Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ลุงแอ็ด.....เอามาฝาก ตอนที่ 3 บัญชีเงินออมสำคัญที่สุดในโลก

    บัญชีเงินออมสำคัญที่สุดในโลก




    อย่างที่บอกล่ะครับ  ทุกอย่างไม่แน่ดอกนาย  ถ้าเมื่อใดที่เราต้องการเงิน  

    แต่ไม่มีเงิน  ใครก็ช่วยเราไม่ได้................เราต้องพึ่งตัวเองบัญชีเงินออม

    นี่ล่ะครับ  ที่ช่วยให้คนรอดตายมานักต่อนักแล้ว




    บัญชีเงินออมจะต้องลืมไปได้เลย  สำหรับการถอนออกมาใช้จ่าย

    แต่บัญชีเงินออมจะต้องมีความสำคัญเป็นลำดับแรกสุดในการฝากเงินเข้า

    เราต้องระลึกเสมอ  เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญ  และความยิ่งใหญ่ของบัญชี

    เงินออม  เราต้องระลึกให้ได้ว่า  ถ้าเมื่อใดที่เราไม่มีเงิน  เราจะไปหวังพึ่งใคร

    ไม่ได้  เมื่อเราพึ่งใครไม่ได้  เราจะล้ม  และก็จะเละ ดังนั้น  เราต้องพึ่งตัว

    เอง................พึ่งตัวเองโดยมีบัญชีเงินออม




    ถ้าเมื่อใดเราเงินขาดมือ  จนจะอดตายแล้ว  จนบ้านจะถูกยึดแล้ว  บัญชีเงิน

    ออมของเราต้องเป็นอัศวินม้าขาวที่จะมาปกป้องชีวิตของเรา  ปกป้องบ้าน

    ของเรา  เมื่อเราระลึกได้ดังนี้แล้ว  เราจะได้เห็นถึงความสำคัญของบัญชีเงิน

    ออม  และเราจะออมเงิน   เราจะต้องเริ่มทำบัญชีเงินออมตั้งแต่ตอนนี้เลย

    บัญชีเงินออม  คือ บัญชีที่เราจะฝากโดยไม่มีการถอน  เมื่อเราได้เงินเดือน

    มา  สมมุติว่าได้วันที่ 31 ของเดือน  วันถัดมาคือวันที่ 1 เราจะต้องเอาเงินเข้า

    บัญชีทันที





    เงินที่เราจะเอาเข้าบัญชีนี้  ควรเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของเรา



    หลักอย่างหนึ่งมีว่า  “ออมก่อน  รวยก่อน” ใครออมเร็วเท่าไหร่  ก็ยิ่งรวยเร็ว

    เท่านั้น  และจะรวยมากกว่าคนออมช้ากว่า  เพราะอานุภาพของดอกเบี้ยทบ

    ต้น




    เรามีความสุขกับการออมเงิน  เห็นตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นทุกเดือนทุกปี  

    เราจะยิ่งเป็นสุขที่ทำอย่างนั้น  ยิ่งฝากโดยไม่ถอน  เงินในบัญชีก็จะเพิ่มมาก

    ขึ้นเป็นทวีคูณ......เราจะมีความสุขกับการเห็นเงินพอกพูนในบัญชีนี้

    เราห้ามมองว่าการออมเป็นการฝืนใจเด็ดขาด
     เพราะถ้าเริ่มคิดอย่างนี้เมื่อ

    ไหร่  เราจะไม่ออมเงิน.....แต่เราจะเป็นสุข  และเป็นสุขจริงๆ ที่เราเห็นว่าทุก

    เดือน  เรามีเงินออมที่เพิ่มมากขึ้นๆ  เรามองเห็นอนาคตว่า  แก่ตัวไปเราจะ

    อยู่อย่างสบาย  เพราะมีเงินออมไว้จับจ่ายใช้สอย  ตอนที่ทำงานไม่ได้แล้ว




    เราจะมองอย่างเป็นสุขว่าเมื่อเราตายไป  เราได้ทิ้งมรดกให้ลูกหลานด้วย

    บัญชีเงินออม





    ตลอดเวลาที่เราดิ้นรนทำมาหากินอยู่นี้  เราจะไม่ถอนเงินจากบัญชีเงินออม  

    เว้นไว้แต่ว่า  มีเรื่องสุดวิสัยจริงๆ เป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ เช่น  บ้าน

    กำลังถูกยึด  รถกำลังถูกยึด  หรือไม่มีเงินผ่าตัด  เมื่อนั้นเราค่อยตัดสินใจ

    ถอนเงินจากบัญชีเงินออมออก  พ้นจากเรื่องที่ยกตัวอย่างมานี้ “ห้ามถอน”




    หลักของบัญชีเงินออมมีอยู่ว่า

    1. มีเป้าหมายในการออมแต่ละเดือน  คือ  เงินออมจะต้องไม่น้อย

    กว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของรายได้

    2. ห้ามถอน เว้นไว้แต่โลกแตก

    ถ้าเราทำได้อย่างนี้  เราจะพ้นวิกฤตเศรษฐกิจทุกครั้งที่เกิดขึ้นในโลกใบ

    นี้.......เราจะต้องท่องคาถาเสมอว่า “สติมี  สตางค์มา  ออมเงินไว้  ไม่ตกต่ำ

    แน่”





    อีกเรื่องหนึ่งของการออมคือ  เราอย่าได้ไปบ้าแห่ออมเงินด้วยการซื้อ

    ทองคำ และซื้อหุ้น.......ตอนนี้คนแห่กันซื้อทองคำแท่งเก็บเอาไว้เพื่อการอ

    อม  หรือเพื่อเก็งกำไรกันเหลือเกิน แต่พูดจริงๆ นะครับว่า  ทำอย่างนี้ได้ไม่

    คุ้มเสีย




    ผลต่างของราคาทองคำที่เราซื้อมา  ขายไป  บาทหนึ่งกำไรไม่กี่ร้อยบาท  

    เราฝากเงินกินดอกเบี้ยแม้ไม่มากกว่า  แต่ก็ไม่น้อยกว่ากันเท่าใดนัก......

