเปล่า
5 โทรศัพท์การไปขอให้ทางเจ้าของสัญญาณ ลิสต์รายชื่อการโทรเข้าออกมาทำได้หรือไม่ และใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายได้หรือไม่
6 ทางเจ้าของร้านสามารถให้ทาง manager ออกได้ทันทีหรือไม่เพราะถือว่าละเลยหน้าที่
แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 51 03:13:23
ถ้าเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ในที่ทำงาน
- [
25 ก.ย. 51 01:07:33
]