ความคิดเห็นที่ 1 มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ จากคุณ : lifemirror (lifemirror) - [ 29 ก.ย. 51 11:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อย่าไปบ้าจี้ตามกูรู อะไรเลยครับ ดื่มเพราะอะไรเรารู้ดีที่สุด Starbuck ขายกาแฟครับ ประสบการณ์อะไรนั้น เป็นเพียงแค่ Marketing ที่ Value added ให้กับกาแฟเท่านั้นเองครับ เพราะสินค้าเหมือนกันมีเยอะ ถ้าไม่แตกต่างก็ขายลำบากครับ ราคามันต่างกันเยอะ แต่จำได้ว่า Strategy อันนึงของ Starbuck คือ กลิ่น (ซึ่งผมก็แยกไม่ค่อยออกนัก ถ้าให้แยกกลิ่นกาแฟ กับ กระเพราหมูสับจะง่ายกว่า ^.^) จากคุณ : BMWTurboman - [ 29 ก.ย. 51 11:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ประสบการณ์ในการดื่มกาแฟ.. ก็ซื้อกาแฟแก้วเดียว .. คุณสามารถใช้ประสบการณ์ในการนั่งในร้านเค้าได้ทั้งวัน  . . จริง ๆ จากคุณ : สามทับหนึ่ง - [ 29 ก.ย. 51 12:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กระทู้นี้ด่า ประชด หรือว่าเอาขำครับเนี่ย เดายากจริง - -'''' ผมไป Starbucks เอาเก้าอี้ ปลั๊กไฟ และเอาเวลา - - จากคุณ : cookiecompany - [ 29 ก.ย. 51 12:50:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กูก็รู้ขอบอกว่า ไปสตาร์บัคเพื่อเอางานครับ กาแฟจิบๆไปงั้นๆล่ะ จากคุณ : Jump.Jr - [ 29 ก.ย. 51 13:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มันเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสตาร์บัคส์ครับ ลองหาประวัติดูครับ "ประสบการณ์ที่คุณจะได้ชื่มชมและกลิ่นของกาแฟระหว่างที่คุณกำลังยืนรอ" จากคุณ : kmitl_Pu - [ 29 ก.ย. 51 14:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ก็ถ้าดื่มกาแฟ ร้านไหน ๆ ก็หากาแฟดื่มได้ แต่ถ้าอยากได้กาแฟ แก้วละร้อย ก็ต้องไปดื่มที่สตาร์บัคส์ แต่ ๆๆๆ อีกนั้นแหละ มันเป็นการสร้างคุณค่าของกาแฟ ให้ดูสมกับแก้วละร้อย  เจ้าของเขาก็ต้องสร้างมูลค่าในการดื่มให้ดูดี แตกต่าง และลูกค้ายินดีที่จะจ่าย ดูมีคุณค่า ในการนั่งดื่ม โดยไม่สนใจราคาที่แพงกว่าปกติเป็นไหน ๆ สังเกตว่าคนที่นั่งดื่มที่สตาร์บัคส์ จะรู้สึกภาคภูมิใจ และรู้สึกเท่ห์ (อย่าปฏิเสธเลย คุณรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ)  นั่นเพราะเขาได้สร้างภาคลักษณ์ให้กับสตาร์บัคส์แล้ว นั่นเอง ปล. ความคิดเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน จ้า จากคุณ : คนจนรุ่นสุดท้าย - [ 29 ก.ย. 51 14:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โดยส่วนตัวคิดว่ามันเป็นความสุขของคนดื่มกาแฟอีกแบบหนึ่ง ก็เหมือนกับว่า ทำไมบางคนต้องซื้อ lcd 40 50 นิ้ว ทั้งๆที่จอ 21 นิ้วแบบแฟลตก็ดูได้แล้ว ... ทำไมบางคนถึงต้องสรรหาบ้านเดี่ยว ทั้งๆที่ก็เคยอยู่ทาวเฮ้าส์มาก่อน ทำไมบางคนถึงอยากขับแคมรี่ ทั้งๆที่เมื่อก่อนวีออสก็ขับได้ และ ทำไม ๆๆๆ อีกหลายๆอย่าง ผมก็เป็นผู้บริโภคคนนึงของตาบัคส์ โดยส่วนตัวคิดว่า ร้อยกว่าที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าทั้งราคาและคุณภาพ ภาพลักษณ์นั้นไม่ใช่เป้าหมายของผม ซื้อมาแล้วก็นั่งกิน เดินกิน ตามปรกติ แต่คนอื่นๆๆๆเองต่างหากที่เป็นคนใส่ภาพลักษณ์นั้นมาให้ ... ถ้าจะตอบ จขกท ก้ต้องบอกว่า ผมซื้อกาแฟกินครับ ไม่ใช่ประสบการณ์ ง่ายๆก็คือ ประสบการณ์ไม่อร่อยครับ มันสู้ แฟรปปูชิโนไม่ได้ อิอิอิ จากคุณ : เด็กอุทัย - [ 29 ก.ย. 51 14:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่รู้สึกเท่เลยจริงๆนะ ผมซื้อเพราะชอบกิน แต่บางทีก็เสียดายเงินเหมือนกัน มันแพง แต่ไม่เคยรู้สึกเท่เลย ทำไมต้องรู้สึกเท่ด้วยล่ะ ใครๆเขาก็ซื้อกินกัน จากคุณ : จขกท - [ 29 ก.ย. 51 14:56:05 A:58.137.137.98 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นี่แหละ กลยุทธทางการตลาด ถ้าประกาศปาวๆว่าขายกาแฟ บริษัทไหน หรือร้านข้างทางไหนๆก็ขายได้ ลูกค้าก็ไม่เห็นถึงคุณค่าของแบรนด์ และความแตกต่างไง ไม่งั้นจะขายแก้วละ ร้อยอัพ ได้เหรอ จากคุณ : ดอกข้าวใหม่ - [ 29 ก.ย. 51 15:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สิ่งที่กูรูพูดถึงสตาร์บัคส์นั้นหมายถึงการไม่ได้มุ่งขายสินค้าโดยตรง แต่เป็นการใส่การตลาดเข้าไปในสินค้า  ซึ่งบางคนมักคิดแค่นั้น  คือสินค้า ต้องคุณภาพดี  แค่นั้นจบ  แต่ไอเดียของสตาร์บัคส์ต้องเริ่มต้นไปมองที่ จุดเริ่มต้นของเค้า  คือประเทศอเมริกา (เขาเอาไอเดียไปจากอิตาลี  ซึ่งเป็น ประเทศที่คนดื่มกาแฟกันมากเป็นปกติ) แทนที่จะมุ่งขายแค่กาแฟดีๆ เขาจึงวางให้มีจุดขายเป็นที่นั่ง  สร้างบรรยากาศ มีกลิ่นกาแฟหอมๆ โชย  เพราะร้านกาแฟแบบเดิมของอเมริกาไม่มีแบบนั้น สตาร์บัคส์จึงเป็นเจ้าแรกที่ทำ(โดยเฉพาะหมายถึงเปลี่ยนความหมายของ ร้านกาแฟไปเลย) มันคล้ายกับที่รถหรูๆ ไม่ได้ขายแค่รถยนต์  แต่ขายภาพลักษณ์ทั้งสิ้น Porsche  Ferrari  Mecedes  หรืออื่นๆ ถ้าอยากซื้อแค่รถที่ใช้งาน ก็คงไม่สามารถบวกราคาได้สูงขนาดนั้น ที่กูรูพูด  เขาหมายถึงสอนให้คนทำธุรกิจคิดมากกว่าแค่การมุ่งเน้นที่ตัวสินค้า แต่ให้คิดในแนวใหม่ๆ ของการทำการตลาด  ซึ่งจริงๆ แล้วทุกวันนี้สินค้า ส่วนใหญ่ก็ขายภาพพจน์กันเกือบทั้งนั้น  หาน้อยมากที่จะขายเฉพาะคุณภาพ ของสินค้าเท่านั้น แต่ที่สำคัญก็คือ มันมีคนที่จำมาแต่เปลือกของแนวคิด  มาพูดให้ดูเท่ พอพูดมากเข้า  คนก็เอืยน  แต่มีข้อดีคือ มันยิ่งเสริมให้คนที่ต้องการ ภาพลักษณ์ทั้งๆ ที่ไม่ได้อินกับรสชาติของกาแฟแต่อย่างใด  ยิ่งเข้าไปซื้อ สตาร์บัคส์มากยิ่งขึ้น (อันนี้ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่สตาร์บัคส์กำลังประสบปัญหานะครับ) จากคุณ : Jimmy Walker - [ 29 ก.ย. 51 15:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมอยากจะแลกเปลี่ยนความคิดดังนี้ครับ 1.  