ความคิดเห็นที่ 1 ก็คิดครับ แต่ทำไงได้นิ ก็เรายังไม่เก่ง ฉลาด สายป่านไม่ยาวพอ ที่จะทำเองนิ ก็เลยต้องนั่งทำตามคำสั่งคนอื่นไปก่อน แต่มันก็ดีอย่างนึงตรงที่ได้เรียนรู้วิธีคิด สะสมประสบการณ์ เก็บความรู้ แถมเวลาทำผิดพลาดอะไร ก็ยังคอยมีคนความคุมดูแล ส่วนที่บอกรายได้ไม่มากเท่าเจ้าของ ส่วนหนึ่งก็เพราะเรามาแต่ตัว ไม่ได้ร่วมลงทุน แถมไม่ได้ต้องรับความเสี่ยงอะไรมาก เท่าเจ้าของบริษัทเค้านะ จากคุณ : Thirdwave - [ 15 ม.ค. 52 10:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลักษณะสำคัญของคนที่ประสบความสำเร็จคือ positive thinking ครับ ..ทำไมเราต้องทำงานเพื่อคนอื่นได้เงินเยอะกว่า ... ลองคิดใหม่ คุณมีความรู้ความสามารถในวิชาชีพ แต่ไม่ถนัดบริหารคนบริหารเงิน ไม่ถนัดในการวางแผน คุณก็ outsource งานที่ไม่ถนัดไปให้นายจ้างทำ เพื่อที่คุณจะได้มีความสุขกับงานของคุณ เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าพร้อม คุณค่อยดึงส่วนที่ outsource ไปกลับมา ถึงตอนนั้นมีหลายอย่างที่ต้องทำต้องคิด คุณจะไม่สะดวกลงไปทำทุกอย่างในรายละเอียด คุณก็ outsource งานรูทีนออกไป (จ้างพนักงานมาทำแทน) จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 15 ม.ค. 52 11:04:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทำของตัวเองไม่ยาก แต่องค์ประกอบเยอะครับ คนทำได้ชอบพูดว่า รู้อย่างนี้ มาตั้งนานแล้ว คนยังทำไม่ได้ ซักวันก็ต้องทำได้ ถ้าทุกอย่างครบ จากคุณ : PICCANINNY'S DAD - [ 15 ม.ค. 52 11:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่าคิดอยู่ครับ แต่... (อย่าหาว่าผมว่าเลยนะ) ถ้าคุณเก่งเท่าเจ้าของบริษัทแล้ว ถ้าคุณคิดว่าคุณเจ๋งจริงและสมควรได้เงินเยอะเท่าเค้า ไม่ได้มีใครห้ามคุณไปเปิดแข่งกับเขานี่ ใช่ไหมครับ? ในโลกนี้ คนที่มีความสามารถมากกว่า และขยันในการสร้างโอกาสให้ตัวเองมากกว่า มีสิทธิที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าครับ หลายๆคนชอบมองว่าเราทำให้คนอื่นรวย เห็นบ่นอยู่ตลอด ก็ไม่เห็นออกไปทำเองซะทีนี่ครับ? ทำไมไม่ไปทำล่ะครับ ... อย่าบอกนะครับว่าสายป่านไม่ยาว ไม่มีทุน คนที่เริ่มโดยมาก (ผมเชื่อว่ามากกว่า 90%) ก็ไม่มีทุนทั้งนั้นแหละครับ เว้นแต่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เค้ายอมเสียเกียรตืไปกราบเท้าพนักงานธนาคารให้ปล่อยกู้ให้ ไปกราบคนโน้นคนนี้ให้ยืมเงิน ปล่อยเงินเซ็นต์ แต่งตัวโทรมๆ ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆใส่ ทำงานหนักแบบไม่มีเวลา วันเสาร์อาทิตย์ไม่ได้หยุด ถ้าคุณมีความสามารถก็น่าจะทำได้ครับ อย่าบอกนะครับว่ามันเสี่ยง เพราะตอนเริ่มเค้าก็เสี่ยงมาเหมือนกันนะครับ เค้าเหนื่อยตรากตรำ เราชอบมองว่าเค้าสบาย แต่เชื่อผมเถอะครับ ก่อนเค้ามาถึงจุดนี้ เค้าลำบากกว่าที่คุณคิดมามากมายครับ อย่าบอกนะครับว่าเพราะเราจบเกียรตินิยมมา เราเลยต้องได้เงินเท่าเจ้าของกิจการ เจ้าของกิจการบางคนนี่จบเกียรตินิยมมาไม่รู้กี่ใบ และเพราะความรู้ในหนังสือเรียน ไม่เหมือนโลกแห่งความจริงหรอกครับ บางคนเรียนก็เก่ง ทำกิจกรรมก็ดี แต่พอเจอของจริง ไปไม่รอดซักราย ถ้าอยากได้เงินเยอะเหมือนพวกเค้า ก็ต้องเสี่ยง ก็ต้องเหนื่อยนะครับ อีกรอบ.. อย่าหาว่าผมว่านะ ผมแค่พูดตรงๆ กระทุ้งความคิดออกมาแค่นั้นเองครับ จากคุณ : 1WingedAngel - [ 15 ม.ค. 52 11:10:38 A:125.26.157.94 X: TicketID:123411 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่มีใครห้าม ถ้าคุณจะไปทำแบบนั้นบ้าง ทำเลยครับ ถ้าคิดว่าเราโดนเอาเปรียบ แต่ช้าก่อน.... มันมีกี่คนล่ะที่สำเร็จ เก่ง และ เฮง บุญวาสนา ถึงไม่ใช่ 100% แต่มันก็มีส่วน จากคุณ : เดิมพัน - [ 15 ม.ค. 52 11:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รู้ไหมว่าเจ้านายของเจ้าของกิจการคือใคร ก็มีดังนี้ครับ 1. ลูกค้า 2. กลุ่มผู้ถือหุ้นส่วน แค่ลูกค้านี้ก็สุดๆแล้ว ถามว่าเจ้าของกิจการทำไมต้องทำเอาใจลูกล่อสารพัดเพื่อให้ได้มาซึ่ง order ลูกค้าอยากได้แบบไหน จัดให้เท่าที่จะทำได้ ดังนั้นก็ไม่ต่างกันหน่ะ ก็คิดว่า เจ้านายก็คือลูกค้า ของการขายแรงกายแรงใจ ความรู้ จากเราหน่ะ จากคุณ : ky2net - [ 15 ม.ค. 52 11:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนะครับ ลูกจ้างต้องทำงานหนักให้เจ้าของบริษัท มันเป็นธรรมชาติ ระบบเป็นแบบนั้น โครงสร้างบริษัท ทำให้เราต้องทำงานเป็นเวลา คนเราต้องทำธุรกิจถึงจะรวยครับ ต้องมีเงินทุน แต่ถ้าทำงานราชการ จะไม่คิดแบบนี้นะครับ แต่จะอิจฉาผู้บังคับบัญชาที่ได้เงินเดือนมากกว่า จากคุณ : ไม่คิดมาก - [ 15 ม.ค. 52 11:13:18 A:58.9.76.65 X: TicketID:200717 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วถ้าบริษัทเจ๊ง ขาดทุน ใครจะหมดตัว? เจ้าของ หรือพนักงาน ? เงินส่วนต่าง ก็คือค่าความเสี่ยง และผลตอบแทนจากเงินต้นที่ลงทุนไป ถ้าคิดว่าการเป็นเจ้าของกิจการมันง่ายๆสบายๆ ก็ต้องลองไปเป็นดูครับ ไม่มีใครห้ามหรอก จากคุณ : maxijojo123 - [ 15 ม.ค. 52 11:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รวยไม่รวยไม่สำคัญหรอกครับ สำคัญที่ว่าคุณมีความสุขกับชีวิตตอนนี้หรือป่าว ผมเห็นเจ้าของบริษัทผมทำงาน 7 วันต้องตรวจหนังสือ เซนต์โน่นนี้ไปประชุมสาระพัด แกเริ่มจากจบเกียรตินิยมแล้วไปเป็นอาจารย์ อายุ50มาเปิดบริษัท แต่ปัจจุบันลูกแกคนชายบวชยังไม่สึกเลย 3ปีแล้ว ลูกสาวก็ไปเรียนต่างประเทศเอาแม่ไปอยู่ด้วย เหลือแกอยู่บ้านกะคนใช้ วันๆใช้ชีวิตอยู่แต่อ็อฟฟิต คนทำไม่ได้ใช้ คนที่ใช้กลับไม่ใช่คนที่ทำงาน หมายถึงเงินนะคับ ถ้าคุณคิดว่าเป็นแบบนี้แล้วมีความสุข ก็ทำเถอะครับเป็นผมคงไม่เอาด้วยอ่ะ จากคุณ : nanoon45 - [ 15 ม.