ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าผมบอกว่า ภาคการผลิตนั้น ไม่ต้องการกำไรในการผลิตสินค้าและบริการละครับ โดยที่ภาคการผลิตนั้นผลิตเผื่อแจกจ่ายแก่ประชาชน โดยไม่สนใจว่า ผู้บริโภคนั้นมีความต้องการบริโภคหรือสินค้านั้นหรือไม่ ดังนั้นถ้าในความคิดผมไม่มี อุปสงค์ก็มีอุปทานได้ครับ จากคุณ : มั่วๆๆเอา อิอิ (goho) - [ 27 ม.ค. 52 19:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตาม คห.หนึ่ง จากคุณ : หนูโด้ 1 - [ 27 ม.ค. 52 21:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่เคยอยากซื้อรองเท้ายี่ห้อ "ไนกี้" (ไม่มีดีมานด์) แต่ทีมนักฟุตบอลที่ชื่นชอบ ใส่ "ไนกี้" กันทุกคน (สร้างดีมานด์) ตรุษจีนนี้ เราจึงไปซื้อ "ไนกี้"  (สร้างดีมานด์ ได้ผล) สรุปว่าซัพพลายเอ้อ นำจุดแข็งของตัวเอง มา(โฆษณา)สร้าง ดีมานด์ ให้เกิดขึ้นได้. จากคุณ : น้ำองุ่น - [ 27 ม.ค. 52 21:56:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 งานศิลปะมีdemandป่าว? ไม่รู้ว่ามีdemandมั้ย แต่อยากทำ ถ้าsupplyตอบdemandก็ฉลอง ถ้าไม่มีdemandก็เอาน้ำประปาลูบท้องต่อไป จะเอาทฤษฎีไปทำอะไรครับ? การบ้าน? จากคุณ : numnumnum1 - [ 27 ม.ค. 52 23:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอ เริ่มงงกะคำตอบของคห. ต่างๆ เหอะๆ เอาเป็นว่าเราเข้าใจคำถามของจขกท ค่ะ เราจาตอบอิงหลักทฤษฎีกะเป็นคำอธิบายด้วย จะได้เข้าใจง่ายขึ้นนะคะ เผื่อเอาไปใช้ประโยชน์ได้ จากที่ถามว่าจำเป็นมั้ยที่ Demand จะเป็นตัวที่ก่อให้เกิด Supply จากที่เรารู้ๆกันอยู่แล้ว Demand คือความต้องการซื้อ ส่วน Supply คือความต้องการขาย ตามทฤษฎีของเศรษฐศาสตร์แล้วนั้น มีหลายสำนักคิดมากมายที่กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ แต่หลักๆก็คือคลาสสิค (classic) และเคนเซียน (Keynesean) - คลาสสิค เป็นกลุ่มที่เชื่อว่า Supply เป็นตัวกำหนด Demand นั่นคือเชื่อว่ากลไกตลาดมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดการว่างงาน ระดับผลผลิตที่ผลิตได้จะเป็นผลผลิตที่สูงสุดที่ระบบสามารถผลิตได้ ดังนั้นธุรกิจผู้ประกอบการจะทำการผลิตสินค้าตามปัจจัยการผลิต ตามศักยภาพของตนเอง โดยไม่ได้มีการดูถึง Demand เพราะคลาสสิคเชื่อว่าเมื่อมี Supply แล้วทำให้เกิด Demand เพื่อมารองรับตัวสินค้าที่เกิดขึ้นมาเอง ดังนั้นถ้ามองในมุมมองคลาสสิค ไม่จำเป็นที่มี Demand ก็มี Supply ได้ - เคนเซียน เป็นอีกกลุ่มนึงที่คิดเห็นขัดแย้งกับกลุ่มคลาสสิค เพราะไม่เชื่อว่าตลาดหรือกลไกตลาดจะมีอำนาจขนาดที่จะทำให้ market clear โดยเคนเซียนเชื่อว่าต้องมีความต้องการหรือ Demand ก่อน