คุณค่าที่ลูกค้าได้รับ     มันรวมๆคุณค่ากันหลายอย่างที่คุณพยายามจะมอบให้กับลูกค้า     ถ้าเรามองแยกชิ้นของแต่ละส่วนของคุณค่า เราอาจพบว่า เฉพาะบางอันมันไม่พอ     มันต้องผสมผสาน หลอมหลวมเอาแต่ละตัว แล้วจับยัดใส่ลูกค้าจนร้อง " อ๊าาาง สุดยอดดดด "     ถ้าผมบอกว่าผมขาย รสชาติของกาแฟ ลองทำ blind test แล้วดูว่า รสชาติกาแฟของ starbuck จะขายได้กี่บาท     และเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ  starbuck อาจกลายเป็นอันดับหลังๆ เลยทีเดียว         คุณลักษณะของ กาแฟ  รสชาติ อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจ  มีคุณค่าพอที่จะเรียกร้องความสนใจ หรือเงินจากกระเป๋าลูกค้า     หลายๆธุรกิจจึงมองทะลุ ให้ลึกเลยออกไปจากกรอบความคิดเดิมๆ ที่ว่า   ชงกาแฟ เอาใส่แก้ว แล้วเก็บเงินลูกค้า  เรียกว่า ขายกาแฟ     เพราะการที่ลูกค้าเดินเข้ามา  หาที่นั่งนุ่มๆบนเบาะที่หาไม่ได้จากที่บ้าน  กลิ่นหอมกาแฟคั่วสดๆโชยแตะจมูก     อากาศเย็นๆที่เหมาะกับการนั่งแช่อ่านหนังสือสักเล่ม  พูดคุยกับเพื่อนนานๆ หรือนัดคุยกับลูกค้า     นั่นคือ  concept ของธุรกิจ     ถ้าเราต้องการขายกาแฟ  ผมอาจมุ่งเน้นไปที่ตัวสินค้า เช่น กาแฟรสชาติระดับพระเจ้า หรือ รสชาติหลากหลายจากทั่วโลก     และต้องการให้มี turnover มากๆ  พยายามลด Time to deliver ให้น้อยที่สุด     ในกรณีนี้ก็เช่นกัน  starbuck ไม่ได้ต้องการให้ลูกค้าเดินเข้ามาในร้านแล้วคว้ากาแฟรสชาติในตำนานเดินออกไปแล้วร้อง " อู้ยยย สุดยอด "     แต่อาจกลายเป็นว่า  เราอยากให้ลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน  พอเดินออกไปแล้วคิดว่า       "ถ้าฉันจะใช้เวลาสักชั่วโมง สองชั่วโมง ในการ chill out ฉันมีที่ที่จะมาแล้ว"         พอกล่าวมาถึงตรงนี้  ถ้าใครสักคนที่อยากจะทำธุรกิจ ต้องมานั่งคิดแล้วว่า  สิ่งที่เราจะขายนั้นเรากำลังขาย "อะไร"     ซึ่งการที่เราจะขายอะไรนั้นจะส่งผลไปทั้งหมดถึง model ธุรกิจ  กลยุทธ์  การใช้และจัดหา resource แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญอย่างยิ่ง 2.  ธุรกิจที่เห็นได้ชัดในการขายประสบการณ์มาก เช่น ธุรกิจกลางคืน  ผับ เธค  คลับ  เลานจ  ที่ขาย " ประสบการณ์ " ชัดเจนมาก     ไม่ใช่แค่เหล้า เบียร์ หญิง ดนตรี บุหรี่   ถ้าบอกว่าขายเหล้าเบียร์ คู่แข่งนี่เลย 7-11   ถ้าบอกว่าขายดนตรีคู่แข่งนี่เลย คอนเสิร์ทที่แกรมมี่จัด     สิ่งที่ขายคือ  แต่ละวินาทีที่มันส์ ฮา บ้า  ไปกับบรรยากาศ  จนเกิดเป็นประสบการณ์ที่ต้องแสวงหาใช้เงินซื้อ (อย่าง JET เนี่ย  โอยยย ญ แจ่ม)     อย่างไรก็ตามธุรกิจขายประสบการณ์ในการ จุดจุดจุด ทั้งหลาย ต้องคำนึงถึงความชาชิน (cycle ที่สั้น)     ร้านต่างๆจึงมักมีการ renovate เสมอ โดยที่เจ้าของไม่ได้เปลี่ยนมือ     เช่นเดียวกับ  ธุรกิจสวนสนุกที่ขายประสบการณ์ในการใช้เครื่องเล่น  ต้องมีเครื่องเล่นแปลกใหม่เสมอๆ     ลองคิด mapping starbuck เข้ากับ ผับดู เผื่อจะเห็นอะไรคล้ายๆกัน     เอาเท่านี้ก่อนดีกว่าครับ ^^ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 29 ก.