ความคิดเห็นที่ 1 แสดงว่าคุณคงโดนเลิกจ้างมาใช่ไหมค่ะ ?? จริงๆแล้ว ถ้าคิดอย่างเป็นกลาง  ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้หรอกค่ะ เคยถามผู้บริหาร (ต่างชาติ) เรื่องจิตสำนึกรักองค์กรเหมือนกัน เขาตอบว่า เรื่องแบบนี้ไปห้ามพนักงานไม่ได้  เพราะมันอยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน   แล้วอีกอย่าง พนักงานบางคนที่อ้างว่ารักองค์กรตัวเองสุดหัวใจ แต่เมื่อเจออำนาจเงินเข้าไปก็เป๋ได้เหมือนกัน   เพราะฉะนั้นอยู่กันด้วยใจอย่างเดียว บังคับกันไม่ได้ พูดกันตามตรงแล้ว HR ก็เป็นพนักงานในองค์กรคนหนึ่งเท่านั้น  ก็เหมือนกับพนักงานแผนกอื่นที่ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดตามนโยบายของบริษัทค่ะ ถ้าเราจะมองในด้านความเสียหายแล้ว พนักงานที่โดนเลิกจ้างก็ได้ค่าชดเชยกันไป  แต่เจ้าของอาจโดนฟ้อง  นั่นหมายความว่าพวกเขาอาจล้มละลายได้เลย   เห็นไหมค่ะ  ถ้ามองอีกด้าน  ยังมีคนที่โดนเยอะกว่าคุณอีกค่ะ ยังไงก็เปลี่ยนความท้อใจตอนนี้ให้เป็นแรงฮึดสู้ดีกว่าค่ะ  เอาใจช่วยนะค่ะ จากคุณ : hanahua - [ 1 ก.พ. 52 00:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 HR ก็คนค่ะ พนักงานคิดไง HR ก็คิดงั้นแหล่ะ แค่ทำตามนโยบาย พูดมากไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ CEO ชอบดู HR เอง เหอๆ จากคุณ : เจ้านายตัวเอง - [ 1 ก.พ. 52 01:13:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในฐานะลูกจ้างแล้วไม่แปลกที่เราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองครับ ในฐานะบริษัทแล้วย่อมคาดหวังว่าพนักงานจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับองค์กร ตามผลตอบแทนที่บริษัทให้ ความจงรักภักดีต่อองค์กรก็คือความสมดุลระหว่างความคาดหวังของทั้งสองฝ่าย พนักงานได้ประโยชน์จากบริษัท บริษัทได้ประโยชน์จากพนักงาน เป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ครับ ถ้าพนักงานเอาแต่ได้แต่ไม่ตอบแทนบริษัท ธุรกิจก็อยู่ไม่ได้ และถ้าบริษัทเอาแต่ได้ไม่สนใจพนักงาน องค์กรก็จะไม่เหลือใคร แต่เราก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกบริษัทที่เราจะฝากชีวิตได้ และต่อให้เจอบริษัทที่เราคิดว่าฝากชีวิตให้ได้ ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าเราจะฝากชีวิตไว้กับที่นี่ได้ตลอดไป ดังนั้นเราควรใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทครับ อย่าเกรงใจถ้าทางเลือกที่ดีที่สุดของเราหมายถึงการไปจากองค์กร และอย่ารอให้ถึงเวลาที่องค์กรหมดใจกับเราก่อนครับ ^_^ จากคุณ : sleeper_j - [ 1 ก.พ. 52 03:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับที่ไม่มีใครผิดนะคะ เพราะต่างคนก็ต่างเป็นลูกจ้างถูกนายสั่งมาอีกทีนึง คงไม่ใครอยากให้เหตุการณ์ไม่ดีมันเกิดขึ้นหรอกคะ เจ้าของกระทู้คิดว่า HR ไม่อึดอัดหรอคะ เพราะเค้าก็ต้องทำตามนายเพื่อความอยู่รอดของเค้าเหมือนกัน ต่างคนต่างต้องการสิ่งที่ดีที่สุด+ความอยู่รอดให้กับตัวเอง Hr คนนั้นก็คงเช่นกันคะ จากคุณ : Khwanchanok_n2008 (Khwanchanok_n2008) - [ 1 ก.พ. 52 06:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่เคยติเตียนเรื่องผู้สมัครย้ายงานบ่อยเลยค่ะ... เพราะทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง.. เรื่องสำนึกบุญคุณบริษัทน่ะ เราว่าคนละประเด็น บริษัทไม่ใช่องค์กรการกุศล..เค้าไม่มีหน้าที่เลี้ยงใครไปจนชีวิตจะหาไม่ค่ะ ธุรกิจก็คิอธุรกิจ.. บริษัทจ่ายเงินเดือนให้คุณ เพราะหวังว่าจะได้รับผลงานที่มีคุณภาพ และความเป็นมืออาชีพ... ตราบใดที่คุณมีให้เท่ากับมูลค่าที่เค้าจ่ายให้ หรือ มากกว่า...คุณก็ทำหน้าที่ลูกจ้างได้อย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ เหนือสิ่งอื่นใดคือการใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท.. เก็บเงินไว้บ้าง รู้จักใช้เงิน รู้จักลงทุน . . . . . . จงเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ.. (หากคิดจะเป็นลูกจ้างอยู่) สู้ๆค่ะ จากคุณ : ชบาข้างรั้ว - [ 1 ก.พ. 52 11:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พนักงานควรจะจงรักภักดีกับองค์กร ตามสมควรครับ เช่นในเวลาทำงานก็ควรจะทำอย่างเต็มที่ ทุ่มเท แต่ก็ไม่ควรจะทุ่มชีวิตให้องค์กร เพราะอะไร ก็อย่างเจ้าของกระทู้ว่าครับ ส่วนองค์กร ก็ควรจะคำนึงถึงพนังานให้มาก ไม่ควรเอาเปรียบให้มากนัก ตอนมีกำไร ก็แบ่งกำไรให้พนักงานได้ร่วมกันด้วย(โบนัส) จากคุณ : MAX - [ 1 ก.พ. 52 12:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขึ้นกับ องค์กรที่คุณอยู่ครับ... องค์กร ฝรั่ง หมูไปไก่มา.. จ้างแพงใช้คุ้ม เดือนหน้า,ปีหน้า มีเก้าอี้อยู่รึปล่าว ว่ากันอีกที.. องค์กร ยี่ปุ่น.. แบบยี่ปุ้นจริงๆ เลี้ยงคุณไปจนตาย  เค้าถือกันว่าองค์กรมีบุญคุณกับคุณ.. ให้เศรฐกิจแย่แค่ใหน ที่ให้ออก ก็มีน้อยมากครับ.. จากคุณ : MESMERIC - [ 1 ก.พ. 52 12:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ได้เป็น HR ขอแสดงความเห็นได้ไหม?? ผมมองว่าคุณ จขกท มี 2 ประเด็น 1. เรื่องการเลิกจ้าง (เรื่องใหญ่) 2. เรื่อง Loyalty ก่อนจะให้ความเห็น ผมขอบอกว่า ... ผมก็ลูกจ้างนะครับ ผมเห็นใจ จขกท (รวมถึงทุกคนที่ได้รับผลกระทบ) และผมก็เข้าใจบริษัทนะครับ ต้องแต่ทำงานมา (กว่า 10 ปี) ผมไม่เคยเห็นบริษัทไหน ใช้เกณฑ์พิจารณาเลิกจ้าง