ความคิดเห็นที่ 1 “จงบอกข้อเสียของคุณมาซิ” ผมถามต่อ “.......ไม่รู้สิ” หลานตอบ “นี่ไง ! ” ผมพูด “อะไร ?” “ข้อเสียของเรา” “?” “คือไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรบ้าง” “......” มันเงียบหลายครั้งมาก “คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรคือคนที่หยุดอยู่กับที่ เมื่อไม่รู้ว่าไม่ดี ก็ไม่รู้จะพัฒนาตัวเองเพื่ออะไร  จะต้องแก้ไขตัวเองไปเพื่ออะไร เหมือนกับคนที่คิดว่าตัวเองฉลาด มันจะไม่มีความรู้เพิ่มเพราะคิดว่ารู้เยอะ ทำให้มันรู้อยู่เท่าเดิมไม่ได้พัฒนาไปไหน  ฉะนั้นการที่เราไม่รู้จักตัวเราเองมันเป็นอาการของคนที่ไม่ค่อยใช้สมอง ใช้ชีวิตไปวันๆ สบายๆ ไม่กระตือรือร้น” “......” “พอจะนึกออกไหม ว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรบ้าง” “ก็....ขี้เกียจ ชอบนอนเยอะ ชอบเล่นเกมส์” “เป็นข้อเสียที่เขาฟังแล้วไม่อยากเอามาทำงานเลย” “.......” “แล้วคิดว่าตัวเองมีข้อดีอะไรบ้าง” “เข้ากับคนอื่นได้ง่าย มนุษย์สัมพันธ์ดี” มันตอบอย่างมั่นใจ “สองข้อนี้ มีประโยชน์อะไรกับบริษัท ?” ผมถามกลับ “.......”เงียบ “เอ็งต้องฝึกที่จะอธิบายสิ่งที่ตอบไปบ้างนะ เพราะไม่อย่างงั้น ตัวเราก็ดูเหมือนจะไม่มีคุณค่า มีข้อดีแต่ไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไรได้ เราไม่รู้แล้วใครจะรู้ละครับ” “......” “ข้อดีที่ว่ามันเอื้อประโยชน์ในการทำงานยังไงก็อธิบายไป คิดว่าคงพอคิดเองได้นะ” “ครับ” “ถามต่อนะ อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่” “.....” ไม่ตอบ “อ่าว ตอบมาสิ “ ผมบังคับ “อืม วุฒิปริญญาตรี เขาให้กันสัก 12000 – 15000 ใช่ไหมครับ ?” “จะเอาแค่ 15000 ใช่ไหม” “เกิน 15000 ได้ด้วยหรือ ? “หลานผมสงสัย “มีคนหนึ่งมาสัมภาษณ์งานหลายปีที่แล้ว ประสบการณ์งานมี 1 ปี วุฒิปริญญาตรี อาถามเขาอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ มันบอก 1 แสน อาบอกได้เลย งั้นช่วยทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นเดือนละอย่างน้อย 2 แสน  เขาหัวเราะแล้วบอก , งั้นผมขอ 18000 บาท พอ” “.........” “ถ้าเราขอเงินนิดเดียว แปลว่าเรามีคุณค่ากับบริษัทแค่นิดเดียวตาม และมีแนวโน้มจะไม่ทำงานให้เกินวงเงิน 15000 บาท ทำไมไม่คิดจะขอเงินเดือนสัก 3 หมื่นแทน ?” “เขาจะให้หรือ? ตั้ง 3 หมื่น เด็กจบใหม่นะอา” “อ่าว ถ้าเขาเห็นว่ามากไป เราก็อธิบายไปสิ ว่าเราจะทำงานให้กับบริษัทให้คุ้มค่าจ้าง มันจะยากอะไรละ ?” จากคุณ : kennyG - [ 9 ก.พ. 52 16:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 “เกรดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ?” “ D ครับ” “เกรดภาษาอังกฤษ แค่ D แล้วถ้าต้องมีการติดต่อ หรือคุยกับฝรั่งจะทำได้ไหม ?” “ก็....คงลำบากเนอะ” มันตอบ “ตอบแบบนั้น เขาจะเอาเราไหม? “ “ควรตอบยังไงอะครับ ?” “ก็จริงที่ว่าเราเกรดภาษาอังกฤษแค่ D แต่เราจะพยายามฝึกฝนและเรียนรู้ จนสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น อะไรที่เป็นจุดด้อย เราต้องพยายามทำให้เขาเห็นว่าเรารู้และเข้าใจมัน และพร้อมที่จะแก้ไขมัน ไม่ใช่ไม่เก่งอังกฤษแล้วก็เฉย.....