คือผู้บริโภคต้องมีความต้องการในสินค้าและบริการก่อน ผู้ผลิตจึงจะผลิตเพื่อสนองตอบในความต้องการนั้น ดังนั้นถ้ามองตามกลุ่มเคนเซียนแล้ว จะกล่าวได้ว่าต้องมี Demand ก่อน จึงจะเกิด Supply ได้ ถ้าไม่มีความต้องการ ก็จะไม่เกิดการผลิตขึ้นมาในระบบ อ่อลืมๆ อ่านย้อนขึ้นไป จขกท ขอให้ช่วยยกตัวอย่างด้วย อืมม .. คิดก่อน เอาไรดี... อะๆ เราจะยกตัวอย่างในกรณีของสำนักเคนเซียนนะ คือDemand ขึ้นกับ Supply เอาอย่างเช่นการ forecast demand ประมาณนั้น ก็คือเหมือนการพยากรณ์ว่าความต้องการของลูกค้าเป็นเท่าไร จะได้ผลิตสินค้าออกมาเพียงพอต่อความต้องการ หรือในกรณีของรถไถเกี่ยวข้าว การทำนายดูข้อมูลปีเก่าๆเพื่อศึกษายอดขายในปีเดิมๆว่าฤดูกาลเป็นปัจจัยในการขายเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยจะพบว่าช่วงต้นปีเป็นฤดูเก็บเกี่ยว ยอดขายรถไถเพิ่ม ดังนั้น Demand จะมากกว่าฤดูอื่นทำให้บริษัทต้องมีการผลิตและ stock สินค้าเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงนั้น จากคุณ : Chere econ - [ 28 ม.ค. 52 01:14:53 A:192.168.0.17 X:125.24.12.254 TicketID:201747 ]

ความคิดเห็นที่ 6 refered to: มีเพื่อนอยู่กลุ่มนึง เค้าชอบไปตกปลากัน เราก็เลยบอกไปว่า ตกปลามันไม่ดี หรือว่าฆ่าปลามันไม่ดี มันบาปนะ ชีวิตใครๆก็รัก เพื่อนก็เถียงกลับมาว่า ทีเรายังกินปลาอยู่เลย ถ้าไม่ดีจะกินทำไม ถ้าไม่มี demand จะมี supply ได้ยังไง เราเลยไม่รุว่าจะตอบเพื่อนยังไงดี เพื่อนๆมีข้อแนะนำหรือความเห็นอย่างไรบ้าง จากคุณ : what for ^.~ - [ 28 ม.ค. 52 07:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเห็นด้วยกับของเพื่อนคุณนะครับ คือถ้าไม่มี Demand มันก็ไม่เกิด Supply อย่างหลักของ Marketing Concept ก็ต้องมองให้ออกว่ามีตลาดมั้ย และในตลาดผู้บริโภคต้องการอะไร แล้วจึงพัฒนาออกมาเป็นสินค้า เพื่อสนองความต้องการ หรือจะเป็นเรื่องของแนวคิด Customer Value Chain ก็มีเป้าหมายที่ Customer Value คือการตอบสนองความต้อง การสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ตลาดและลูกค้า ให้รู้ว่าลูกค้าเราคือใครและต้องการอะไร จากนั้นเราจะผลิตอะไรให้ตอบสนองความต้องการนั้นๆ สรุป ผมเห็นด้วยหากไม่มี Demand  Supply คงไม่เกิด หรือจะเกิดก็คงยาก ต้องสร้าง Need ให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภค จากคุณ : may_tu60 - [ 28 ม.ค. 52 10:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ในภาคธุรกิจผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าไม่มีคนต้องการจะผลิตสินค้าไปเผื่ออะไรเว้นแต่ ไปสร้างความต้องการขึ้นมาอีกที มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีสร้างยังไง จากคุณ : นายครรชิต - [ 28 ม.