ค. 52 11:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คือตอนอยู่ที่ทำงานเก่า เห็นนายทำงานหัวโตเลย แต่เค้าไม่ใช่เจ้าของบริษัท (เค้ามีของเค้าเองแหละ แต่มาทำที่นี่ด้วย) เห็นเค้าเหนื่อยมากๆ เลย ยอมไม่เอาเงินเดือนเพื่อบริษัทจะได้มีจ่ายลูกน้องคนอื่นๆ ประกอบกับพี่ชายเคยพูดคำนี้ (ตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการ) ช่วงนี้ว่างๆ ความคิดมันก็แวบขึ้นมา ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ได้มุมมองที่ต่างไปเยอะแยะ จากคุณ : Lighting Plankton - [ 15 ม.ค. 52 11:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เคยคิดไหม บ.สร้างมากับมือ เป็น สิบๆปี เจอวิกฤติ ต้องปิด บ. หมดตัว แถมยังต้องจ่ายเงิน ชดเชยให้พนักงานอีก ทุกอย่างมันมีหลายมุม และ มันสมดุลและยุติธรรม เสมอ ใครที่คิด หรือ มอง เพียงด้านเดียว อาจจะเข้าใจว่ามันไม่ ยุติธรรม หรือ ไม่สมดุล จากคุณ : Rhythm Investor - [ 15 ม.ค. 52 12:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ระดับความพอ ในแต่ละคนไม่เท่ากัน ที่สำคัญ เราภูมิใจกับงานที่เราทำมากแค่ไหน ถ้าเราภูมิใจกับมันและตั้งใจทำอย่างเต็มที่ นั่นแนหละ เราก็รวยแล้ว จากคุณ : Jaekan - [ 15 ม.ค. 52 12:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้ามั่นใจว่าเก่งจริง รู้ระบบ จัดการได้ ก็ออกลุยเปิดกิจการตัวเองเลยครับ จะได้รู้ว่าเราเป็นของจริง หรือว่ายังแค่ เก่งอยู่ในจินตนาการครับ ไม่อยากรับคำสั่งคนอื่น เพราะเรียนมาสูง เพราะมั่นใจในตัวเอง ก็แสดงศักยภาพออกมาให้เห็นเลยว่า ที่ว่ามาน่ะ ของจริงหรือของเก๊ ถ้าคิดว่าเก่งจริง แต่ยังไม่อยากออก ก็ขอเพิ่มเงินเดือนสิครับ ถ้าคุณสำคัญจริง เค้าให้เพิ่มอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องมาคิดว่าประหยัดใส้กิ่วแล้วมาบ่นแบบนี้ คุณอยากมาหาประสบการณ์การทำกิจการจากเค้า แต่มาฉุนเวลาเค้าสั่งงาน อย่างนี้ไม่ไหวนะ จากคุณ : Morning Star - [ 15 ม.ค. 52 12:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ ไม่ได้มั่นใจว่าเก่งจริงค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาให้ข้อคิดดีๆ แต่เราไม่ได้บอกว่าเราเก่งจริง มันเป็นความคิดที่ต่อเนื่องมาจากสิ่งที่เห็นในชีวิตประจำวัน และยอมรับว่า ถ้าการสั่งงานนั้นมันไม่สมเหตุสมผล(คนเรามีสมองคิดได้อยู่แล้วว่าอะไรควรหรือไม่ควร) ก็ฉุนค่ะ แต่ทำมั้ย ก็ทำ ===================================== เอ่อ......