ผมก็จบมหาวิทยาลัยรัฐมากว่า 20 ปี แต่ก็ไม่ได้ถึงเป็น มหาวิทยาลัย Top 5 ของประเทศ และผมพึ่งเจอประสบการณ์มาแบบสดๆร้อนๆ ที่เค้าเชิญให้ไปเป็นคณะกรรมการตัดสิน เรื่องแผนธุรกิจ (Business Plan) ของนักศึกษาและนิสิตชั้นปีที่ 4 และค่อนข้างจะเห็นด้วยกับ คห.5 เพราะบังเอิญมีกลุ่มทีมนักศึกษามาจากหลายสถาบัน และที่พบว่า การนำเสนอผลงานของนักศึกษาหรือนิสิตจากมหาวิทยาลัยของรัฐ ถ้าเป็น Top 5 และ ABAC จะมีการเตรียมการหาข้อมูลที่ค่อนข้างดีมากพร้อมเอกสารจะเป็นภาษาอังกฤษ สิ่งที่เสนอจะสะท้อนความคิดจะมีเหตุผลรองรับ
ผิดกับมหาวิทยาลัยเอกชนบางเกรด จะเห็นชัดเจนว่าไม่มีที่มาที่ไปของข้อมูลที่น่าตกใจคือการทำแผนธุรกิจนั้นจะต้องตอบโจทย์ว่าทำแล้ว จะมีกำไรหรือขาดทุนอย่างไร จะต้องมีการใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ แค่แผนด้านการเงิน เริ่มจากงบกำไรขาดทุนก็ไม่ถูก ค่าใช้จ่ายที่นำเสนอเช่นมีการทำกิจกรรมทางการตลาดการลงโฆษณา แต่ไม่มีค่าใช่จ่ายดังกล่าวมาแสดงในงบกำไรขาดทุน และที่ซ้ำร้ายคืองบดุลที่นำมาเสนอยังแสดงยอดคงเหลือไม่ดุลยอด ซึ่งผมงงมากกับคุณภาพของระดับการศึกษาปริญญาตรี และบังเอิญกลุ่มที่มาให้คัดที่เป็นกลุ่มจากมหาวิทยาลัยเอกชนดังกล่าวเกือบ 60 % เลยไม่แน่ใจว่าปัจจุบันคุณภาพการศึกษาของไทยไม่มีมาตรฐานถึงเพียงนี้หรือ เพราะรูปแบบที่นำเสนอจะออกมาเป็นรูปแบบแนวเดียวกันหมด และที่สำคัญคือ สิ่งที่นำเสนอมาเป็นแผนมักจะเป็นในรูปของการเพ้อฝันที่ไม่มีเหตุผลรองรับ
ผมได้แต่ภาวนาว่ามาตรฐานการศึกษาของไทยคงไม่เหมือนบางประเทศที่เราเคยไปว่าเค้าเป็นมหาวิทยาลัยห้องแถวนะครับ
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 08:44:36
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 08:40:59
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 08:37:32