ไม่คิดจะปรับปรุง” “.......” “น้องหนักเท่าไหร่” ผมถามต่อ “95 กิโล” “บริษัทเราคับแคบและเล็ก น้องตัวใหญ่เทอะทะแบบนี้ไม่กลัวว่าจะเป็นการรบกวนคนอื่นเวลาทำงานหรือ ?” “.....” มันตอบอะไรไม่ค่อยได้เลย “เราก็บอกไปสิ ว่าทราบดีว่าตัวเราอ้วน และตั้งใจอยากจะลดอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามันจำเป็นต้องลดน้ำหนักเพื่อบริษัทและการทำงานก็ยินดีจะลด  เพิ่งบอกหยกๆให้แก้ไขจุดด้อยของตัวเราเอง” “ ...เข้าใจแล้วครับ” “ไหนลองบอกชื่อบริษัทที่ใฝ่ฝัน หรือกิจการที่เราอยากจะทำ แล้วทำไมถึงอยากจะทำที่นั่น” “......” “นี่ไม่คิดจะตอบบ้างเลยหรือ” ผมนึกขำในใจ “ก็ไม่เคยคิดนินา” “นี่ไง จริงๆคำถามนี้เขาอาจไม่ได้สนใจในรายละเอียดของความใฝ่ฝันเราเท่าไหร่หรอก แค่อยากจะรู้ว่าเราคิดถึงอนาคตบ้างไหม มีจุดหมายไหม หรือเพียงขอแค่มีงานทำแล้วอยู่ไปวันๆก็พอ คนที่บริษัทเขาต้องการ น่าจะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมากกว่าคนเช้าชามเย็นชามนะ” “.......อย่างงี้ แปลว่าเวลาสัมภาษณ์ก็ต้องคอยคิดคำตอบสวยๆหรือครับ ? ไหนว่าให้ตอบไปตามความเป็นจริงไง” “ไม่ได้บอกให้ปั้นน้ำเป็นตัวนินา ถ้าจะพยายามโกหกเวลาสัมภาษณ์นึกหรือว่าเขาจะดูพิรุธไม่ออก ? คนที่ตอบอย่างที่เป็นและรู้สึกย่อมตอบได้เต็มปากเต็มคำมากกว่าพยายามปั้นไปตอบไป” “เราต้องตอบให้เขาเห็นข้อดีและความตั้งใจที่จะทำงานกับเขา  ยอมรับในจุดอ่อนตัวเองและบอกเขาว่าเราจะแก้มันได้อย่างไร อย่าไปพยายามปั้นคำพูดเหมือนคนส่วนใหญ่ที่ชอบตอบให้ดูดี คำตอบที่เป็นแบบแผนจะไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากคนที่สัมภาษณ์เราเลย ตรงกันข้ามเขาอาจจะเบื่อและเพิกเฉยเราไปเลย” “ยากเนอะ” หลานผมยิ้ม “ก็ถ้าตอบสมัภาษณ์อย่างที่เอ็งเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ก็คงไม่ค่อยมีใครอยากรับเอ็งไปทำงานสักเท่าไหร่ “ . จากคุณ : kennyG - [ 9 ก.พ. 52 16:08:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่รู้ว่าถ้าหลานผมไปสัมภาษณ์แล้วจะออกมายังไง...... แต่หวังว่าคงจะดีกว่าตอนที่เพิ่งตอบไป หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อน้องๆ ที่กำลังจะหางานทำเหมือนหลานผมนะครับ ปล. ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ โหวตเลยนะครับ ^^ จากคุณ : kennyG - [ 9 ก.พ. 52 16:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มีประโยขน์มากครับ ผมไปสัมภาษณ์ทุกๆบริษัทก็มีแต่สัมภาษณ์แนวนี้แหละ ทำไมไม่คิดจะเปลี่ยนแนวมั่ง บางคนประสบการณ์เยอะๆก็ตอบสบายเลย ผมเคยสัมภาษณ์ตั้งแต่บริษัทระดับท๊อปๆของประเทศไปจนระดับบริษัทครอบครัวเล็กๆ แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย ยิ่งบริษัทใหญ๋นี่แทบจะเป็นแบบเดียวกันเลย ผมว่าแนวการถามของบริษัทเล็กๆยังน่าสนใจกว่าอีกนะ จากคุณ : lNoTicEL - [ 9 ก.พ. 52 16:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นึกถึงตัวเองตอน พึ่งจบใหม่ๆ เลยครับ ประมาณ เขาถามอะไรมานี้พลิ้วไม่ออก หลานคุณ ดีนะ  มีอาใจดี แนะนำได้แบบเห็นภาพ จากคุณ : Heart Break Kid - [ 9 ก.