ในส่วนของคำถาม มาจากความสงสัย ไม่ได้อวดอ้างความเก่งกาจ เพราะรู้ว่ายังไม่เก่งพอ แต่คิดเรื่องนี้ตอนที่เห็นนายเค้าเหนื่อย เราเองเป็นผู้สังเกตการณ์ (โดยบังเอิญ) ก็อดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ ย้ำ ดิชั้นยังไม่เก่งจริง ไม่คิดว่าพร้อมจะมีกิจการ แต่ถ้าคำถามแค่นี้เป็นเรื่องที่แย่ ต่อไปคงไม่ต้องคิดอะไรให้ถีบตัวเองก้าวหน้าแล้วมั้งเนี่ย จากคุณ : Lighting Plankton - [ 15 ม.ค. 52 12:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทำไมไม่ออกมาทำเองหล่ะครับ...ดีกว่ามาบ่น ผมเป็นคนนึงที่ เป็นเจ้าของกิจการโดยไม่เคยเป็นลูกจ้างมาก่อน... เจ้านายของผม คือประชาชน และลูกค้าครับ... ไอ้เรื่อง ที่ว่าต้องมีสายป่านยาว หรือว่า ไม่มีประสบการณ์ มันแค่ข้ออ้างครับ คนเรากลัวจนต้องหาข้ออ้างเหล่านี้มาแก้ตัวกับตัวเอง... ถ้ารอความพร้อม ชาตินี้จะพร้อมเมื่อไหร่ครับ... เจ้าของกิจการก็มีความรู้ที่เรียนมาเท่าคุณ หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ... แต่ข้อแตกต่างคือ ผู้ประกอบการมีพลังที่จะเปลี่ยนความคิดเป็นการกระทำเท่านั้นเอง... เรื่องที่ให้คิดบวกว่า outsource งานบริหารไปให้เจ้าของทำ ถือว่าเป็นตรรกะที่ไม่ถูกต้องครับ... เจ้าของกิจการควบคุม outsource ซึ่งคือลูกจ้าง ได้ แต่ลูกจ้าง ไปควบคุม เจ้าของกิจการได้มั๊ยหล่ะครับ... จากคุณ : plotinus - [ 15 ม.ค. 52 12:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความแตกต่างมันไม่ได้อยู่ที่หน้าที่ แต่มันอยู่ที่ความรับผิดชอบครับ ตราบใดที่คุณยังไม่มีกิจการของตัวเอง คุณไม่มีทางเข้าใจช่วงเวลาสิ้นเดือน ที่ต้องหาเงินมาจ่ายให้พนักงานทุกคน ให้ครบ ให้ทันเวลา รวมทั้งการจัดการรายได้-รายจ่าย ประคองธุรกิจให้รอดปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ มันเป็นอะไรที่ มนุษย์เงินเดือน ที่ต้องการความมั่นคงของรายได้ทุก ๆ สิ้นเดือน ยากจะเข้าใจ คำถามนี้มันไม่ได้แย่หรอกครับ แต่ตราบใดที่คุณยังรับเงินเดือนเค้าอยู่ ของแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องทน บ่นได้ แต่อย่าแปลกใจเลยครับ มันเป็นเรื่องปกติ ลูกจ้าง ก็ต้องอยากได้งานสบาย เงินเดือนเยอะ ๆ นายจ้าง ก็ต้องอยากได้ลูกจ้างขยัน รับเงินเดือนน้อยที่สุด (เท่าที่จะรับได้) แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 52 13:07:59 จากคุณ : Morning Star - [ 15 ม.ค. 52 13:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สั้นๆ นะครับ คิดแบบนี้แสดงว่ายังเป็นได้แค่ลูกจ้างอยู่ ยังไม่ใช่ลูกจ้างมืออาชีพด้วยซ้ำ เจ้าของเขาก็ทำไรมามากมายกว่าจะมายื่นอยู่ในจุดนี้ ทำไมคุณไม่มองกลับกันว่า ถ้าเจ้ง หรือขาดทุนใครเสียเงินมากกว่า อย่ามองอะไรด้านเดียวครับ มองไรกว้างๆ ไม่ใช่ flat แล้วจะสบายใจมากขึ้น จากคุณ : Blancpain - [ 15 ม.