Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เมื่อผมการขายของในอีเบย์ ด้วย แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง

    ขอแนะนำตัวก่อนครับ

    ปัจจุบัน ผมมีภรรยา 1, ลูก 2 ชาย+หญิง, กิ๊ก 0, ประกอบธุรกิจส่วนตัว
    โดยทำร้านวิซีดีให้เช่า แต่รายได้เริ่มไม่ค่อยจะพอใช้ เลยต้องหาลู่ทางอื่นเสริมรายได้ครับ

    ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ จะซื้อหนังสือบ่อยมาก ซื้อเดือนหนึ่งก็หลายๆเล่ม
    โดยส่วนมาก หนังสือที่ซื้อจะเกี่ยวกับการหารายได้
    ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการลงทุนในหุ้น วิธีประสบความสำเร็จจากคนดังๆ และความรู้เกี่ยวกับการหาเงินทางอินเตอร์เน็ต

    หลังจากที่ได้ลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง ผมก็เริ่มคิดได้ว่า ผมควรที่จะเริ่มจริงจังแบบสุดลิ่มทิ่มประตูซักเรื่องนึง
    เพราะที่ผ่านมา ผมสรุปได้ว่า ผมชอบที่จะทำอะไรแบบฉาบฉวย
    แบบที่เรียกว่า เอาแค่พอรู้ หรือ พอได้ชื่อว่าเคยทำนี้ ซึ่งเป็นการเสียเวลาที่ไม่คุ้มค่าเอาซะเลย

    ผมอยากมีรายได้จากทางอินเตอร์เน็ตครับ
    เพราะความที่มีงานประจำอยู่แล้ว ผมคิดเอาเองว่า ถ้าหาเงินทางอินเตอร์เน็ตได้ก็คงจะดี
    เหมือนมีรายได้สองทาง คือสามารถหาเงินจากอินเตอร์เน็ตได้พร้อมๆกับ ที่ยังทำงานประจำอยู่
    ถ้าทำได้ดี ก็จะได้ตั้งใจทำให้เป็นรายได้หลักกันไปเลย

    ผมก็เลยมานั่งวิเคราะห์ตัวเองก่อนว่า เราเชี่ยวชาญและมีความรู้เรื่องอะไรมากที่สุดกันแน่??
    หลังจากที่ทดลองให้ภรรยาตั้งคำถามเกี่ยวกับการหาเงิน และให้ผมลองตอบดู
    บวกกับยอมเสียเวลา นั่งเขียนความรู้เกี่ยวกับการหาเงินในอินเตอร์เน็ตที่สะสมไว้ในหัว เพื่อให้รู้ว่า เรารู้จริงเรื่องอะไรกันแน่?

    ผมพบว่า ผมน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับอีเบย์มากที่สุด
    อาจจะเป็นเพราะผมมีหนังสือเกี่ยวกับอีเบย์เยอะที่สุดในบ้าน
    หรืออาจจะเพราะผมได้เคยลองซื้อขายจริงมาแล้ว
    แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเทียบกับการหาเงินทางเน็ตแบบอื่นนั้น ต้องเรียกว่าผมมีพื้นฐานของอีเบย์ดีพอสมควร
    ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจ กลับมาลุยขายของผ่านอีเบย์อีกรอบ
    โดยรอบนี้นั้น ตั้งใจว่าจะขายให้ได้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ไม่ท้อ ไม่เลิกกลางทางอย่างเด็ดขาด

    ทีนี้ก็มาถึงคำถามล่ะครับ ว่าจะขายอะไรดี??
    ผมคิดว่าเพื่อนๆเกือบทุกคนก็จะต้องคิดหนักกับคำถามนี้แน่นอน
    เป็นเวลาเกือบเดือนที่ผมลองมองหาว่าสินค้าตัวไหนที่น่าจะขายได้
    เรียกว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมดูจะกลายเป็นตัวประหลาดเลยทีเดียว
    เพราะตลอดทั้งวัน ผมคิด แต่ว่า อะไรที่น่าจะขายได้ในอีเบย์?
    ผมเกือบจะถามภรรยาผมทุก 5 นาทีว่า คิดว่าไอ้เจ้า........ นี้เนี่ย มันจะขายได้มั้ย?

    หลังจากที่ผมได้คิดวางแผนการขายในครั้งนี้เสร็จสิ้น
    ผมสรุปว่า ผมจะหาสินค้าที่อยู่ในตลาดกลุ่มเฉพาะ (Niche Market) , ผลิตได้ในไทย เพื่อให้สู้ราคาขายกับคู่แข่งในต่างประเทศได้
    ตอนนี้สินค้าจากจีน กำลังมาแรงครับ ในอีเบย์ มีแต่ของราคาถูกจากจีนขายเต็มไปหมด
    หากผมไม่สามารถหาของที่แข่งขันในเรื่องราคาได้ ผมว่าผมไปไม่รอดแน่ๆ

    ผมไม่ชอบสินค้าแบรนเนม เพราะผมเป็นคนไม่ใช้ของแบรนเนม
    ผมคิดว่าหากผมไม่เข้าใจสินค้าที่ผมจะขาย ผมก็ไม่ควรที่จะขาย

