PANTIP.COM : B7417876 สอบถาม การเสนอขนมและพัฒนา เข้าสู่ตลาดบิ๊กซี คาฟูร์ และอื่นๆ [การตลาด]

ความคิดเห็นที่ 7

ถามยาวมาก ๆ ขอเลือกตอบบางข้อล่ะกันนะครับ

การขอ อย. นั้นมันมีกฏเกณฑ์หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของอาหาร และบรรจุภัณฑ์ด้วยนะครับ ผลิตภัณฑ์ขนมบางอย่างของ่าย หากบรรุภัณฑ์เป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถมองเห็นสภาพของขนมได้ว่า ขึ้นราหรือไม่ อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยหรือไม่ หรือขนมบางอย่างเป็นขนมที่ต้องนำมาปรุงด้วยความร้อนให้สุกอีกที ก็จะง่ายเช่นกัน ดังนั้นต้องเข้าไปศึกษาดูเองนะครับว่า ขนมของคุณเข้าเกณฑ์อะไร อย่างไร อย. จะจัดให้มีการสัมนากฎระเบียบเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ในราววันที่ 19-20-21-22 มค. นี้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แถวแจ้งวัฒนะ ลองติดต่อเข้าไปนะครับ อาจจะมีที่นั่งเหลือ ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ

เรื่องบัญชียังไม่มีระบบตามมาตรฐานก็ไม่เป็นไรครับ ขอให้บันทึกรายรับ รายจ่ายให้ครบถ้วน แล้วต้องรวมค่าจ้างแรงงานของสมาชิกในครอบครัวในต้นทุนการผลิตด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะมีต้นทุนการผลิตที่ผิดจากความเป็นจริง ทำให้การตั้งราคาผิดพลาดได้

เรื่องบรรจุภัณฑ์ของขนมอยู่ในมาตรฐานหรือยัง การขายในโมเดิร์นเทรดนั้น ขนมจะกอง ๆ ให้ผู้บริโภคเลือกหยิบจับได้เอง ซึ่งส่งผลให้ขนมเสียหายแตกหักได้ สินค้าที่เสียหายแตกหักชำรุดพวกนี้ ล้วนเป็นต้นทุนในการจัดจำหน่ายของคุณนะครับ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของห้าง เค้าอาจจะแนะนำให้คุณปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีรูปลักษณ์ ขนาด ตามที่เค้าต้องการ ซึ่งกว่าจะจบกระบวนการก็นานโขอยู่นะครับ (ดีไม่ดี ทำไปทำมา เจ้าหน้าที่เปลี่ยนคน ก็ต้องมาเริ่มใหม่ ไอ้ที่ทำไปแล้วก็ใช้ไม่ได้ ถือว่าซวยไปอีกนะครับ)

นอกจากบรรจุภัณฑ์ขั้นต้นแล้ว ยังมีเรื่องกล่องลูกฟูกที่ใช้บรรจุ ต้องมีการพิมพ์รายละเอียด พิมพ์แต่ละครั้งก็ไม่ใช่น้อย ๆ ต้องนำมาคำนวณต้นทุนด้วยเช่นกัน

โดยปกติการขายสินค้าให้พวกโมเดิร์นเทรดนี้ อาจจะมีค่า Entrance Fee หรือค่าแลกเข้า ซึ่งอาจจะเก็บแบบล่ำซำ คือจ่ายเหมา หรือคิดเป็นรายสินค้า ต้องคุยให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์ในกรณีที่เค้าต้องจัดทำแคตาล็อคส่งตามบ้าน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ไมน้อยนะครับ บางทีคุณไม่อยากจะลง แต่จำใจลง เพราะเป็นการขอร้องแกมบังคับครับ

สินค้าที่เข้าไป บางครั้งทำยอดไม่ได้ตามเป้าที่กำหนด ก็อาจจะมีสิทธิ์ถูกถอดถอน ซึ่งหากคุณมีการจ่ายค่า Entrance Fee ไปก็ต้องเสียไปฟรี ๆ โดยเรียกร้องคืนไม่ได้ ชีช้ำเปล่า ๆ นะครับ

เรื่องอัตรากำไรนั้น คงต้องคุยกันว่าจะตั้งราคากันที่เท่าไหร่ แต่สินค้าในห้างพวกนี้จะมีราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพื่อโปรโมทสินค้า ดังนั้น อัตรากำไรในผลิตภัณฑ์อาหารส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 25-35% ของราคาขาย ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้แล้วในการนำส่งสินค้า ยังมีค่า distribution fee ซึ่งคุณต้องไปส่งสินค้าให้ที่คลังสินค้า โดยเค้าจะมีการกระจายสินค้าให้สาขาต่าง ๆ ค่าขนส่งส่วนนี้ก็จะเก็บจากคุณด้วยนะครับ

