ความคิดเห็นที่ 1 เป้าหมายของ Recruiter ส่วนใหญ่คือพนักงานระดับ entry-level เช่นพวกที่เพิ่งจบมาหมาดๆ หรืออาจจะมีประสบการณ์ทำงานมาบ้างปีถึงสองปี ขุมทรัพย์ของรีครูทเตอร์คือเรซูเม่ที่พวกคุณส่งไปกันนั่นแหล่ะ ซึ่งคนเหล่านี้จะถูกเรียกว่า active candidates (คนหางาน) ค่าบริการจะอยู่ช่วง 13% – 18% และจะไม่ค่อยมีการโฆษณาตำแหน่งงานตามเวปอื่นๆเท่าไหร่ .... สิ่งที่ลูกค้าจะได้คือเรซูเม่ของคนหางาน และการสกรีนเบื้องต้น เป้าหมายของ Executive Recruiter คือพนักงานระดับ middle-level เช่นซุเปเปอร์ไวด์เซอร์ หรือผู้จัดการ ขุมทรัพย์ส่วนใหญ่ของพวกนี้ก็คือเรซูเม่ การทำงานจะคล้ายๆกับ Recruiter แต่ค่าบริการจะแพงกว่าเล็กน้อย อยู่ที่ระหว่าง 18% - 22% จะมีการโฆษณาตำแหน่งงานบ้างตามเวปไซด์ต่างๆ ... สิ่งที่ลูกค้าจะได้คือเรซูเม่ของคนหางาน และการสกรีนเบื้องต้น ถ้าตำแหน่งที่สูงๆหน่อยอาจจะมี behavior-based interview ไปให้ดู **อันนี้เป็นข้อมูลคร่าวๆนะครับ อาจจะมีแตกต่างออกไปบ้างแล้วแต่บริษัท จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนเป้าหมายของ Headhunter (จริงๆ) คือพนักงานระดับ senior-level ขึ้นไป เช่นผู้จัดการ GM/MD/CEO/VP ซึ่งมีรายได้ต่อปีหลักล้าน ขุมทรัพย์ของพวกนี้คือทั้ง active and “passive” candidates (เดี๋ยวจะบอกว่า passive candidate คือใคร)และหน้าที่ของคนที่เฮดฮันหานี่ส่วนใหญ่จะกุมบังเหียนธุรกิจในระดับประเทศหรือภูมิภาค เซตอัพโรงงานได้ คุมเงินเป็นพันๆล้านได้ ทำยอดขายปีละหลายร้อยล้านได้ เปิดตลาดใหม่ได้ คุมคนเป็นพันๆหมื่นๆคนได้..... ซึ่งนั่นคือที่มาของคำว่า headhunt อุมบ่ะๆๆๆ ล่าหัวๆ อุมบ่ะๆๆๆๆ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:21:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Passive candidate คือคนที่วันๆมีแต่ประชุม มีแต่งาน เข้างานเช้า-กลับบ้านค่ำ มีเลขาคอยจิกยิกๆ ไหนจะต้องคอยดูแลลูกน้องอีก เดินทางไปต่างประเทศ ไม่มีเวลามานั่งเขียนเรซูเม่ บลาๆๆ ... พูดง่ายๆคือไม่ได้นั่งหางาน หรือไม่ได้มีความคิดที่จะเปลี่ยนงานใหม่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมต้องมีการเฮดฮันท์ หน้าที่ของ Headhunter คือหาตัวคนพวกนี้และติดต่อไปให้ได้ เสนองานใหม่ให้ ขอให้ส่งเรซูเม่มาให้ เชิญมาสัมภาษณ์ที่บริษัท เชิญไปสัมภาษณ์กับลูกค้า..... เอาเป็นว่าแค่โทรตามตัวก็ยากแล้วครับ ไหนจะต้องฝ่าด่านอรหันต์อีกทั้งโอเปอร์เรเตอร์ คนในแผนก ลูกน้องคนสนิท เลขา ..... ทั้งนี้ แคนดิเดตอาจจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติก็ได้ (อยากได้แบบไหนบอก กรูจัดห้ายยยย) จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ค่าบริการของเฮดฮันท์จะอยู่ช่วง 32% - 35% (แพงขั้นเมพขิงๆ) โดยคิดจากรายได้ที่เป็นตัวเงินทั้งหมดที่บริษัทลูกค้าจะจ่ายให้คนที่ได้งาน เช่น เงินเดือน โบนัส ส่วนแบ่งกำไร ฯลฯ ซึ่งจะแบ่งจ่ายเป็นสามช่วงคือ 1.เริ่มใช้บริการ (Retention) 2.ส่งตัวแคนดิแดตไปสัมภาษณ์ 3.