    อย่างนี้  ได้ไม่คุ้มเสีย.........แต่ที่เสียไม่คุ้มได้คือ  เมื่อเราซื้อทองคำแท่งมา

    เก็บไว้  ถามว่าเราจะนอนตาหลับหรือ  เราเอามาเก็บไว้ที่บ้าน  ถ้าเกิดขโมย

    ขึ้นบ้าน  โจรมาปล้น  เงินที่เราเก็บหอมรอมริบก็จะหมดไปในทันที




    แล้วตอนเราไปซื้อทองคำ  เราต้องถือเงินสดไปซื้อ  เสี่ยงต่อการถูกปล้น  

    หรือเงินหายขาไป......เมื่อซื้อมาแล้ว  ถือทองกลับมาบ้าน  ก็จะเสี่ยงต่อการ

    ถูกปล้น  หรือทองหายขากลับ




    ความเสี่ยงเช่นนี้  คือต้นทุนที่เราต้องจ่าย  ต้องนับเป็นมูลค่าในการลงทุน

    ด้วย......หรือถ้าเราเอาทองไปฝากในเซฟของธนาคาร  เราก็ต้องเสียค่าตู้

    ฝากด้วย  อย่างนี้ต้องนับเป็นต้นทุน.......การซื้อทองคำมาเก็บช่วงนี้  ซื้อ

    แล้วก็ได้แต่ใบจองมา  ถ้าร้านทองปิดหนีไป  เราก็เสียเงินฟรี  ความ

    เสี่ยงอย่างนี้ต้องนับเป็นทุนด้วย




    ส่วนการฝากเงินกับธนาคาร  เป็นความไม่เสี่ยงอย่างที่สุด  แม้จะมีระเบียบ

    ของธนาคารออกมาใหม่  ที่รัฐจะคุ้มครองเงินฝาก 100 เปอร์เซ็นต์  ในกรณี

    ของเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท  เราก็ไม่ได้รวยอะไรกันหนักหนา  เราฝาก

    1  ล้านบาท  ต่อ 1 ธนาคาร  เราไม่เดือดร้อนเพราะระเบียบนี้แล้วครับ

    แต่ข้อพึงระวังกับการฝากเงินกับธนาคารคือ  เงินในบัญชีหลักของเรา ที่เรา

    จะไม่ถอน  เป็นบัญชีเงินออม  “เราห้ามทำบัตรเอทีเอ็มเด็ดขาด”  และเรา

    ต้องขอถ่ายสำเนาการเปิดบัญชีของเรา  เพื่อให้เป็นหลักฐานอยู่ในมือของ

    เราว่าบัญชีนี้  “ไม่มีเอทีเอ็ม”




    เพราะว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมากมายว่าเรามีบัตรเอทีเอ็ม  เกิดทุจริตของคนใน

    ธนาคาร  ธนาคารก็ได้ต่อสู้ว่าอาจมีคนของเราไปกดเอทีเอ็มขโมยเงินไป  

    แต่ถ้าเราไม่มีบัตรเอทีเอ็มเสียอย่าง  ใครก็กดเงินของเราไปไม่ได้  หรือมีคน

    ทำบัตรปลอม  แต่เราไม่เคยทำบัตร  เราเอาสำเนาไปยืนยันว่า  บัญชีนี้เราไม่

    มีบัตรเอทีเอ็ม  จะทำให้เราได้เงินคืนอย่างง่ายๆ




    หรือถ้าเราไม่มีบัตรเอทีเอ็ม  ถ้าคนในธนาคารทุจริต  ก็อาจแต่งคำขอเปิด

    บัญชีของเราว่าเราทำบัตรเอทีเอ็มก็ได้ ดังนั้นเราต้องถ่ายสำเนาคำขอเปิด

    บัญชีในส่วนว่า เราไม่ทำเอทีเอ็มเก็บไว้เป็นหลักฐาน  เราก็สู้เขาได้......ถ้า

    คนในธนาคารทุจริต  เขียนใบถอนเองโดยปลอมลายเซ็นของเรา  แต่เมื่อ

    พิสูจน์แล้วปรากฏว่าไม่ใช่ลายเซ็นของเรา  ธนาคารก็จะคืนให้เราง่ายๆ




    ทั้งหมดนี้  ถ้าเรารัดกุม  ไม่ทำบัตรเอทีเอ็มในบัญชีเงินออม  และขอถ่าย

    สำเนาการขอเปิดบัญชีเอาไว้  เงินออมของเราก็จะปลอดภัยเหมือนเดินเล่น

    อยู่ในสวนครับ  (คำว่า เดินเล่นอยู่ในสวน  เป็นสำนวนฝรั่ง  หมายความว่า

    เรื่องมันสบายมาก)




    ส่วนใครบอกว่า  ออมเงินโดยการลงทุนในตลาดหุ้น  สำหรับคลาดหุ้นนั้น  

    ไม่มีคำว่าออมหรอกครับ มีแต่คำว่าเข้าบ่อนครับ......โดยสรุปคือ  เราต้อง

    ท่องคาถาว่า  “สติมี  สตางค์มา  อย่าไว้ใจครับ”




    วิทักโข

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 9 ก.พ. 52 09:16:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com