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณคิดจะค้าขายกับห้างพวกนี้จริง ๆ ผมแนะนำให้ติดต่อไปที่สภาอุตสาหกรรม ตรงหอประชุมสิริกิตต์ เค้ามีโครงการผลักดันสินค้าเอสเอ็มอีเข้าห้าง โดยคุณต้องสมัครเป้นสมาชิกเค้าก่อน แล้วค่อยสมัครเข้าร่วมโครงการ เสียเงินค่าธรรมเนียมอีกล่ะ แต่เค้าจะแนะนำคุณได้หลายอย่าง ถ้าคุณทำตามได้ ก็มีโอกาสดีกว่าที่จะเข้าไปคุยเอง แต่ผมก็ไม่เคยเข้าร่วมโครงการนี้นะครับ แค่พอเคยเห็นการประชาสัมพันธ์ของเค้า ผมไม่ชอบค้าขายกับห้างพวกนี้ครับ กลัวเจ๊งครับ

เรื่องการส่งออก ผมเห็นว่ายังอีกไกล เพราะการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร จะต้องมี GMP มี อย. มี HALAL ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ ที่คุณว่าคุณเคยผลิตให้พ่อค้าคนกลางส่งออกนั้น เค้าคงส่งแบบกองทัพมด ขนเข้าไปขายกันเองมากกว่าจะเป็นการส่งออกจริง ๆ ซึ่งมีหลักเกณฑ์มากกว่าครับ

เรื่องอื่น ๆ ค่อย ๆ ถาม ๆ กันไปนะครับ ศึกษาไปสักพักก็จะค่อย ๆ กระจ่างเอง การเรียนรู้เพิ่มเติมเป็นสิ่งดีครับ ก็ค่อย ๆ อ่านเสริม ๆ กันไป จะจะเข้าไปเริ่มเรียนปริญญาตรีอีก แล้วใครจะทำงานครับ ทำไปเรียนไปหนักเอาการอยู่นะครับ ทางที่ดีถ้ามีหลาน ๆ ญาติพี่น้องก็ดัน ๆ ให้เค้าเป็นคนเรียนแล้วมาช่วยงานก็น่าจะดี ความรู้ไม่จำเป็นต้องเรียนจากสถานศึกษาครับ ทำไปเรียนรู้ไปจากประสบการณ์ก็ได้ครับ

เรื่องบัญชีอาจจะเป็นเรื่องที่ยากหน่อย แต่การจดบันทึกของพ่อค้าที่จด ๆ นั่นก็ถือเป็นระบบบัญชีแล้ว - เรียกว่าระบบบัญชีเดี่ยว แม้จะไม่ตรงมาตรหลักมาตรฐานบัญชี แต่ก็พอเพียงระดับหนึ่งสำหรับกิจการอย่างนั้น ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ปรับปรุงกันไปก็ได้ครับ กรุงโรมไม่ได้ถูกสร้างแค่เพียงชั่วข้ามคืน หมั่นศึกษาไปก็จะรู้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เองครับ ส่วนเรื่องภาษี อาจจะยุ่งยากหน่อย ถ้าไม่รู้ อย่าเพิ่งเข้าระบบเต็มตัว เรื่องภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม มีรายละเอียดเยอะพอควร ดังนั้น ทำแบบเจ้าของกิจการคนดียวไปก่อนก็ได้อยู่หรอกนะ ไว้ให้พร้อม ค่อยจดเป็นบริษัทครับ เพราะจดเป็นบริษัทนี่ มีค่าใช้จ่ายตามมาอีกเยอะเลยนะครับ

เอาใจช่วยล่ะกันครับ ค่อยเป็นค่อยไป แต่ไม่อยากให้หลงเสน่ห์พวกห้างโมเดิร์นเทรดครับ ขอเตือนไว้ตรงนี้เลยนะครับ สุภาษิตจีนท่านกล่าวเตือนไว้ว่า "มิเห็นโลง มิหลั่งน้ำตา" อย่างไรอย่างนั้นเลยคร้าบ.....

ขอให้โชคดีครับ

จากคุณ : sakchai splash - [ 14 ม.ค. 52 12:46:55 ]