ความคิดเห็นที่ 1 อ้า T-T จริง  สายเกินไปแล้ว  อันดับ2ของโลกแล้วค่ะตอนนี้ ขอโทษค่ะ  แก้อันดับค่ะ  อันดับ7จ้า แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 51 18:08:21 จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 29 พ.ย. 51 18:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าอาจารย์คิดอย่างนั้นจริงๆ อยากบอกว่าแค่เริ่มคิดก็ผิดแล้วครับ ทุกคนรู้จักหมด ไม่ว่าจะเป็น “วิกฤติการเมือง” “การเจรจาอย่างมีเหตุมีผล” “ประนีประนอม” “เร่งด่วน” ฯลฯ เพียงแต่มันยังมีประเด็นที่ซับซ้อน มากกว่าที่จะใช้เพียงการเจรจา เนื่องฝ่ายที่เกี่ยวข้องหลักๆ ไม่เชื่อว่าเพียงการเจรจาจะตอบโจทย์ความต้องการของตน และอื่นๆอีกมากมาย การแก้ปัญหาในลักษณะนี้ใช้เพียงความคิดเชิงอุดมคติ อย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวกับความคิดที่หลากหลายของคนหมู่มาก เพราะ ... เราไม่สามารถทำให้คนทุกคน คนทั้งหมดพอใจในจุดร่วมจุดเดียวกัน เรื่องนี้ถ้ารัฐบาลในฐานะผู้บริหารมีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบเต็มๆ หากไม่สามารถแก้ปัญหา ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง ... จากคุณ : ดีอาร์ (๛จูล่ง๛) - [ 29 พ.ย. 51 19:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดิฉันความรู้น้อยค่ะ . . . รู้แต่ว่าการกระทำของทุกฝ่าย ที่ทำไปโดยไม่ใช้ สติ และ ปัญญา นั้น ได้ทำร้ายประเทศไทยไปแล้วโดยสิ้นเชิง . . . - shipment ตกค้าง (อาหารสดทุกประเภท สินค้าส่งออกอิเล็คโทรนิคส์ ฯลฯ) บริษัทต่างชาติที่มาสร้างงานให้คนไทยทำ..ก็พลอยสูญเสียเงินที่ควรได้เพราะส่งมอบสินค้าไม่ได้ อาจต้องถูกปรับ บริษัทคนไทยก็เสียโอกาสค้าขาย โดนชาติอื่นแย่งลูกค้าเอาได้ - ผู้โดยสารทุกชาติ ทุกภาษา      บางคนต้องกลับไปทำงาน ถ้าไม่กลับ หรือกลับไม่ได้ก็อาจโดนไล่ออก      บางคนเสียโอกาสการเจรจาธุรกิจ      บางคนเสียโอกาสพักร้อนยาวที่อุตส่าห์รอคอยมาทั้งปี      บางคนเสียโอกาสพบครอบครัว อุตส่าห์เก็บเงินมาหลายปี จะกลับบ้าน ได้แค่ช่วงนี้ก็กลับไม่ได้      บางคนก็เก็บเงินเพื่อเดินทางไปแสวงบุญ ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต..ก็อาจไม่ได้ไป       - แถมประชาชนตาดำๆที่ทำหาเช้ากินค่ำ พอนักท่องเที่ยวไม่มา เงินก็ไม่มี - คนในชาติเอง ต้องดำเนินชีวิตด้วยความเครียด หวาดกลัว โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ และเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่แบบพึ่งธรรมชาติ ต้องพึ่งระบบเศรษฐกิจทุนนิยม เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกเลิกจ้าง เศร้าใจจริงๆ จากคุณ : ชบาข้างรั้ว - [ 29 พ.