ค. 52 11:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณจเปิดบริษัทก่อน  โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไรหรือเปล่าครับ?? จากคุณ : BMWTurboman - [ 28 ม.ค. 52 14:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สงสัยคห.9อาจจะยังงงกะความหมายของ demand/supply ที่แท้จริงมั้งคะ คือการที่คห.ต่างๆออกมาเป็นแนวว่าต้องมี demand ก่อนนะแล้วถึงเกิด supply หมายถึงมีความต้องการซื้อก่อนค่ะจึงจะผลิตตามปริมาณความต้องการของผู้บริโภค ไม่ได้หมายถึงว่ามีความต้องการก่อนถึงจะเปิดบริษัทได้ ในที่นี้เป็นเรื่องของการคาดการณ์ปริมาณความต้องการซื้อเพื่อที่จะ supply ให้ได้ตามความต้องการ เหมือนกับการจะเปิดบริษัทใดๆก็ตามเพื่อจะผลิตและขายสินค้า คุณต้องคิดก่อนแน่ค่ะว่าคุณจะผลิตอะไร ซึ่งนั่นก็ขึ้นกับความชอบ ความถนัด โอกาส และสิ่งที่คุณคิดว่ามันจะออกมาดี เป็นลู่ทางใหม่ๆอะไรก็ตาม ซึ่งการตัดสินใจนั้นดิฉันถามว่าคุณดูการตลาดมั้ยคะว่าช่วงนั้นประชาชนนิยมอะไรกันมาก คุณเห็นว่าเออนะขายแบบนี้ ผลิตแบบนี้ออกมาดีกว่าน่าจะขายได้ นั่นละคะ คุณได้มองถึงแนวโน้มของ demand แล้ว ส่วนในเรื่องของการผลิตจริงๆในเรื่องของปริมาณที่ผลิตก็ต้องมาคาดการณ์จากตัวเลขอีกที ซึ่งนั่นก็เป็นการคาดการณ์จากตัวเลขของความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งก็คือ demand อีกเช่นกันค่ะ จากคุณ : Chere econ - [ 28 ม.ค. 52 14:53:04 A:125.24.50.185 X: TicketID:201747 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าผมยังไม่งงกับความหมายครับ แต่ยังไม่มีเวลาอธิบาย หวังว่าจะมีใครสักคนที่เข้าใจผม อธิบายที แต่คห.10 ไม่เข้าใจผม อิอิ (^^,) จากคุณ : BMWTurboman - [ 28 ม.ค. 52 15:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คห.10 อ่านด้วยค่ะ มีเพื่อนอยู่กลุ่มนึง เค้าชอบไปตกปลากัน เราก็เลยบอกไปว่า ตกปลามันไม่ดี หรือว่าฆ่าปลามันไม่ดี มันบาปนะ ชีวิตใครๆก็รัก เพื่อนก็เถียงกลับมาว่า ทีเรายังกินปลาอยู่เลย ถ้าไม่ดีจะกินทำไม ถ้าไม่มี demand จะมี supply ได้ยังไง เราเลยไม่รุว่าจะตอบเพื่อนยังไงดี เพื่อนๆมีข้อแนะนำหรือความเห็นอย่างไรบ้าง จากคุณ : what for ^.~ - [ 28 ม.