ความคิดเห็นที่ 1 แบ่งแยกหน้าที่ของแต่ละคนให้ชัดเจน ว่า คุณทำตำแหน่งอะไร เพื่อนคุณทำตำแหน่งอะไร แต่ละตำแหน่งจะมีbaseเงินเดือนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องรายได้ ก็ให้แบ่งเป็นรายรับเข้าบริษัท เพื่อเป็นเงินทุนในการดำเนินกิจการ และ เสียค่าภาษีในแก่กิจการ ควรหานักบัญชีมือดีมาช่วยจะได้มองภาพรวมออกกันทุกฝ่าย ทำเป็นหนังสือสัญญา/จดทะเบียนบริษัทฯ ให้เรียบร้อย ป้องกันปัญหาในอนาคต และ จะได้ไม่เสียเพื่อนในภายหลัง แต่ถ้าหากคุณและเพื่อนคุณ ไม่ซีเรียส ก็พูดคุยกันธรรมดา ก็น่าจะเข้าใจกัน คือ แฟร์ ๆ กันทั้ง 2 ฝ่าย จากคุณ : bfs04 (bfs04) - [ 19 ธ.ค. 51 11:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เปิดเผยต่อกัน - เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างในบริษัท เพื่อให้เห็นว่ารับเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แบ่งกันเท่าไหร่ และทุกคนต้องไม่นำข้อมูลไปเปิดเผยต่อคนนอก จริงใจต่อกัน - ทุกคนต้องทำเพื่อบริษัทจริง ๆ ไม่ใช่บอกว่าคนหนึ่งทำงานบริษัทนี้ อีกคนทำที่นี่แล้วไปทำที่อื่นด้วย แต่แบ่งผลประโยชน์เท่ากัน อันนี้ใช้ไม่ได้ ต้องมีระบบว่าใคร ทำมากได้มาก ใครทำน้อยได้น้อย เข้าใจกัน - ทุกคนมักจะมองว่าเราทำงานมากกว่าแต่แบ่งเท่ากัน ไม่แฟร์ ตัวอย่างเช่นในบริษัท - ฝ่ายขายบอกว่าตัวเองทำงานหาออเดอร์แทบตาย แต่ฝ่ายผลิตไม่เห็นทำอะไร - แต่ฝ่ายผลิตบอกว่าตัวเองพยายามลดต้นทุนแทบตาย และเซลส์มีแต่สั่งว่าอยากได้โน่นนี่ แต่บอกล่วงหน้าแค่วันเดียว แต่ตัวเซลส์เอาแต่ไปตีกอล์ฟกับลูกค้า ไม่เห็นทำอะไร จริง ๆ แล้วทั้งคู่ก็ทำงาน แต่ไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายทำงาน อย่างนี้เวลาแบ่งผลประโยชน์ให้เท่ากันมีปัญหาแน่ สุดท้ายนี้ ทางออกที่ดีที่สุดคืออย่าร่วมดีกว่า ลองถามว่าอยากได้อะไรจากหุ้นส่วน เช่น - ถ้าเราเป็นฝ่ายขาย แต่เพื่อนเป็นฝ่ายผลิต ก็ลองคุยกันว่า เปิดคนละบริษัท ต่างคนต่างลงทุน เพื่อนผลิต และขายให้เรา เราเอาของที่เพื่อนผลิตไปขาย อย่างนี้น่าจะดีกว่าไหม ซึ่งเพื่อนก็มีสิทธิ์ขายให้คนอื่น ส่วนเราก็มีสิทธิ์เอาของเจ้าอื่นมาขายเหมือนกัน - ถ้าต้องการเงินทุนเพิ่ม ให้เสนอเป็นลักษณะกู้ยืมและแบ่งผลกำไรให้จะดีกว่าไหม จากคุณ : TLL01 - [ 19 ธ.ค. 51 11:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตาม คห.1 ครับ บางคนทำธุรกิจมาตั้งนาน ยังแยกไม่ออกเลยครับ ระหว่างตำแหน่งกับผู้ถือหุ้น ถ้าชัดเจนตรงนี้แล้ว คุยกันง่ายขึ้นครับ จากคุณ : BMWTurboman - [ 19 ธ.ค. 51 11:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตำแหน่งได้เงินเดือน  ผู้ถือหุ้นได้ปันผลครับ ควรมี 3 หุ้นใหญ่(หุ้นบริหาร)ครับ เวลาจะมีการตัดสินใจใหญ่ๆใช้ vote ครับ จากคุณ : BMWTurboman - [ 19 ธ.