ค. 52 13:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คนรู้จัก มีเงินเริ่มส่วนหนึ่ง เริ่มทำ----ไปไม่รอด----เลิก เป็นหนี้----กลับไปเป็นลูกจ้างหาเงิน เก็บเงิน เริ่มใหม่ เริ่มทำ----ไปไม่รอด----เลิก เป็นหนี้----กลับไปเป็นลูกจ้างหาเงิน เก็บเงิน เริ่มใหม่ เริ่มทำ----ไปได้---เศรษฐกิจแย่----เลิก เป็นหนี้----กลับไปเป็นลูกจ้างหาเงิน เก็บเงิน เริ่มใหม่ เริ่มทำ----ไปได้---พัฒนา----เติบโต-----รวย ดูครับเหนื่อยแค่ไหน บางคนทำงานวันละ 18-20 ชั่วโมง ทั้งเจ็ดวัน มีน้อยคนมากครับที่ทำกิจการส่วนตัวแล้วไปรอดและ มีน้อยคนมากครับที่สบายมาตั้งแต่เกิด ถ้าคุณเป็นคนอดทนและขยัน ลงมือทำครับ จากคุณ : ลองทำดู (completer) - [ 15 ม.ค. 52 13:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เค้าไม่ได้มีข้อห้าม เปิดเกิจการเองหนิครับ (^.^) เคยได้อ่านเรื่องราวของนักเขียนคนหนึ่งต่างชาติ ที่เขียนหนังสือ เกี่ยวกับ หนู ตามหาชีสอะไรสักอย่าง จำไม่ได้ แต่ขายดีมากทั่วโลก รวยไปเลย วันนึงมาเจอเพื่อน  เพื่อนทักว่าหนังสือแกขายดีได้ไงวะ ไม่เห็นมีอะไรเลย ใครๆก็เขียนแบบแกได้ นักเขียนก็ตอบกลับไปว่า ก็คิดอย่างนั้น แต่บังเอิญเราเขียน!!!!!!!!!! DNA มันต่างกันครับ คนช่างคิด กับคนช่างทำ (^.^) จากคุณ : BMWTurboman - [ 15 ม.ค. 52 14:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คิดเหมือนเจ้าของกระทู้เลยครับ แถมแรงกว่าด้วย ผม:-)ตลอด 4 ปีนี่ตั้งใจเรียนมาตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ขยันนำความรู้เพิ่มเติม พอจบมาได้ เกียรตินิยม แทนที่จะได้ความสบายกว่าคนอื่น ป่าวเลย ต้องมานั่งทำอะไรก็ไม่รู้ งานก็ไม่ได้ใช้สมอง พอทำเสร็จก็โดนมา comment เลือดสาด ไม่มีใครเหลียวแล ผิดกับบางคนเรียนๆเล่นๆสุดท้ายได้มาทำงานสบาย มีอำนาจสั่งการลูกน้อง ผิดหวังกับตัวเองมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ทำไงได้นี่คงเป็นช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิต เจ้า จากคุณ : buubee - [ 15 ม.ค. 52 15:17:15 A:58.137.211.99 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 จบเกียรตินิยม ต้องได้ความสบายกว่าคนอื่น มีบัญญัติไว้ในสารบบการจ้างงานด้วยเหรอ งง...มากสำหรับผมที่จบแบบเกือบโดนรีไทร์..แต่กลับต้องมาทำงานสบาย ๆ สั่งอย่างเดียว 55+ จากคุณ : แมวเซาผู้น่าสงสาร - [ 15 ม.ค. 52 15:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 บางครั้งเหนื่อย ๆ อาจจะคิดนั่นคิดนี่ไปได้เข้าใจคะ ไม่ต้องคิดว่าเราทำเพื่อใคร คิดว่าทำสิ่งที่ควรทำ และทำเพื่อตัวเอง นิสัยดี ๆ ที่ขยันตั้งใจทำงานตรงต่อเวลาจะติดตัวเราไป ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน อยู่ในจุดไหน จากคุณ : jeabjaew - [ 15 ม.ค. 52 18:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าจขกท.