ค. 52 16:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบคห12 นะค้า อืมพอจะเข้าใจค่ะว่าคุณไม่เห็นด้วยกับการตกปลา เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่บาป แต่ว่าตัวคุณเองก็บริโภคปลาใช่มั้ยคะ ?? ดิฉันคิดว่าคำตอบคือใช่ และนั่นก็เป็นสิ่งที่เพื่อนคุณเอามาแย้งว่าคนยังอยากกินปลา เค้าตกปลาก็ไม่ผิด เพราะมี demand หนิ ก็ต้องหา supply มาสนองความต้องการนั้น ถ้าดิฉันเป็นคุณ ดิฉันจะบอกกับเพื่อนว่า พูดแบบนั้นมันก็ใช่ถ้าคนเรามี demand ก็ต้องมี supply มาสนองต้องมีการจับปลามากินมาบริโภค แต่นั่นคงเป็นยุคสมัยโรบินสันครูโซว์ละมั้งคะ(น่าจะรู้จักกัน) คือที่เค้าไปติดเกาะแล้วต้องช่วยเหลือตัวเองโดยการจับปลานั่นละคะ เพราะนั่นเป็นระบบเศรษฐกิจแรกเริ่มที่ไม่มีการผลิต มีแต่การบริโภคเท่านั้น ไม่มีหน่วยธุรกิจ ไมมีบริษัท ไม่มีอาชีพ ไม่มีการค้าขายแลกเปลี่ยน ดังนั้นถ้าเพื่อนคุณอยู่ในสมัยยุคนั้น แน่ละคะดิฉันจะไม่ให้คุณเถียงเค้าเลยเรื่องตกปลา เพราะถ้าเค้าไม่ตกปลามาบริโภค เค้าต้องตายแน่นอนค่ะ แม้แต่เป็นคห.12 ก็ตาม ดิฉันคิดว่าคุณก็คงต้องยอมละทิ้งความผิดชอบชั่วดีที่ว่าการตกปลามันบาป แล้วไปจับปลามาบริโภคแน่นอนค่ะ แต่สมัยยุคปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว มีอาชีพ มีการค้าขายแลกเปลี่ยนมีธุรกิจต่างๆ ทุกคนต่างทีหน้าที่ มีงาน มีความรับผิดชอบที่แตกต่างกันไปในสังคม ดิฉันคาดว่ากลุ่มคุณและเพื่อนๆไม่น่าจะมีอาชีพเป็นชาวประมงแน่ละ ใช่มั้ยคะ ?? ดังนั้นคุณมีอาชีพ มีหน้าที่การงานของคุณเอง คุณทำงานเพื่อจะได้เงินมาใช้จ่าย มาใช้ซื้อของเพื่อการบริโภค คุณสามารถตอบสนอง demand การบริโภคปลาโดยการนำเงินไปซื้อปลาในตลาด ในซูเปอร์มาเก็ตเพื่อบริโภค แทนที่จะมาตกปลาเองแบบนี้ เอาว่าง่ายๆ สรุปแล้วกันนะคะ ก็คือชาวประมงเค้ามีหน้าที่ของเค้าในการจับปลา ถ้าไม่ทำเค้าก็ไม่มีเงิน ไม่มีอาชีพ ถือเป็นข้อยกเว้นของการทำบาปแล้วกันค่ะ ปล่อยให้เค้าทำหน้าที่ของเค้าไป เราก็อยู่ส่วนเรา ทำหน้าที่ของเราให้ดี มีหน้าที่การงานอะไรก็ทำไป ไม่จำเป็นต้องไปหา supply โดยตรงด้วยตัวเองอีกแล้วละคะสมัยนี้ *-* ปล. ขอฝากถึงคห.11 นิดนึงนะคะ ขอโทดทีคะ ถ้าเข้าใจคุณผิด ดิฉันไม่ได้มีเจตนาว่าหรือเข้าใจผิด แค่อยากเสริมความคิดเห็นนิดหน่อยค่ะ แลกเปลี่ยนกันนะ สนุกๆ ไม่เคยไปตอบกระทู้อื่นเลย นอกจากที่เกี่ยวกะเศรษฐศาสตร์ เหอะๆ อยากแลกเปลี่ยนความรู้กันอะคะ ไหนๆอีกปีนึงจะจบเป็นบัณฑิตเศรษฐศาสตร์แล้ว เอาเป็นว่าถ้าคิดยังไงก็แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ที่ดิฉันพิมพ์ไว้มีอะไรที่คิดว่าผิดก็บอกกันได้ ยินดีพิจารณาจ้า จากคุณ : Chere econ - [ 28 ม.ค. 52 16:33:36 A:192.168.0.17 X:125.24.50.185 TicketID:201747 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอขอบคุณๆ Chere econ มากนะคะ คือสรุปแล้วประมาณว่าในทางทฤษฎีไม่มี demand ก็สามารถเกิด supply ได้ใช่ไหมคะ จากคุณ : what for ^.