ค. 51 11:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คห 3+ 4 ชัดเจนมากครับ แยกแยะให้ออก ครับ  ว่าอะไรคือ การลงทุน อะไรคือ เงินเดือน การร่วมหุ้น + ทำงานด้วยตัวเอง ส่วนมากจะไม่ได้ คิดค่าแรง(เงินเดือน) ลงไปด้วย เวลา คิดค่าใช้จ่ายครับ เพราะถ้าคิดค่าแรงลงไปด้วยแล้ว จะทำให้ธุรกิจ ไปไม่รอด หรือ ไปลำบาก ซึ่ง ถ้าไม่คิดค่าแรง  ลงไป ด้วย  ก็ เป็นการคิดที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้นครับ เพราะส่วนมากธุรกิจที่ไม่คิดค่าแรงของแต่ละตำแหน่ง นั้น เป็นธุรกิจ ที่อยู่ได้ด้วย แรงงาน ที่ใส่ลงไปครับ คิดค่าแรง ของแต่ละคน ตามสิ่งที่ทำ ถ้าไม่รู้ว่าจะตีค่าแรงยังไง ให้เอาราคาตลาด(ไม่ใช่เงินเดือนปัจจุบันของแต่ละคน) เอาราคาตลาดที่คิดว่าจะจ้าง คนมาทำงานตรงนั้นแทน ต้องใช้ค่าแรงเท่าไหร่ + ความไว้วางใจ - ความเสี่ยงที่ไม่ไว้ใจ ฯลฯ เพราะส่วนมากจะทะเลาะกันว่า ใครทำมาก ใครทำน้อย แยกแยะความสำคัญแต่ละต่ำแหน่ง ที่มีผลต่อธุรกิจ ให้ออกด้วยครับ ไม่ใช่ ทำกับเพื่อน 3 คน เงินเดือนเท่ากันหมด  ฯลฯ ตำแหน่งไหน มีผลมาก มีผลน้อย จะวัดผลแต่ละตำแหน่งยังไง เพื่อดูว่าตำแหน่งไหน พัฒนา หรือ ทำให้ธุรกิจนี้ดีขึ้นมากน้อยยังไง คุยกันตั้งแต่ ยังไม่เริ่ม ทะเลาะกันตั้งแต่ต้น ดีกว่า ทะเลาะกันตอนที่เริ่มไปแล้ว เพราะถ้าลงหุ้นไปแล้ว จะถอนหุ้น นั้นยากมากครับ เพราะอะไร? 1 กิจการเริ่มไปแล้ว ถ้า มีใครซักคนถอนหุ้น จะทำให้ ที่เหลือ ไปต่อไม่ได้ครับ  เหมือนเป็นการบังคับ ให้ ปิดกิจการ ครับ 2 ถอนหุ้นในระยะแรกๆ มักจะขาดทุน ทุกคนครับ 3 มักจะมีใครซักคน มีความจำเป็นที่จะต้องถอนหุ้น ก่อนเสมอ 4 ควรมีผู้ถือหุ้นหลายๆคน ดีกว่ามีผู้ถือหุ้นน้อยคน เพราะถ้าใครมีปัญหา จะกระทบต่อภาพรวมน้อยกว่า ครับ 5 เมื่อกิจการมีปัญหา แล้วต้องการเพิ่มทุน มักจะมีคนไม่มีทุนให้เพิ่มอยู่เสมอ ข้อนี้แก้ได้ ด้วยการลดสัดส่วนของผู้ถือหุ้นคนนั้นลง แต่จะเกิดปัญหาตามมาคือ จะลดลงด้วยสัดส่วนเท่าไหร่ จึงจะยุติธรรม? ปล. ถ้าจะทำจริงๆ ควร ใช้ เงินทุนลงหุ้น แล้ว จ้างคนอื่นทำทุกจุด ทำบัญชีให้ละเอียดทุกๆ จุด  โปร่งใส ตรวจสอบได้      แล้วให้ ผู้ถือหุ้น ตรวจสอบ เป็นระยะ หรือตามความต้องการครับ ปล. 2 ไม่แนะนำให้หุ้นกับเพื่อนครับ ถ้ากิจการเจ้ง เสียทั้งเงินเสียทั้งเพื่อน ถ้ากิจการไปได้ดี ก็มีสิทธิ์ทะเลาะกันอยู่ดีครับ เอาจริงๆต้องคุยกันยาวเลยครับเรื่องนี้ จากคุณ : Rhythm Investor - [ 19 ธ.ค. 51 14:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทุกความเห็นชัดเจนมากครับ ผมขอเสริมอีกนิดนึง คุยกันให้ชัดเจนไปเลยว่าค่าใช้จ่ายอันไหนเป็นของส่วนตัว อันไหนของบริษัท เพื่อป้องกันการมีปัญหากันทีหลัง เช่น พวกค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ จากคุณ : ปป-5 - [ 19 ธ.