ไม่ใช่เด็กจบใหม่และทำงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ผมกลับคิดว่า จขกท.กำลังตกผลึกทางความคิดและมาถึงจุดหักเหในชีวิตแล้ว จึงเริ่มมีคำถามว่าถ้าฉันทำได้ขนาดนี้แล้วจะยังเป็นลูกจ้างทำไม ? ไม่ว่าจะเป็นเพราะจขกท.ยังอ่อนหัดเกินไปจนคิดอะไรตื้นๆ หรือ เป็นเพราะจขกท.เกิดความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าตัวเองก็สามารถทำได้ มันจะยังเป็นคำถามต่อไปถ้าจขกท.ไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์ว่ามันจริงหรือคิดไปเอง ถ้าจขกท.มีแรงบันดาลใจและกล้าพอที่ออกไปพิสูจน์ด้วยการเป็นเจ้าของกิจการเองก็คงได้รู้กันว่าคิดถูกหรือผิด ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจกับการตัดสินใจ ต้องไม่ลืมว่าคนที่ประสบความสำเร็จในการมีกิจการของตัวเองก็ต้องมีความคิดอย่างนี้มาก่อน ไม่งั้นก็คงเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิตกันทุกคน จากคุณ : Kingdom of Heaven - [ 15 ม.ค. 52 19:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมทำงานประจำเพื่อหาทุน (พ่อแม่ไม่มีกองให้ก็ต้องหาเอง) แต่ที่ได้มาด้วยก็คือประสบการณ์ หากว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็ลุยของตัวเอง หากว่าพร้อมก็น่าจะลุยนะครับ ไม่พร้อมก็สั่งสมมันต่อไป :) จากคุณ : Leon-[Z] - [ 15 ม.ค. 52 20:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โหวตค่ะ จากคุณ : deepriver - [ 15 ม.ค. 52 22:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การที่จะขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 หรือเจ้าของกิจการที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง บุคคลเหล่านี้ก็เคยผ่านงานแบบที่พนักงานทั่วไปทำมาก่อน แต่เขาจะมีความ ขยันและอดทน ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง มากกว่าบุคคลทั่วไปหลายสิบเท่า ซึ่งบุคคลพวกนี้ เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ ไม่ได้คิดเรื่องหยุมหยิม แต่จะคิดการก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร และเขาจะไม่ลืมที่จะไขว่คว้าหรือการได้รับมอบหมายงานพิเศษ ยาก และหนักกว่าเดิม ซึ่งถูกไว้วางใจให้ทำงานชิ้นนั้นๆ ดังนั้นบุคคลเหล่านี้ เมื่อมีโอกาสที่เหมาะสมเขาสามารถก่อสร้างร่างตัว เพื่อประกอบธุรกิจส่วนตัวได้ อย่างไม่ยากเย็น โดยใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาซึ่งทรงคงคุณค่ามาก หากยังคงทำงานเป็นพนักงานหรือลูกจ้างอยู่ เราต้องพยายามมากกว่านี้10เท่า "ทำสุดความสามารถ รอสวรรค์ทรงโปรด คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์" จากคุณ : นายพันเก้า - [ 16 ม.ค. 52 06:05:44 A:118.172.174.24 X: TicketID:039351 ]