ย. 51 20:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผลประโยชน์สินะครับที่ทำให้เจรจากันไม่ลงตัว ต่อจากนั้นก็กลายเป็นเรื่องของพวกพ้อง ตอนนี้เป็นสถานการณ์ใครเข้มแข็งกว่าใครแล้ว ตามหลักการแก้ปัญหาด้วยความขัดแย้ง สถานการณ์แบบนี้ต้องใช้บุคคลที่สามเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา อาจจำเป็นต้องใช้กำลังในการกดดันให้ทั้งสองฝ่ายยอมเจรจากันด้วย พูดตรงๆ ผมคาดหวังว่ากองทัพจะแสดงบทบาทเข้ามาเป็นบุคคลที่สาม บีบให้เจรจากันนะครับ แต่มาถึงขั้นนี้ก็เลิกหวังแล้วครับ หลังจากนี้คนไทยจะเข้าใจประชาธิปไตยมากขึ้นแน่นอนครับเพราะเราได้เห็นตัวอย่างที่ไม่ดีของการเมืองปัจจุบันแล้ว แต่ราคาของบทเรียนครั้งนี้แพงจับใจมากครับ ให้ความรู้สึกแย่ๆเหมือนสั่งอาหารราคาแพง รสชาติแย่ คุณภาพต่ำ แล้วยังจะเก็บเซอร์วิสชาร์จอีก 10% น่ะครับ (-___-) เหนื่อยใจแฮะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 51 20:22:24 จากคุณ : sleeper_j - [ 29 พ.ย. 51 20:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คห.3 ครับ สำหรับอิเล็คโทรนิกส์ที่ส่งออกไม่ได้ยังพอเคลียร์ได้ครับ ที่แย่จริงๆคือส่วนประกอบเอาเข้ามาไม่ได้ แบบนี้พนักงานจะไม่มีงานให้ทำ รายได้หายหมดครับ จากคุณ : sleeper_j - [ 29 พ.ย. 51 20:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยอย่างแรง เศร้าบ้านเมืองเป็นแบบนี้ จากคุณ : Noojammai - [ 29 พ.ย. 51 21:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับทุกๆ คคห ค่ะ แต่ที่ไม่เข้าใจอย่างแรงคือสนามบินนานาชาติทำไมถึงปล่อยให้ยึดกันง่ายอย่างนั้นล่ะค่ะ ดิฉันอยู่ตปทมานาน เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ในหลายเหตุการณ์ ก็เห็นว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดา(ที่ไม่มีอาวุธ?) จะสามารถยึดสนามบินนานาชาติได้ง่ายขนาดแค่เดินเข้าไปและใช้เวลาเพียงไม่นาน ไม่ทราบว่าพวกตำรวจ หรือหน่วยรักษาความปลอดภัย หรือแม้แต่ทหารนี่ได้รับการฝึกมาจากอนุบาลหมีน้อยหรือไงคะ แต่เห็นด้วยค่ะว่าเรื่องนี้รัฐบาลที่อ่อนแอ ไร้ศักยภาพ ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลยยยยยย สมควรพิจารณาตัวเองค่ะ สุดท้ายเมื่อเรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว พวกที่ก่อความเดื่อดร้อนให้คนอื่นไปถ้วนหน้า หวังว่าคงจะได้รับโทษอย่างสาสมถ้วนทั่วทุกตัวคนเลยนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ตัวดี ที่พาลูกไปเป็นโลห์มนุษย์น่ะค่ะ จากคุณ : ผ่านมา - [ 30 พ.ย. 51 06:09:39 A:115.129.13.2 X: TicketID:166806 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มี “ความพยายามที่จะแก้วิกฤติการเมือง ด้วยการเจรจาอย่างมีเหตุมีผล ประนีประนอม เร่งด่วนและสร้างสรรค์กับทุกฝ่ายเพื่อหาทางแก้ปัญหา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป” ปรากฏว่า ความพยายามดังกล่าวล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะ เมื่อไปเจรจากับ รัฐบาล ปรากฏว่า รัฐบาล ไม่รู้จักคำว่า “วิกฤติการเมือง” เมื่อไปเจรจากับ พันธมิตร ปรากฏว่า พันธมิตร ไม่รู้จักคำว่า “การเจรจาอย่างมีเหตุมีผล” เมื่อไปเจรจากับ คนเสื้อแดง ปรากฏว่า คนเสื้อแดง ไม่รู้จักคำว่า “ประนีประนอม” เมื่อไปเจรจากับ ทหาร ปรากฏว่า ทหาร ไม่รู้จักคำว่า “เร่งด่วน” เมื่อไปเจรจากับ สื่อมวลชน ปรากฏว่า สื่อมวลชน ไม่รู้จักคำว่า “สร้างสรรค์” เมื่อไปเจรจากับ นักการเมือง ปรากฏว่า นักการเมือง ไม่รู้จักคำว่า “แก้ปัญหา” มีแต่ประชาชนเท่านั้นที่รู้จักคำว่า “สายเกินไป” เขียนด้วยความอึดอัด เกษมสันต์ วีระกุล 27 พฤศจิกายน 2551 ............................ อ่านแล้วก็ได้แต่แปลกใจกับคนที่สรุปออกมาแบบนี้ได้อย่างไร เพราะทั้งหลายแหล่ มันอยู่ที่คนไม่เคารพกฏหมาย และที่สำคัญ...มีกลุ่มคนสนับสนุนให้กระทำแบบนั้น ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญ..บ้านเมืองมันยุ่งเหยิงก็เพราะ กลุ่มคนที่อยู่เหนืออำนาจรัฐนี่แหล่ะ... มองไม่เห็นใครที่ไหนจะออกมาพูดแบบนี้เลย รบ.ผ่านการเลือกตั้งมาแค่ไม่กี่วัน..กลุ่มคนที่อาระวาด อยู่ในตอนนี้ก็ออกทำงานทันที...แถมเป็นกลุ่มเดียวกับก่อนการ ปว.อีกด้วย รบ.ยังไม่ได้ทันทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ก็มามีอันต้องเปลี่ยนนายกฯ แบบไม่เคยมี เปลี่ยน รมต.แบบไม่น่าเชื่อ..และอีกมากมายหลายเรื่อง ที่โหมเข้าใส่ รบ. อยากจะถามว่านี่คือความบ่กพร่องของ รบ.หรือ ...ทหารนั่นไม่ต้องพูดถึงเลย..มีที่ไหนปล่อยให้กลุ่มคนเข้ายึดสนามบิน ได้อย่างง่ายดาย..ไม่รวมทำเนียบ ....แปลกนะ แปลกเอามากๆ หากทหาร ปกป้องเอาไว้..ใครจะทะเลาะกันก็ทะเลาะไป ็แต่ไม่ควรจะยึดอะไรได้ตามใจชอบถึงจะถูก ใช่หรือไม่ใช่...ไม่งั้นก็จะไม่เดือดร้อนกันขนาดนี้ครับ จากคุณ : สลักดาว - [ 30 พ.ย. 51 09:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แนวความคิดวิเคราะห์ของแต่ละท่านผมรับได้ครับ ซึ่งมันก็เป็นการมองในแต่ละมุมมอง การยอมรับความคิดเห็นของกันและกันเป็นพื้นฐาน และ หามุมมองอื่นๆในทางสร้างสรร ผมคิดว่าจะช่วยให้ประเทศชาติดีขึ้นกว่านี้ แต่ความเป็นจริง คนเราคิดได้ แต่ส่วนใหญ่ทำกันไม่ได้ และ ไม่กล้าทำ ดังนั้น ผมชื่นชมท่านที่กล้าคิดและกล้าเสนอแนวความคิด มากกว่า คนที่คิดแล้วไม่กล้าลงมือใดๆ เพราะ การไม่ลงมือใดๆเลยเท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย (มันเหมือน ใครในบทความ หรือเปล่าเนี่ย...) ผมมองถึงความเป็นจริง และ เคารพแนวความคิดทุกๆแนวความคิดครับ การไม่เคารพท่านอื่น ก็เท่ากับไม่เคารพตนเองเช่นกัน... จากคุณ : wbj - [ 30 พ.ย. 51 14:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านแล้ว เฮอะ ทำส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนให้ดีที่สุดก็แล้วกันครับ อืม ด้วยความขอบคุณ จขกท ครับ จากคุณ : Sand and Sea (เม็ดทราย กะ ชายหาด) - [ 30 พ.