พ. 52 16:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 555+ อ่านแล้วนึกถึงเวลาที่ผมสัมภาษณ์พวกน้องๆจบใหม่เลยครับ มักจะเจอคำตอบประมาณนี้ล่ะ เด็กจบใหม่ส่วนมากมักจะมีปัญหาในการสัมภาษณ์งานเสมอเลยครับ เช่น ไม่รู้ลักษณะงานคร่าวๆของตำแหน่งที่สมัคร ไม่รู้ฐานเงินเดือนที่คาดหวัง หรือไม่ทราบว่าจะตอบคำถามอย่างไร ให้บริษัทรับตัวเข้าทำงาน +++ “เราต้องตอบให้เขาเห็นข้อดีและความตั้งใจที่จะทำงานกับเขา  ยอมรับในจุดอ่อนตัวเองและบอกเขาว่าเราจะแก้มันได้อย่างไร อย่าไปพยายามปั้นคำพูดเหมือนคนส่วนใหญ่ที่ชอบตอบให้ดูดี คำตอบที่เป็นแบบแผนจะไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากคนที่สัมภาษณ์เราเลย ตรงกันข้ามเขาอาจจะเบื่อและเพิกเฉยเราไปเลย” +++ เห็นด้วยกับประโยคนี้ครับ และอยากฝากบอกน้องๆให้เตรียมตัวทำการบ้านให้ดีๆก่อนเข้าสัมภาษณ์ด้วยนะครับ เตรียมข้อมูลตำแหน่งงานที่สนใจให้ดีๆ และสามารถอธิบายข้อดีและข้อเสียของตัวเองได้ครับ ผมเคยเจอ ถามน้องคนหนึ่งว่า เขามีข้อเสียอะไรที่คิดว่าต้องปรับปรุงเพื่อให้เข้าสู่โลกแห่งการทำงานได้? น้องเขาครุ่นคิดสัก 5 วิ ก่อนตอบอย่างไร้เดียงสาว่า "หนูไม่คิดว่าหนูมีข้อเสียนะคะ" ....???? เวลาตอบว่าตนเองมีข้อเสียอะไร อย่าลืมหาเหตุผลที่สามารถนำมาตอบเพื่อชดเชยข้อเสียนั้นๆให้ได้ด้วยนะครับ เพราะคุณสามารถเปลี่ยนข้อเสียให้กลายเป็นข้อดีที่บริษัทนั้นๆ เมื่อได้ยินแล้ว ต้องรีบรับคุณข้าทันทีเลยครับ ดังนั้นอย่าอายที่จะบอกว่าตนเองนั้นมีข้อเสียครับ (ตัวอย่างตามที่ จขกท ระบุมาครับ) มีประโยชน์ดี ผมจะโหวตให้นะครับ จากคุณ : lookout - [ 9 ก.พ. 52 18:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาแชร์บ้างนะคะ หลังจากเดือนที่แล้วสัมภาษณ์งาน 3-4 ที่อยู่เหมือนกัน แต่ของเราจะพอมีประสบการณ์บ้างแล้วนะคะ ทำไมถึงอยากทำงานกับเรา รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง คาดหวังอะไรที่จะได้เข้ามาทำที่นี่ ทำไมถึงอยากเปลี่ยนงาน ลองบอกข้อดี ข้อเสียตัวเองมาซิ ชอบทำงานเป็นทีม ที่จะต้องประสานกับหลายแผนก หรือ ทำงานเดี่ยว ๆ รับผิดชอบคนเดียวไม่ต้องยุ่งกับใคร ชอบส่วนไหนของงานที่ทำมากที่สุด ทำไม ชอบส่วนไหนน้อยที่สุด ทำไม ยกตัวอย่างเรื่องที่ทำงานผิดพลาด แล้วแก้ยังไง แล้วผลเป็นยังไง แล้วมีวิธีป้องกันยังไงไม่ให้มันเกิดอีก มองตัวเองในอีก 5 ปีว่ายังไง จะเรียนต่อโทมั้ย มีวิธีจัดการความเครียดของตัวเองยังไง แล้วของเพื่อนร่วมงานล่ะ (เห็นได้ชัดว่าถ้าได้เข้าไป เตรียมตัวเครียดแน่ ๆ) คิดว่าตัวเอง hard working มั้ย ทำไม ไหนลองบอกซิ ว่าถ้าคนอื่นพูดถึงเรา เค้าจะพูดว่าเราเป็นคนยังไง แล้วจริง ๆ แล้วเราเป็นคนยังไง ตอนนี้นึกได้แค่นี้นะคะ ไว้ถ้านึกได้เพิ่มเติมจะเข้ามาบอกอีกทีค่ะ แต่ไปสัมภาษณ์ทุกครั้ง แอบไม่เคยเตรียมตัวเลย แบบว่าจริงใจ ไหลไปตามสถานการณ์ แหะ ๆ จริง ๆ แล้วกลัวว่าถ้าเตรียมตัวไปแล้วไม่ได้งานจะจิดตก ผิดหวังมาก ๆ เลยพยายามไปสัมภาษณ์แบบไม่คาดหวังมากนัก ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ อย่าเอาตามล่ะ จากคุณ : ยัยลีลี - [ 9 ก.พ. 52 19:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โหวตให้ค่ะ จากคุณ : ibapapoon - [ 9 ก.