ความคิดเห็นที่ 1 ต้องดูก่อนค่ะ ว่าเค้าให้คุณเป็นพนักงานประจำของบริษัทนั้นเลย หรือว่าแค่เค้าไปทำงานกับบริษัทนั้น 3 เดือน 6 เดือน หรือปีนึง แบบว่าทำแค่หมด project เท่านั้น ถ้าเป็นแบบแรกคือเป็นพนักงานประจำที่บริษัทเค้าเลย ทาง recruit เค้าจะถามเรารอบแรกแล้วว่าจะขอเท่าไหร่ แล้วเค้าจะส่ง resume พร้อมกับเงินเดือนที่เราขอไปให้บริษัทนั้น ตอนสัมภาษณ์ ถ้าเค้าถูกใจคุณ เค้าก็อาจจะต่อรองเงินเดือน คือเราก็คุยกับบริษัทเค้าโดยตรงเลยว่าจะเอาเท่าไหร่ แต่ถ้าทำชั่วคราว หรือ เสร็จเป็น project เราจะอยู่ใต้บริษัท recruit ค่ะ เค้าก็จะหางานของบริษัทลูกค้ามานำเสนอเราเรื่อย ๆ แล้วบอกว่าเงินเดือนเท่านี้ สวัสดิการแบบนี้พอใจมั้ย ถ้าไม่พอใจเค้าก็หาให้ใหม่เรื่อย ๆ ค่ะ เพราะเราได้งาน เค้าก็ได้เงิน บางคนก็อาจจะมีความชอบไม่เหมือนกันด้วย เพราะอย่างเพื่อนเรา เข้าไปทำ project ด้านคอมให้บริษัทต่างชาติยักษ์ใหญ่แห่งนึง เราก็เลือกเงินเป็นหลัก แล้วไม่เอาสวัสดิการพวกค่ารักษาพยาบาลอะไรเลย เพราะเค้ามีประกันส่วนตัวของเค้าอยู่แล้ว แต่บางคนอาจจะเลือกเอาสวัสดิการดี ๆ แต่เงินน้อยหน่อย แต่ทุกกรณี เราต้องคุยเรื่องเงินเดือนให้ชัดเจนกับ recruit ก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเค้าไปเป็นประจำหรือชั่วคราวค่ะ เคยเจอประสอบการณ์ตรง เรียกเงินกับ recruit ไปเท่านี้ (เพิ่มจากที่เดิม 13%) แต่ไม่ได้เน้นว่าห้ามต่อ เพราะสวัสดิการที่เราทำงานอยู่ค่อนข้างดีมากนะ ถ้าจะดึงให้เราเปลี่ยนงานจริง ๆ อย่างน้อยสวัสดิการที่อื่นให้ไม่เท่า แต่ชดเชยเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นระดับนึงก็โอเค เค้าก็ไปนำเสนอกับลูกค้าเค้าที่อยากให้เราไปทำงานประจำ สัมภาษณ์อย่างกดดัน + เครียดไป 2 ชั่วโมง รู้ตัวเลยว่าได้งานแน่ ๆ พอมาคุยเรื่องเงินเดือน เค้าต่อซะอยากจะลุกกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย เพราะถ้าต่อแบบนั้น เราอยู่ที่เดิมดีกว่า เพราะแค่สวัสดิการที่เดิมเราก็กินขาดแล้ว จริง ๆ คุยกันซักครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเห็นแววแล้วนะ ว่าจะเอามาทำงานได้รึเปล่า หรือคิดว่าให้ไม่ได้เท่าที่ขอจริง ๆ ก็ไม่น่าเรียกมาสัมภาษณ์เลยนะ เพราะในแบบฟอร์ม เราก็กรอกพวกสวัสดิการทั้งหมดของที่เราทำอยู่ ลูกค้าเค้าไม่อ่านบ้างเลยเหรอไง มันเสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย เสียความรู้สึกเราด้วย จากคุณ : ยัยลีลี - [ 4 ก.พ. 52 17:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ประสบการณ์ตรงนะครับ ^^/ หากทำงานประจำ ทั้งสลิปและเงินเดือนจะเป็นของบริษัทที่เราทำงานด้วยครับ(recruitment จะขอจัดเก็บค่าบริการจัดหาคน ซึ่งก็คือเราจากทางบริษัท ซึ่งเป็นการเรียกเก็บครั้งเดียวตามสัญญา เช่น 20% จากรายได้แน่นอนประจำปี หากทำงานครบ 6 เดือน... หากทำไม่ครบ เช่น ไม่ผ่านโปร หรือลาออก ทาง recruitment มีหน้าที่จัดหาคนใหม่ไปให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใหม่ครับ) หากทำงานชั่วคราว