ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ได้เป็นนักการตลาดครับ แต่พอจะมีแนวคิด โทรหาบริษัทที่ผลิตสินค้าใกล้เคียง หรือเหมือนกับสินค้าที่ลูกค้าต้องการ คุยกับเจ้าของ หรือผู้บริหาร ทำสัญญาขอของไปขายก่อน จะส่งเงินให้ในเดือนมกราคม  หรือจ่ายเป็นเช็คไว้ (อาจจะทำกับบริษัทเดียว หรือหลายบริษัทจนครบตามจำนวนที่วางไว้) ถ้าเป็นสินค้าใกล้เคียงกับความต้องการของลูกค้า ให้คุยกับลูกค้าก่อน ถ้าให้ดีขอเช็คของลูกค้า  เพื่อเอาไปให้บริษัทที่คุณหาได้ เพื่อลดความเสี่ยงให้กับตัวคุณเอง พอจะใช้ได้มั้ยครับ เท่าที่ผมคิดออกก็มีแค่นี้แหละ จากคุณ : นกฮูกผจญภัย - [ 18 พ.ย. 51 14:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อย่าเขียนกรอบตัวเองว่า "จะต้องขายเหลืออยู่ถึงแค่กลางเดือนธันวาคม" ในเมื่อเป็นของที่จะต้องส่งให้กับผู้รับอีกทอดหนึ่ง ดังนั้น เราสามารถยืดเวลาการส่งของให้ โดยเป็นเอเย่นในการส่งของให้เอง ซึ่งทำให้ลูกค้าเราสดวกสบายมากยิ่งขึ้น และ คิดค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมอาจจะได้กำไรหรือยอดขายบวกค่าบริการต่างๆ ได้มากขึ้น ก็จะซื้อสินค้ามาขายลดลงได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ ค่าบริการก็จะมีเรื่อง ค่าการห่อของขัวญ และ การส่ง ซึ่งลูกค้าเพียงเอารายชื่อ และ ที่อยู่มาให้เราเพื่อทำการส่ง สต๊อกสินค้า ก็จะสามารถ delay ออกได้ในระยะหนึ่ง เพราะคุณไม่ต้องส่งให้เขาเพื่อดำเนินการต่อ แต่คุณก็ใช้เวลาที่ได้มาใช้ในการสั่งซื้อเป็นรอบๆ และ ส่งเป็นชุดๆได้ การสั่งซื้อ อาจจะแยกออกไป 2 ช่วง คือ คนที่ต้องการส่งสินค้าอย่างรวดเร็ว กลุ่มที่มียศ มีศักดิ์ มีหน้า มีตา กับ สามารถชลอการส่งออกไปได้ ทั้งนี้ ก็จะยืดเวลาของสินค้าที่เข้ามาเป็นระยะเวลาได้ สต๊อกสินค้าแรกที่มี 3 ล้าน คุณอาจจะขายได้ 3.4 ล้าน อีก 4 แสนมาจากมูลค่าเพิ่มของการให้บริการห่อและส่งสินค้า จากนั้นก็รอการส่งจากต่างประเทศมาอีก 3 ล้าน ซึ่งก็น่าจะได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ เมื่อของมาถึง ก็จะใช้เวลาหลังวันที่ 15 ธันวา ส่งของ อีกล๊อตหนึ่ง ในระหว่างนี้ก็สั่งของอีกล๊อตหนึ่ง ก็น่าจะมาประมาณ ต้นปี ก็ส่งของที่เหลือทั้งหมด ออกไปตอนต้นปี กลางเดือนมกราคมก็น่าจะเสร็จสิ้นการส่งสินค้าทั้งหมด ทั้งนี้ คุณก็จะได้เงินประมาณ 10.2 ล้านบาท (3.4 + 3.4 + 3.4) ล้าน ก็คิดว่า น่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายอย่างไม่มีปัญหาใดๆครับ (แค่แนวความคิด การดำเนินการอาจจะยุ่งยากวุ่นวายมากกว่าที่คิดก็ได้ครับ) แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 51 19:07:06 จากคุณ : Wiboon Joong (wbj) - [ 18 พ.ย. 51 19:05:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป้าหมายของ ธุรกิจ คือ กำไร สูงสุด ไม่ใช่ ยอดขาย สูงสุด และ เคยมีใครบอกไหมเอ่ย ว่า ถ้าขาย ได้ 10 ล้าน จะได้ กำไร มากกว่า ขาย 3 ล้าน บางที่ ถ้ายอดขาย 3 ล้าน ได้ กำไร 1 ล้าน กับ ยอดขาย 3 ล้าน ได้กำไร  1 ล้าน แบบไหนจะดีกว่ากัน ( จาก เรื่องทรัพยากรเงินทุนที่มีจำกัด ดังนั้น ถ้าคุณจะต้องหา Stock สำหรับ ยอดขายทีเพิ่มอีก 7.0 ล้าน บาทนั้น บางทีต้นทุนสินค้าสำหรับการนำเข้ามา อาจจะใช้ 3 ล้าน  สมมติฐาน มาร์จิน 100 %) แต่ ถ้ายังต้องการ ยอดขาย ดังกล่าวให้ใช้ ตามแนวความคิดเห็นที่ 1 แต่ จัดระดับของสินค้า เป็น A จาก ต่างประเทศ กับ a จาก ในประเทศ ผ่านมาอ่านเจอ จึงลองตอบ จากคุณ : คนขายฝัน (moonfleet) - [ 18 พ.