ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าใช่ครับ  ตอนนี้บริษัทที่ผมทำงานอยู่  มียอดการสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศน้อยมาก   ตอนนี้อะไรก้อไม่ดีไปหมดเลย   อยากให้ผ่านช่วงนี้ไปเร็ว ๆ จังเลย จากคุณ : นิปปอน (teeracda) - [ 24 ต.ค. 51 07:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วย แต่นิสัยคนไทย ไม่โดนกับตัวมักจะไม่รู้สึกตัวกันซะเป็นส่วนใหญ่ ขอบคุณที่เตือนนะครับ =^_^= ใครเป็นพนักงานกินเงินเดือน แนะนำว่าอย่าพึ่งเปลี่ยนงาน เพราะอาจจะตกงานยาวได้ จากคุณ : คิดบวก - [ 24 ต.ค. 51 08:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห้อออ  ปีนี้ก็แย่แล้วค่ะท่องเที่ยว ไม่ต้องรอถึงปีหน้าหรอกค่ะ เหนื่อยใจเจงๆ จากคุณ : hanawa - [ 24 ต.ค. 51 10:13:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมืองไทยอาจจะตกต่ำสุดขีด...................................ต้องขอบคุณคนไทย ตำแหน่งนี้ ได้มาเพราะคนไทยร่วมแรง ร่วมใจกันทำ จากคุณ : BMWTurboman - [ 24 ต.ค. 51 11:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยกับคุณอุบลเป็นอย่างยิ่ง ปัจจัยทางการเมืองทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทางเข้ามาเมืองไทยกันเป็นแถว ซึ่งแน่นอนได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจและต่อเนื่องเป็นลูกโซ๋ถึงระดับเศรษฐกิจของประเทศ อยากจะอ้อนวอนขอร้องให้ทุก ๆ ฝ่ายเห็นแก่ประเทศชาติด้วยเถิด วันก่อนไปเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะ พอเสียงเพลงชาติดังขึ้น ทุกคนที่ทั้งเดินและวิ่งในสวนสาธารณะแห่งนั้นต่างหยุดยืนตรง เมื่อเพลงชาติจบก็คำนับและทำกิจกรรมของตนเองต่อ เป็นภาพที่น่าประทับใจและน่าภาคภูมิใจ แต่ถ้าเราไม่ร่วมแรงร่วมใจกันในวันนี้ อาจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เป็นได้ ถึงวันนั้นเราจะมีความภาคภูมิใจได้อย่างไร? จากคุณ : "เลขาฯ ตัวแสบ!" - [ 24 ต.ค. 51 11:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เดินหน้าทำงานต่อไป ขณะเดียวกันต้องไม่ประมาทในการใช้จ่าย ใครโชคดีมีเงินออมถ้าไม่จำเป็นอย่ารีบนำมาใช้.... น้อง ๆ ที่จบมาใหม่กำลังหางานทำ หากมีที่ไหนตอบรับ...เมื่อคำนวณดูแล้วพออยู่ได้ก็ให้คว้าไว้ก่อน...อย่าเลือกมากนัก มองหารายได้เสริมไว้บ้าง หรือมีแผนสำรองกรณีกิจการที่ทำอยู่มีอันซวดเซลงไป แม้ธุรกิจหรือองค์กรที่ดูว่ามั่นคงก็อาจไม่แน่ว่าจะยังคงมั่นอยู่ได้ตลอด... ขณะเดียวกัน พยายามทำใจให้สบาย ๆ หมั่นฟิตร่างกายให้กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ ยามว่างพยายามอ่านหนังสือหรือบทความที่มีประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรมบ่อย ๆ คบเพื่อนที่ดี ไว้ช่วยปลอบใจยามทุกข์ เฮฮา ฮ้าไฮ้ในยามสุข.... กินให้อิ่ม นอนให้หลับ ขับถ่ายทุกวัน....เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดี เอาแค่นี้พอสังเขป.... จากคุณ : ไม่ได้แก่ แค่เกิดก่อน - [ 24 ต.ค. 51 11:46:29 A:124.120.74.127 X: TicketID:186229 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วธุรกิจด้านความงามจะไปรอดใหมคะ???????.................. จากคุณ : JadE_G - [ 24 ต.ค. 51 12:37:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ไม่รอดครับ บ้านเราเป็นเมืองเกษตรกรรม ผลิตเหลือก็ขาย การส่งออกส่งไม่ได้ก็แปลว่าไม่ได้เงิน ข้าวราคาตก ข้าวโพดราคาตกยางพาราราคาตก วัสดุเพื่อการผลิตราคาแพงขึ้นมาก ภัยธรรมชาติที่เล่นงานชาวไร่ชาวนาอีก เมือ่ภาคเกษตรไม่มีเงิน ก็ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอื่นๆ ถ้าชาวไร่ชาวนามีเงินก็มีกำลังซื้อเข้ามาในระบบ เช่น ขายข้าวได้อาจะซื้อแมงกะไซ ซื้อทอง เสื้อผ้า ไปท่องเที่ยวหรือซื้อรถกระบะ ซึ่งถ้ามันตรงกันข้าม ร้านทองก็ขายไม่ได้ ร้านมอเตอไซก้ขายไม่ดี รถกระบะขายไม่ออก  ก็เริ่มไปสู่การลดกำลังการผลิต  ลดการสั่งซื้อของเข้าโรงงาน เมื่อลดกำลังการผลิตก็ไม่จำเป็นต้องกำลังคนเท่าเดิม จึงตอ้งลดกำลังคน คือการเลิกจ้าง เมื่อถูกเลิกจ้างก็ไม่มีรายได้หรือเหลือรายได้น้อย ต้องลดการบริโภคลง เช่นอาจจะซื้อของที่ไม่ใช่ร้านเซเว่น ไม่เข้าห้างสรรพสินค้า และแน่นอนว่า ร้านเสริมสวยหรือร้านเหล้าก็ต้องถูกลดไปด้วย ผลกระทบมันก็จะเกิดกับเจ้าของร้านอย่างแน่นอนที่สุด  มันก็นำไปสู่การเลิกจ้างอีกเช่นกัน  บางคนก็ต้องให้ลูกย้ายที่เรียนราคาแพงๆเพราะสู้ไม้ไหว  ปัญหาหนี้เน่าก็จะกลับมาอีกรอบ เพราะบัตรๆทั้งหลายเนี่ย มันเยอะมากผู้ออกบัตรก็อ่วมอรทัย  หนี้เสียจากอสังหาริมทรัพย์ ผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโดซึ่งมันจะกระทบไปถึงวงการรับเหมาก่อสร้างและร้านวัสดุก่อสร้าง     ปีที่แล้วเป็นปีของชาวไร่ชาวนาเลยก็ว่าได้ นับแต่มีการก่อตั้งประเทศไทยมา  ข้าวเกวียนละหมื่นกว่าบาท ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา ล้วนแล้วแต่มีราคาดีทั้งสิ้นแต่ก็ชื่นชมได้พักเดียว ก็ถูกทุบด้วยราคาน้ำมันจนพังพาบ เมื่อราคาน้ำมันลดลงมาปรากฏว่า ราคาพืชผลต่างๆก็ร่วงลงมาเป็นทิวแถวซึ่งเป็นการซ้ำภาคเกษตรให้ตายคาที่  รัฐบาลไม่มีเวลาพอที่จะมาดูแลปัญหานี้ ปล่อยให้เอกชนเดินกันเองซึ่งประเทศคู่แข่งกลับได้รับการส่งเสริมจากรัฐอย่างดีจึงหายสงสัยได้ว่า ทำไมในอัฟริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่มากมีแต่ข้าวเวียตนามเต็มไปหมดและตลาดอาหรับอีกด้วย     ความวุ่นวายของบ้านเมืองส่งเสริมให้การท่องเที่ยวพังพินาศเร็วขึ้นสถานบริการหลายแห่งเตรียมแผนการลดกำลังคน  เมื่อไม่มีคนมาเที่ยวก็ไม่ต้องซื้ออาหารแน่นอนว่า คนปลูกผัก เลี้ยงไก่ ก็ต้องได้รับผลกระทบด้วย ต้องอยู่อย่างพอเพียงครับ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 51 14:04:41 จากคุณ : siwanan - [ 24 ต.ค. 51 14:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โดนแน่ๆ ครับ ไม่ช้าก็เร็ว การเมืองก็ไม่นิ่ง คนในชาติก็แบ่งเป็นฝ่าย ส่วน ผมโดนก่อนเลย ผมอยู่บริษัทอเมริกา ที่มาเลย์ ตอนนี้ขายส่วนของโรงงานให้ คนนอกทำแล้วครับ ส่วน พวกออฟฟิส ก็โดน เอ้าซอส จากคุณ : หมาดำช้ำรัก - [ 24 ต.ค. 51 15:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับ ตุณคิดบวก คุณเลขา คุณ hawana คุณเกิดก่อน คุณJadE-G และ คุณ siwanan..... พรรคพวกที่อยู่เมืองตรัง ทำธุรกิจโรงพิมพ์ ตุนกระดาษไว้มากมาย เพราะทุกปี ขนมเมืองตรังขายดี มาปีนี้ นักท่องเที่ยวหายหมด...โอดครวญว่า ท่าจะไม่รอด.... เมืองไทยยังเหลือ ข้าว ที่ต้องลุ้นว่า ปีนี้น่าจะราคาดีกว่าปีที่แล้ว เพราะปีนี้ เวียตนามประสพอุทกภัย อาจจะไม่มีข้าวมาแข่งไทย ในขณะที่ปีนี้ น้ำดี ข้าวไทยอาจจะอุดมสมบูรณ์..หวังว่า ข้าวไทยจะเป็นตัวแปรมาช่วยเศรษฐกิจโดยรวม... วันนี้ก่อนมาเขียนกระทู้ ดูตลาดหุ้น แล้วใจหาย วันนี้ร่วงกว่า 34 จุด เหลือแค่ 400 ต้นๆ นักลงทุนจะเหลือไมีนี่ แค่ ไม่ถึงเดือน เงินหายไปเกือบครึ่งแล้ว... ผลกระทบจาก อเมริกา ส่งผลค่อนข้างรุนแรง หลายๆธุรกิจ ส่งศัญญาณอันตราย นักธุรกิจ ต้องมองๆทางอออกไว้ด้วย มีเงินฝากแบงค์ก็ไม่แน่นะครับ เพราะอาจจะมีแบงค์ล้ม เพราะตอนนี้ แบงค์หลายๆประเทศล้มกันเป็นโดมิโน จนรัฐบาลเยอรมันและหลายๆประเทศต้องออกมาประกันเงินฝาก 100% เพราะกลัวลูกค้าแห่ถอน...น้องๆลองติดตามข่าวคราวกระแสโลกและในบ้านเราให้ดีนะครับ.... สิ่งที่น่าตกใจคือ วันนี้ น้ำมันลง หุ้นตก ทองคำก็ตก ค่าเงินก็ตก แล้วเงินไปอยู่ที่ไหน????? จากคุณ : มือเก่า (คนอุบล) - [ 24 ต.ค. 51 15:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ฟังแล้วเครียดจังเลย เรียนโทอยู่กำลังจบ คนตกงานมากขึ้นเริ่มส่งใบสมัครไม่มีเรียกเลย ใจหายอ่ะค่า จากคุณ : เฮ็อ - [ 24 ต.ค. 51 16:00:32 A:58.8.160.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เดี๋ยวนี้ เงินไม่ค่อยพอใช้ ทั้งๆที่เงินเดือนก็ใช่ว่าจะน้อย เริ่มมองดูตัวเองแล้วว่า เงินเก็บแต่ละเดือนไม่มีเลย (อาจเพราะสังคมมากเกินไป ต้องแก้ไขตรงจุดนี้)  วันนี้ต้องนั่งผัดข้าวกินอยู่  อะไรในตู้เย็นมีอยู่ก็ทำกินไป อย่าให้มันเสีย อย่าให้มันเน่า กินของที่มีอยู่ให้หมดก่อนที่จะซื้อใหม่  ใช้ของเดิมที่มีอยู่ให้หมดก่อนจะซื้อใหม่  เครื่องสำอางค์  ครีมบำรุงผิว ตอนนี้เริ่มกลับมาใช้ของไทยแล้วค่ะ ตะก่อนนี้ก็ sisley , chanel , estee เดี๋ยวนี้ เริ่มๆ เป็น Mistine , Oriental Princess แล้วล่ะคะ  ห่วงตัวเอง กลัวโดนไล่ออกจริงๆ สิ่งที่แน่นอนย่อมไม่แน่นอนเสมอ จากคุณ : +สาวสวย+ - [ 24 ต.