พ. 52 19:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ช่วงนี้โดนเยอะ มาโหวตให้ครับผมมม จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 9 ก.พ. 52 19:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมคิดว่ามีประโยชน์มากๆเลยครับ ไม่ใช่เฉพาะสำหรับเด็กจบใหม่เท่านั้น แต่มีประโยชน์กับทุกๆคนเลยที่จะหางานใหม่ ผมทำงานมาจะ3ปีแล้ว ว่าจะหางานใหม่ ผมยังเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์เลย ทำให้ผมได้รู้มากขึ้นว่าคนสัมภาษณ์เขาคิดอะไรกันในประเด็นที่เขาถาม และสิ่งที่เราได้ตอบออกไป เด๋วผมโหวตให้นะครับ จากคุณ : nc_115 - [ 9 ก.พ. 52 20:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 12 1 กับ 2 ซ้ำกันครับผมขอเสนอลบคอมเม้นท์ที่ 2 นะครับ เวลามีคนมาอ่านจะได้เกิดความต่อเนื่อง จากคุณ : Tiny CEO - [ 9 ก.พ. 52 20:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีคนชอบมากกว่าที่คิดเลยนะเนี่ย nc_115  .  ถูกต้องเลยครับ ในการสัมภาษณ์ทุกคำถามมีเหตุผลที่จะใช้ในการถาม แม้บางคำถามจะดูเรียบๆง่ายๆ แต่ก็แสดงกึ๋นของคนที่ถูกสัมภาษณ์ได้อย่างดี ฉะนั้นเวลาจะตอบอะไรอย่าไปตอบซี้ซั้ว เพราะเราอาจจะโดนมองเป็นคนซี้ซั้วตามได้ (ฮา) ยัยลีลี   .  มาเป็นชุดเลยนะครับ ใช่เลยพวกนี้เป็นคำถามที่เราต้องเตรียมไปก่อนสัมภาษณ์เพราะคำถามชุดนี้เป็นคำหลักๆของการสัมภาษณ์เลยทีเดียว lookout    .  เห็นด้วยครับ เด็กจบใหม่ไฟแรงมาเจอบทสัมภาษณ์ที่ไม่เคยเจอมักจะจอดทุกราย (ฮา) lNoTicEL   . ผมเองก็เคยได้ยินพวกคำถามแปลกๆเหมือนกัน ที่ประเภทคนที่โดนสัมภาษณ์ก็อึ้งจนไม่รู้จะตอบยังไง แน่นิ่งไปเลย ถ้านึกออกเอามาแชร์กันบ้างนะครับ อยากลองตอบ อิอิ จากคุณ : kennyG - [ 9 ก.พ. 52 21:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ดีเหมือนกันครับที่มีกระทู้นี้ เพราะจะได้ให้เพื่อนๆที่กำลังจะจบเหมือนผม แต่พอดี ผมชิงหางานแต่เนิ่นๆไว้ก่อนละครับ ช่วงนี้ก็รอสอบ รอจบอย่างเดียว อิอิ อีกอย่างเราต้องดึงจุดเด่นของเราออกมาขายให้ได้เยอะๆอะครับ คนจบเป็นแสน คนตกงานเป็นล้าน ทำไมเค้าต้องจ้างเรา ในเมื่อเค้าก็มีสิทธิเลือก ต้องตีโจทย์ให้แตกครับ อย่าตอบอะไรแบบสุ่มสี่สุ่มห้านะ ถ้าไม่รู้อะไร อย่าตอบมั่วๆ ยกตัวอย่างที่ไม่ดีแบบผมเลย ถามเรื่องวิชาการ "วิชาบริหารต้นทุนนี่เรียนเกี่ยวกับอะไรค่ะ" ผม "เกี่ยวกับcost managementครับ" คนสัมภาษณ์" นั่นมันคำแปล " ผม"เอ่อๆ...........เกี่ยวกับ TQMครับ" คนสัมภาษณ์" TQM คือไร" ผม "Total Quality Managementครับ" คนสัมภาษณ์"นั่นมันคำแปล!!!!. ผม"..........." คนสัมภาษณ์"เรียนเกี่ยวกับอะไรอีก" ผม"การคิดต้นทุนแบบABCครับ" คนสัมภาษณ์"ABC ย่อมาจากอะไร" ผม" Accounting Besiness Costใช่ปะครับ" คนสัมภาษณ์"น้องมั่วมากเลย มันย่อมาจาก activity based costing" ผม"..................... พอดีไม่ได้เรียนนานแล้วครับพี่ อิอิ" คนสัมภาษณ์ "เหอะๆ ..............." คนสัมภาษณ์"ข้อเสียของน้องคือพื้นฐานไม่แน่น แต่ว่าน้องมีความพยยาม บวกกับแววตามีความมุ่งมั่น ซึ่งพี่คิดว่าน้องพัฒนาต่อไปได้ไกลแน่ๆ พี่มองคนไม่ผิด ฯลฯ" ผม" *------------* "ดีใจสิครับ ที่เล่ามา ไม่ใช่ว่าจะมีคนโชคดีแบบผมทุกคนหรอกครับ บางทีเจอคนที่ถูกชะตาเรายากแสนอยาก