ย. 51 15:27:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรามองว่ามันเป็นเกมส์ เกมส์ของฝ่ายที่รอโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ รอสถานการณ์สุกงอมเพื่อทำอะไรก็ตามที่เมื่อทำแล้วจะไม่มีใครออกมาชี้หน้า... เมื่อเริ่มแรกสิ่งที่เรารู้สึกคือเรื่องของคนสองคนที่ไม่สามารถสมานประโยชน์กันได้ ฝ่ายหนึ่งอยากได้แต่อีกฝ่ายไม่สนอง ไอ้ที่เคยรักเคยชอบมันก็ย่อมต้องเปี๊ยนไป๋.... ต่อมากิจการขยายผลเติบโตแตกกิ่งก้านใบไปอย่างไม่น่าเชื่อ พอทำสำเร็จในช็อตแรกจนทำให้ใครบางคนต้องกระเด็นจากไปไกลสุดขอบฟ้า ก็กะเล่นข้ามช็อตเลยคราวนี้คงกะล้มกระดานเพื่อเลือกขุนเลือกหมากเลือกกติกาใหม่โดยโละของเก่าทิ้งไปเสียให้หมด พอเลือกรูปแบบนี้ก็มีเสียงลือกระหึ่มอีกว่า...น่าจะมี back ดี เรามันพวกไม่เลือกค่ายเพราะชอบตามใจตัวเอง และก็ไม่ได้บอกว่าทั้งสองฟาก เอ๊ะ!..หรือว่าสามฟากทำผิดหรือทำถูก รู้แต่ว่ากำลังมองสถานการณ์ตอนนี้เหมือนหุ้นในกระดาน ตกลงถึงจุดหนึ่งที่เหมาะสมเมื่อไหร่ประเดี๋ยวจะมีคนออกมาช้อนซื้อ คิดไปคิดมาก็ให้รู้สึกสะดุ้ง ทำไมความคิดเรามันถึงได้น่าเกลียดอย่างนี้นะ โปรดอย่าได้ถือสาก็แล้วกัน.... อย่างไรก็ตาม รักษาสุขภาพไว้ให้ดี นับจากนี้ไป คนไทยคงต้องเจอกับอะไรที่ไม่ค่อยอยากจะเจอ...อีกมาก โชคดีส่งท้ายปี 2008... จากคุณ : ไม่ได้แก่ แค่เกิดก่อน - [ 30 พ.ย. 51 15:37:06 A:124.122.168.102 X: TicketID:186229 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พันธมิตร...ล้ำเส้น รัฐบาล.....ไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชน...ได้แต่ต้องอดทนและทำใจ จากคุณ : dewi - [ 30 พ.ย. 51 18:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณพี่จุงที่ตั้งกระทู้นี้ครับ เพราะกำลังคิดๆ อะไรอยู่และก็ว่ากำลังอยาก จะทำอะไรสักอย่างอยู่เหมือนกัน มองแบบไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย ปัญหานี้อยู่ที่คน และคนที่คิดแตกต่าง กัน เราเคยสังเกตดูไหม ว่าคนทุกคนเชื่อว่าตนเองนั้นเก่ง และความคิด ตนเองนั้นถูกเสมอ และความเชื่อนี้เองที่นำให้เรามีพฤติกรรมแตกต่างกันไป (คนส่วนใหญ่เชื่อว่า "ตนทำถูก" และแม้ทำผิดก็มีเหตุผล "ของตัวเอง" รองรับ) คนทุกคนจึงอาจติดอยู่ในกรอบความคิดของตัวเองที่ออกมาไม่ได้ และอาจ หมายรวมถึงแม้กระทั่งผมเองด้วย ในบางแง่มุมที่คนอื่นอาจจะมอง ปัญหาเดียวกัน คนจึงมองทางแก้แตกต่างกันออกไป แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ว่า การที่บางคนไม่เคยมองถึงความผิดพลาดหรือจุดอ่อนของวิธีคิดของ ตัวเอง จึงยังคงย้ำคิดย้ำทำในแบบเดิมๆ ต่อไป อย่างกรณีปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้น ก็เพราะทั้งสองฝ่าย (ที่จริงมีสามฝ่าย หรือมากกว่า) ล้วนติดอยู่ในกรอบความคิดของตนเอง และไม่เข้าใจปัญหา เกี่ยวกับความคิดของมนุษย์ (ซึ่งเป็นตัวสร้างพฤติกรรมทั้งหมดของเราบน โลกใบนี้) จากคุณ : Jimmy Walker - [ 1 ธ.