ค. 51 16:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีสติ ใช้สอยอย่างประหยัดอันไหนไม่จำเป็นก็ตัดออกไป จากคุณ : mengnoi - [ 24 ต.ค. 51 16:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอเอาเมล์จากคุณพี่ PP มาฝากก่อนครับ ============= การร่วงของดัชนี BDI ก็บอกชัดว่า commoditie's bubble มันแตกไปแล้ว วงการเรือเขาเก็บสถิติมาตั้งแต่ปี 1873 Maritime Industry เป็นอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ที่สุดของโลก จนมีคำกล่าวว่า Who can control the water, control the trade. Who can control the trade, control the wealth. Who can control the wealth, control the world. ธุรกิจเรือเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโลก เป็น  Maritime Economics   การลงทุน "longer than one life" และใช้ทุนสูงมาก   แต่ในประเทศไทย ขาดการสนับสนุน ผลักดัน และช่วยเหลือด้านเครดิตจากรัฐบาล ทำให้มี marketcap ต่ำ ต่างชาติไม่กล้าทุ่มซื้อ ราคาจึงขึ้นไปน้อยกว่าหุ้นเรือชาวโลกร่วมเท่าตัว แต่เวลาลง กลับลงพอๆกัน เวลา rebound เรือทั้งโลกพุ่งแรง จีนพุ่ง 36% ที่อเมริกา 20% ถึง 60%  ของไทย ไม่กระดิกเลย   ตอนนี้มีแต่ดัชนี S&P500 ที่ลงมาสูสีกับ BDI  แสดงว่าการ trading ทุกตลาดในโลก ยังลงมาไม่ถึงฐาน ภาคการเงินเป็นเรือรั่ว ใกล้จม  เงินสดจึงถูกดึงเข้าไปอุดรูก่อน  จนกว่าจะอุดไม่ไหว ปล่อยให้บางส่วนเจ๊งๆไป เหมือนปี 1987 ที่ธนาคารอเมริกาปิดไปร่วม 8000 แห่ง เหมือนปี 1980-1984 ที่สถาบันการเงินไทย ค่อยๆล้มเป็นโดมิโน ซื้อ BBL ได้ที่ 20 บาท  และเหมือนปี 1997 ที่ไทยปิด 56 สถาบันการเงินรวด ซื้อ BBL ได้ที่ 20 บาทอีกรอบ พ่อค้าเลยไม่กล้าทำการค้าตอนนี้  การค้าหยุดชงัก ตอนนี้ ประโยคของชาวเรือ  จึงกลายเป็น Who control the world, control the wealth Who control the wealth,  control the trade Who control the trade, control the water และชาวเรือก็น่าจะโต้ว่า Who can't control the water,  can't control the trade. Who can't control the trade, can't control the wealth. Who can't control the wealth, can't control the world. If the ships sank,  trading will sink too If no trading,  the wealth is gone If no wealth,   the world can't be controlled ถ้าเรือล่ม  สินค้าก็จม ถ้าสินค้าจม  ก็ไม่มีการค้าขาย ถ้าไม่มีการค้าขาย  ก็ไม่มีความมั่งคั่ง ถ้าไม่มีความมั่งคั่ง  โลกก็เหนือการควบคุม จากคุณ : KENG76 - [ 24 ต.ค. 51 16:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อีกเรื่อง เงินไปไหน ================ สวัสดีค่ะ เป็น October Crash  จริงๆ  และ  Dead cat is not bounce   ดัชนี BDI ยังคงท้องร่วงต่อ  ลงมาแล้ว 86%  จะหลุด 2000 จุดอยู่แล้ว หากลงมาเหลือ 1400 ก็คือลงมา 90%   การลงแบบมากที่สุดของดัชนีทุกประเภทที่เคยบันทึกในประวัติศาตร์การเทรดดิ้ง คือเหลือ 10%   เราจะรอดูตรงนั้นก่อน  เพราะเจ้าของเรือบอกว่า it is hard to remember when it was low like this ค่าระวางเรือเล็ก  ระยะเที่ยวต่อเที่ยว  ขณะนี้คือ 15000 US$ ต่อวัน  โดยลงมาจากจุดสูงสุดที่ 38000 ลงมาแล้ว 60%   ค่าเช่าเรือเหมาลำ ระยะ 10 ปี  สำหรับเรือใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จปีที่แล้ว  อยู่ที่ 25000 US$ ต่อวัน .......................... เกาหลีใต้อาการย่ำแย่กว่าเพื่อน ตลาดหุ้นช่วงเช้า ร่วงไปต่ำสุด ลบ 123 จุด เกือบ 11%  เพราะค่าเงินร่วงเหลือเพียง 50% เมื่อเทียบกับอเมริกันดอล  กลุ่มประเทศ emerging ทั้งหมด  ค่าเงินจะอ่อนลงเมื่อเทียบกับ US$  รวมทั้งประเทศไทย ค่าเงินนี่เป็นเรื่องใหญ่มาก CDS ในโลก  ค้ำประกันส่วนนี้ไว้สูงมาก  รวยเร็ว และเจ๊งเร็ว ประเทศไทยเคยเจอภาวะค่าเงินอ่อน จนทำให้ SET ทรุดตัวลงไปเหลือเพียง 204 จุดมาแล้ว   เพราะบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศต่างพากันขาดทุนอ่วม   ครั้งนี้ก็เช่นกัน  หากไปกู้เงินในช่วงที่เงินบาทแข็งมากๆ  และ US$ กำลังอ่อนมากๆ  หุ้นใหญ่ๆใน SET ที่มีหนี้ US$ มากคือ scc, Thai, ptt family, lh, itd, tta ..... เวป Generationaldynamics  บอกว่า  วิธีซื้อหุ้นที่ราคาถูกง่ายๆ  คือซื้อที่  PE 1 เท่า  เพราะรายได้ที่จะลดลงเนื่องจากวิกฤติ  จะทำให้กำไรในอนาคตลดลง  PE 1 เท่าก็จะกลายเป็น 10 เท่าได้  (ที่อเมริกาเขาถือว่า PE 10 เท่าของกลุ่มประเทศ developed countries น่าซื้อถือลงทุน  จึงมีนักวิเคราะห์เชียร์ซื้อมาตลอด) ดิฉันจำได้ว่าเคยเขียนบทความว่า ถึงอย่างไร อเมริกันก็ยังเป็นจ้าวโลก  และเมื่อถึงเวลาที่เงินเขาอ่อนเต็มที่ ย่อมหมายถึงเวลาเก็บเกี่ยวกำไรที่ลงทุนไว้ในต่างประเทศ  เพราะในขณะที่การลงทุนในอเมริกาเป็นของต่างชาติ 72% อเมริกากลับขนเงินออกไปลงทุนนอกประเทศ  (แล้วจะเขียนให้อ่านว่าทำไม)   เวปไซค์ Money market ที่เคยบอกว่า  ตลาดอเมริกาไม่ดี  แต่จีนและอินเดีย รวมทั้งกลุ่มประเทศที่กำลังเติบโต จะมาแทนที่อเมริกา  ซึ่งดิฉันเชื่อเขาตรงตลาดอเมริกาจะไม่ดี  แต่คิดตรงข้ามเรื่องกลุ่มประเทศที่จะมาแทน จากคุณ : KENG76 - [ 24 ต.ค. 51 16:58:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมมีความเห็นเรื่อง "ความผันผวนที่รุนแรง" เป็นบ่อเกิดของปัญหานี้ครับ ... วิธีเอาตัวรอด น่าจะมีวิธีเดียว คือ "เศรษฐกิจพอเพียง" ไม่ได้แนะนำให้ไป ดำนาปลูกข้าวเองนะครับ เพียงแต่ หลักการของ เศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นเกราะป้องกันที่ดีจริงๆ ====== ส่วนตัวผมแล้ว ผมอาจจะไม่กระทบอะไร เพราะเป็นพนักงานกินเงินเดือน แต่ก็น่าห่วงเหมือนกัน เพราะอะไรก็ไม่แน่ ... เสียหุ้นไปก็เยอะ เสียดายเงินเหมือนกันนะ ยังดีที่ยังมีงานประจำทำ กระแสเงินสดเข้าตลอด ก็ต้องเพิ่มความรู้ให้มากขึ้นครับ รอจนกว่าเงินจะไหลกลับมาอีกครั้ง จากคุณ : KENG76 - [ 24 ต.ค. 51 17:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านจั่วหัวข้อกระทู้ ... ตื่นเต้นดีครับ แต่จากตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจไทยปี 2551 และ 2552 (ณ เดือน กันยายน 2551) โดยสำนักงานเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง เศรษฐกิจไทยในปี 2551 จะขยายตัวดีขึ้นกว่าปี 50 ที่ขยายตัวจากร้อยละ 4.8 ต่อปี มาอยูที่ร้อยละ 5.1 ต่อปี ในขณะที่การส่งออก ซึ่งแม้ว่าจะยังขยายตัวในระดับสูงและช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทยโดยรวมให้ขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อน แต่ก็มี แนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ลดลงกว่าที่ คาดการณ์เดิมตามความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากที่คาดการณ์เดิมจากอัตราเงินเฟ้อในปี 2551 ที่ คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 6.3 ต่อปี ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจนอกประเทศยังอยู่ในเกณฑดีจากดุลบัญชีเดินสะพัดในปี  2551 ที่คาดว่ายังคงเกินดุลที่ร้อยละ 0.4 ของ GDP สําหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2552 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.0 -5.0 ต่อโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายในประเทศที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีนี้ แต่การส่งออกในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวลดลงตามการชะลอตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก (การส่งออกยังขยายตัวอยู่ แต่ขยายตัวลดลง) แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 51 17:22:07 จากคุณ : ดีอาร์ (๛จูล่ง๛) - [ 24 ต.