อยากให้เพื่อนเตรียมความพร้อมเรื่อง คำถามวิชาการ ในสายงานที่เราจะทำ ไม่จำเป็นต้องทั้งหมดก็ได้ครับ เอาเฉพาะที่คิดว่าจะได้ใช้ในงาน ในตำแหน่งที่เราได้เข้าไปสัมภาษณ์ บวกกับพกความมั่นใจเข้าไป ยังไงได้งานชัวครับ อีกอย่างการแต่งตัวต้องให้เนียบเลย หน้าตาไม่จำเป็นขอให้บุคลิกดี แต่งตัวดี มีมารยาทแค่นี้ก็ชนะใจคนสัมภาษณ์ได้แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 52 21:58:38 จากคุณ : lNoTicEL - [ 9 ก.พ. 52 21:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านๆดู หลานจขกท. เหมือนจะประหม่า หรือกังวลพอสมควร ว่าจะตอบอะไร ให้มันดี เพราะดูตอบๆไป ก็เปิดแต่จุดที่ทำให้ดูด้อยอย่างไม่ตั้งใจ   แม้จะเป็นตัวเอง ผมเชื่อว่าเด็กอีกไม่น้อยเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่พวกเขาเหล่านั้น  เวลาอยู่กับเพื่อนกันเอง  หลายคนเป็นคนเฮฮา คุยเก่ง บางคนอาจจีบสาวขั้นเทพ  หรืออาจเป็นตัวพ่อตัวแม่ในกลุ่มด้วยซ้ำ แต่ทำไมพวกเขากลับทำได้ไม่ดีในการสัมภาษณ์ ทั้งๆที่  แท้จริงแล้วในสิ่งที่เป็นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร  แถมอาจมีข้อดีที่นึกไม่ถึง แต่กลับถูกซ่อนไว้ภายใต้ความกังวล ดังนั้น..เพื่อให้แก้ปัญหาดังกล่าว อย่างแรก...ก่อนที่จะตอบคำถามใดๆนั้น ผมว่า ต้องให้เด็กเหล่านั้น เข้าใจถึง  ชีวิตการทำงาน  เหตุและผล ในการรับคน 1 คน เข้าไปทำงาน เมื่อเข้าไปทำงานแล้ว  คน 1 คนนั้นจะต้องมีหน้าที่อย่างไร  เผชิญหน้ากับอะไร รวมไปถึงบริษัท ฝ่ายงาน หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน จะคาดหวังอะไรกับคนๆนั้น ซึ่งตรงจุดนี้  เด็กใหม่ทุกคนจะไม่มีประสบการณ์ ทำให้เป็นจุดอ่อนในการที่จะมองเจตนาของแต่ละคำถามให้ออก แต่เมื่อเด็กใหม่เริ่มเข้าใจแล้วว่า  ชีวิตการงานเป็นอย่างไร ผมว่าคงมีหลายคนที่จะลดความประหม่า  ความกังวลในตอบคำถาม จนสามารถแสดงความดีของตัวเองได้มากขึ้น พอๆกับที่จะลดข้อเสียของตัวเองลงได้บ้าง จากจุดนี้  น้องๆจบใหม่ทั้งหลายที่พอเข้าใจ ความหมายของคำถามไม่ว่าคำถามแบบไน จะสามารถลดความกังวลที่ว่าไม่รู้จะตอบอะไรดี ไม่รู้ว่าตอบหนึ่งเขาจะชอบไหม   หรือจะตอบสองแล้วเขาจะว่ามันดูโง่หรือเปล่า เพื่อให้เห็นตัวอย่างที่ชัดเจน  ผมจะลองเปรียบกรณีหลานจขกท.ดังนี้นะครับ __________________________________________________________ สิ่งที่ควรบอกน้อง ลูก หลาน เพื่อเป็นประโยชน์ 1.  ลักษณะงานที่ต้องทำ  องค์กร     จะเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นของคนที่จะเข้ามาทำ     ถ้าน้องๆหลายคนไม่เข้าใจว่าตำแหน่งที่กำลังสัมภาษณ์ นับได้ว่ายังไม่พร้อมที่จะทำงาน     ความต้องการขั้นแรกที่น้อยที่สุด  ต้องรู้ว่ากำลังจะต้องไปทำอะไรบ้าง     เพื่อ  -  นำเสนอข้อดีตัวเองที่คิดว่าเหมาะกับงาน            -  ลดการนำเสนอข้อเสียหรือนำเสนออย่างสร้างสรรค์พร้อมวิธีแก้ไข     เช่น  ถ้าสมัครงานด้าน marketing, pr, organizer, media            เกรดต่ำแต่กิจกรรมสูง ก็เป็นเหตุผลที่ดี  ข้อดีมนุษยสัมพันธ์ดี (แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก ขัดแย้ง)                        ถ้าสมัครสาย skill เกรดน้อย  