ค. 51 12:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กลุ่มที่ 1 คิดว่าตนเองทำถูก และคิดว่าการที่ตนได้รับการเลือกตั้งมาจาก คนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะทำอะไรก็ได้ เพราะมี กฎหมายรองรับ คนกลุ่มที่ 2 คิดว่าความชอบธรรมคือสิ่งที่ตนคิดเท่านั้น และจะทำอะไรก็ได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งความชอบธรรม ถูกต้องแบบที่ตนคิด คือถูกที่สุด แม้กระทั่ง ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน ก็ทำได้ คนสองกลุ่มนี้ ยึด"ความถูกต้อง"ในแบบของตน โดยไม่ยอมรับ ความถูก ต้องในแบบอื่นๆ (เห็นไหมครับว่ามันติดอยู่ในกรอบความคิดของตนเอง เท่านั้น ไม่ยอมรับความคิด ความเห็นของคนอื่น) ซึ่งในลักษณะนี้ เหมือนคน ที่ใช้ภาษา ไม่มีทางที่จะคุยกันให้รู้เรื่อง และการตกลงกันเอง ก็จะคล้ายกับ กรณีเขาพระวิหารที่ต่างก็มีเหตุผลของตน ยอมกันไม่ได้แน่นอน ถ้าอีกฝ่าย หนึ่งได้ มันจะหมายถึงอีกฝ่ายหนึ่งต้องเสีย ส่วนคนกลุ่มที่ 3 ซึ่งก็แตกเป็นหลายกลุ่มย่อย เช่น ทหาร ก็(อาจจะ)อยากเข้ามาแก้ปัญหา แต่ได้รับบทเรียนจากคราว ที่แล้ว ว่าทำไม่สำเร็จ แต่วิเคราะห์ความล้มเหลวผิด คิดไปว่าเป็นเพราะการ ปฏิวัติ แต่แท้จริงแล้วมันล้มเหลวเพราะผู้นำไม่สามารถสร้างให้คนหลุดออก มาจากกรอบความคิดของตน ยอมรับความเห็นของอีกฝ่าย หรือไม่สามารถ ทำให้คนที่เป็นกลางอย่างแท้จริง เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ การเข้ามาจึงเป็น เพียงการเข้ามาคั่นเวลาเท่านั้น และผมก็เห็นว่าถึงทหารเข้ามา ทหารก็ไม่ เข้าใจกลยุทธ์ทางการเมือง จะเล่นทื่อๆ ซื่อๆ อย่างเดียว อันทำให้ปัญหาไม่จบ อีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มสามนี้คือ กลุ่มนักวิชาการ "เราขอเรียกร้องให้..." อันเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ เพราะดังที่กล่าวไปแล้ว ว่าคนทั้งสองกลุ่ม ล้วนติดอยู่ในกรอบวิธีคิดแบบของตนเอง และการเรียกร้อง ก็เหมือนกับ การไปบอกว่าคนเหล่านี้ "เปลี่ยนวิธีคิด" นั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 51 12:34:13 จากคุณ : Jimmy Walker - [ 1 ธ.ค. 51 12:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำให้ปัญหาไม่ได้รับการคลี่คลายก็คือ คนกลางๆ ที่ไม่ ยอมทำอะไรนี่แหละครับ (โดยเฉพาะระดับคนที่มีอิทธิพลต่อคนหมู่มากได้) เหมือนรอคอยการคลี่คลายไปเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และรวมถึงเราระดับ คนธรรมดาที่ไม่ทำอะไรด้วย ไม่ทำให้คนสองฝ่ายเห็นว่า คนอีกกลุ่มหนึ่ง ก็เบื่อและระอาพวกเขาเต็มทีแล้ว หยุดเอาประชาชนไปเป็นพวกตนในทาง ที่ผิดได้แล้ว หลายครั้งที่ ปัญหาในสังคมไม่ได้รับการแก้ไข เพราะคนที่อยู่เฉยๆ โดยไม่ คิดว่ามันจะวกกลับมาถึงเราได้ (วันนี้หลายคนอาจคงเห็นแล้วว่าการอยู่เฉยๆ มันวกมาถึงเราจริงๆ) การเรียกร้องไม่ได้ผลหรอกครับ เพราะคนเรายากที่จะ เปลี่ยนวิธีคิดของตนเองได้ สิ่งที่ทำได้คือ ใช้พลังหรือกำลังเข้าไปเปลี่ยน แปลงอำนาจของสองขั้วนี้เสีย (เน้นที่แกนนำ ระดับประชาชนเพียงแค่ถูก ชักจูงทางความคิดเท่านั้น กลุ่มนี้เราอธิบายให้เขาเห็นเหตุผลที่ดีของความ สามัคคีได้ แต่คนระดับแกนนำ ยากที่จะเปลี่ยนความคิด ต้องใช้อำนาจเข้า ไปบังคับและเปลี่ยนแปลง) คนที่เป็นกลาง(ที่มีพลังอำนาจมากพอ) นี้ต่างหาก ที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ได้ ถ้าไม่มีฝ่ายที่สาม ปัญหาลักษณะนี้ เหมือน คุยกันคนจะจุดยืน ความถูกต้องคนละอย่าง ซึ่งมีแต่ต้องเกิดการปะทะกัน อย่างแน่นอนในไม่ช้า คนที่อยู่ฝ่ายที่สาม ควรออกมาทำอะไรกันบ้างแล้วครับ * ไม่อยากให้กระทู้นี้ถูกลบนะครับ เพราะน่าจะเป็นพื้นที่ที่ทำให้คน ที่อยู่ในวงการบริหาร ได้มองในเรื่องการเมือง ซึ่งขณะนี้อาจจะจำเป็นที่เรา จะต้องร่วมกันหาทางแก้ไข เพราะมันเกี่ยวกับพวกเราทุกคนโดยตรง ซึ่งจะต่างกับการคุยในกลุ่มที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจน (ติดอยู่ในกรอบความ คิด ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว) จากคุณ : Jimmy Walker - [ 1 ธ.ค. 51 12:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คิดและทำ แตกต่าง กันได้ ครับ ผิด ถูก ดี ชั่ว สังคม และกฎหมาย จะตัดสินและลงโทษ กันไป แต่ผมคิดว่า เวรกรรม มีจริง ใครทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว มือถือสาก ปากถือศีล ทำให้ประชาชนคนอื่นๆเดือดร้อน เสมือนหนึ่งถูกฆ่าทั้งเป็นจาก ภัยเศรษฐกิจและการตกงาน น่าสังเวชใจ มากกว่าความอึดอัด ครับ จากคุณ : SEA - [ 2 ธ.ค. 51 00:40:56 A:124.120.72.167 X: TicketID:107202 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รู้สึกอึดอัด ขุ่นใจ คับข้องใจ โกรธ เหมือนกันครับ แต่พอเห็นกระทู้นี้เข้า เลยออกอาการฉุกคิดได้............... เออนะ นี่เรามีส่วนร่วมในปัญหานี้หรือเปล่า ?????? เราเคยหลงเสนห์ของคนรวยที่เราคิดว่าฉลาด และไว้วางใจเขาให้ปกครองบ้านเมือง เราละเลยความผิดพลาดทางจริยธรรมที่สำคัญ และคิดว่ามันก็แค่บกพร่องโดยสุจริต เราเชื่อในคำพูดของเขาที่บอกว่า คนรวยไม่โกงบ้านโกงเมือง เรามั่นใจในคำพูดช่วงที่ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลายที่บอกเราในทำนองว่า......... " ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อมีเสียงข้างมากแล้ว ผมจะทำอะไรผิดๆ เพราะผมยังมีลูก เมียที่คอยช่วยห้ามปรามผม " เราหลงใหล ปลาบปลื้มในความสำเร็จในการจัดประชุม APEC และฝันต่อไปว่า... เราจะมีผู้นำประเทศที่เป็นผู้นำอย่างไม่เป็นทางการของอาเซียน และละเลยไม่ใส่ใจในความไม่สุจริตบางประการที่เริ่มปรากฏให้เห็น เรา.......................... เรา.................................. เรา.............................................. และวันหนึ่ง.......... เราก็ตื่นจากความฝันและเชื่อว่ามีการโกงกินบ้านกินเมืองกันอย่างมโหฬาร