ความคิดเห็นที่ 28 "ความรู้ความสามารถที่มี เอาไว้รับคำสั่งจากคนอื่นหรือไง ?? เรียนกันมา บากบั่นสู้เอาเกรด เอาเกียรตินิยม อบรมนู่นนี่ เพื่อให้คนสองสามคนพิจารณา สั่งงาน แล้วกดเงินเดือนงั้นหรือ ?" คิดอย่างนี้ก็ต้องออกมาตั้งกิจการของตัวเองเลยครับ เป็นนายคนสบายไปเลย สู้ๆ จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน - [ 16 ม.ค. 52 10:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นเจ้าของกิจการยากกว่า เป็นลูกน้องหลายเท่านะครับ มาลองซะ แล้วความคิดจะเปลี่ยนไป จากคุณ : prystal - [ 16 ม.ค. 52 14:12:03 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราคิดว่าเค้ามีบุญคุณที่ให้งานเราทำมากกว่า จากคุณ : ทังโคริริน - [ 16 ม.ค. 52 15:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าอยากจะทำธุรกิจก็โอเค ถ้าอยากเป็นนายตัวเองก็โอค แต่ถ้าคิดอยากทำธุรกิจเพียงเพราะว่า รู้สึกว่า เจ้าของบริษัทได้เงินเยอะกว่า เราทำงานมาก แต่เจ้าของรวยเอาๆ แบบนี้ไม่ถูก เพราะ 1.วันหนึ่งเมื่อคุณเป็นเจ้าของบริษัท เป็นนายของลูกน้อง คุณจะหาคำตอบ มาตอบคำถามแบบเดียวกันนี้ให้เค้าไม่ได้ สุดท้าย คุณจะมีแต่ลูกน้องแย่ๆ ที่ไปไหนไม่รอด ส่วนลูกน้องดีๆ ออกไปเปิดบริษัทเองกันหมด 2.เจ้าของกิจการ ก็ต้องมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เขาสมควรที่จะได้รับผล ตอบแทนอันนั้น เช่น จากเงินลงทุน จากการทำงานหนักมาหลายปีในช่วง ที่กิจการยังแย่ จากสมอง ประสบการณ์และการเรียนรู้ การมองแค่ว่าเราทำงานหนักกว่า เฉพาะตอนนี้ ไม่ใช่มุมมองที่รอบด้านครับ 3. ถ้าทุกคนเอาแรงงาน กับผลตอบแทนมาวัด สังคมเราคงแย่ และไม่เดิน หน้าไปไหนได้ ข้าราชการจะเลิกทำงานของตน เพราะทำงานเท่ากัน แต่ทำไมเงินเดือนน้อยกว่ารัฐวิสาหกิจ ทั้งๆ ที่เจ้าของก็คือรัฐเหมือนกัน แต่รัฐวิสาหกิจเพียงแต่เป็นกิจการที่สร้างรายได้ งานที่มีคุณค่าในแง่อื่นก็จะไม่มีคนทำ ผมเองเป็นคนขี้เบื่อ ทำงานรูทีน หรืองานที่ซ้ำซากไม่ค่อยได้ แต่ก็ต้อง ขอบคุณที่มีบางคนรับงานนั้นไปทำ ไม่งั้น เวลาเราไปติดต่อราชการ ก็คงต้องทำอะไรเองหมด เพราะไม่มีใครทำงานรูทีน ไม่มีคนงานทำงาน แรงงาน อีกสารพัดอย่าง อยากทำอะไรก็ทำครับ แต่อย่าเอาเงินหรือรายได้เป็นที่ตั้ง หรือหลักใหญ่ คนที่ออกมาทำธุรกิจเพราะคิดว่าได้เงินเยอะ แล้วสร้างหนี้เพิ่มก็มีตั้งมากมาย แล้วครับ จากคุณ : Jimmy Walker - [ 16 ม.ค. 52 18:36:34 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าคิดว่าตัวเองแน่ เจ๋ง ก็ต้องหางานใหม่ให้ดีกว่าเก่า เงินเยอะกว่าเก่า หรือออกมาทำเอง จะได้รู้ว่าที่เราคิดนั่น มันใช่หรือไม่ จะได้ไม่หลงตัวเอง จากคุณ : 11 - [ 19 ม.ค. 52 23:20:39 A:192.168.0.17 X:124.120.229.249 TicketID:144472 ]