ย. 51 17:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่อ อ่าน คห.12 แล้วช่วยให้เห็นภาพเยอะเลย คุณถ่ายทอดได้ดีคะ เข้าใจง่าย จากคุณ : คนจนรุ่นสุดท้าย - [ 29 ก.ย. 51 17:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กาแฟ 1 แก้ว ทาน ข้าวแกงได้ 3 จาน ข้าวแกง 3 จาน = อาหาร 3 มื้อ/วัน จากคุณ : mail-th - [ 29 ก.ย. 51 18:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ "วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก" ทำให้ผมเห็นถึง การตลาด ด้านที่ผมไม่เคยมองมาก่อน ที่ขาย " ประสบการณ์ " ขอบคุณนะครับ ที่ยกตัวอย่างดีๆแบบนี้ จากคุณ : คิดบวก - [ 29 ก.ย. 51 19:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อา...อธิบายได้ดีมากเลยครับ จากคุณ : จขกท - [ 29 ก.ย. 51 19:21:48 A:58.8.94.240 X: TicketID:187140 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นคำพูดของ เอเจนซี่ฟังดูหรูหรา ต้องการให้คนสงสัย ชื่อชม แล้วเข้ามาดื่ม เอาเงินให้เค้า แต่คุณภาพก็ใช้ได้ในระดับหนึ่งคนไม่ชอบ คงบอกว่า กาแฟถุงเท้าอร่อยกว่าเยอะ จากคุณ : lennet - [ 29 ก.ย. 51 19:29:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณวิญญาณ ความรัก ความรู้สึก กล่าวไว้ถูกต้องแล้วในข้อ 2 จากคุณ : Thanksgoditsfriday - [ 29 ก.ย. 51 19:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คห ที่ 12 ที่คุณอธิบายและยกตัวอย่างก็มีส่วนถูกอยู่บ้างแต่ไม่ทั้งหมด การที่จะบอกว่า starbucks นั้น อยู่ได้เพราะการ chill out รวมถึงถ้ามีการทำ blind test แล้วรสชาติของตาบั๊กจะอยู่ท้ายๆนั้น .. สองจุดนี้ผมไม่เห็นด้วยซะทีเดียว เพราะ 1 ถ้ามองถึงร้านบรรยากาศหรือสถานที่นั่งชิลๆๆ สบายๆๆ มีหลากหลายสถานที่ให้เลือกเยอะในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันแม้แต่ธุรกิจกาแฟเหมือนกัน ก็ยังมีคู่แข่ง จริงอยู่ที่การจัดการภายในร้านและบรรยากาศให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายเป็นจุดแข็ง แต่ รสชาติของกาแฟและคุณภาพของวัตถุดิบ นั้นไม่ได้เลวร้ายขนาดจะอยู่ท้ายๆอย่างที่คุณว่าหรอกครับ ....เพราะโดยส่วนตัวผมชอบกาแฟมากและชิมมาเยอะเหมือนกัน หลายเจ้า หลายแบรนด์ แต่ก็มาติดใจที่ตาบักส์นี่แหละ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากทราบ แบรนด์หรือร้านที่อยู่ใน top list ของคุณดูบ้าง ไม่ใช่อะไร จะตามไปชิมครับ รบกวนขอด้วยครับ จากคุณ : เด็กอุทัย - [ 29 ก.ย. 51 21:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบ Starbucks ค่ะ ชอบที่รสชาติ บรรยากาศในร้านจริง ๆ ก็ดีนะ แต่ไม่มีผลในการตัดสินใจเท่าไหร่ เพราะส่วนมากก็ซื้อไปกินออฟฟิส จะบอกว่ากินแล้วเท่ห์ไม๊ ก็ไม่เห็นมีใครบอกซักคน แค่รู้สึกว่ากินแล้วอร่อยก็พอใจแล้วค่ะ ^^ จากคุณ : Dory (conejodulce) - [ 29 ก.