ความคิดเห็นที่ 1
ซักพักทำข้อสอบเสร็จก็เดินไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ เพื่อส่งข้อสอบ และพนักงานก็ออกมารับข้อสอบ และขอเอกสารสมัครงาน สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน บลาๆๆ ผมเลยถามกลับว่าไม่เอาใบ กว. เหรอครับ พนักงานบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ (ผมก็งงเลยงานนี้ เพราะวิศวกรเรามีดีที่ตรงนี้แหละครับ) ยังไม่ทันหายงง เค้าก็เรียกเข้าไปสัมภาษณ์แล้ว
เดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ เห็นผู้ชายท่าทางภูมิฐานมาก ประมาณผู้บริหารระดับสูงเลยทีเดียว แล้วการสัมภาษณ์ก็เริ่มขึ้น ชายผู้สัมภาษณ์ก็เริ่มถามผมว่า ถ้างานที่จะให้ทำไม่ตรงกับที่คุณคิด คุณยังอยากจะทำอยู่ไหม ผมก็เลยถามกลับว่าแล้วเป็นงานลักษณะไหน ชายผู้สัมภาษณ์ไม่ตอบผมตรงๆแล้วเริ่มเปลี่ยนประเด็นกลับมาถามว่าผมต้องการอะไรจากกงาน ผมตอบไปว่า รายได้ ความมั่นคง บลาๆๆ ชายผู้สัมภาษณ์เลยถามว่าคุณยินดีจะทำงานอะไรก็ได้ที่จะทำให้คุณได้รับตามที่คุณต้องการใช่หรือไม่ ผมตอบไปว่าใช่
เขาจึงบอกว่า มี 1 คำถามนะ ถ้าคุณตอบถูก โอกาสจะได้งานมีสูง แต่ถ้าตอบผิด คุณจะไม่ได้งาน คำถามเขาถามว่า ถ้าบริษัทหนึ่งมี Budget เงินเดือน 5 แสน และมีพนักงาน 10 คน โดยแบ่งเป็นพนักงานที่ขยันมากๆและมีผลงานดี 2 คน , พนักงานที่ทำงานตามมาตรฐาน 3 คน และพนักงานที่ไม่สนใจทำงาน 5 คน โดยมี modelการจ่ายเงินเดือนอยู่ 3 model ถามว่าคุณจะเลือก model ไหน
Model ที่ 1 เงินเดือนล้วน ทุกคนได้เงินเดือนตายตัวที่คนละ 5 หมื่น
Modelที่ 2 เงินเดือน+ ค่าคอม ทุกคนได้เงินเดือน 2 หมื่น พนักงานกลุ่มแรกได้ค่าคอม 105,000 , กลุ่ม 2 ได้ ค่าคอม 30,000 ส่วนกลุ่ม 3 ไม่ได้ค่าคอม
Model ที่ 3 ค่าคอมล้วน กลุ่มแรกได้ค่าคอม 175,000 , กลุ่ม 2 ได้ ค่าคอม 50,000 ส่วนกลุ่ม 3 ไม่ได้อะไรเลย
ผมตอบอย่างไม่ลังเลว่า model ที่ 2 ครับ ชายผู้สัมภาษณ์บอกว่าผมเลือกผิด คำตอบที่ถูกคือ model 3 และถามเหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือก model 2 ผมเลยตอบว่าแบบที่ 3 ถึงจะได้มากกว่าแต่ไม่มั่นคง เนื่องจากไม่มีรายได้ประจำ และเสี่ยงต่อการไม่ได้อะไรเลย ชายผู้สัมภาษณ์เลยบอกว่า ผมเป็นคนฉลาดแต่ที่ยังขาดอยู่คือการสื่อสาร ถ้าผมมีการสื่อสารที่ดีก็จะสามารถทำคอมมิชชั่นได้อย่างแน่นอน (ที่จริงผมรู้แล้วว่าโดนหลอก เป็นการขายประกันตั้งแต่เริ่มสัมภาษณ์แรกๆแล้ว แต่ผมอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ จะใช้เทคนิคอะไรในการชักจูง)
โดยผมยืนยันว่าเลือก model ที่ 2 และโต้เถียงในจุดยืนของผมอยู่นานพอสมควร จนเค้าถามผมว่า ที่ผมเถียงเค้าเป็นเพราะเห็นว่าสถานที่สัมภาษณ์เป็นบริษัทประกันใช่หรือไม่ ผมตอบไปว่าไม่ แต่นอกจากรายได้ที่มากแล้วต้องมีความมั่นคงด้วย (บรรยากาศและอารมณ์ตอนนั้นไม่คิดว่าเป็นการสัมภาษณ์งานแล้วครับ ยังกับการอภิปรายในสภาเลย ) จนในที่เค้าก็บอกว่าผมไม่ได้งาน (เค้าคงหมดความพยายามกับผมแล้วมั้งครับ 55)
ผมเลยตอบไปว่า ผมไม่รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้งาน แต่ผมอยากรู้ว่าตำแหน่งที่เรียกมาสัมภาษณ์ให้ทำอะไรกันแน่ ???