เราก็กลับไปเห็นดีเห็นงามกับการประท้วงของอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งลุกลามต่อไปจนเกิดการรัฐประหาร เราก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการรัฐประหารครั้งนั้น ด้วยเชื่อว่ามันจะเป็นหนทางยุติปัญหาของบ้านของเมือง และ เรากันเองมิใช่หรือ ที่เห็นว่าเพียงแค่.... กติกาของบ้านเมืองที่เรียกกันว่า " รัฐธรรมนูญ " จะเป็นยาวิเศษที่ช่วยแก้ไขปัญหาของสังคม(ไทย)ได้ หลังเลือกตั้ง.................................. เราและแทบทุกฝ่ายในประเทศนี้ ก็เชื่อเหมือนๆกันว่า อำนาจเงิน ซื้อชัยชนะในการเลือกตั้งได้ และ เราก็เห็นดีเห็นงามกับการก่อหวอดประท้วง ต่อต้านของอีกฝ่ายหนึ่ง เราฉุกคิดกันหรือไม่ว่า............................ การที่สามารถเอาชนะผู้ที่มีอำนาจในแทบทุกด้าน ในครั้งที่ผ่านมา ก็ทำให้หลายๆคน ตกกับดักแห่งความสำเร็จ และ ยึดมั่น ถือมั่นในความสำเร็จนั้นๆ จนหลงลืมไปว่า วัน วาร และ สถานการณ์ผ่านไปแล้ว ในทำนองเดียวกัน อีกฟากฟั่งหนึ่ง ก็ตกอยู่ในกับดักแห่งความสำเร็จเช่นกัน ความเย้ายวนในอำนาจซึ่งนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาล ความหลงไหลได้ปลื้มกับคำสรรเสริญเยินยอจากประชาคมโลกในบางช่วง บางขณะ ทำให้คนเก่งที่ก้าวพลาด โหยหา และยึดติดกับภาพในอดีต และ............. ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้สึกเช่นนั้นอีก.................... ใคร จะทำอะไร และจะส่งผลกระทบให้บ้าน ให้เมืองได้รุนแรงเพียงไร เขาเหล่านั้น ย่อมต้องได้รับผลจากการกระทำของตัวเขาเองอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะผิด หรือ ถูก การกระทำนั้นๆย่อมถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แห่งชาติสยาม อย่างแน่นอน ว่าแต่ว่า.......................................... ตัวเราเอง จะไม่ลองทบทวนการกระทำของตัวเราเองบ้างหรือ เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเราเอง ในอดีต และพยายามแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้น ถามตัวเอง อย่าง" มีสติ " ว่า ในวันนี้ เราควรทำอะไรบ้าง เรามีความรับผิดชอบต่อทั้งตัวเราเอง สังคมโดยรอบ และ ประเทศชาติอย่างไร เราจะทำอะไรได้อีกบ้าง เพื่อช่วยให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติสุข การกระทำของตัวเราเอง ก็เป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ชาติเหมือนกัน ถามตัวเราเองเถอะครับว่า..................... ในวิกฤตครั้งนี้ ตัวเราจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร และเริมต้นปฏิบัติสิ่งที่ดี ที่งามสำหรับตัวเราเอง และ บ้านเมือง เสียแต่บัดนี้........ ปล. เขียนโดยมิได้ตรวจทาน หากผิดพลาด บกพร่อง ก็ขออภัยชาวสีลมมา ณ ที่นี้ครับ จากคุณ : ครูต้อ - [ 2 ธ.ค. 51 08:57:37 ]