ค. 51 17:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แสดงว่าผมโชคดีมั๊ง ที่ธุรกิจของผมน่าจะโดนหางเลขบ้างแต่ก็ไม่มาก และ งานที่ทำธุรกิจดีรุ่งเรืองลูกค้าก็ต้องเข้ามาใช้บริการ ธุรกิจซบเซาลูกค้าต้องการให้กระเตื้องขึ้นก็ต้องมาใช้บริการ แต่ก็โดนแค่หางเลขในกลุ่มของลูกค้ารายเล็กๆเท่านั้นที่อาจจะหายไปบ้าง สภาพเศรษฐกิจ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายๆท่านหวาดกลัวนะครับ มันมีบางธุรกิจที่จะโดนหนักๆ เพราะว่าคนส่วนใหญ่ในโลกเริ่มไม่แน่ใจเศรษฐกิจ หาเงินได้ก็เก็บเงินไว้ก่อนใช้แต่สิ่งที่จำเป็น ดังนั้น ธุรกิจที่เป็นเรื่องของความฟุ้งเฟ้อ ก็จะติดขัด ธุรกิจที่เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตก็อาจจะกระทบบ้างแต่ก็น่าจะรอดในวิกฤติครั้งนี้ แต่ที่โดนเต็มๆน่าจะเป็นโรงงานส่งออกในส่วนของเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็น หรือ จำเป็นแต่สามารถรอการซื้อได้ ซึ่งก็จะส่งผลกระทบกับการให้พนักงานออกจากงาน อันนี้ผมว่าน่ากลัวกว่า การค้าเงินและทองจะเริ่มคึกคัก คนเก็บไว้ไม่กล้าปล่อยออกเพราะขาดทุน คนทำธุรกิจต่างประเทศกำลังจะซื้อ ทำให้เกิดแรงต้านของราคาเงินและทองบ้าง ซึ่งคาดว่าน่าจะต่ำลงกว่านี้อีกสักระยะ ซึ่งก็ไม่ได้ซบเซาไปตามเศรษฐกิจโลก แต่ก็เป็นสีสรรอีกอย่างหนึ่งให้เห็น การค้าถ้าไม่เปลี่ยนขั้วจาก USA มาเป็นจีนหรืออินเดีย ก็อาจจะทำให้สต๊อกมากเกินจำนวน ดังนั้น พวกส่งออกก็ต้องหาตลาดใหม่ที่ยังพอจะเติบโตได้ ทำให้เกิดความเคยชินกับตลาดใหม่ เมื่อ USA ฟื้นตัว สินค้าบางตัวก็จะเห็นสัจธรรมว่าตลาดเก่าอาจจะไม่เป็นที่น่าสนใจเพราะสู้ตลากใหม่ไม่ได้ OPEC หยุดการผลิตเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันตกต่ำกว่านี้ คนกลุ่มนี้คงต้องดิ้นกันมากมาย และก็ยังคงคึกคักในช่วงสั้นๆเพื่อให้ราคาน้ำมันตกต่ำ ทั้งหมดนี้เกิดจากการซื้อขายสินค้าล่วงหน้า ปั่นเงิน ปั่นตัวเลข ของ USA เมื่อฟองสบู่แตก จึงเห็นว่า ราคาสินค้าต่างๆ ก็จะกลับมาใกล้กับความเป็นจริงมากขึ้น Snowball Effect ที่คุยนักคุยหนาว่าพาเศรษฐกิจของเขาเจริญเติบโตทำให้เงินหมุนเวียน เมื่อก้อนหิมะแตกมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น คนอเมริกามีไม่มากประมาณ 10% แต่บริโภคทรัพยากรของโลกถึง 30% ในขณะที่คน 90% ทั่วโลกบริโภคทรัพยากรเพียง 70% มันเป็นความล่มสลายของความฟุ้งเฟ้อที่เขาสร้างขึ้นมากันเอง นอกจากนี้โรงงานของเขาก็ปล่อยควันพิษออกสู่บรรยากาศมากที่สุด แต่กลับสร้างระบบให้ประเทศที่ความรู้น้อยปล่อยก๊าซออกมาน้อยๆ เพื่อเขาจะซื้อค่าความต่าง ถ้าพวกเขามีจิตสำนึกทางธรรมชาติจริงพวกเขาจะทำเช่นนี้หรือ มีแต่ข้ออ้างเพื่อดึงเอาผลประโยชน์เข้าตัวเองทั้งนั้น โดยการหลอกประเทศที่โง่เขลา และ ฉ้อโกง เพื่อหาประโยชน์ใส่ตนทั้งสิ้น เป็นมารในคราบเทพฯ ที่ให้คนที่รู้ไม่เท่าทันต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ รวมไปทั้งความมั่งคั่งให้กับพวกเขาอย่างไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้ นี่เป็นกรรมตามสนองเพียงบางส่วนเท่านั้น จากคุณ : Wiboon Joong (wbj) - [ 24 ต.ค. 51 17:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เสถียรภาพเศรษฐกิจในปี 2552 ยังน่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2552 คาดว่าจะยังคงเกินดุลที่ร้อยละ 1.0-2.0 ของ GDP เนื่องจากการเกินดุลการค้าตามราคาสินค้านําเข้าที่คาดว่าจะลดลงมากกว่าราคาสินค้าส่งออก (Better term of trade) ทําให้มูลค่าการนําเข้าสินค้าขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 9.0-11.0 ต่อปีเทียบกับมูลค่าส่งออกสินค้าที่น่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 11.0-13.0 ต่อปี ประกอบกับดุลบริการคาดว่าจะกลับมาเกินดุลมากขึ้นจากรายได้การท่องเที่ยวที่ น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในปี 2552 นอกจากนั้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2552 คาดว่าจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.0-4.0 ต่อปี เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราชะลอลงจากปี 2551 ทั้งนี้และทั้งนั้นแม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และคาดว่าจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศคู่ค้า แต่เมื่อพิจารณาตัวเลขการขยายตัวของประเทศคู่ค้าหลักของไทย 14 ประเทศแล้วก็ยังไม่ถึงขนาดทำให้ประเทศไทยเศรษฐกิจตกต่ำสุดขีด นะครับ   แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 51 17:41:52 จากคุณ : ดีอาร์ (๛จูล่ง๛) - [ 24 ต.ค. 51 17:39:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปล. แต่เห็นด้วยกับ จขกท. นะครับ ในประเด็น คนไทยรักกันๆ  ^_^ จากคุณ : ดีอาร์ (๛จูล่ง๛) - [ 24 ต.ค. 51 17:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับ ทุกท่าน.... หากดูตามการพยากรณ์ของคุณดีอาร์แล้ว ยังจะพอให้ใจชื้นอยู่บ้างว่า ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะไม่ซวนเซไปอย่างที่คิด... แต่การประมาณการด้วยข้อมูลของปีที่แล้วและปีนี้นั้น น่าจะมีค่าเบี่ยงเบน(BIAS)ค่อนข้างเยอะ เพราะวิกฤติการเงินที่เกิดที่ สหรัฐในปีนี้ แล้วกระทบไปยังทั่วโลกกำลังเพิ่มปริมาณความรุนแรง จนน่าตกใจ เหมือนซึนามิที่เกิดใต้มหาสมุทร .........ข้างบนดูเงียบสงบ แต่ข้างล่างกำลังก่อมรสุม ขนาดใหญ่... เพราะวันนี้หุ้นไทยตกกว่า 30 จุด ในขณะที่วันนี้สมาคมผู้ค้าทองคำประกาศหยุดขายทองแท่งในวันเสาร์-อาทิตย์นี้เพราะราคาตกมาก ซึ่งที่ผมต้องติดตามดูเพราะในอดีต การโยกเงินระหว่าง ทองคำ กับ หุ้นจะเป็นเรื่องปกติ คือถ้าหุ้นตก ทองก็ขึ้น ถ้าหุ้นขึ้นทองก็ตก แต่วันนี้เราจะเห็น หุ้นตก(วินาสสันตะโร) ทองดิ่งแบบค่อนข้างมาก และอีกอย่างคือ ค่าเงินนอกจากสหรัฐแล้ว วันนี้ค่าเงินไทยเทียบกับทุกประเทศแล้วแข็งขึ้น เช่น เทียบกับออสเตรเลีย วันนี้แค่ 4 เดือนเงินออสเตรเลีย ตกกว่า 30%( 1 เหรียญ = 24 บาท ในขณะที่ 4 เดือนที่แล้ว 1 เหรียญ = 33 บาท) จากข้อมูลนี้ทำให้เห็นวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนในมืองไทย วันนี้ผลที่เกิดรุนแรงคือ ราคาพืชผลทางการเกษตร ที่ร่วงแบบน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็น ยาง ปาล์ม หรือมันสำปะหลัง และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ธุรกิจการท่องเที่ยวก็เจ๊งกันระนาว เพราะนักท่องเที่ยวหายไปกว่าครึ่ง.... ปีหน้าอาจจะดีขึ้น(จริงหรือ???)  แต่ก็คาดหวังอะไรไม่ได้นัก เพราะวันนี้ เรามีทั้งศึกภายนอก และศึกภายใน ในขณะที่ ทั่วโลกตกใจกับวิกฤติการเงินที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก เรากลับมัวเล่นการเมืองเพื่อสนองตัณหาของคนบางกลุ่ม โดยไม่ดูว่า สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติขนาดไหน????? จากคุณ : คนอุบล - [ 24 ต.ค. 51 18:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณครับ กระทู้นี้ได้ความรู้มากมาย เห็นด้วยว่าอย่าไปกลัวจนเกินเหตุ แต่ถ้าประหยัดไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ก็ดี จากคุณ : Mun Thow - [ 24 ต.ค. 51 20:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ว่ากันว่า อีกไม่ช้าตู้เซฟจะขายดี..5555.... .............................................................................................. อ่าน comment ของ Khun Wiboon Joong แล้วทำให้นึกถึงเรื่อง Credit Carbon ของบ้านเรา ไม่รู้สถานะตอนนี้เป็นจังได๋น้อ... ............................................................................................. ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยก็รู้สึกอุ่นใจเวลาแวะเวียนเข้ามาในห้องสีลม...บางคนอาจมองว่าโลกของไซเบอร์เชื่อถือไม่ได้...หรือได้ก็เป็นส่วนน้อย... แต่เรามองว่า คนส่วนใหญ่ในนี้ต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อาจมีติติงกันบ้างแต่ก็เป็นลักษณะสร้างสรรค์เสียมากกว่าที่มุ่งจะทำร้าย... ในยามว่าง(ข้ออ้างน่ะ)การเข้ามาอ่านกระทู้ ตลอดจนความคิดเห็นต่าง ๆ ในห้องนี้ ทำให้เราหายกังวลกับสภาพเศรษฐกิจ การเมือง รวมทั้งสภาวะอันแปรเปลี่ยนของธรรมชาติได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ..... ทั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะความรู้สึกของการมีเพื่อนนั่นเอง...... จากคุณ : ไม่ได้แก่ แค่เกิดก่อน - [ 24 ต.