ตอบรับแคนดิแดตเข้าทำงาน เฉลี่ยแล้วจะมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 2 แสนถึงเกือบๆล้าน (มีบริษัทไทยน้อยมากที่จะยอมจ่าย) เมื่อลูกค้าตกลงใช้บริการ ทางเฮดฮันเตอร์จะเข้าไปคุยกับ HR/GM/MD/VP/P เกี่ยวกับตำแหน่งงานที่ลูกค้าต้องการ เช่น ธุรกิจของบริษัทลูกค้า / job details / qualifications ของแคนดิแดต / วัฒนธรรมของบริษัท / ทำงานให้ใคร รีพอตให้ใคร ภาษาต้องได้มั๊ย ฯลฯ . หลังจากนั้นจะมีการประชุมกันที่บริษัทระหว่างคนที่ไปรับบรีฟมาและคนที่จะทำหน้าที่หาแคนดิแดต (Researchers) **บางท่านอาจจะสงสัย ทำไมต้องเข้าไปคุยกับคนที่ระดับใหญ่ขนาดนั้นด้วย?? ... แค่ HR ไม่พอเหรอ?? ทำไมต้องจีเอ็ม ทำไมต้องเอ็มดี ทำไมต้องประธาน ทำไมต้องเจ้าของ  ... 1.คือเรื่องตัวเงินครับ HRบางที่อาจจะไม่มีอำนาจพอที่จะอนุมัติเงินที่สูงขนาดนั้นได้ หรืออาจจะไม่มีอำนาจในการตัดสินใจที่จะใช้บริการเลยก็ได้ 2.ตำแหน่งที่เราหามันค่อนข้างส่งผลต่อบริษัทโดยตรง(อาจจะดับหรืออาจจะรุ่ง) เพราะฉะนั้นพวกเค้าต้องมีส่วนในการคัดเลือกคน แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 04:50:00 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 04:49:18 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 04:48:36 จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขั้นตอนการหาคนคือเอาจากบริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกับลูกค้า+ขนาดใกล้กัน+วัฒนธรรมคล้ายกัน แล้วก็ต้องหาคนที่มีตำแหน่งเดียวกันกับที่ลูกค้าต้องการ (ไม่ใช่เอาคนจากร้านเจ๊เกียงไปทำงานยูนิลีเวอร์นะ คนละเรื่องเลย ถึงจะ FMCG เหมือนกัน) หลังจากนั้นก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะฝ่าด่านอรหันต์ไปให้ได้ แค่คิดก็ยากละ -  -“) ส่วนการสกรีนแคนดิแดตของรีเสิจ จะทำตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกันทา'โทรศัพท์ จะถามเบื้องต้นถึงลักษณะงานที่ทำ ประสบการณ์ ลักษณะองค์กร จำนวนลูกน้อง (ซึ่งคนรีเสิจจะต้องทำการศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีเกี่ยวกับตำแหน่งและอุตสาหกรรมนั้นๆ ไม่ใช่แค่ว่ารู้ผิวๆ จะไปปล่อยไก่หรืออ้ำอึ้งกับคนระดับนี้ไม่ได้ทีเดียว โดนดูถูกตาย) หลังจากนั้นเมื่อได้คนที่โอเคใช่เลยแล้ว จะนัดทำการสัมภาษณ์ ซึ่งต้องเอาเวลาที่แคนดิเดตว่าง ไม่ใช่เราว่าง! (ขัดใจไมได้เลยนะ พี่แกไม่มาเลยทีเดียว) จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในการสัมภาษณ์จะเป็น Behavior-based interview ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ โดยคำถามจะถูกเตรียมไว้เรียบร้อยจากบรีฟที่ไปรับมาจากลูกค้า โดยระหว่างที่สัมภาษณ์ ทั้งรีเสิจและเฮดฮันเตอร์จะต้องทำตัวเป็นนักจิตวิทยาดีๆนี่เองในการที่จะวิเคราะห์ทัศนคติและการทำงานของเค้า (แคนดิเดตบางคนก็โม้เหลือเกิน บางคนก็ทริกกี้ ไม่ก็ถามอย่างตอบอย่าง ไม่ก็ถามกลับซะเฉยๆ ... กลุ้มจายยยยย) นอกจากนั้นอาจจะมีการให้ทำเทสพวก aptitude / working-bahavior / sales skill / ภาษาอังกฤษ.... หลังจากนั้นจะมีการประชุมกันอีกทีเกี่ยวกับข้อมูลของแคนดิเดตแต่ละคนที่ได้จากการสัมภาษณ์และเทสเพื่อคัดคนที่ดีที่สุด 2 – 5 คน เพื่อส่งไปให้ทางลูกค้าสัมภาษณ์!! (ในกรณีที่แดนดิเดตเป็นชาวต่างชาติ ทำงานในต่างประเทศ ก็ต้องใช้ Teleconference) หลังจากนั้นจะมีการทำเรซูเม่รีพอต สรุปข้อมูลจากการสัมภาษณ์+เทส ไปให้ทางลูกค้าดูก่อนที่จะนัดวันให้แคนดิเดตไปสัมภาษณ์กับลูกค้า (ถ้าบางทีลูกค้าเป็นบริษัทต่างชาติ นายใหญ่นั่งอยู่ที่เมืองนอก ก็ต้องเชิญลูกค้ามา Teleconference ที่บริษัทของเฮดฮันเตอร์เอง.... หรือบางทีนายใหญ่อาจจะบินมาเพื่อสัมภาษณ์เลยก็ได้ ไฮโซกันเลยทีเดียว) จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สมมิตว่าลูกค้าโอเคละ แดนดิเดตคนนี้ขั้นเทพ .... งานอาจจะไม่จบแค่นั้นครับ ... เกิดแคนดิเดตเปลี่ยนใจ ตายห่านละ!! งานเข้า ทำไงดีวะเนี่ย กรูหาแทบตายดันหักมุมตอนจบซะงั้น T_T ... หรือไม่ก็ตัดใจลากออกจากที่เก่าไม่ได้ ไม่รู้จะพูดกับเจ้านายยังไง เดือดร้อนเฮดฮันเตอร์ต้องคิดบทพูดให้อีก บลาๆๆๆ ..... จนสุดท้ายอาจจะต้องเริ่มหาแคนดิเดตคนใหม่ให้ หรือในกรณ๊ที่แคนดิเดตทำงานไปแล้วดันลาออก เราก็ต้องไปหาคนใหม่มาให้โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 1 – 3 เดือน บางทีอาจจะมากกว่านั้นก็ได้ขึ้นอยู่กับความยากของงาน) ***ขอบอกว่างานที่น่าปวดหัวที่สุดคือหา HR คนไทยที่สามารถเป็น strategic partner ได้ มาทำงานในบริษัทฝรั่ง!! ส่งไปกี่คนก็โดนลูกค้ารีเจคมาตลอด T_T... ไอที่เก๋าๆก็มีนะ แต่ค่าตัวสูงลิ่วววววววว เงินเดือนไม่ต่ำกว่า 3 แสนกันทั้งนั้น แต่ลูกค้าดันให้งบมาน้อยอีก แล้วก็บอกหนูจาอาวคนนี้ๆๆๆๆๆ เจริญพรเหอะโยม!! จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทั้งหมดนี้คือขั้นตอนการทำงานของ Headhunter นะครับ บริษัทส่วนใหญ่ที่ใช้บริการจะเป็นบริษัทต่างชาติ หรือกำลังจะเข้ามาทำธุรกิจในไทย หาได้น้อยมากครับที่บริษัทไทยจะยอมใช้เฮดฮันท์เนื่องจากคนไทยนิยมจะใช้เส้นสายหรือไม่ก็ถามคนอื่นเอาว่ามีใครพอทำงานแบบนี้ได้บ้าง บริษัทไทยที่เคยใช้เฮดฮันก็กรณีที่จะหาตำแหน่งแบบไม่ค่อยจะมีคนไทยทำกันเช่น refinery manager, quarry manager ซึ่งอาจจะต้องหาชาวต่างชาติมาแทน .... ถ้าข้อมูลผิดพลาดยังไงต้องขอโทษด้วยนะครับ อันนี้ผมเอามาจากประสบกาณณ์ทำงานของผมซึ่งเพียงแค่สามเดือน รายละเอียดการทำงานของเฮดฮันเตอร์และฝั่งรีเสิจอาจจะไม่ลึกซึ้งพอเพราะผมไม่ได้เข้าไปยุ่งกับการทำงานของทั้งสองฝั่งนี้ ผมแค่อยู่ใน loop เท่านั้นเองครับ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:39:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กรี๊ดดดดดดดดดดดดด เพิ่งเห็นว่าพิมพ์หัวข้อตกไปตัวนึง กลายเป็น hea-hunter คนล่าแย้ไปซะงั้น T_T จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 04:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ว่าจะทักเรื่องหัวกระทู้พิมพ์ผิดซะหน่อย จขกท.รู้ตัวซะแล้ว ^_^ Headhunterนั้นจำเป็นต่อองค์กรข้ามชาติจริงๆแหละครับ ระดับสูงๆนั้นจะหาผ่านHeadhunterอย่างเดียวเลยครับ ไม่ได้ใช้Recruitหาเองน่ะครับ จากคุณ : sleeper_j - [ 15 ม.ค. 52 05:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นบทความที่ดี และมีประโยชน์ ครับ จากคุณ : Rhythm Investor - [ 15 ม.