เค้าไม่ตอบแล้วถามผมกลับว่าผมอคติกับอาชีพประกันขนาดนั้นเลยเหรอ ทั้งๆที่เป็นธุรกิจที่ท้าทายอย่างหนึ่ง ผมตอบกลับไปว่าไม่ใช่แนวที่ผมถนัด เค้าบอกว่าผมตอบไม่ตรงประเด็นขอคำตอบที่ชัดเจนด้วย ผมเลยบอกเค้าว่า ขอตอบสั้นๆว่าไม่ชอบครับ เค้าเลยหยุดถาม
เค้าถามผมต่อว่าจะเอาเอกสารกลับไปมั้ย ผมบอกไปว่าไม่เป็นไร แต่เค้ากลับบอกอย่างไร้มารยาทว่า "คุณเอากลับไปเถอะ ผมเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ เป็นขยะเปล่าๆ "
ผมรับเอกสารกลับมา แล้วถามว่าก่อนจะไป อยากถามว่าข้อสอบ 2 ข้อที่ผมทำไปนั้นถูกหรือเปล่า เค้าบอกว่าถูกทั้ง 2 ข้อ
เพื่อเป็นการบัวไม่ให้ช้ำไม่ให้ขุ่น ผมถามชื่อเค้า แล้วบอกว่าอยากทราบไว้เป็นประสบการณ์ เพราะเป็นคนที่มีทักษะทางจิตวิทยาที่ดี ซึ่งทำให้ผมได้อะไรหลายๆอย่างในวันนี้ เค้าบอกว่า ผมไม่ได้ให้อะไรคุณ ผมเป็นนักธุรกิจ
เมื่อเขาไม่ให้เกียรติเราอย่างนี้ ผมก็เลยตอบกลับไปว่า นักธุรกิจที่ดี ที่ประสบความสำเร็จ ย่อมต้องอยู่บนพื้นฐานของความมี สัจจะ มนุษยธรรม และจริยธรรมทางธุรกิจ ไม่ใช่เหรอครับ เค้าก็อึ้งไป
ผมเลยยกมือไหว้แล้วเดินออกมา ด้วยหน้าตายิ้มแย้มพร้อมทั้งให้เกียรติเค้าครั้งสุดท้ายโดยไม่บอกคนที่รอสัมภาษณ์อยู่ข้างนอก ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 3 คนแล้ว
แต่สิ่งที่ผมติดใจจริงๆ คือ เค้าคิดอะไรอยู่ ทำไมเค้าต้องระบุใน รายละเอียดด้วยว่าต้องเป็นวิศวกร ประสบการณ์ทำงาน 5 ปี ผมคิดว่าน่าจะบอกรายละเอียดของงานตรงๆ เพราะอาชีพขายประกันผมก็มองว่าไม่ใช่อาชีพที่เสียหาย และคิดว่ามีคนอีกจำนวนมากที่ยังต้องการทำอาชีพในสายงานนี้ แต่ขอให้ประกาศและให้ข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ใช่บิดเบือนความจริงแบบที่ผมเจอมานี้ครับ
จากคุณ :
วิศวะโยธา ประสบการณ์ 5 ปี
- [
26 ม.ค. 52 03:25:16
A:192.168.0.17 X:125.27.114.123 TicketID:201387
]
|
|
|