ถามอะไรก็ตอบไม่ได้            ต่อให้กิจกรรมดี  ก็มีประโยชน์น้อยกว่า  เพราะต้องการคนไปdesign วงจร ออกแบบชิ้นงาน พัฒนา/ควบคุม            และนั่นก็เป็นเครื่องชี้ชัดว่า  นั่นคือเราต้องปรับปรุงอีกมากๆๆ เพื่อให้กลับมาอยู่ที่เส้น start            หรืออาจเป็นจุดเปลี่ยนที่อาจเน้นไปตามสายแข็งที่เราเป็น            ภาษาห่วย ถ้าทำตำแหน่งที่ต้องใช้โดยตรง  ก็อาจเป็นข้อเสียเปรียบโดยตรง ซึ่งถึงแม้จะตอบว่าจะพัฒนาก็คงไม่มีน้ำหนักพอ            แต่ถ้าสมัครตำแหน่งที่อาจให้โอกาสในการพัฒนาได้ ก็ยังสามารถ                 ดังนั้น  ต้องรู้ว่าจะทำงานอะไร  อะไรคือ core competency ที่ต้องมีและขาดไม่ได้ จุดนี้ต้องเน้นการนำเสนอให้ชัด     ถ้าเก่งไม่จริง จะเป็นข้อเสียเปรียบ  และต้องแก้โดยการรู้จักพัฒนาตัวเอง มากกว่าจะใช้การตอบช่วยได้     นอกจาก core competency แล้ว สิ่งที่สำคัญอีกคือ  attitude     แต่ละองค์กรมี culture แตกต่าง  ความเก่งใน competency อาจไม่พอ     คนที่เก่งที่สุด  อาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่ต้องการ  ถ้า attitude แย่  เข้าองค์กรไม่ได้     จุดนี้จะเป็นโอกาสที่ดีในการแสดง attitude ที่ดี เหมาะกับองค์กร     ซึ่งสามารถใช้การนำเสนอตอนสัมภาษณ์ช่วยได้อย่างมาก                     ตัวอย่างเช่น  เรียน Finance เกรด 3.95 เกียรตินิยมอันดับ1     แต่ทัศนคติการทำงาน ขี้เกียจ  ทำงานเป็นทีมไม่ได้  หรือเลวร้ายขั้น ethic ชำรุด     ก็เป็นโอกาสที่ดีของเด็ก Finance เกรด 3.20     แต่ทัศนคติดี  ทำงานเต็มที่ทำเป็นทีม ไม่มีปัญหาด้านจริยธรรม  เป็นต้น 2.  ชีวิตการทำงาน  ชีวิตส่วนตัว  style  เป้าหมายชีวิต     ในการทำงานทุกคนเป้าหมายไม่เหมือนกัน  ดังนั้นการจะหาพนักงานสักคน     ก็อยากหาคนที่จะทำกับองค์กรให้เต็มที่  ทำงานได้ และอยู่กับองค์กรนานๆ     คำถามไม่น้อยก็เป็นการถามเพื่อหาข้อมูลเรื่องพวกนี้ไว้ดู goal ของแต่ละคน 3.  ห้องสัมภาษณ์  คนสัมภาษณ์  บรรยากาศ     เด็กส่วนมากมองห้องสัมภาษณ์เป็นเหมือนห้องสอบ ที่ต้องเข้าไปแล้วทำให้ดีห้ามพลาด     บรรยากาศเครียด ทั้งที่สร้างเองและการสร้างจากผู้สัมภาษณ์     แต่แท้จริงแล้ว  ถ้าใครได้เข้าไปในองค์กรจะพบว่า     HR ที่สัมภาษณ์  ก็คือคนที่คัดกรองเอาคนที่เหมาะสม  ถ้าเราเหมาะสมยังไงก็ผ่านแน่     หัวหน้างานที่มาสัมภาษณ์ต้องการคนที่ทำงานได้ ขยัน โน่น นี่ ว่ากันไป     ถ้าเราใช่  ยังไงก็ได้     (บนเงื่อนไขปกติ)     พอเข้าไปได้แล้ว  HR น่ารักๆ ก็มีไว้ให้จีบ     หัวหน้างานบางคนก็เป็นเหมือนพี่ เหมือนลุง เหมือนป้า  ที่อยู่ๆกันไปก็สนิทกัน     เพราะฉะนั้น  ไม่มีอะไรต้องกลัว   เค้าไม่รับ  ไม่ใช่ว่าสอบตก     ตอบห่วยไม่ได้แปลว่าต้องพลาด  ตอบดีไม่จำเป็นว่าต้องได้ 4.  