ย. 51 22:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมชอบเหตุและผลของความเห็นที่ 12 นะครับ.. แต่ จากความคิดเห็นนี้ตอบคำถามสำหรับลูกค้าหลักและขาประจำ(ส่วนใหญ่) ไม่ได้ที่ซื้อออกไป... ซื้อออกไปได้แต่กาแฟ กะแก้วยี่ห้อสตาร์บัค.. ลูกค้าหลายรายซื้อทุกวัน วันละมากกว่า 1 แก้ว แต่ไม่ได้นั่งกินอยู่ที่ร้าน... ของแบบนี้เค้าเรียกขายยี่ห้อครับ... อร่อยมั๊ย.. กาแฟยี่ห้อนี่มีหลากหลายครับ.. ยิ่งช่วงเทศการจะมีรสชาติใหม่ๆออกมาลองตลาด.. ไม่แปลกหรอกที่จะมีซักแบบที่ถูกปากคุณ.. ผมไม่เคยอ่านว่าสตาร์บัคเกิดมาได้ยังไงนะ... แต่เดาว่า เป็นแบรนไฮเอนด์มาอยู่แล้ว.. เน้นกลุ่มลูกค้ามีกะตัง.. เหมือนของมียี่ห้ออื่นๆ...ที่ใช้แล้วมันจะดูมีกะตัง... แถมอันนี้อร่อยถูกปากด้วย กินแล้วมั่นใจดูดีด้วย... มีตังทำไมจะไม่กินล่ะ.. มาตรฐานของคนแต่ละคนแตกต่างกัน... แต่คนส่วนใหญ่มักคิดไว้ก่อนว่า ของแพงจำเป็นจะต้องดี... บางทีมันก็แค่ดีกว่าของที่ราคาต่ำกว่าเป็นสิบๆเท่านิดๆหน่อยๆ... พอซื้อหรือใช้บริการมาแล้วก็ให้กำลังใจตัวเองว่า...เอาว้าาา อย่างน้อยมันก็ดีกว่าของทั่วไป...ยิ่งเป็นของที่เราไม่เคยใช้ไม่เคยสัมผัสเรายิ่งฝังใจว่ามันต้องดีแน่ๆมันถึงแพงขนาดนั้น... ของบางอย่าง ไม่แพง คนไม่ซื้อหรอกครับ... อยากเห็นยี่ห้อที่มีมูลค่าสูงๆแบบนี้แบบนี้มาจากคนไทยบ้างจริงๆ... ผมแนะนำว่า ถ้าใครขายต้ำยำกุ้งที่ต่างประเทศ แล้วเขียนว่าทำโดยคนไทยและวัตถุดิบจากประเทศไทยดู... คุณอาจจะสามารถ เพิ่มมูลค่าได้เป็นเท่าตัว...  อาจทำสำเร็จเหมือนว่านาฬิกาต้องมาจากสวิส ก็ได้...?? จากคุณ : MESMERIC - [ 29 ก.ย. 51 22:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ๋อแถมอีกอย่าง... คนที่ซื้อสินค้าเหมือนๆกัน แต่แพงกว่าชาวบ้านเยอะๆ จำเป็นต้องหาเหตุผลให้ตัวเองครับ... ถ้าไม่มีเหตุผลมันจะดูเป็นคนไม่ฉลาด brand ดังต่างๆทราบในจุดนี้ดี... จึงได้ยกเหตุผลตัวอย่างที่ฟังแล้วดูดีให้กับลูกค้าไว้แล้ว... มีตังก็ใช้ไม่มีก็ไม่ใช้.. ใช้ให้พอดีละกันครับพี่น้อง.. จากคุณ : MESMERIC - [ 29 ก.ย. 51 22:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณครับสำหรับทุกคห.ที่พูดถึงครับ และดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดอีก ผมเห็นด้วยกับคุณ เด็กอุทัย และคุณ MESMERIC ครับเพราะผมเองก็เป็นกลุ่ม take out เหมือนกัน แหะๆ (ล้อเล่นครับ  จริงๆผมไม่ได้กินกาแฟนานแล้ว ^^) ก่อนที่จะแสดงความเห็นเพิ่มเติม  ต้องขออนุญาตบอกให้สบายใจว่า ที่ผมตอบไป ผมก็ไม่ได้คิดว่าถูกอะไรนะครับ จริงๆแล้วอาจโง่กว่านี้ได้อีกด้วยซ้ำ 555 ใจความสำคัญที่ผมอยากแลกเปลี่ยนให้เห็นคือ มุมมองอีกด้านนึงที่แตกต่างกันระหว่าง "ขายกาแฟ" และ "ขายประสบการณ์ในการดื่มกาแฟ" การแสดงความเห็นผมจะพยายามชี้แจงให้เห็น โดยค่อยๆจูงมือคนอ่านให้ค่อยๆเดินตาม  เปลี่ยนมุมเดินมามองในด้านที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่น ประโยคที่ว่า "อาจกลายเป็นอันดับหลังๆ เลยทีเดียว" หรือประโยคว่า "แต่อาจกลายเป็นว่า  เราอยากให้ลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน  พอเดินออกไปแล้วคิดว่า" ทั้งสองตัวอย่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของการให้ผู้อ่านคิดตาม และเห็นมุมมองอื่นๆ ที่มองลึกเลยไปจากมุมเดิมๆ ไม่ได้หมายความว่าผมฟันธงว่า เป็นอย่างนั้นครับ ------------------------------------------------------------------------------- อีกประเด็นที่อยากแลกเปลี่ยนคือเรื่อง  ทำไมลูกค้าซื้อ  ซื้อเพราะอะไร  ปัจจัยอะไรที่ทำให้ลูกค้าซื้อ ซึ่งผมไม่ได้กล่าวไว้ในตอนแรกเพราะสื่อเพียงแค่มุมที่ให้เห็นด้าน ประสบการณ์ในการดื่มกาแฟ ผมอยากจะเริ่มจาก "คุณค่า" ที่ลูกค้าได้รับ  กับ "ปัจจัย" ที่ลูกค้าใช้ตัดสินใจในการเลือก ผมเห็นด้วยกับคุณ MESMERIC นะครับ เรื่อง ยี่ห้อ  รวมไปถึงอีกหลายๆความเห็นข้างต้น ซึ่งถ้า starbucks ทำ research อาจพบว่ามีหลายๆปัจจัยที่ลูกค้าให้ความสำคัญในการตัดสินใจเลือก ซึ่งปัจจัยทั้งหลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิด "คุณค่า" ให้กับลูกค้า เช่น  รสชาติ ทำให้เกิดความอร่อย   กลิ่น ทำให้หอม  เก้าอี้นุ่มอากาศเย็น ทำให้สบาย  ตราสินค้า ทำให้เกิดภาพลักษณ์จากการใช้ ทำเล ทำให้สะดวกสบาย (นอกจากนี้ยังมีด้านต้นทุน แต่ผมขอทดไว้ในใจก่อนนะครับ เ่ช่นราคา ต้นทุน การจัดส่ง time to deliver ฯลฯ) แน่นอนว่าเมื่อทำออกมาแล้ว  เราก็จะเห็นชัดว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่เป็นอันดับต้นๆในการตัดสินใจ แล้วแต่ละกลุ่มที่เลือกเพราะปัจจัยดังกล่าวมี size ของแต่ละกลุ่มเท่าไหร่ และถ้าเราทำความเข้าใจลงไปในความคิดของผู้บริโภคให้ลึกขึ้น เราจะพบว่ากลไกการตัดสินใจจะมีรูปแบบบางอย่างที่น่าสนใจ อาจมี priority  หรือ combination หรือ weighted ของแต่ละปัจจัยผสมผสานกัน เป็นคุณค่าที่หล่อหลอมรวมกันให้ลูกค้าได้รับ ถ้าเพ้อยาวไปกว่านี้เดี๋ยวจะออกทะเล   เอาเป็นเท่านี้ก่อนดีกว่าครับ ^^ ------------------------------------------------------------------------------- ผมนึกถึงประโยคที่เหมาะกับกระทู้นี้มาก ประโยคนึงครับ  คือประโยคว่า "ข้าพเจ้าร่ำสุรา มิใช่เพราะข้าพเจ้าชอบรสสุรา แต่ ข้าพเจ้าชอบบรรยากาศแห่งการร่ำสุรา" โกวเล้ง โชคดีครับ ^^ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 29 ก.ย. 51 23:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยกะคุณ วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก     เพราะตัวเองก็มาช่วยเพื่อนทำร้านอาหารอยู่เหมือนกัน  ก็ต้องมองความต้องการของลูกค้าที่เป็นกลุ่มหลัก จากคุณ : toytoytoy - [ 30 ก.ย. 51 01:24:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 very simple .. i go there cus they got the nicest looking girls จากคุณ : .. (! o_o !) - [ 30 ก.ย. 51 02:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มันคือส่วนหนึ่งของการตลาด เท่านั้นแหละ จากคุณ : Spiffy_GaL - [ 30 ก.