โดยดูจาก เรื่อง Loyalty เลย!! ผมพบว่า บริษัท ทั้งหมด (ทุกแห่ง) เป็น "องค์กรมุ่งแสวงหากำไร" ! เพราะฉะนั้น เวลาพิจารณาเลิกจ้าง ส่วนใหญ่ บริษัทจะพิจารณาจาก - Performance ในการทำงาน (เป็นหลัก) สรุปง่าย ๆ คือ บริษัท "เลือกคนที่เขามองว่า  อยู่ทำงานต่อแล้ว  จะทำกำไรให้บริษัทสูงสุด" เอาไว้ ส่วนคนอื่น ๆ ที่ที่เขามองว่า Performance น้อยกว่า จะถูกพิจารณาเลิกจ้างก่อน จนถึง "จุดหนึ่ง" ที่บริษัทคิดว่า ดำเนินงานต่อไปไม่ได้แล้ว (ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถทำกำไรได้ ... หรือเจ๊งแน่ ๆ) เขาจึงจะเลิกจ้างทั้งหมด  แล้วปิดบริษัทหนี หลายคนอาจจะแย้งว่า Loyalty ทำให้เกิด Porformance ผมไม่เถียงนะครับ แต่ต้องพิจาณาปัจจัยอื่นด้วย เช่น นาย ก มี Loyalty ต่อบริษัท สูงมาก ทุ่มเททำงานให้บริษัทเต็มที่ ทำงานเกินเวลา ไม่คิด OT มาตลอด ในขณะเดียวกัน นาย ข อาจจะดูไม่เด่น เรื่อง Loyalty เขาทำงานแบบเดียวกับ นาย  ก นาย ข ทำงานให้บริษัทเต็มเวลาที่กำหนด ไม่เคยทำ OT แต่ทำงานได้เช่นเดียวกับ  นาย  ก ถามว่า ... ถ้าเราเป็น ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ บริษัทกำลังประสบปัญหา จำเป็นต้องคัดคนออก 1 คน ระหว่าง  นาย   ก   และ  นาย  ข   เราจะเลือกใคร??? ผมคิดว่า ... หลายคนอาจจะตัดสินใจเลือกนาย   ข   ไว้ เพราะ นาย  ข  ทำงานได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น เช่น ค่ำน้ำ  ค่าไฟ  จากการทำงานเกินเวลา แต่หลายคน ... อาจจะเลือกนาย  ก  ไว้ แต่ทุกคน ... ต้องไม่ลือมว่า "บริษัท  เป็นองค์กร ที่มุ่งหวังกำไรสูงสุด" และที่สำคัญ ... มุมมองของ Top management อาจจะมองไม่เหมือนเรา เพราะฉะนั้น เรื่องการเลิกจ้าง อาจจะไม่พิจารณาจาก Loyalty ก็ได้นะครับ (อาจจะไม่ถูกใจหลายคน) จากคุณ : Byonya (byonya) - [ 1 ก.พ. 52 14:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บริษัท จะพยามปลูกฝังเรื่อง ความ ภัคดี ให้กับพนักงานเพื่อให้พนักงาน คิดว่าจะทำงานที่นี่ไปเรื่่อยๆ บริษัทก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจะสูญเสียคนทำงานไป แต่ในทางกลับกัน เวลาบริษัท ต้อง weigth ความสำคัญของพนักงานแต่ละคน ก็จะคิดง่ายๆแค่ว่า ใครทำเงินกับบริษัท ได้มากกว่ากัน  โดยที่ไม่ได้เกี่ยวกับ เรื่อง ความภัคดีเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงคิดว่า ตัวพนักงานเอง ก็ไม่ควรไม่สนเรื่อง ความภัคดีอะไรนั่นหมือนกัน  สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือความเป็นมืออาชีพมากกว่า  หมายถึงตราบใดที่คุณยังับเงินเดือนเขาอยู่ คุณก็ต้อง ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ   แต่ในขณะเดียวกัน พนักงานก็ไม่ควรปิดโอกาสตัวเองในการหาความก้าวหน้าใหม่ๆ กับที่อื่น ด้วย การได้งานใหม่ที่ดีกว่าแล้วลาออก ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่คุณไม่ได้ทำผิดกฏของบริษัท (อย่างเช่นแจ้งล้วงหน้าภายในเวลา ที่กำหนด ) จากคุณ : Heart Break Kid - [ 1 ก.