อื่นๆ 555 __________________________________________________________ ถ้าน้องๆเริ่มมีภาพ มีข้อมูลเหล่านี้ในหัว เวลาที่เจอคำถามแบบไหน  หลายคนอาจเริ่มเห็น เจตนาของถาม  จะได้ตอบได้ง่ายขึ้น  ไม่กดดัน ไม่ต้องกลัว ว่าจะตอบผิดถูก  ไม่ตรงใจ ********************************************** “บริษัทเราคับแคบและเล็ก น้องตัวใหญ่เทอะทะแบบนี้ไม่กลัวว่าจะเป็นการรบกวนคนอื่นเวลาทำงานหรือ ?” ไม่หรอกครับพี่  แม้บริษัทจะเล็ก แต่ผมเชื่อว่าพี่ๆแต่ละคนใจกว้าง ยินดีต้อนรับน้องใหม่หุ่นป๊อบ แคลอรี่ บลาบลา (ผมร้องเพลงเพราะนะ555) อีกอย่างเวลามีอะไรต้องยกหนักๆ ทั้งลังทั้งแฟ้ม  มีผมคอยช่วย พี่ๆจะได้เบาแรงไงครับ Q(^_^Q) Fight! Fight! ********************************************** จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 9 ก.พ. 52 22:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดีจังเลยที่กลายมาเป็นกระทู้แนะนำการสัมภาษณ์งาน ยิ่งเป็นประโยชน์กับคนอ่าน สิ่งใดน่าแนะนำก็เชิญเสนอได้นะครับ จากคุณ : kennyG - [ 9 ก.พ. 52 22:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อยากให้คนที่ผมสัมภาษณ์ไป มาอ่านกระทู้นี้จังเลย... มองอีกแง่นึง ผมอาจจะโหดไปก็ได้ อิอิ จากคุณ : wbj - [ 9 ก.พ. 52 22:51:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากครับ ดีทั้งคำถามและคำตอบเลยครับ จากคุณ : Dkrab - [ 9 ก.พ. 52 22:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ..............เพิ่งได้สัมภาษณ์ไป 3 ที่ พึ่งรู้ว่าตัวว่าเราก็ใช้ได้....หุหุ เพราะตอบคำถามแบบคุณ จขกท และ คห. 15 เลยคะ ขอบคุณกระทู้นี้จริงๆ คะ ทำให้ดิฉันมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ^_^ จากคุณ : คนหางาน (apple combo) - [ 10 ก.พ. 52 09:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โดนดีจังเลยค่ะ มีประโยชน์ดีมากๆ HR ที่เขี้ยวๆหลายๆที่ก็คงจะประมาณนี้มั้งคะ เราคยโดนไล่บี้เป็นชัวโมงเลย กับคำถามพื้นๆฟังดูกวนๆเนี่ย แต่ก็นั่นแหละ ไหวพริบมันจำเป็นต้องมีสำหรับงาน จากคุณ : .. (VivaRocky) - [ 10 ก.พ. 52 11:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากครับ วันนี้กำลังจะไปสมัครเพิ่มอีก ตกงานมาเดือนกว่าแล้วครับ แต่มาดูว่าที่สีลมมีอะไรดี ๆ ไหม ดีใจที่มาเจอกระทู้ครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ จากคุณ : OrganizerO - [ 10 ก.พ. 52 11:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 .... การสัมภาษณ์ได้ไม่ได้ความว่าจบสำเร็จแล้ว แต่ให้คิดแค่ว่าได้แล้วเราจะไปกับงานนั้นได้ไหม เมื่อเราคิดได้เช่นนี้เราจะสนใจที่จะศึกษางานที่จะไปทำ ก็มีโอกาสที่ตอบคำถามได้สนุกกว่าเรื่องทั่วไป.... ไม่มีอะไรครับ  แจม...... จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 10 ก.พ. 52 14:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากประสบการณ์... ที่ไม่เคยตกสัมภาษณ์ นะครับ หลักๆคือ ...   1. แนะนำตัวตามปกติ พูดจา ตรงไป ตรงมา ชัดเจน 2. อธิบายให้เห็นภาพว่า เมื่อได้รับการคัดเลือก ในตำแหน่งที่สมัคร แล้วจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรบ้าง... แค่นี้เองครับ... ปล. องค์กรที่แสนรักที่ (มีพระคุณ) เคยรับผมเข้าทำงาน...  ^_^ 1. บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ... ระดับปฏิบัติการ 2. ในเครือ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ... ระดับจัดการ 3. ในเครือ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ... ระดับจัดการ 4. บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ... ระดับจัดการอาวุโส แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 52 15:28:23 จากคุณ : ดีอาร์ (๛จูล่ง๛) - [ 10 ก.