ค. 51 20:12:52 A:124.120.75.240 X: TicketID:186229 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านคำทำนายแล้ว หัวใจห่อเหียว ผมมองคนละมุม ท่ามกลางวิกฤติที่สับสน วุ่นวายกันทั้งโลก  ในหลายแห่งยังมีโอกาสที่เราจับต้องไข้วคว้าได้ ประเทศ ไทยได้รับบทเรียนที่สาหัสมาก่อนแล้ว จึงมีภูมิคุ้มกันที่สามารถต้านทานกับ วิกฤติการที่เกิดมาจากอเมริกาได้ไม่ยากนัก ผมมองว่าอเมริกันจะล่มสลาย รวมทั้งกลุ่มยุโรปด้วย ถ้าร้ายแรงกว่านั้น  อาจเกิดสงครามศาสนา จะทำให้ อเมริกัน และยุโรปต้องต่อสู้กับมุสลิม ความเสียหายไม่อาจคำนวน ส่วนทวีป เอเชีย จะได้อานิสงค์จากการทำสงคราม จีนแผ่นดินใหญ่จะได้เป็นมหาอำนาจ  ประเทศไทยจะเจริญรุ่งเรื่อง ทำมาค้าขายดีจนทำไม่ทัน        นี่เป็นคำทำนายจากเมธีผู้เปรื่องปราชชาวจีนที่ทำนายไว้เมื่อหลายปีก่อน ที่ผู้คนฟังแล้วไม่มีใดรเชื่อ พากันหังเราะเยาะ แต่ตอนนี้หัวเราะไม่ออก แล้ว  จะเป็นจริงแค่ไหนเราคอยดูกันต่อไป จากคุณ : คน ทำงาน (c3333) - [ 24 ต.ค. 51 20:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับคุณคนอุบล สวัสดีครับคุณ"เลขาฯ ตัวแสบ!" สวัสดีครับคุณดีอาร์ (๛จูล่ง๛) สวัสดีครับคุณWiboon Joong (wbj) สวัสดีครับคุณ KENG76เเละสวัสดีครับทุกคน เข้ามาอ่านเเละรับความรู้ ผมกลับตั้งหน้าตั้งตารอปี 2552 ครับ ท้าทายความสามารถดีนักเเล ถ้าจะกลัว ก็เรื่องความไม่ปลอดภัยทางทรัพย์สินเเละชีวิต เพราะมีคืนที่ 23 ก ค 51 ที่ผ่านมา บ้านถูกเเงะ ไม่อยากให้เกิดกับใคร นี่คือสิ่งที่ผมไม่อยากเห็นบ้านเมืองเป็นเเบบนี้ ไม่อยากเห็นคนไทย เห็นเเก่ตัว เอาเปรียบกันครับ @@@@@@@@@@ เมื่อปลายปี 2550 ผมฟังหมอดูท่านหนึ่งจากเเผ่น MP 3 ที่เพื่อนเเจกเป็นของขวัญปีใหม่ 2551 + หมออื่น ๆ บอกว่าปี 2551 ของผมจะรุ่งเรื่องเงิน เรื่องานสุด ยกเว้นเรื่องความรัก ผมไม่ค่อยเชื่อนะ เเต่จริง ปีนี้รุ่งมาก ๆ เลย เเต่ความรักไม่ดีเลย เเต่เพื่อนบอกว่า มาจากความกตัญญูของผม ความสามารถ เเละความดีของผมด้วย ตารางงานสอนพิเศษผมจะเต็มถึงเดือนกุมภา 53 เเต่ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้น ( ญาติตกงาน ต้องช่วยกันไปครับ) ที่เล่ามานี้ ไม่ได้จะโอ้อวดอะไร เเต่ผมอยากบอกว่า ต้องเชื่อมั่นตัวเอง ว่าถ้าเราคิดดี ทำดี เราขยัน เรามุ่งมั่น เราไม่คิดร้ายใคร เราขยันเเละเรียนรู้ทุกวัน เเละไม่ประมาทในชีวิต ไม่ฟุ้งเฟ้อ เศรษฐกิจพอเพียงครับ ยังไงเราก็ไม่ล้มครับ เเละสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างคนมีศีล มีธรรมเสมอ ไม่ใช่ ผมประมาทนะ ผมไม่เคยประมาท ทุกวันนี้ทำงาน 7 วัน+ กระหายที่จะดีขึ้นทุกวัน ไม่เคยจางหาย กลับเข้มข้นขึ้น ๆ ครับ ยิ่งหันไปทางไหน บอกว่าปี 2552 เเย่เเน่ ไฟในตัวผมยังเเรงขึ้น มันท้าทายนะ เเต่ไม่ใช่ท้าท้ายเเบบผิด ๆ เช่น ลาออกซิ จะได้ท้าทายขึ้น ตรงกันข้าม งานคือชีวิตอยู่เเล้ว ทุกวันนี้ผมขยันมากๆๆๆๆๆ เเต่ไม่กลัวการให้ออก เมีอะไรไม่พอใจ ผมพูดนะ อาจารย์พี่ ๆ ผู้ใหญ่เขาคงเอ็นดูผมนะ เลยไม่ถือสา คอลัมน์ภาษาผม Update เเล้วนะครับ ขอให้ทุกท่านรวย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุขภาพเเข็งเเรงครับ จากคุณ : tonmelb - [ 25 ต.ค. 51 00:01:38 A:203.209.119.122 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าเศรษฐกิจแย่จริงๆ เหล้า เบบียร์ จะยอดขายเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ เพราะ จน  เครียด   กินเหล้า !!! แหะๆ ล้อเล่นครับ ผมว่าไม่น่าห่วงเท่าไรสำหรับปีหน้าถ้ารู้จักปรับตัว ผมมอง โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงมากกว่า สำหรับผมคงต้องลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าเดิม จากคุณ : คุณชายสะพายเป้ - [ 25 ต.ค. 51 10:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณ จขกท. และข้อมูลของคนอื่นๆ นะครับ....^^ จากคุณ : โปติ่น - [ 25 ต.ค. 51 14:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ร้านขายปูนผสมเสร็จ ตอนนี้โรงงานเอทานอลหยุดก่อสร้าง ทั้งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ต้องบริหาร stock และ คอยตามลูกหนี้ให้ดี เสี่ยงครับตอนนี้ จากคุณ : Mr Google - [ 25 ต.ค. 51 22:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เอาเมล์ ของพี่สาวคนสวย PP มาฝากครับ -------------------------------------------- เงินสดที่ว่าล้นโลก หายไปไหน??? Monday, September 10, 2007 5:00 AM ตอนนี้ หลายท่านคงสับสน และมีคำถามว่า เงินสดที่สร้างสภาพคล่อง จู่ๆหายวับไปจากโลกได้อย่างไรในเดือนเดียว??? เดือนกรกฎาคม นักลงทุนชื่นมื่น ตลาดหุ้นเกือบทั้งโลกทำ all time high (new high รอบ 9 ปี สำหรับไทย) ทุกคนต่างรับรู้กันว่า เป็นเพราะสภาพคล่องจากการที่มี เงินสดล้นโลก แต่ดิฉันว่า มันผิดปกติ และ ฤาประวัติศาตร์จะซ้ำรอย (ค้นหาบทความตอนนั้นอ่านได้) เดือนสิงหาคม นักลงทุนเครียด ตลาดหุ้นลงเกือบทั้งโลก (เพราะยกเว้นจีน) ทุกคนรู้แต่ว่า เกิดปัญหา Suprime Loans สาเหตุการเกิด และวิธีเกิด ก็ได้ส่งไปให้อ่านแล้ว ดิฉันเรียกว่าแชร์ลูกโซ่สินเชื่ออหังสาฯ เพราะลักษณะตรงประเด็นที่สุด เมื่อห่วงโซ่ขาด ทุกอย่างก็จบ แต่คิดไหม ว่าเหตุใด แค่ลูกหนี้ด้อยคุณภาพในกลุ่มอหังสา สามารถทำให้สภาพคล่องหดหายไปจากโลกอย่างกระทันหัน ธนาคารชาติใหญ่ๆ ต้องช่วยกันขนเงินสดจากทุนสำรองของประเทศ ทุ่มเข้าไปเติมสภาพคล่องอย่างด่วนที่สุด ถี่ที่สุด และด้วยจำนวนเงินสูงที่สุด อเมริกาถึงกับสั่งพิมพ์ธนบัตรใหม่ "จำนวนไม่อั้นถ้าจำเป็น" สงสัยกันบ้างไหม ว่าแท้จริงแล้ว ได้เกิดอะไรขึ้นกับตลาดทุนโลก??? แค่เดือนเดียวเท่านั้น เงินสดที่ว่าล้นโลก หาย ไป ไหน หมด? สสารย่อมไม่สูญหายไปจากโลก ไม่มีอะไรที่จู่ๆจะหายไปราวกับล่องหน ไม่อยู่ที่ใดก็ที่หนึ่ง ไม่อยู่ในรูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง แต่นี่ เงินสดมากมายมหาศาล จู่ๆก็ ล่องหน ฝรั่งใช้คำพูดว่า VANISHED คงจะไม่หาว่าดิฉันบ้า ถ้าจะบอกเพื่อนๆว่า เงินสดล้นโลกที่เขากล่อมให้เราเชื่อนั้น มันเป็นเพียง สภาวะเงินสดเทียม เท่านั้นเอง 1 ล้าน กลายเป็น 100 ล้านได้ ก็สามารถหายวับกลับคืนมาที่เดิมได้ -------------------------------------------------------- Monday, September 24, 2007 7:30 AM ดิฉันขออธิบายเพิ่มว่า ตามปกติ ทุกๆธนาคารมีสิทธ์ที่จะเงินสดขาดมือในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งทั้งนั้น แต่พวกเขาต่างก็ให้กู้ยืมเงินกันไปมาทุกๆวัน และคิดดอกเบี้ยระยะสั้นๆกัน เงินมันก็หมุนเข้าธนาคารนี้ ออกธนาคารโน้น จนทำให้เราคิดว่า ทุกธนาคารไม่เคยมีปัญหาสภาพคล่อง แต่มาครั้งนี้ สถาบันที่ยังมีสภาพคล่อง กลับไม่ให้เพื่อนขอยืมซะงั้น เพราะกลัวว่า หากตัวเองขาดสภาพคล่องมั่ง อาจจะไปขอยืมใครไม่ได้เต็มที่ จนอีกฝ่ายต้องงอนง้อเสนอให้ดอกเบี้ยสูงๆ (ที่อเมริกาก็เช่นกัน แต่ข่าวไม่ออกมา) ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกลางของทุกๆประเทศจึงได้เตรียมเงินสดก้อนโตๆให้เพียงพอต่อความต้องการ ให้ธนาคารที่มีปัญหายืมไปใช้หมุนเวียนชั่วคราว ทีนี้ พอ FED ประกาศลดดอกเบี้ยรวม 2 ครั้ง 0.75% เยอะนาจะบอกให้ พวกเขาต่างก็กรูกันเข้าไปขอยืมในทันที เออน่า ถ้าระยะสั้นๆยังไม่มีปัญหา ก็เอาเงินมาหมุน กินดอกเบี้ยส่วนต่างก่อนเป็นไร ธนาคารทั้งหลายในโลกก็ (ทั้งๆรู้แต่ยอม) เลยต้องอัดเงินเข้าไปหลายครั้ง พอปล่อยให้รายใหญ่เอาไปปั่นหุ้น หรือปั่นมันซะเอง เพราะหุ้นถือเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง ขายเมื่อไรก็ได้ แล้วพอผู้คนเห็นหุ้นขึ้น ก็คิดว่า ปัญหามันจบไปแล้ว (ที่จริงยังไม่ได้เริ่มแก้ไขด้วยซ้ำ) พอกลุ่มที่หนึ่งซื้อ อีกกลุ่มก็ตาม กราฟมันวิ่ง อีกคน และอีกคน มันก็ตามๆๆๆๆ ระบบ credit balance ก็ทำงาน เอาเงินใส่เข้าไปหนึ่ง ซื้อได้ 10 เย้....ไอ้เงินสด ที่ดูเหมือนกับว่ามันเหือดแห้งหายวับไปจากโลกในวันเดียว มันก็กลับมาทันตาเห็น เหมือนเสกได้ คนกลุ่มเล็กๆได้ประโยชย์ กอบโกยกำไรระยะสั้นๆ แต่ประชาชนทั้งโลก ใช้แพง และกินแพงขึ้น โลกแห่งการซื้อขายด้วยเครดิต มันก็เป็นแบบนี้ เงินสด 1 ส่วน ต่อ 10 ส่วน หรืออาจจะมากกว่าในการเทรดดัชนีกลุ่ม commodities และเงินตรา เช่นเดียวกัน พอเงินสดหายไป 1 อีก 10 ส่วนก็พลอยหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกัน เพราะมันไม่เคยมีเงินสดเต็มมูลค่าตามที่เราเห็น จากคุณ : academician - [ 26 ต.ค. 51 04:49:08 A:12.129.136.81 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องราคาน้ำมันดิบ ---------------------------------------------------------------- พอดีค่าใช้จ่ายในการเก็บน้ำมันที่ขุดขึ้นมาแล้ว.......มันแพงน่ะ ช่วงที่ราคาดีๆ บาร์เรลละ 120-140 กว่าน่ะ เป็นแค่ Demand เทียม ........จริงๆ แล้วขุดมากกว่าใช้มาโดยตลอด ช่วง 100 กว่าๆ เช่าเรือบรรทุกน้ำมันเก็บไว้กลางทะเล ....มันก็ยังคุ้ม แต่พอน้ำมันลงมาต่ำกว่า 80 .......มันไม่คุ้มค่าเช่าเพื่อเก็บแล้ว ขณะนี้จึงต้องทำทุกวีถีทางที่จะลด Supply และนั่นหมายถึงการลดกำลังผลิตที่จะมีมาเรื่อยๆ ...แต่จะหยุดผลิตเลยก็ไม่ได้ จะลดเยอะเกินไป ตลาดก็จะรู้ความจริงว่า Over supply มากๆ น้ำมันที่ขุดมาแล้วเก็บเอาไว้แล้วนั้น จึงต้องขายทิ้ง.....ทุกราคา จากคุณ : academician - [ 26 ต.ค. 51 05:00:49 A:12.129.136.81 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เมล์ของพี่สาวคนสวย อีกทีครับ ----------------------------------------------------------- Friday, October 17, 2008 9:05 AM มาดูราคาหุ้นกลุ่ม commodities ของไทย ในช่วง 2003 ถึง 2007 (เว้น pttep ที่ลากต่อถึงต้นปี 2008) ATC จาก 6 บาท มา 72 ขึ้นมา 2400% PTT จาก 28 บาท มา 440 ขึ้นมา 1500% PTTEP จาก 17 บาท มา 220 ขึ้นมา 1300% PSL จาก 6 บาท มา 80 ขึ้นมา 1300% TTA จาก 5 บาท มา 70 ขึ้นมา 1400% SCC จาก 20 บาท มา 250 ขึ้นมา 1200% เฉลี่ย กำไร 1350% คนใช้ US$ ซื้อ + กำไรอัตราแลกเปลี่ยนอีก 25% ของกำไร 1350% = 1650% คนที่เคยโกหกนักลงทุนเมื่อปีที่แล้วว่า หุ้นไทยยังไม่ขึ้นเลย ยังถูกมากๆ ปีนี้ จะแก้ตัวว่าอย่างไร --------------------------------------------------------- เงินดอลนอกประเทศอเมริกาทั่วโลกเริ่มขาดแคลน Tuesday, October 21, 2008 1:50 PM อเมริกันจะเอา 7 แสนล้านดอลจากไหน ? ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว เพราะว่าเงินดอลทั่วโลกเริ่มขาดแคลนแล้วนะ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ emerging countries เกาหลีใต้หนักกว่าเพื่อน ค่าเงินร่วง 50% เมื่อเทียบกับดอลแล้ว รอบนี้ เขาไม่พิมพ์ แต่เล่นขนออกจากประเทศต่างๆที่ไปลงทุนไว้ เพื่อไปกู้ชาติให้อยู่รอด อย่างไทย ฝรั่งถอนทุนที่ลงใน real sectors กลับไปหมด 2 แสนล้าน ขายหุ้นอีก 2 แสนกว่าล้าน เราก็ต้องเอาเงินดอลคืนให้เขาไป ประเทศอื่นๆก็เช่นกัน แค่นี้ไม่เท่าไร แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ เงินดอลที่เขาขนเข้าไปลงทุน มันเพิ่มขึ้น เพราะมันมีกำไรรวมอยู่ด้วย ทีนี้ ดอลแข็ง ทองลง commodities ลง จากคุณ : academician - [ 26 ต.ค. 51 05:08:36 A:12.129.136.81 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ราคา commodity ทั้งหลายที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนนึงมาจาก Demand ที่เพิ่มขึ้น.......เฉพาะพวกถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวเจ้า อีกส่วนนึงมาจากการเก็งกำไรและปั่นราคาครับ...อันนี้ทั้ง Grain ที่กล่าวข้างบน น้ำมัน ทองคำ ฯลฯ ผมเคยกล่าวลหายวาระแล้วว่าสาเหตุหลักๆ ที่ Grain commodity มีราคาเพิ่มขึ้น ....มีสาเหตุหลักมาจากสหรัฐฯ นำพวกธัญพืชไปสังเคราะห์เป็นเอธานอล เมื่อนำข้าวโพด และธัญพืชอื่นๆ จำนวนมากกว่า 30% ของปริมาณความต้องการบริโภคปกติ ...ไปสังเคราะห์เป็นเอธานอล ทำให้ Grain commodity ขาดแคลนหายไปจากตลาดโลก ........เพราะปกติ Grain commodity เป็นอาหารของทั้งคนและสัตว์....ไม่ใช่รถยนต์ เมื่อถั่วเหลือง ข้าวโพด หายไปจากตลาด คนก็หันไปบริโภคข้าวสาลี ข้าวเจ้า ฯลฯ มากขึ้น สุดท้ายจึงทำให้ Grain commodity มีราคาเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า เมื่อราคา Grain commodity เพิ่มขึ้นในปี 2006 นักเก็งกำไรก็เข้ามาร่วมปั่นราคา เฉพาะในช่วงปี 2005-2008 Grain commodity ส่วนใหญ่มีราคาเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ....เมื่อเทียบกับปี 2005 ช่วงปี 2005-2008 ราคาน้ำมันดิบก็เช่นกันครับจากบารเรล์ละ 35 เหรียญ เพิ่มขึ้นมาถึง 140 กว่า ทองคำจาก 400-450 เหรียญ.........ขึ้นมาถึง 900-1000 เหรียญ การที่ราคาเพิ่มขึ้นมากๆ ในช่วงดังกล่าวมาจากการเก็งกำไรและปั่นราคาครับ ข่าวที่ฝรั่งพยายามกรอกหูเรา ว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นจากจีนและอินเดียมากๆๆๆน่ะ ........โกหกครับ .....Demand เพิ่มขึ้นไม่ถึง 5% ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และทั้งโลกมีการผลิตมากกว่าความต้องการเสมอ ยิ่งช่วงที่ราคาขึ้น...ยิ่งเพิ่มกำลังการผลิต ถ้าใครติดตามข่าว ช่วง 5 ปีที่ีผ่านมาจีนไปลงทุนซื้อบ่อน้ำมันจำนวนมากทั่วโลก .....และก็ผลิต+ต่อท่อส่งกลับไปใช้ที่จีน สิ่งที่เราเห็นว่าราคา commodity (ทั้งทอง น้ำมัน Metals และธัญพืช) ลดลงมากในช่วงนี้ ..............มันเป็นแค่การปรับตัวเข้ามาสู่สภาวะสมดุลครับ บริษัทใหญ่ๆ ที่ขาดทุนมากๆช่วงนี้ จะขาดทุนจากการเก็งกำไรวัตถุดิบและค่าเงินครับ .........ลองสังเกตบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ดูนะครับ ในสหรัฐฯ และประเทศแถบลาตินอเมริกามีเยอะมากๆเลยครับ .........ที่ขาดทุนและอาจจะเจ๊งเพราะการเก็งกำไรวัตถุดิบและค่าเงิน อย่าง Pilgrim's Pride ที่ขายไก่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ เจ๊งเพราะเก็งกำไรถั่วเหลือง Comercial Mexicana บริษัทค้าปลีกอันดับ 3 ของเม็กซิโก Cemex ที่ผลิต cement เป็นอันดับ 3 ของโลก ยังไม่เจ๊งแต่ราคาหุ้นลดลงเหมือน SCC ของเรา สายการบินหลายแห่งกำลังจะเจ๊ง เพราะการเก็งกำไรค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อ 2-3เดือนก่อน ร้านทองในเมืองไทยบางร้านก็อาจจะเจ๊งได้เช่นกัน ขายตั๋วทองกันสนุกมือ หึ หึ ว่างๆ จะมาคุยต่อครับ จากคุณ : academician - [ 26 ต.ค. 51 06:10:37 A:12.129.136.81 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อยากให้  give K. academician จริง ๆ แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 51 15:29:26 จากคุณ : this is jenni - [ 26 ต.ค. 51 15:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ ^ ^ เห็นด้วย............ นับถือและขอบคุณ คุณ" academician - " จากใจจริง จากคุณ : ครูต้อ - [ 26 ต.ค. 51 19:38:55 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เพราะเคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก่อน บอกได้ว่า คนไทยเราโชคดีในเรื่องดิน ฟ้า อากาศเหลือเกิน ถ้าไม่ " ขีเกียจ " และไม่" ฟุ้งเฟ้อ "รับรองได้ว่า... ไม่อดตาย พืชผักปลอดสารพิษ ที่ปลูกโดยวิถีธรรมชาติ หากินได้ทั่ว"กรุงเทพเมืองฟ้า"แห่งนี้ โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ก็ยอดผักบุ้ง ยอดกระถิน ใบตำลึงนั้น พบได้ตามที่ว่างเปล่า ทั่วกรุง ! เก็บไปทำกินได้ฟรีๆ และ มีประโยชน์ ถ้าคุณช่างสังเกตุ..... คุณจะพบมะระขี้นก ผักโขมจีน(spinarchชนิดหนึ่ง) ขึ้นอยู่ในที่รกร้างบางแห่ง ถ้าคุณขยันเพิ่มขึ้น หาพืชที่ปลูกง่ายๆ เช่น ถั่วพู ชะอม มะกอก ผักหวาน มาปลูกในผืนดิน(แม้เพียงแคบๆ)ที่คุณมี คุณก็จะได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าสำหรับร่างกายคุณ โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ว่าแต่ว่า............. คุณอายที่จะทำเช่นนี้หรือเปล่าหล่ะ ? เชื่อว่า วิกฤตครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เตรียมตัว เตรียมตน ลดอัตตาของตัวเองลง เชื่อว่า เราจะอยู่รอดกันได้ ว่าแต่ว่า................................ เลิกทะเลาะกันซะทีเหอะ น่าเบื่อ ! นะ............... กราบละพ่อคุณ จากคุณ : ครูต้อ - [ 26 ต.ค. 51 20:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณที่มีกระทู้นี้ ทำให้รู้ว่า เราควรยึดงานราชการอย่างเดิมต่อไป (แม้ว่าจะมีกินน้อย แต่ดีกว่าไม่มีกินเลย) ในขณะเดียวกัน ก็รู้ว่า จะต้องลงทุนอย่างไร คิดกำไรอย่างไร จึงจะเหมาะสม ทำยังไงให้อยู่ได้ ช้า ๆ แต่ยั่งยืน เพิ่มเติม .. อย่าลืมปลูกผักสวนครัวไว้ในบ้านบ้างนะคะ .. ตอนนี้ที่บ้านพยายามลดค่าใช้จ่าย และพยายามทำอะไรหลายอย่างด้วยตนเอง   ตั้งแต่ปลูกผัก ประหยัดได้เยอะค่ะ  เดินไปหลังบ้าน เด็ดทานได้เลย  กระเพราโหระพา พริก บวบที่ปลูกเอง รสชาติหวานมาก ๆ หวานธรรมชาติ ซึ่งเกิดมาไม่เคยทานมาก่อนเลย ไม่เคยรู้ว่า บวบต้มสุกนี่มันจะอร่อยได้ขนาดนี้ ทั้งที่ชอบกินบวบมาก เราคิดเรื่องการอยุ่อย่างพอเพียงมาพอสมควร ... ลำบากในแง่รายได้  แต่ไม่ลำบากในการดำรงชีวิตค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 51 18:13:58 จากคุณ : น้องหนูสะดิ้งน้อย - [ 26 ต.