ค. 52 12:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นการตั้งหัวข้อกระทู้ทืีี่น่าสนใจดีคับ ^^ จากคุณ : treser[*_-] - [ 15 ม.ค. 52 13:33:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอแชร์จากประสบการณ์ของคนเคยทำงานสายนี้มาเกือบ 5 ปี แต่ปัจจุบันไปทำงาน HR บริษัทไอทีแล้วค่ะ บางอย่างที่คุณเขียนก็ไม่ได้ขนาดนั้นนะคะ ขอแย้ง นิดนึง... ถ้าเป็นในสายไอทีที่ดิฉันทำก็ไม่ถึงค่าfee 32% - 35% ตามที่คุณเขียนด้วยค่ะ คิดแค่นี้ลูกค้าก็อึ้งแทบแย่แล้วค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรีคูทด้านไหนหรอค่ะ ทำได้คิดค่าfee ได้สูงจัง แต่โดยรวมบางเรื่องก็คล้ายกันนะค่ะ จากคุณ : น้ำหวาน (IT Talk) - [ 15 ม.ค. 52 15:17:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ทุกด้านครับ ค่าบริการจริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับลูกค้าด้วยว่าจะใช้แบบไหน ถ้าจะเอาเฮดฮันท์แบบจริงๆ(ไม่ใช่ executive recruit) 32% - 35% เท่านั้น ไม่มีต่อรอง!! เอาเป็นว่าบริษัทผมชาร์ทค่าบริการสูงระดับต้นๆของในไทย และในไทยมีบริษัทที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น headhunter จริงๆประมาณ 4 บริษัท K H W G ซึ่งจะรู้ในกลุ่มของพวกนักธุนกิจฝรั่งซะมากกว่า **เพิ่มเติมว่า เห็นค่าบริการสูงแบบนี้ ค่าใช้จ่ายก็สูงด้วยนะครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 17:51:11 จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 15 ม.ค. 52 16:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้าว.................................????? ตายละว่า ตูคิดว่าถามเรื่อง..... คนเผ่าที่ล่าหัวมนุษย์เพื่อเอามาทำเครื่องรางของขลัง เห็นว่าอยู่แถวๆปาปัวนิวกีนีรึไงนี่แหละ แต่ไหงในวันนี้มีเรื่องเปอร์ซง เปอร์เซ็นต์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหล่ะหน่ะ ? งง.............................................. ฮา............................................ จากคุณ : ครูต้อ - [ 15 ม.ค. 52 20:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับที่ให้ความรู้ดีๆ ในอนาคต ผมก็อยากมี HeadHunter มาล่าผมมั้งจัง ได้ยินว่า บางทีต้องไปบินสัมภาษณ์กับ ซินแส ที่ ฮ่องกง กินรังนก หรือกินหูหลามที่ สิงคโปร์ ด้วย จากคุณ : moddyy - [ 16 ม.ค. 52 01:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อยากถามเรื่องรายได้ ว่าดีใหม ตกต่อเดือนเท่าไรคะ คนที่จะทำงานนี้ได้ ต้องเป็นคนคุยเก่ง และมีจิตวิทยาในการพูดใช่ไหม คงไม่ใช่งานง่ายๆ เลยสินะ จากคุณ : นิดา - [ 18 ม.ค. 52 17:18:29 A:192.168.0.17 X:94.79.177.68 TicketID:178950 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คนที่เป็น headhunters บษัทผมรายได้น่าจะอยู่ที่เดือนละเฉียดๆ 100K และเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ต้องมีพื้นฐาน sales ที่ค่อนข้างแน่นครับ และต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับอาชีพต่างๆค่อนข้างดีถึงดีมากๆ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม - [ 18 ม.ค. 52 22:45:30 ]