ย. 51 02:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่า มันคือเรื่อง การตลาดครับ แต่การตลาดเขาเยี่ยมยอดก็เท่านั้นแหละครับ เพราะว่า ถ้าอ่านข้อมูลจากหลายๆที่ ลูกค้าจะมีความประทับใจจากสตาร์บัคส์หลายรูปแบบครับ อันเนื่องมาจากตัวพาร์ตเนอร์ แล้วก็บวกในเรื่องของกาแฟเข้าไปด้วย เพราะเขาบอกว่าเมล็ดกาแฟของเขาเนี่ย ค้นหามาแบบว่าดีที่สุดจากทั่วมุมโลก อะไรทำนองนั้นไป มันเหมือนการสร้างความรู้สึกให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์น่ะฮะ เท่าที่ผมเข้าใจนะ จากคุณ : Green Tablet - [ 30 ก.ย. 51 03:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นคนที่ชอบกินกาแฟของ Starbucks เหมือนกัน แล้วก็คิดว่าstarbucksขายกาแฟ เป็นกาแฟที่เเพง มันคือการตลาดอย่างที่ข้างบนว่าล่ะค่ะ ซื้อจากร้านกินครั้งเเรกก็ติดใจในรสชาติแต่ไม่ได้กินบ่อย นานๆครั้ง            ซื้อแบบเมล็ดบดมาชงเองที่บ้าน  แต่พอกินๆไปทุกวันชินกับกลิ่นชักเเยกไม่ออกว่าอันไหนสตาร์บัคอันไหนเเบรนด์อื่น starbucksที่เมืองไทยขายราคาพอๆกับที่เมกาเลย ไม่เคยซื้อstarbucksที่เมืองไทยกินเลย เสียดายเงินรู้สึกว่ามันเเพง ซื้อแก้วล่ะ30-35รถเข็นก็อร่อยดี จากคุณ : เวนิซ (เวนิซ) - [ 30 ก.ย. 51 03:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ความอร่อย ก็เป็นประสบการณ์ได้อย่างนึง ประสบการณ์ความอร่อย จากคุณ : TaKe A DaY oFF - [ 30 ก.ย. 51 06:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 กลิ่นของ Starbucks ดึงดูดเราจริงๆ นะ ได้กลิ่นแล้วอยากกินอ่ะ เมื่อก่อนเดินไปบนเซ็นทรัล ลาดพร้าว คนจะเยอะมาก มานั่งๆ คุยกัน รอเพื่อน รอแฟน สบายใจดี เราซื้อกินประจำเลย เพราะมันไม่แพงเหมือนตอนนี้ แล้วแต่คนคิดนะ เราว่า อย่างเห็นข้าวไข่พะโล้จานละ 120 บาท บนเซ็นทรัลเวิล์ด คนยอมซื้อกิน ซึ่งมันก็ไม่แตกต่างกับไข่พะโล้ราดแกงจานละ 20 บาท ตอนแรกเราก็มองว่าใครจะกินหว๋า แต่มีคนกิน เพราะเค้าเอาบรรยากาศ จากคุณ : เจ้านายตัวเอง - [ 30 ก.ย. 51 08:30:12 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ก็คงรวมๆกลยุทธ์ของทุกคห.ครับ ไม่มีใครผิด ผสมผสานจนเป็น Starbuck ในทุกวันนี้ 100 คนก็อาจจะ 100 เหตุผลในการเลือกซื้อ Starbuck แต่ทุกวันนี้เค้าขาย Brand ครับ เพราะกลยุทธ์มันเลียนแบบกันได้ Product ก็เลียนแบบกันได้ เมล็ดกาแฟ จากแหล่งที่ชั้นดีที่สุดของโลก คู่แข่งมันก็ไปถึงครับ สิ่งหนึ่งเลยที่เลียนแบบกันไม่ได้ คือ...... Brand สมมุติว่า Starbuck ไปซื้อน้ำเก็กฮวยจากตลาดสด นำมาใส่ขวด Starbuck แล้วมาขายในร้าน เชื่อหรือไม่ว่า ต้องมีคนดื่มแล้วบอกว่า เก็กฮวย Starbuck อร่อยกว่าตลาดสดอีก 5555 ใครชิมแล้วรู้สึกว่ารสชาดเหมือนที่ตลาดแสดงว่าลิ้นไม่ถึง 555 นี่ไง อนุภาพของ Brand คุณคิดว่า ทุกวันนี้ สมมุติว่า Starbuck ต้องการขายร้าน ให้ของครบทุกอย่างโดยไม่ให้ Brand ไปด้วย มูลค่า 100 ล้านบาท กับ Starbuck ขาย Brand ให้อย่างเดียว ไม่ให้ของใช้อะไรเลย ให้แค่ Brand อย่างเดียว มูลค่า 500 ล้านบาท คุณว่า นักลงทุน จะเลือกซื้ออะไร???????????????????????????? จากคุณ : BMWTurboman - [ 30 ก.