ค. 51 21:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เฮียมือเก่า(คนอุบล)และกัลยาณมิตร ทุกท่าน ครับ ผมคิดว่าเราน่าจะเจอปัญหาเศรษฐกิจ อย่างน้อย2ปี ทั้ง2552และ2553ครับ จากเรื่องนอกบ้าน อย่างที่ทราบกันอยู่ และจากในบ้านเรา ซึ่งเกิดจากการขัดผลประโชน์ของคน2คนและเพิ่มเป็น2พวก2สีขยายความอาฆาตแค้นกันไปจนเกิดเป็นหลายก๊กหลายเหล่า เสี้ยมเขาชนกัน โดยมี ประเทศชาติและประชาชน คนธรรมดา ส่วนใหญ่เป็นผู้รับเคราะห์และรับชะตากรรม อีกทั้งความเดือดร้อนไปทุกที่ทั่วไทย หวังว่าพวกที่ก่อกรรมชั่วกันไว้ทุกฝ่ายคงจะสำนึกและได้รับกรรมสนองตามที่ได้ทำไว้โดยถ้วนหน้ากันเลย นะครับ จากคุณ : SEA - [ 26 ต.ค. 51 21:43:52 A:124.120.86.211 X: TicketID:107202 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เตรียมตัวรับมือ..... ........ ด้วยการ....... ........ กินใช้แบบพอเพียงครับ ........ ........ จากคุณ : ประชาชนคนเดินดิน - [ 26 ต.ค. 51 22:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เฮ่อ....เห็นด้วยเช่นกันค่ะ เลิกทะเลาะกันซักทีเถอะ ก่อนที่ใครจะแพ้ชนะ...ประเทศชาติจะล่มจมกันไปหมดซะก่อน จากคุณ : cioccolato - [ 26 ต.ค. 51 22:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ว่าจะพิมพ์ถามยาวๆ แต่คิดไปคิดมาขี้เกียจเถียง ถามสั้นๆดีกว่า ร้านทองขายตั๋วทองออกไปตอนแพง... ณ.เวลานี้เป็นตลาดขาลง มันจะเอาอะไรมาเจ๊ง... ยิ่งถ้าพูดถึง mts ผมไม่คิดว่าเค้าจะเจ๊งหรอกครับ ไอ้คนที่เข้าเร็ว ได้กำไร มันก็ขายออกไปหมดแล้ว เก็บกำไร กินไปแล้ว.. แมงเม่าหน้าโง่ เข้าที่ยอดดอย ตอนนี้ยังซีดอยุ่ไม่มีปัญญามาเล่นเพิ่มหรอกครับ.. มองซ้ายมองขวา ขายตั่วทองออกไปก่อนหน้านี้ ยังไงๆ ก็กำไรแน่ๆ มากรึน้อยเท่านั้นเอง.. ร้านทองมัน ไม่ได้ขาย option นะครับ.. ร้านทองเมืองไทยมันไม่ได้ก้าวหน้าขนาดนั้น 5555 บอกผมหน่อยเถิด ร้านทองมันจะเจ๊งได้ไง.. ในสภาพตลาดแบบนี้.. จะเจ๊งก็เจ๊งเพราะ stock ทองในร้านที่ทะลึ่งซื้อเข้าตอนแพงนั่นแหละ ซึ่งจะสะท้านก็เฉพาะ ร้านใหญ่ๆ ทุนตั๋งๆเท่านั้น ไม่ได้เจ๊งเพราะตั๋ว.... จากคุณ : avalanche_fx - [ 27 ต.ค. 51 00:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อ่อ อยู่ในตลาด ต้องเชื่อตัวเอง คิดเอง วิเคราะห์เอง ไปฟังลุงโปกมากระวังหมดตูด  ไอ้ลุงบ้านี่มันเพี้ยน... (คห. ส่วนตัว) จากคุณ : avalanche_fx - [ 27 ต.ค. 51 00:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สวัสดีครับ ทุกท่าน ขอบคุณกับข้อมูลดีๆของคุณ academician จากความเห็นของหลายๆท่าน เราก็คงเห็นภาพของการก่อหวอดของมรสุมที่เริ่มขึ้นแล้วทางซีกโลกตะวันตก... น่าเสียดายว่า จริงๆ วิกฤตินี้จะกระทบต่อเมืองไทยน้อยมาก หากเราไม่มีการทะเลาะของคนไทยด้วยกันเอง จนขาดเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยวหนีกระเจิง... เพราะด้วยเสน่ห์ของคนไทยและเมืองไทย รวมทั้งค่าเงินที่น้อยกว่าฝั่งตะวันตกหลายเท่า ทำให้เมืองไทยยังเป็นสวรรค์บนดินของชาวตะวันตกที่ใฝ่ฝันอยากมาเที่ยวเมืองไทยอยู่เสมอ..ดังนั้นเงินจากนักท่องเที่ยวที่หายไปจึงกระทบธุรกิจต่างๆในเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้... ผมมีความเชื่อว่า เมืองไทยเรายังสามารถแก้ปัญหาวิกฤติครั้งนี้ได้ และคนไทยส่วนใหญ่ยังสามารถอยู่กันได้อย่างสบาย หากเราไม่ลงทุนเกินตัว ไม่ใช้จ่ายเงินเกินความจำเป็น และ อดทนยอมสู้กับความยากลำบากที่เกิดขึ้น แต่ประการสำคัญ การเมืองต้องเดินหน้า เราต้องเลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย สามัคคึสร้างพลังที่ขับเคลื่อนประเทศ ... จริงๆแล้ว วิกฤติแฮมเบอรืเกอร์ครั้งนี้ เป็นผลดีต่อคนไทยด้วยซ้ำ...น้ำมันถูกลงเพราะกองทุนไม่มีปัญญาอุ้มแล้ว ทองคำถูกลง หุ้นถูกลง....หากนักลงทุนจะเริ่มต้นการลงทุน ช่วงนี้นับเป็นโอกาสทองที่จะเริ่มต้นใหม่.... เพียงแต่ว่า....เราไม่แน่ใจว่า เมื่อไหร่เรื่อง เรียกร้องต่างๆในเมืองไทยมันจะจบเสียที........เพราะถ้าคุณเรียกร้องไปเรื่อยๆ มันก็มีเรื่องให้คุณเรียกร้องได้ตลอดนั้นแหละ... จากคุณ : มือเก่า (คนอุบล) - [ 27 ต.ค. 51 06:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ยินดีกับ อจ. tonmelb ด้วยนะครับ คนดี คนขยัน ไม่มีวันลำบากอยู่แล้ว ตอนนี้คงสู้ด้วยแรงกายและสมองกันไปก่อน เงินทุกบาทที่ลงทุนและใช้จ่ายต้องให้ประโยชน์สูงสุด คนเรามีความรู้ไม่อดตาย เรื่องการเมือง ขอให้จบแบบหมากล้อม แบ่งกันลงตัว เพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติและประชาชน อย่าจบแบบหมากรุก กินกันจนหมดกระดานและไม่เหลืออะไรเลย ============= ว่าเรื่องตลาดหุ้นนิดนึง ... ตอนนี้ผมกลับคิดว่า มันลงมามากๆ เป็นโอกาสดีที่คนมีเงินเก็บมีกระแสเงินสดไหลเข้าจะมีโอกาสในตลาดอีกครั้ง ไม่น่าเกิน 5-10 ปี อาจจะมีกำไรได้เป็น 500% จากการลงทุน และอาจจะมีโอกาสได้หุ้นมากๆเพื่อผลิตกระแสเงินสดให้เราทุกๆ ปี เหมือนการทำธุรกิจก็เป็นได้ เวลา 10 ปีไม่นานสำหรับชีวิตคนทำงาน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมากด้วย ขอแค่มีความตั้งใจจริงๆ ก็พอ (ผมก็หวังจะเป็นแบบนั้นนะ) จากคุณ : KENG76 - [ 27 ต.ค. 51 09:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มาเก็บความรู้ เก็บๆๆๆๆๆๆๆ ผมสนใจภาวะเศรษฐกิจ เพระ IMF เนื่องจากว่าพ่อผม ตกงาน -_-" ผมเลยสนใจว่าเพราะอะไร เกิดจากอะไร ตอนนี้เป็นอย่างไร ต้องแก้ไขยังไง ผมมองว่า ประมาณเดือน เมษา-มิถุนา 52 จะบ่งบอกความจริงของบริษํทต่างๆในไทยว่า จะอยู่รอดกันได้หรือไม่ เพราะเวลาอีก 6-8 เดือนนับจากนี้จะวัดกันได้ว่า จะอยู่รอดในโลกนี้ได้หรือไม่ หรือปิดตัวไปทำอย่างอื่นดี หลังจากนั้น จะเข้าสู่สมดุล ผมคิดว่า เศรษฐกิจ จะไม่ซบเซ้านานกว่า 1 ปีเพราะว่า ทุกประเทศก็ต้องหาทางรอด ไม่เหมือนตอน IMF มีไทยโดนไปเต็มๆ ไม่มีใครช่วย รอบนี้ต่างกันเพราะช่วยกันทั้งโลก จากคุณ : คิดบวก - [ 27 ต.ค. 51 12:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้ระวังตัวไว้ได้ก็ดีครับ ผมยังคิดว่าปีหน้านี้ไม่น่าจะดีขึ้นเพราะที่ผ่านๆมาก็ใช่ว่าจะดี หลายๆบริษัทที่กินเงินเก่ากันก็เริ่มจะร่อยหรอลงแล้ว คนที่ทำธุรกิจ นอกจากจะเชื่อตามข้อมูลวิเคราะห์จากหลายๆทางแล้ว ควรเชื่อตัวเองก่อนที่จะลงทุนทำอะไรเพิ่มด้วย เพราะปัจจัยภายในบางครั้งสำคัญกว่าปัจจัยภายนอก ณ จุดนี้คงหวังพึ่งพาอะไรรัฐบาลไม่ได้มาก ผมดูตารางประเมินของหลายๆหน่วยงาน อย่างเช่นกรมส่งเสริมการส่งออกแล้วผมยังนั่งขำ ได้แต่สร้างภาพ ทำให้คนที่ไม่ได้ทำธุรกิจเชื่อว่าเศรษฐกิจยังดีทั้งๆ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ อย่างเช่นบอกว่ายอดการส่งออกโตเท่านี้กี่เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินกี่พันล้านก็ว่ากันไป  ก็แหม ของมันแพงขึ้นยอดมันก็ต้องสูงขึ้นสิครับ ทำไมไม่วิเคราะห์ว่าจำนวนหน่วยของสินค้าที่ส่งออกน่ะจำนวนมันเพิ่มขึ้นมั้ย แล้วผู้ประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้นหรือเปล่า หรือยอดขายมากขึ้นเพราะของแพง แต่กำไรน้อยลงเพราะกัดฟันขาย ไม่งั้นก็ขายไม่ได้ หากพิจารณาจากหัวข้อกระทู้แล้ว สาเหตุหนึ่งที่อาจจะทำให้ประเทศไทยตกต่ำขึ้นก็เป็นที่ค่าเงินด้วยครับ ก่อนหน้านี้ เงิน Euro อยู่ที่ประมาณ 48- 50 บาท เงิน AUD อยู่ที่ประมาณ 28-30 บาท ตอนนี้ Euro อยู่ที่ 43 AUD 22-23 ขณะที่ USD กลับอยู่ที่ 34 กว่าๆ เหมือนเดิม ต่างชาติส่วนใหญ่แล้วจะตื่นตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าไทย หากค่าเงินเขาตกลงเขาจะลดการใช้จ่ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนบ้านเรารายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวและการส่งออก หากภาวะยังเป็นอย่างนี้จะเอาเงินมาจากไหน แต่โอกาสย่อมมีในวิกฤติเสมอ ใครมองเห็นลู่ทางดีๆได้ก็โชคดีไปครับ จากคุณ : คนรู้มาก - [ 27 ต.ค. 51 16:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จากข้อมูลที่ศึกษามาก็คงจะเป็นตามนั้น แต่ก็พอจะมีวิธีดีๆอยู่เหมือนกัน คือการใช้วิถีการพึ่งพาตนเอง และก็รวมกลุ่มกันเอาตัวรอดคือเอาเงินที่ได้มาใช้ในกลุ่มให้เกิดการหมุนของเงินเมื่อกลุ่มใหญ่ขึ้นก็จะช่วยเศรษฐกิจได้เองแหละ ถ้าหากผมมีวิธีเอาตัวรอดได้ใครจะสนใจบ้างอ่ะ จากคุณ : เอาตัวรอด (Siri_Max) - [ 27 ต.