ประมาณ seasonal หรือ part-time สลิปเงินเดือนออกโดยบริษัท recruitment ครับ แต่เงินเดือนจ่ายโดยบริษัทที่เราทำงาน (คือสลิปส่งมาชื่อ recruitment แต่เงินจริงๆ จ่ายผ่านบริษัท เพราะทาง recruitment หักเงินเราจากทางบริษัทเป็นรายเดือน) การต่อรองเงินเดือน... ต่อผ่าน recruitment ได้เลยครับ เพราะเค้ามี range อยุ่แล้วว่าให้ได้เท่าไหร่ min-max หากคุณเรียกเกิน max จากทางบริษัทขอมา เค้าจะแจ้งคุณเลย (อาจทางอ้อม) หากคุณผ่าน recruitment ไปได้ จนถึงด่านบริษัทสัมภาษณ์เอง โอกาสได้งาน 30% อัพครับ เพราะปกติเค้าจะหา candidate ส่งไปให้บริษัทสัมภาษณ์ประมาณ 3 คนในตำแหน่งนั้นๆ หากคุณเห็นว่ามีแววได้งานเพราะเค้าต่อรองคุณหนัก คุณต้องตัดสินใจอย่างด่วนในวินาทีนั้น .... สำหรับตัวผมไม่เคยให้ใครต่อรองครับ  เพราะ value ผมลดไม่ได้ เช่น เงินเดือนเก่าผม 100 บาท ผมจะเรียกร้องไปที่ 130 บาท หากเค้าต่อรองลงมาขอให้เท่ากับที่เก่า ผมบอกเลยว่า ผมไม่ไป หากเค้าขอต่อรองลงมาจาก 130 ผมจะอธิบายเค้าว่า 30% ที่ผมขอบวกเข้าไปคือค่าอะไร ... ซึ่งแล้วแต่เหตุผลและวิธีพรีเซนท์ของแต่ละคน ที่สำคัญจำไว้อย่างนึงครับ เวลาเราไปสัมภาษณ์งาน เราเหมือนสินค้า หากคุรแน่ใจในคุณภาพและความสามารถ ยิ่งคุณลดราคา เท่าไหร่ก็ขาย คนยิ่งไม่เห็นคุณค่าของคุณ และเกิดข้อกังวลว่า .... เกิดอะไรขึ้นกับคุณและที่ทำงานเก่า โชคดีครับ ^^/ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 4 ก.พ. 52 19:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ได้งานผ่านรีครูทเมนท์ ต้องดูว่า 1. คุณเป็นพนักงานของบริษัทที่เค้ารับคุณใช่มั้ย ถ้าใช่ คุณได้รับเงินเดือนและสวัสดิการผ่านบริษัทที่รับคุณ 2. คุณเป็น outsource หมายถึงบริษัทรีครูทส่งคุณไปทำงานให้บริษัท A บริษัท A จ่ายค่าแรงผ่านรีครูท แล้วคุณจะได้รับเงินเดือนจากรีครูทค่ะ (ซึ่งส่วนใหญ่จะมีหักค่าหัวคิวด้วย คุณจะไม่ได้รับเต็ม) จากคุณ : HuGGie - [ 4 ก.พ. 52 20:03:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่บริษัทผมดิวด้วย คือ Recruit จะส่งพนักงานมาให้เรา ซึ่งในขั้นแรกก่อนผ่านโปร ถือว่ายังไม่ใช่พนักงานของเรา เราต้องจ่ายให้ Recruit ซึ่งเขาจะไปจ่ายให้พนักงานอีกที โดยกินประมาณ 25-30% หากเราต้องการพนักงานคนนั้นประจำ ก็ไม่ต้องจ่ายให้ Recruit อีกต่อไป แต่จ่ายให้พนักงานโดยตรง ก็จะลดค่าใช้จ่ายไปประมาณ 25-30% แต่เราต้องจ่ายก้อนแรกประมาณ 1-3 เดือนของค่าแรงพนักงานคนนั้น (แล้วแต่ตกลงกัน) แต่หากบริษัทไม่พอใจพนักงาน ทาง Recruit ก็จะส่งพนักงานมาให้เรื่อย ๆ ให้เราเลือก สำหรับบริษัทผม บอกตรง ๆ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการหาคนโดย Recruit เท่าไหร่ เพราะคนที่ได้เหมือน Recruit ย้อมแมวมาให้ เขาก็อยากขายคนให้เรา ก็พยายามทำ Profile ให้เด็ก เหมือนที่เราต้องการ แต่พอมาทำงานจริงแล้วไม่ใช่ สงสารเด็ก ที่เราต้องเป็นฝ่ายไม่เลือกเขา จากคุณ : เดิมพัน - [ 5 ก.พ. 52 10:08:51 ]