ค. 51 18:17:53 A:10.29.37.20 X:203.144.139.228 TicketID:170723 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีทหารหนุ่มถาม ครูฝึกว่า ครูครับ มีวิธี ที่เราจะปลอดภัยจากสงครามไหมครับ ครูฝึกตอบว่ามีสิ วิธีการก็คือ "อย่าไปสงคราม" หวังว่าคุณคงจะเข้าใจคำพูดนี้นะ จากคุณ : mix_more - [ 20 ธ.ค. 51 00:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห. 7 บอกว่า ถ้าคุณไม่อยากเสียเพื่อน คุณก็อย่าทำธุรกิจกับเพื่อน จากคุณ : Legendary Pon - [ 20 ธ.ค. 51 04:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราจ้างเพื่อนทำงาน กำหนดเป็นค่าจ้าง ให้เค้าไปเลยอ่ะค่ะ ตอนแรก ก็ชวน เดี๋ยวจะหาว่าไม่ชวน แต่เพราะมีหลายคน เลยสุดท้ายไมไ่ด้หุ้นกันน่ะค่ะ ก็ให้เป็นค่าจ้างไป ให้เค้าออกแบบ จ่ายค่าออกแบบ design เค้าก็สบาย เพราะมีรายได้ และไม่ต้องยุ่งเรื่องบริหาร ความเสี่ยง นี่ปีหน้า กะว่าจะมีอีกงานค่ะ เพื่อนคนเดิม จากคุณ : Dreams Catcher - [ 20 ธ.ค. 51 14:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่อยากเอาเรื่องความเสี่ยงมาร่วมกันรับผิดชอบด้วยไงครับ บางครั้งยังไม่กล้าทุ่มเงินไปคนเดียวก็เลยคิดว่า เพื่อนก็สนใจเราก็ไม่ต้องลงทุนเองคนเดียวทั้งหมด แล้วแบบนี้ก็คงต้อง รับความเสี่ยงเรื่องเงินไว้ดีกว่าเสี่ยงที่จะเสียเพื่อนใช่มั้ยครับ ปล งั้นแสดงว่าการที่จะได้สร้างธุรกิจด้วยกันแบบว่าไม่ใช่สมัยก่อนที่เฒ่าแก่ทำเองก็คงจะยากมากเลยซิครับ จากคุณ : จขกท - [ 21 ธ.ค. 51 00:10:23 A:58.64.105.174 X: TicketID:004126 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เพื่อนหลายๆคนตอนเที่ยวเล่นสนุกสนาน กับตอนทำงาน ทำธุรกิจร่วมกัน นิสัยคนละอย่างเลยก็มีนะครับ  จะเห็นนิสัยจริงตอนทำงานเนี่ยแหละ ถ้าชวนเขาหุ้น ไม่ควรให้มีหุ้นเท่ากันนะ ควรให้คนนึงมีหุ้นเยอะกว่าอีกคน ซึ่งคนมีหุ้นเยอะ ควรเป็นคนออกมาลุยงานจริงๆด้วย จากคุณ : ป้อม (Bgate) - [ 22 ธ.ค. 51 00:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อย่าคิดว่า - เพื่อนกัน ไม่ต้องถามมันก็ได้ ยังไงมันก็โอเคอยู่แล้ว - เพื่อนกันเข้าใจกันอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดมาก - เพื่อนกันไว้ใจกันได้ - เล็กๆน้อยๆ หยุมหยิม กันเองทั้งนั้น จากคุณ : oatcpe - [ 22 ธ.ค. 51 15:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยู่ที่ตัวคุณกับเพื่อนๆสนิทกันแค่ใหน เงิน ทอง กินกัน ความสัมพันธ์ยังอยู่ ผมทะเลาะกับเพื่อนประจำแทบทุกวันมาเกือบ10ปี แต่ก็เป็นเรื่องงาน กินเที่ยว ยังเหมือนเดิมทั้งครอบครัวมัน กับครอบครัวเรา ผมเคยคิดว่าไอเดียเราดี ทำได้ แต่เถียง(เหตุผล)สู้เพื่อนไม่ได้ ก็ต้องยอม เคยคุยกันว่าถ้าไม่เถียงกัน ก็คงเลิกทำงานด้วยกัน สุขภาพจิตน่าจะดีขึ้น ทั้งนี้ ต้องมีเหตุผลนะครับ จากคุณ : LXX - [ 22 ธ.ค. 51 16:14:19 A:203.188.42.215 X: TicketID:185398 ]