พ. 52 15:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง ก็เหมือนกับ "หมาล่าเนื้อ" นั่นแหละ เค้าใช้งานจนคุ้มเมื่อไหร่ หรือจนเราหมดเขี้ยวเล็บหมดแรงล่าเหยื่อเมื่อไหร่ เราก็หมดประโยชน์สำหรับเค้าแล้ว ฉะนั้น ทำงานกับใครก็จงทำอย่างเต็มที่ สร้างนิสัยที่เรียกว่าทำงานเกินเงินเดือน และเมื่อโอกาสดีๆ มาถึง ก็ให้รีบคว้ามันไว้ อย่าปล่อยให้หลุดลอยไปอย่างเด็ดขาด อย่าปล่อยให้คำว่า "จงรักภักดี" มาฉุดรั้งความก้าวหน้าของคุณไว้ จากคุณ : ฯลฯ - [ 1 ก.พ. 52 18:43:18 A:58.9.85.118 X: TicketID:192266 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Royalty พี่มีให้มากกว่า100 บริษัทก้าวหน้า เราก็ก้าวหน้าด้วยสมกับนโยบายบริษัทที่ว่า....WIN WIN แต่ตอนที่อยากให้เราออกกลับเห็นแก่ตัว ไม่ออกใบเลิกจ้างให้ด้วยเหตุผลที่ต้องการรักษาเครดิตชื่อบริษัท เป็นบทเรียนให้กับคนต่อๆไปว่า ถ้าบริษัทอยากให้เราออกต้องให้เค้าออกใบเลิกจ้างด้วยเพื่อรับสิทธิ์ปกส. เลิกจ้าง 7500x8 = 60,000 ลาออกเอง 4500x3 = 13,500 พี่โง่เองที่ไปเซ็นต์ นึกสาปแช่งในใจในความเห็นแก่ตัวของบริษัท จากคุณ : su_k3430 - [ 1 ก.พ. 52 18:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณพี่ คห 11 ครับ ผมก็เสียดายประกันสังคมแบบพี่เหมือนกัน เพียงแต่ถ้าผมไม่เซ็น ผมอาจจะต้องออกโดยไม่ได้อะไรเลยในภายหลัง ลงว่ามันไม่เอาเราแล้ว มันก็ทำได้ทุกวิถีทางล่ะครับ จากคุณ : นายรากหญ้า - [ 1 ก.พ. 52 22:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ๊ะ สงสัยผมคงจะออกความเห็นขัดกับบนๆ ย้ายงานนี้ได้ตลอดเวลาล่ะ แต่อย่าทิ้งอะไรไม่ดีไม่งามไว้ให้ตามเช็ด มันคนที่เหลือมันเหนื่อย มาไหว้ไปลาหน่อยก็จะดีมากๆ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นอะไร ย้านกันเร็วเหลือเกิน จนไม่กล้าให้รับผิดชอบงาน จากคุณ : Ter - [ 2 ก.พ. 52 02:06:58 A:85.154.38.54 X: TicketID:182506 ]

ความคิดเห็นที่ 14 HR รู้ก่อน ไปก่อนต้งนานแล้ว จากคุณ : อักษร (aksorn_ji) - [ 2 ก.พ. 52 10:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 15 8โมงเช้า-5โมงเย็น จันทร์ถึงศุกร์ หรือเสาร์ เหมือนกันทุกบริษัท กินเวลาของเราไปเท่ากัน ที่ไหนจ่ายแพงสุด ก็ได้ไป เท่านั้นเอง จากคุณ : เขมรดำดิน - [ 2 ก.พ. 52 14:40:10 ]