ค. 51 22:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณครับคุณ KENG76 ผมเชื่อในความดี ทำดีได้ดี เเละความกตัญญู + 1 สมอง + 2 มือ + อื่น ๆ เช่น ผู้ใหญ่ที่ให้ความเอ็นดู ให้โอกาส เพื่อน ๆ น้อง ๆ เเละการให้ ผมตั้งใจจะเขียนบทความภาษาอังกฤษให้ practical & useful มากขึ้น ๆ อยากทำให้ดีที่สุดครับ ขอให้โชคดีทุกคนครับ จากคุณ : tonmelb - [ 27 ต.ค. 51 22:18:08 A:203.209.119.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เพื่อนผมเพิ่งกลับจากเมืองนอกมาอยู่ไทย โดนฝรั่งที่เคยอยู่ด้วยกัน Mail มาถามว่าปลอดภัยดีมั้ย จะหนีกลับไปประเทศเค้ารึเปล่า ? คือฝรั่งเขาคิดว่าตอนนี้ในไทยฆ่ากันแล้ว เหมือนสงครามกลางเมืองเลยครับ - - เพื่อนอีกคนก็อยู่เมืองนอก มันก็บ่น ๆ ว่าประเทศที่มันอยู่หาทางอุดรูรั่วทางการเงินใหญ่ ประเทศไหน ๆ ก็คิดแบบนี้ ยกเว้นเมืองไทย เราตีกันเองยังไม่จบ แถมจะไปตีกับเขมรอีก - - การเมืองไม่นิ่งในสภาพแบบนี้ ผมว่าอะไรก็ไม่รอดหรอกครับ :( จากคุณ : เปิดร้านโลงศพดีกว่า (cookiecompany) - [ 28 ต.ค. 51 04:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 50 มาเก็บความรู้ จากคุณ : คิดบวก - [ 28 ต.ค. 51 12:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แวะมาหาความรู้  ขอบคุณข้อมูลดีดีที่มีให้กันค่ะ จากคุณ : สู้สู้ (ทานตะวันบานเช้า) - [ 28 ต.ค. 51 15:16:49 ]

ความคิดเห็นที่ 52 พ่อผม ทำงานบริษัทส่งออก เฟอร์นิเจอร์ ล้มไม่เป็นท่าครับ เลยต้องเกษียร ก่อนกำหนดเลยครับ แย่จริงๆ ส่วนผมก็ หมกตัวอยู่ที่เดิม แม้เงินไม่มาก แต่พอกิน มั่นคง แล้วกำลังศึกษาต่อ ป.โท รอเศรษฐกิจ ฟื้นแล้วค่อยย้าย งานครับ จากคุณ : Tong tongie - [ 28 ต.ค. 51 15:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ที่บริษัทยอดผลิตก็ลดลงแล้วค่ะ  20% ลูกค้าชลอการสั่งเหล็กแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ก็งดโอทีกันแล้ว... ทำได้อย่างเดียวในขณะนี้คือ ใช้จ่ายอย่างมีสติค่ะ จากคุณ : หมูตุ๋น_หมูหวาน - [ 28 ต.ค. 51 18:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 54 บริษัทก็ยอดสั่งซื้อลดลงมากค่ะ ลูกค้าหลักไม่สั่งซื้อเพิ่มโดยให้เหตุผลว่า ยอดขายอเมริกาลดลง ผู้บริหารเลยประหยัดค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ทำได้ ลดโอที ให้คนมีตำเหน่งทำแทน เพราะให้เหตุผลว่าคนมีตำเหน่งต้องทำให้เพราะเป็นความรับผิดชอบ เท่ากับว่า โอทีที่พนักงานเงินเดือนไม่กี่พันที่พึ่งโอทีกลับต้องลดลง แต่สงสัยจังว่า ขนาดสถานการณ์ไม่ดี ผู้บริหารยังสั่งซื้อเครื่องจักรเข้ามาใหม่ ยังขับรถหรูๆ ไปตีกอลฟ์ในวันทำงาน เงินเดือนเป็นแสนๆ แต่พนักงานเงินเดือนไม่กี่พันห้ามทำโอที แต่นั่นก็อีกเรื่อง ที่พอมีปัญหาแล้วรู้สึกวิตกกังวลเพราะมีภาระเยอะนั้น อาจเป็นเรื่องที่ไม่น่าตกใจเลย เพราะถ้าเราใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามอย่างในหลวง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่สร้างหนี้สินเกินตัว ลองคิดดูถ้าเราชาวไทยทุกคนไม่มีหนี้ ประเทศจะมั่งคั่งและแข็งแรงแค่ไหน ตอนแรกตั้งใจว่าจะลงทุนธุรกิจเสื้อผ้า แต่คงลงทุนแบบพอเพียงก่อน รอโอกาสมาเมื่อไหร่ค่อยทำ ยังไม่สายเกินไป จากคุณ : บุ๋ม (ชลบุรีมามี่คลับ) - [ 28 ต.ค. 51 21:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เชื่อมั้ยครับ ผมอยู่ได้ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะแย่ขนาดไหนก็ตาม ... ผมทำร้านอาหารอยู่ครับ ควบคู่ไปกับร้านค้าอีกร้านที่ผมทำอยู่.. เชื่อมั้ยครับ ผมทำร้านอาหารอีสาน ราคาถูก คนมากินเพียบ(สูตรแม่ผมเอง อร่อยแซ่บหลาย).. ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำแค่ไหน อย่างไรเสียคนก็ต้องกินข้าวครับ แล้วร้านของผมราคาไม่แพงเลย กินจนอิ่มก็จ่ายไม่เกิน 300 (กับข้าวเต็มโต๊ะ) .. ผมคุยกับแม่และแฟนว่า ถ้าเศรษฐกิจปีหน้าแย่จริง เราจะปรับกลยุทธ์ที่ร้านกันใหม่ ออกเมนูให้มากขึ้น ใส่ปริมาณอาหารให้มากขึ้น เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากพวกที่ซื้อกับข้าวไปทำกินเอง .. ตอนนี้ พวกราคาวัตถุดิบประกอบอาหารก็ลงกันมาบ้างล่ะขอรับ กำไรก็ได้เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยวันละ 500-1000 บาทครับ .. ร้านผมไม่ใหญ่มาก ประมาณ 20 โต๊ะ รูปแบบร้านเน้นบ้านๆที่สุด ลูกค้าโดยเฉลี่ยประมาณวันละ 50-70 โต๊ะ ครับ ถ้าวันไหนมีบอล วันนั้นจะขายดีเป็นพิเศษ (ร้านผมฉายบอลจอใหญ่ๆด้วย).. แต่ข้อเสียของร้านอาหารนะครับ มันเหนื่อยมาก ต้องบริหารทั้งร้านทั้งคนทั้งต้นทุนไปด้วยกันหมด แต่เป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่าครับ.. ลองแลกเปลี่ยนครับ เผื่อท่านที่ปรับตัวไม่ทันกันงานเงินเดือนจริงๆ ทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆก็น่าจะเป้นทางเลือกที่ดี.. จากคุณ : นายอึเหม็น - [ 29 ต.ค. 51 12:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ตอนนี้ส่วนตัวเลยก็ลดการใช้จ่าย งดการสร้างหนี้ ใช้จ่ายจากเงินสดที่มีอยู่ และกันเงินสำรองไว้ส่วนหนึ่ง ...... ในยุคนี้การหาเงินเพิ่มเข้ามาอาจจะต้องใช้กำลังมากขึ้น การลดภาระค่าใช้จ่ายลง จึงเป็นทางแรกๆ ที่เราสามารถทำได้ เช่นเดียวกับหลายๆ คำตอบที่ว่า "พอเพียง" ...... ส่วนการลงทุนปีหน้าก็คงหาอะไรมาทำเพิ่มเติมในสิ่งที่ตัวเองถนัด และยังมีความต้องการที่แท้จริงอยู่ เพื่อเสริมรายได้และกระจาย ความเสี่ยงออกไป เครดิตลูกค้าก็ต้องมีการพิจารณามากขึ้น ...... ส่วนสภาพตลาดรวม ไม่ว่าจะสินค้าอุปโภค/บริโภค, ทอง, หุ้น การลงทุนในช่วงนี้หากเป็นการลงทุนในทอง/หุ้น อย่างที่ว่ามา คงเสนอว่ารอจุดกลับตัวดีกว่า เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในการ เข้าถือทั้งทองและหุ้นลงได้ ดังที่เราจะเห็นมาบ่อยครั้ง ซื้อถูกแล้ว แต่เจอถูกกว่า ...... ย้อนกลับมาเรื่องพื้นฐานที่สุด คือ ครอบครัว ตอนนี้ก็พยายาม สอนและกระจายงานในส่วนที่พี่หรือน้องสามารถช่วยเราได้ มีอะไรน่าสนใจ และเค้าให้ความสนใจ เราก็จะเข้าไปคุยกับเค้า แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน อย่างน้อยที่สุดก็เสริมสร้างสัมพันธ์ ในยุคที่อะไรๆ ก็ห่างไกลกันแบบนี้ จากคุณ : ensim - [ 30 ต.ค. 51 11:05:23 ]

ความคิดเห็นที่ 57 จะจบปริญญาตรีปีหน้า เห้นแล้วใจหายเลยค่ะ T_T จากคุณ : มาดามชะนี - [ 30 ต.ค. 51 13:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ตอนนี้ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ ขอบอกว่าเริ่มต้นตอนช่วงที่สถานการณ์อย่างนี้ก็ลำบากมากๆเลยค่ะ วิ่งขายกันให้วุ่น ได้แต่คาดหวังว่าจะมียอดขายเข้าบริษัทบาง ตอนนี้ได้แต่ประคองไปก่อน (ไม่รู้เลยว่าจะรอดหรือเปล่า แต่ก็ต้องสู้ให้เต็มที่ล่ะ) อะไรที่ไม่จำเป็นก็ยังไม่ต้องจ่ายออก ทำเองก่อน เห็นด้วยกับจขกท. อยากให้คนไทยร่วมมือกัน อยากให้ทุกคนช่วยกันฝ่าสถานการณ์นี้ เลิกแบ่งกันฝ่ายกันสักที่เถอะ..... V_V จากคุณ : จะไม่ไหวแล้ว (teiris) - [ 30 ต.ค. 51 17:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ผมไม่คิดว่า ถ้าเราเลิกทะเลาะกันเองแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นนะครับ ประเทศเราเป็นประเทศเล็กๆ พึ่งพาความกรุณานำเข้าของประเทศร่ำรวย พึ่งพาความเมตตาของนักลงทุนต่างประเทศ ดังนั้น เศรษฐกิจของประเทศไทยจึงขึ้นอยู่กับชาวบ้านเขาเต็มไปหมด แล้วตอนนี้หันไปดูประเทศอื่นๆ ผมก็เห็นว่าเขาย่ำแย่กันทั้งนั้น ทั้งจีน ทั้งญี่ปุ่น อเมริกา ตลอดจน ยุโรป เขาก็อยู่ในสภาพไม่ดีทั้งสิ้่น ผมเองไม่คิดว่า ถ้าเราไม่ได้ทะเลาะกันแล้ว ราคายางจะขึ้น ราคาข้าวจะแพง และการส่งออกจะดี (แต่ยอมรับว่าการท่องเที่ยวอาจจะดีกว่านี้หน่อยนึง) สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับสภาพเศรษฐกิจโลกในอนาคตอันใกล้ คืออาจจะได้เห็นความวอดวายทางเศรษฐกิจทั่วโลก เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1930's แต่เราก็ไม่ตายนะครับ เศรษฐกิจไม่ได้ทำให้คนตาย ผมไม่เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวเลย ทุกอย่างมีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นธรรมดา และผมก็เชื่อว่าทุกคนปรับตัวกับมันได้ในที่สุด จากคุณ : lb'sN - [ 30 ต.