ย. 51 21:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่าใช้นักการเงินด้วยนะ แบบนี้ต้องเล่นกลนิดหน่อยทางการเงิน และการใช้อัตราแลกเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์ด้วย ส่วนถ้าต้องการขายให้ได้ราคาสูงสุดจริงๆ คงต้องลองเข้าหน่วยราชการ (ไม่อยากแนะนำเลย) ซึ่งมักซื้อราคาแพงกว่าชาวบ้านเค้ามากๆๆๆๆๆอยู่แล้ว จากคุณ : Signet Silver - [ 18 พ.ย. 51 22:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 1. นำเสนอสินค้าตัวอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน มี function การทำงานเหมือนกัน แต่อาจมีรูปร่างต่างกัน โดยเสนอราคาพิศษ ทั้งนี้ควรพยายามหาสินค้าที่ผลิตในประเทศ เพื่อประหยัดทั้งเวลาและค่าขนส่งสินค้า 2. ลองหาสินค้าอื่นๆ นำเสนอให้มากที่สุด แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดว่าคุณจะจัดส่งได้ทัน เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย 3. เน้นที่ Delivery Time ให้มากที่สุดนะคะ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ใช้ช่วงเทศกาล ถ้าคุณส่งของไม่ทัน เกิดปัญหาแน่นอน ลูกค้าก็อาจจะปฎิเสธสินค้าคุณทั้งหมด ซึ่งจะทำให้คุณขาดทุนและหมดความน่าเชื่อถือได้ ไม่รู้ว่าช่วยได้หรือเปล่า แต่เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : โนนาเมะ - [ 18 พ.ย. 51 23:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 *ถ้าต้องการยอดขายถึงปลายปี10 = ระหว่างปีมีอยู่แล้วx +ในสต๊อก3 กับ ต้องการยอดเพิ่มอีก10 แต่มีของ3 = 0+3=3 เอา3ไปทำให้เท่ากับ10 ถ้าเป็นกับดักก็ตอบว่าขายเท่าที่มี3ก็น่าจะพอ น่าจะ10+ (แต่คงไม่ใช่) กรณีที่2ต้องการ+10 ใน1เดือน มี3 = ขาด7 ก็แปลกอีก สินค้าเทศกาล น่าจะคาดเดาจากอดีตได้ว่าปริมาณความต้องการ หรือยอดขายในปีผ่านๆมา เท่าไหร่ ทำไมถึงมีไม่พอ????? -น่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะทำยอดให้ได้ใกล้เคียงที่สุด? -ถ้าเราเอาสินค้าที่มีอยู่มาทำโปรโมชั่นจูงใจในการตัดสินใจซื้อให้ขายให้ได้มากที่สุด จะเป็นวิธีที่ดีหรือไม่ งง ง๊ง งง งง 3*3=9    3+3=6*1.5=9 3 กะ 1.5 โอเว่อร์ไปอ่ะครับ  แต่ถ้าผูกขาดก็ไม่แน่ มึน-*- จากคุณ : นักการ(ภารโรง)+ตลาด=คนกวาดตลาด (bpcmarket) - [ 19 พ.ย. 51 00:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เดาว่าของที่มีอยู่ไม่น่าจะขึ้นราคาหรือเพิ่มมูลค่าได้มากเท่าไหร่ แต่อาศัยที่คุณมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว พอดีปีนี้เศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าเลยสั่งเยอะ ........เพราะเป็นสินค้าทดแทนของขวัญที่มีมูลค่าสูงกว่า ปกติจะใช้วิธีการไปขอซื้อจากคู่แข่งที่เราคัดคุณภาพแล้วครับ (ต้องระวังคุณภาพมากๆ) ของมีอยู่ 3 +เอาทุนที่มีอยู่สั่งได้ อีก 3 + ไปซื้อจากคู่แข่งอีก 4 .........รวมเป็น 10 ล้าน พยายามขายของที่มีอยู่ 3 ล้านก่อน แล้วรีบวางบิลเก็บเงินทันที .....เอาเงินที่ได้ไปจ่ายมัดจำของที่ไปเอามาจากคู่แข่ง (ปกติน่าจะขอเครดิตได้) จากคุณ : academician - [ 19 พ.