ย. 51 09:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อืม กระทู้นี้ดีคะ ชอบ ๆ จากคุณ : คนจนรุ่นสุดท้าย - [ 30 ก.ย. 51 12:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33 น่าจะหมายถึงว่า "ขายประสบการณ์ อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตได้เคยดื่มกาแฟสตาร์บัคส์" หรือเปล่าคะ หรือจะหมายถึงว่า เป็นการวัดระดับความหรูของคนจากภายนอก เช่น คนระดับผู้บริหารซื้อกาแฟแก้วละ 145 ในขณะที่ลูกจ้างทั่วไป ดื่มโกโก้ไข่มุกแก้วละ 10 บาท ไม่รู้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : BadbadGirl - [ 30 ก.ย. 51 12:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สตาร์บั๊ก = เอาไว้นั่งรอคนที่นัดแล้วบอกว่า โทษที เพิ่งออกจากบ้าน คือมันนั่งแช่ได้นั่นเอง จากคุณ : Lych - [ 30 ก.ย. 51 14:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขายประสบการณ์ในการดื่มกาแฟ ความหมายของประโยคนี้อีกนัยยะ คือ Knowledge ของทางร้านเขา วิธีการชงกาแฟ ชนิดของกาแฟ เครื่องชงกาแฟ วิธีตกแต่งร้านล้วนแต่เป็น template ของเขา ซึ่งของแบบนี้ไม่ได้นั่งคิด ทำแบบสอบถามกันไม่กี่เดือนนะครับ เขาทำกันมาเป็นปีๆ กว่าจะได้ template นี้ออกมา ซึ่งมันการันตีว่า ไม่ว่าคุณจะไปกินที่สาขาไหน คุณก็จะได้บรรยากาศนี้ รสชาติแบบนี้ เคยรู้สึกมั่ยครับว่าร้านซุ้มกาแฟ แถวออฟฟิต วันนี้ชงอร่อยกว่าเมื่อวาน อีกวันชงมาหวานไป อีกวันกาแฟไม่หอม รู้สึกเหมือนถูกเก็บไว้นาน ซึ่งถ้าคุณทำร้านซุ้มกาแฟข้างทางเอง แล้วควบคุมวัตถุดิบ รสชาติ ให้ออกมาเป็นมาตรฐานแบบนี้ ราคาก็คงไม่ต่ำกว่า 50-60 บาทหรอกครับ เมื่อรวมกับค่าสถานที่ ค่าตกแต่งร้าน ๆลๆ ถ้าจะขายให้ได้กำไรก็คงออกมา ไม่ต่ำกว่า 80-100 บาท ซึ่งผมว่ามันก็พอรับได้นะกับกาแฟที่เขาว่ากันว่าเป็น กาแฟระดับ premium จากคุณ : not (Teranot) - [ 30 ก.ย. 51 14:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าสตาร์บัคจัดบรรยากาศของร้านเหมือนดันกิ้น  โดนัท ผมว่า  กลุ่มลูกค้าคงเปลี่ยนฐาน ไม่ก็ไม่ดัง จากคุณ : นางสเตนเลส - [ 30 ก.ย. 51 15:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ซื้อกินครั้งแรก ถือเป็นประสบการณ์ในการดื่มกาแฟ ประสบการณ์ว่า กาแฟอะไรวะ แก้วเดียว  แพงกว่ากินหมูกระทะอีก จากคุณ : better better - [ 30 ก.ย. 51 18:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แนะนำว่าถ้ามีเวลาว่างนั่งดื่มกาแฟชิวๆ ลองถามบาริสต้า ขอทำ coffee testing ดูนะครับ ถ้าพนักงานว่างมาทำให้จะพบประสบการณ์สตาร์บัคที่ยังไม่เห็นแบรนด์ไหนเอามาใช้เลยน่ะครับ ^^ จากคุณ : ดอกฟ้ากับนายกระจอก - [ 3 ต.ค. 51 01:39:06 ]