ค. 51 21:58:48 A:222.123.224.114 X: TicketID:177270 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ที่ผมมาตอบกระทู้นี้ เพราะผมเห็นว่าสิ่งที่เจ้าของกระทู้เรียกร้อง มันอาจจะไม่บรรลุผลทางเศรษฐกิจอย่างที่คาดไว้ เพราะอย่างที่แจงไว้แต่ต้น เราแย่ เพราะ ชาวบ้านเขาแย่ และเห็นว่า ตอนนีั้ประชาชนในชาติกำลังเจอแบบเรียนการเมืองภาคปฏิบัติครั้งสำคัญ คือการร่วมค้นหาข้อพิพาทที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงระหว่างสองฝั่ง และผมเห็นว่า ควรจะทะเลาะกันให้จบในคนรุ่นนี้ เป็นปัญหาความขัดแย้งทางโลกทัศน์ระหว่างชนชั้นล่างกับชนชั้นกลาง ซึ่งหมักบ่มในชาติมานานร่วมร้อยปี ผมเห็นว่า ความขัดแย้งระหว่างชนชั้นนี้ ควรจะเร่งหาข้อยุติ ให้ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันให้จบ ไม่ใช่อยู่ๆ บอกว่าให้รักกัน แล้วต่างฝ่ายต่างก็กอดกันรักกัน แต่เก็บความเคืองใจ ไว้ปะทุต่อไปในอนาคต เรื่องนี้มีตัวอย่างที่ดีคือประเทศเกาหลี สิบกว่าปีที่แล้ว เปิดข่าวต่างประเทศทีไร รายงานข่าวนักศึกษาเกาหลีประท้วงรัฐบาลอย่างรุนแรงแทบทุกวัน แต่มาวันนี้ ปัญหานั้นเขาเรียนรู้จากการขัดแย้งกันเอง จนเห็นว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อย่างในอดีต และเรียนรู้ที่จะมานั่งคุยกันดีๆ คนไทยเราละอ่อนกับความขัดแย้ง เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็เห็นว่ารุนแรง แล้วก็บอกว่าอย่าทะเลาะกันๆ แล้วต่างฝ่ายก็จบแบบเก็บความขุ้นข้องไว้ในใจ วันนี้ผมไม่ชอบทั้งฝ่ายทักษิณ ทั้งฝ่ายพันธมิตร ฝ่ายทักษิณผมเองก็เห็นว่ามีข้อน่าแคลงใจไม่น้อย ฝ่ายพันธมิตรผมก็เห็นทำเรื่องไม่ได้ความเสียเยอะ แต่เอาเถอะ เขาทั้งสองกำลังเรียนรู้ที่จะทะเลาะกันอยู่ครับ ปล่อยเขาทะเลาะกันเถอะ แต่ทะเลาะกันให้จบ และจบในรุ่นนี้ จากคุณ : lb'sN - [ 30 ต.ค. 51 22:13:54 A:222.123.224.114 X: TicketID:177270 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แต่ก็โอเคนะ ที่มีใครๆ ซักคนในชาติ มาบอกว่าให้เลิกทะเลาะกัน ให้เรารักกัน อย่างน้อยที่สุด มันจะได้เป็นตัวคอยดึงอารมณ์คนทั้งสองฝั่งไม่ให้ปะทุกันมากกว่านี้ (มั้ง) ตอนนี้แย่ไหม?? แย่ แต่ก็ดีกว่าปี 2519 เยอะ ที่ฝ่ายขวารุมตีฝ่ายซ้ายจนตาย แล้วต่อมาก็ลูบหลัง บอกว่าให้อภัยฝ่ายซ้ายแล้ว มารักกันเถอะ ส่วนฝ่ายซ้ายก็ได้แต่กำหมัดแน่น (ซึ่งก็มาระเบิดในยุคทักษิณเรียบร้อย) แต่สถาณการณืตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายก้ำกึ่งครับ ออกแรงทะเลาะกันได้เต็มที่ เป็นฝ่ายกระทำกันทั้งคู่ทั้งนั้น แต่ผมสงสัย ทำไมไม่มีใครเรยกร้องให้รัฐบาลทำเรื่องที่เป็นเรื่องเลยครับ คนที่น่าตำหนิที่สุดในตอนนี้ คือรัฐบาล ที่มีปัญหาเศรษฐกิจขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า แต่กลับไปเอาปัญหาเรื่องบ้านเลขที่ 111 มาก่อน ไม่ใช่เท่าีนี้ สมาชิกแต่ละคนก็ดูแล้วอ่อนอกอ่อนใจ จากคุณ : lb'sN - [ 30 ต.ค. 51 22:20:19 A:222.123.224.114 X: TicketID:177270 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เตรียมไว้ก็คือประหยัดให้มากขึ้น ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นน่ะค่ะ เดี๋ยวนี้ทำกับข้าวไปกินเองที่บ. แล้วก็ใส่ปิ่นโตให้คุงแฟนกินด้วย ประหยัดได้เยอะเลย แถมถูกใจกว่าไปซื้อกินข้างนอกด้วยค่ะ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- - [ 31 ต.ค. 51 19:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณจขกท.ค่ะ เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้ว ได้ข้อคิดดี ๆ กลับไป มิใช่น้อย :) จากคุณ : เนตรชนก - [ 31 ต.ค. 51 22:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ตอนนี้ บริษัทผมประชุมเตรียมรับมือกับเรื่องนี้กันบ่อยมาก สงสัยมันจะแย่จริงๆละ จากคุณ : hajiman - [ 1 พ.ย. 51 15:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อยู่ออสเตรเลียค่ะ ที่นี่รัฐบาลใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทั้งจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดค่ะ นอกจากนั้นก็ออกโรงเตือนประชาชนในเรื่องการปฏิบัติตนระหว่างวิกฤติกัน รัฐมนตรีก็มาออกรายการถามตอบประชาชนในทุกเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมทั้งการันตีเงินฝากทุกแบงค์ ทุกดอลล่าร์ เป็นเวลาสามปี ก็ทำให้ค่อยเบาใจ แต่ก็แค่นิดเดียวนะคะ เพราะไม่มีใครล่วงรู้ว่า สถานการณ์จะเลวร้ายในระดับใด แต่รัฐบาลก็ออกมารับรองว่า จะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อโอบอุ้มเศรษฐกิจ และปัญหาการตกงานที่อาจจะเกิดขึ้น ฟังแล้วก็คิดถึงบ้านเราค่ะ เป็นห่วงเพื่อนๆ ญาติๆ ที่นั่น เพราะเท่าที่ฟังก็ยังไม่เห็นรัฐบาลมีนโยบายอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ก็ได้แต่หาข้อมูลเอาในเวปพันทิพย์นี่ล่ะค่ะ เหมือนประชาชนต้องคอยระวังหลังกันเอง ยังไงยังงั้น จากคุณ : ผ่านมา - [ 3 พ.ย. 51 07:21:34 A:115.129.18.135 X: TicketID:166806 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ...ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ครับ  เศรษฐกิจปีหน้าแย่แน่ๆ  แต่คิดว่าตัวเองน่าจะรอด เพราะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว.. ผมทำธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า  รับออร์เดอร์แล้วไปจ้างโรงงานผลิตอีกที   ปัญหาไม่หนักเท่าโรงงาน พวกโรงงานตอนนี้ออร์เดอร์น้อยลงไปมาก  คนที่แบกต้นทุนไว้มากๆ  น่า เห็นใจจริงๆยามนี้  เวลางานเยอะ ก็โดนกดราคา  เวลางานน้อยก็ หน้าซีดหน้าเซียว ต้องหาเงินหมุนมาจ่ายลูกน้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ดอกเบี้ย ฯลฯ หมุนเงินกันเป็นพายุนากีส ... ก็ขอเป็นกำลังใจให้เถ้าแก่ทุกท่านฝ่าฟันวิกฤติ ครั้งนี้ไปให้ได้ นะครับ ...ผมว่าธุรกิจที่น่าจะเติบโตและไปได้ดีในภาวะวิกฤติ คือการขายสินค้า ออนไลน์  เพราะถ้าคนไม่ค่อยกล้าออกนอกบ้านจับจ่ายใช้สอย  การซื้อ สินค้าทางอินเตอร์เนต เป็นทางเลือกที่ประหยัดและสะดวกอยู่มากทีเดียว แต่จะหยิบหรือเลือกสินค้าตัวไหนที่เวอร์ค  มาทำตลาดก็ต้องทำการบ้าน อย่างดีให้ลึกซึ้ง  ค่อยเริ่มทำจากเล็กไปใหญ่  เริ่มจากที่เรามีใจรักและถนัด ก่อน ...ในทุกวิกฤติ   ย่อมมีโอกาสซุกซ่อนอยู่เสมอครับ จากคุณ : ton4fm - [ 3 พ.ย. 51 20:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ตลาดออนไลนผมว่าก็น่าจะโดนผลกระทบนะครับ ถ้าออนไลนขายทั่วโลกเพราะจะใช้เงิน US เป็นหลัก และถึงแม้ของที่ขายจะถูกแต่รวมค่าจัดส่งแล้วก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ของที่ขายออนไลนส่วนมากจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งผมคิดว่าคนน่าจะหยุดซื้อ กันเยอะ จากที่ผมเช็คๆในเวปขายของออนไลนใหญ่ๆพบว่าคนประมูลสินค้าน้อยลง อย่างเมื่อวานเจอของเล่นชิ้นหนึ่งตั้งราคาบิทไว้ต่ำมากๆ ค่าส่ง 25usd แต่กลับมีคนบิทแค่ 4 คนปิดการประมูลด้วยการที่มีคนบิทไป 4 คน 3usd เห้อ ทั้งๆที่สินค้าตัวนั้นราคาทุนก็น่าจะประมาณ 30usd ด้วยซ้ำ ยังไงซะคนเราก็ต้องใช้เงิน ผมคิดว่าถ้าเรามองเห็นอะไรที่คนอื่นมองไม่เห็นก่อนก็น่าจะได้กำไรจากวิกฤตครั้งนี้ก็ได้ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส หุหุ จากคุณ : Desolation Angel - [ 6 พ.ย. 51 08:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อวานนี้ในคลาสเรียน อยู่ดีๆอาจารย์ก็พูดปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น พร้อมกับเล่าเรื่องในอดีตสมัยพฤษภาทมิฬ ระหว่างคุณสุจินดา และ จำลอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียก(ขออภัยถ้าใช้ศัพท์ผิด)ทั้งสองคนเข้าไปพบ พร้อมกับบอกว่า คุณสองคนสู้กัน ไม่มีใครเป็นฝ่ายแพ้ที่แท้จริง แต่คนที่แพ้ที่จริง.. คือ... ประเทศไทย .... .... ฟังแล้ว อืม....ตอนนี้เลยจริงๆ จากคุณ : อะจึ๋ยเคี้ยก - [ 8 พ.ย. 51 13:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 69 น่ากลัวครับ แต่ต้องเตรียมตัว เตรียมใจ รอรับมัน เหมือนรู้ว่าปีหน้า ฝนแล้ง ถ้าเราปลูกข้าว เราก็ต้องรู้ว่าควรทำอย่างไร จากคุณ : LovelyPanda - [ 8 พ.ย. 51 17:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Esprite - [ 11 พ.ย. 51 07:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เตรียมรับวิกฤติให้พร้อม แต่อย่ากลัวจนลนลานเลยนะ เห็นได้ยินแต่คนพูดในแง่ลบ เราอยากเห็นคนคิดบวก มั่งจัง จากคุณ : Engineer ขี้สงสัย ?? (KinkyVans) - [ 11 พ.ย. 51 08:23:02 ]