~ - [ 28 ม.ค. 52 16:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โดยสรุปก็คือการผลิตสินค้าต้องคำนึงถึง demand ด้วย นั่นคือ supply ต้องถูกกำหนดมาจาก demand นั่นเองค่ะ (ตามเคนเซียนนะคะดูทฤษฎี 2 สำนักที่เคยโพสต์ไว้แล้วบนๆ) แต่กรณีที่คุณโดนเพื่อนคุณสวนมา คำพูดที่เพื่อนคุณบอกก็ถูกต้องไงคะ demand เป็นตัวกำหนด supply เพียงแต่ว่ามุมมองของเค้ายังคงอยู่ในยุคเดิมๆ คือว่าอยากบริโภคอะไร ต้องการอะไร มี demand ก็ต้องหาสิ่งนั่นด้วยตนเอง คือการจับปลาด้วยตนเอง ทั้งที่ระบบเศรษฐกิจได้กำหนดอาชีพไว้แล้วว่าชาวประมงมีหน้าที่จับปลาให้เรา ผ่านสะพานปลา ผ่านแม่ค้า ผ่านซูเปอร์มาเก็ต ลองคิดง่ายๆนะคะ ถ้าทุกคนอยากกินปลาแล้วตกปลากินเองหมด จะเกิดอะไรขึ้น คนจะตกงานเยอะแยะเลยค่ะ ชาวประมงไม่มีงานทำ แพปลา สะพานปลาไม่มีบทบาทหน้าที่ แม่ค้าขายปลาในตลาดไม่รู้จะรับปลามาขายใคร จิงมั้ยคะ ?? ดังนั้นโลกเราก้าวหน้ามามาก มีระบบเศรษฐกิจที่ดี รองรับทำให้เกิดความสะดวกสบายมาก ดังนั้นดิฉันจึงบอกในคห.ที่แล้วว่าไม่จำเป็นต้องไปขวนขวายหา supply มาสนอง demand เองแล้วไงคะ กลไกของระบบเศรษฐกิจจะเป็นตัวดำเนินการเองค่ะ จากคุณ : Chere econ - [ 28 ม.ค. 52 19:40:03 A:125.24.50.185 X: TicketID:201747 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Thx naka :) จากคุณ : what for ^.~ - [ 28 ม.ค. 52 20:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ คห.ที่ 14 ครับ ในทางทฤษฏี ไม่มี Demand ก็เกิด Supply ได้ครับ เป็นแนวคิดทางการตลาดสมัยก่อนที่เรียกว่า Selling Concept ครับ คือการผลิตสินค้าออกมาก่อน อยากจะขายอะไรก็ผลิตอันนั้น ไม่ได้ดูDemand ว่ามีหรือไม่มากน้อยอย่างไร พอผลิตออกมาแล้วก็ใช้ 4 P ไปกระตุ้นให้เกิดความต้องการอีกทีครับ จากคุณ : may_tu60 - [ 28 ม.ค. 52 23:15:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สมัยก่อน ......... ไม่มี Demand สำหรับ Computer ดูสมัยนี้สิ ---------------- ไม่มี Demand แต่มี Need .......Need ความสะดวกสบาย ก็สามารถผลิตสินค้ามาสนอง Need ได้ ------------------ กรณีเพื่อนคุณ "เรายังกินปลาอยู่เลย ถ้าไม่ดีจะกินทำไม ถ้าไม่มี demand จะมี supply ได้ยังไง" ก็ตอบไปว่า การฆ่าปลาเป็นบาป แต่การกินปลาที่"ตายแล้ว" ไม่บาป เพราะ ศาสนาพุทธสอนไม่ให้ไปทำร้ายคนอื่น แต่ก็สอนว่าเนื้อหนังมังสา เป็นเพียงกายหยาบ ต้องปลง อย่าไปยึดติด แต่จะให้ดีก็ไม่กินเนื้อสัตว์เลย ดีที่สุด จากคุณ : ~Nk~ - [ 29 ม.ค. 52 11:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Thx naka จากคุณ : what for ^.~ - [ 30 ม.ค. 52 15:30:49 ]