ย. 51 07:21:15 A:12.129.136.81 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โจทย์คือ คุณต้องการยอดขายที่ 10 ล้าน แต่ว่าคุณมีสินค้าขายซึ่งมีต้นทุนอยู่ 3 ล้านในมือ ช่ายมั้ยค่ะ - หาทางเพิ่มมูลค่าสินค้าในมือ เพื่อให้ถึงฝั่งฝัน - ตามที่ คห. ด้านบนบอก นำเข้าไม่ทัน ก้อหา supplier ในประเทศผลิตสินค้าให้ คิดได้ตามนี้ค่ะ จากคุณ : เอมี่ (ammy&cindy) - [ 19 พ.ย. 51 09:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกๆท่านเลยนะคะ ที่มาช่วย จะนำไปปรับใช้ค่ะ จากคุณ : น้องน้ำมนต์ - [ 19 พ.ย. 51 12:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ใคร Brief คุณมาแบบนั้นครับ ว่ามีของใน Stock 3 ล้านบาท และสามารถสั่งของเพิ่มได้อีกแค่ 3 ล้านบาท แต่ต้องมียอดขาย 10 ล้านบาท ดูจากข้อความของคุณ Lead Time ในการนำเข้าก็น่าจะไม่ทันสิ้นปี เพราะถ้าทัน คุณก็คงไม่มาถาม...................................... เอางี้ ความเห็นผมที่จะแสดงออกมา เป็นเพียง ความเห็นของผมเท่านั้น ถ้าผมเจอสถานการณ์แบบนี้ ไม่แนะนำให้ใช้จริง เด็กอายุต่ำกว่า 18 ควรมีผู้ปกครองร่วมพิจารณา สมมุติว่าเจ้านายเดินมาบอกว่า เจ้านาย : เอ่อ คุณ.....ช่วยทำยอดของปีนี้เพิ่มอีก 10 ล้านบาทนะ มีผลต่อการประเมินของคุณด้วย คุณ : เอ่อ เจ้านายคะ ของใน Stock เหลืออยู่แค่ 3 ล้านบาทค่ะ ไม่น่าจะทำได้ตามยอด เจ้านาย : งั้นสั่งเพิ่มด่วนเลย ทำตามเป้าบริษัทให้ได้ คุณ : ได้ค่ะเจ้านาย คุณเดินหายไปโทรศัพท์ 20 นาที แล้วเดินกลับมาที่เจ้านายว่า คุณ : เจ้านายคะ ทาง.....สามารถส่งสินค้าให้เราได้แค่ 3 ล้านบาท ภายในระยะเวลาที่เรากำหนดค่ะ เจ้านาย : งั้น คุณไปหาวิธีมาแล้วกัน มีของ 6 ล้านบาท แต่คุณต้องมียอด 10 ล้านบาท....................... คุณ : ค่ะ เจ้านาย งั้นดิฉันขอขึ้นราคาขายเป็น 2 เท่า นะคะ เจ้านาย : อ้าว คุณขึ้นราคาขายแบบนี้ได้ไง คุณ : ก็ เจ้านายต้องการยอดขายที่เป็นตัวเงิน มากกว่าสินค้าที่เรามี เจ้านายคิดว่ามีวิธีอื่นเหรอคะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 51 16:52:40 จากคุณ : BMWTurboman - [ 19 พ.ย. 51 16:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แซวเล่นนะครับ เพราะข้อมูลให้ตัดสินใจไม่พอ......... สินค้าเป็นอะไร? หาทดแทนได้ไหม? Value Added เพื่อเพิ่มเงินได้หรือไม่? (อันนี้ถ้าทำได้ คงทำไปนานแล้วววว) ไปซื้อสินค้าคู่แข่งที่มีลักษณะเหมือนกันมาให้ลูกค้า อันนี้ไม่แนะนำ เพราะอะไร เหตุผล 108 เช่น อาจจะเสีย Loyalty ได้ - คู่แข่งอาจจะมีกลั่นแกล้ง - ฯลฯ เป็นผม ผมก็จะยืดอกกับลูกค้าเลย ของมีจำนวนจำกัด เนื่องมาจาก มีลูกค้าต้องการมาก ทำให้เราไม่สามารถรับ Order ได้หมด ทางบริษัทจึงขออนุญาตจัดระบบเป็น first come first serve นะคะ ขอบคุณลูกค้าทุกท่านนะคะ ที่ให้ความสนใจสินค้าเราเป็นจำนวนมาก ขอโทษนะครับ เพราะข้อมูลตามที่มี ถ้าเป็นผมจะตอบแบบนี้ แต่ถ้ามีข้อมูลมากกว่านี้อาจจะมีวิธีอีกด้วย (^.^) จากคุณ : BMWTurboman - [ 19 พ.ย. 51 17:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอาเป็นว่า คห.ผม ออกแนวเล่นมากกว่านะครับ รบกวนอ่านคห.บน อิอิ วันนี้ผมขี้เล่นครับ กำลังเครียด อิอิ จากคุณ : BMWTurboman - [ 19 พ.ย. 51 17:07:56 ]