    ซึ่งในระหว่างนั้น ผมก็พบกับปัญหาในการเลือกสินค้ามาขายมากมาย
    เช่น สินค้าที่เล็งไว้ ราคาสูงเกินไปบ้าง,ค่าส่งไม่คุ้ม,ไม่รับส่ง,ผิดกฏการขาย,คู่แข่งเยอะ ฯลฯ

    โดยช่วงที่กำลังกลุ้มๆ ไม่รู้จะเอาอะไรมาขายดี
    บังเอิญผมได้มาจัดตู้หนังสือใหม่ และได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งวางแอบๆอยู่ในตู้
    ผมซื้อหนังสือเล่มนี้มานานแล้ว แต่อ่านไม่จบ
    ซึ่งต้องเรียกว่า แทบจะเป็นหนังสือเล่มเดียวที่ผมซื้อมาแล้วอ่านไม่จบเลยทีเดียว

    มันคือ หนังสือเกี่ยวกับเศษฐกิจพอเพียง นั่นเองครับ

    หนังสือเล่มนี้ผมซื้อเก็บไว้นานมากแล้ว แต่ที่อ่านไม่จบ เพราะผมอ่านแล้วไม่เข้าใจเลยครับ
    อ่านแล้วก็รู้สึกง่วงๆ ไม่ได้ซึมเข้าหัวเลยแม้แต่น้อย

    ปกติแล้ว ผมมักชอบอ่านหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับ ทำอย่างไรถึงจะรวย เล่นหุ้นอย่างไรถึงจะดี
    แต่หนังสือเศรษฐกิจพอเพียงนั้น แทบไม่ได้มีเขียนถึงวิธีทำให้ "รวย" เลยแม้แต่น้อย

    ผมอยากรวยครับ
    ผมมีนักเขียนสุดโปรดของผมหลายคน หนังสือของเขาเหล่านี้นั้น ผมอ่านเกือบ 10 รอบขึ้นไปทั้งนั้น
    ขอผมยกตัวอย่างซักเล็กน้อยนะครับ

    1. โรเบิร์ต ที คิโยซากิ - ผู้เขียนหนังสือ Rich Dad Poor Dad, หนังสือชุดนี้ คุณแม่เป็นผู้มอบให้ผมอ่านผมอ่าน
    ผมถือว่าเป็นหนังสือที่เป็นจุดเริ่มต้นของผมเลยทีเดียว ผมอ่านได้ไม่เคยเบื่อ ว่างๆก็หยิบมาอ่านเล่นอยู่เสมอๆ

    2. วอร์เรน บัฟเฟตต์ - สุดยอดนักลงทุน อันดับหนึ่งของโลก ด้วยแนวความคิดที่เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง บวกกับอารมณ์ขันแบบฉลาดๆ
    ก็สามารถทำให้ผมอ่านหนังสือของเขาได้หลายรอบเหมือนกัน

    3. ปีเตอร์ ลินซ์ - สุดยอดนักลงทุน ที่ใครก็ต้องยกนิ้วให้ หนังสือของเขา สนุกสนาน โลดโผน เหมือนกับหนังจีนกำลังภายใน
    ยิ่งอ่านก็ยิ่งมันส์ และด้วยแนวความคิดระดับอัจฉริยะของเขา ที่มักจะล้อเลียนความงี่เง่าของตนเองอยู่บ่อยๆ
    ทำให้การอ่านหนังสือเรื่องลงทุนในหุ้นของเขานั้น กลายเป็นหนังสือตลกได้ได้อย่างง่ายดาย

    4. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร - นักลงทุนแบบ Value invester ที่ประยุกต์ใช้หลักการของ วอร์เรน บัฟเฟตต์+ปีเตอร์ ลินซ์ กับเมืองไทยได้อย่างยอดเยี่ยม บวกกับการล้อเลียนเรื่องราวแย่ๆในการลงทุนแบบไทยๆ ให้เป็นเรื่องตลกและเข้าใจง่าย ทำให้ผมต้องประกาศตัวเป็นแฟนคลับของเขาเลยทีเดียว

    แล้วสำหรับ "เศรษฐกิจพอเพียง" ล่ะ??
    ผมได้ยินผู้คนพูดถึงคำนี้มานานแล้ว แม้แต่ ดร.นิเวศน์ เอง ก็พูดถึงอยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้ศึกษาลึกซึ้งให้มากนัก
    เพราะไม่มีใครพูดว่า "ใช้เศรษฐกิจพอเพียงแล้วรวย!!!" เลยซักคน

    สิ่งที่ติดอยู่ในหัวของผมก็คือ โฆษณาชุดหนึ่ง
    เป็นโฆษณาที่ดีมาก ผมคิดว่าหลายคนก็คงมีโอกาสได้เห็น
    http://www.porpeanglife.com/media.php?view=viewDate&orderView=date&id=39&page=7

    จากคุณ : แมวกนล - [ 4 ก.พ. 52 19:07:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com