พ. 52 15:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าผมเป็นหลานพี่ ผมเดินหนีตั้งแต่ คำถามที่ 4 แล้วครับ 5555 จากคุณ : GNRz - [ 10 ก.พ. 52 17:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พรุ่งนี้จะไปสัมภาษณ์งานเป็นครั้งในชีวิตค่ะ ตื่นเต้นจังกลัวตอบอะไรที่ดูไม่ฉลาดหรือโง่ๆนั่นเอง เครียดๆ เป็นคนเรียบเรียงคำพูดไม่เก่งอ่ะค่ะ เห้อๆๆๆ เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ จากคุณ : Unknown Name - [ 10 ก.พ. 52 19:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบมากเลยค่ะ แจม... สุดท้ายมีอะไรอยากถามเกี่ยวกับบริษัทของเราไหม? จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 10 ก.พ. 52 22:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เคยไปสัมภาษณ์งาน  พอคุย ๆ ไป ก้อรู้แล้วว่าเค้ารับคนอื่นไปแล้ว แต่ว่านัดเราแล้ว ก้อต้องสัมภาษณ์  หุหุ เลยถามเค้าตรง ๆ ว่าคุณได้คนแล้วใช่มั้ย เค้าก้อตอบ ตรง ๆ ว่า คะ ได้แล้วเมือวาน  แต่นัดคุณแล้ว เราบอกไปตามตรงว่า เนี้ย เป็นการสัมภาษณ์ ที่ไม่ให้เกียรติคนมาสัมภาษณ์เลย ถ้าคุณได้คนแล้วก้อบอกเราตรง ๆ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลามา แล้วเจอคำถาม แบบว่า ถามให้เสร็จ ๆ หุหุ   อีกที่ เราถามว่าเราจะถามอะไรมั้ย เราเลยถามว่า ที่นี่ให้โอทีหรือเปล่า เค้าบอกว่าให้  เราถามต่อ ใช้หลักเกณฑ์อะไร ถ้าเค้าบอกว่าอยู่ที่หัวหน้างานจัดการ แล้วถ้าคนทำโอกันมาก แสดงว่างานมากกว่าคน  เงี้ยเราก้อไม่มีเวลาส่วนตัว หรือถ้าเค้าบอกว่า   ใครอยู่เลยเวลางาน ก้อได้โอ แสดงว่าเค้าไม่มีการจัดระเบียบงานกัน  ฉันก็อยู่รอให้รถหายติดก่อนสิ ได้เงินด้วย อีกที่เรารู้สึกว่าคนสัมภาษณ์ อีโก้สูงมากๆๆ เราก้อเลยถามว่า ถ้าแม่บ้านกะ ผู้จัดการมีปัญหาตบตีกัน บริษัทคุณมีกฎเกณฑ์อะไรจัดการเรื่องนี้ คำตอบ คือ แม่บ้านทีใหนจะกล้าทะเลาะกะผุ้จัดการ  ไม่มีหรอก ถ้ามีจริง ผมไม่เอาไว้หรอก แสดงว่าถ้ากรูทะเลาะกะมรึง  มรึงก็จะว่า กรูสะเออะไปทะเลาะ กะมรึง แล้วกรูก้อคงโดนไล่ออก โดนไม่สอบสวน อะสิ งานนั้นเค้ารับเรา  แต่เราไม่รับเค้า  หุหุหุ  เลือก ได้ ๆ คนหางานก้อมีสิทธิ์เลือกงานนะ  เราว่า จากคุณ : nano&bible - [ 11 ก.พ. 52 11:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 #27 คำถามแรก เท่จัง ^^ เหอ ๆ จากคุณ : OrganizerO - [ 11 ก.พ. 52 12:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ยังกะบทละคร จากคุณ : แพรวา (blacksatin) - [ 11 ก.พ. 52 12:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ต้องรู้จัก  และมีข้อมูลของบริษัทฯ ที่จะไปสมัครงาน  บ้างครับ สมัยสิบกว่าปีก่อน ( ประมาณยุคแพนเทียมคลาสสิค ) ผมไปสมัครงานกับ บริษัทนำเข้าซอฟแวร์เกมส์ แห่งหนึ่ง -  ตอนนี้ เกมส์อะไร ดังที่สุด และยอดขายดีที่สุดของบริษัทฯ เรา ? -  คุณคิดว่า  คุณจะมีส่วนช่วย ทำให้ยอดขายของบริษัทเรา  เพิ่มขึ้นได้สักเท่าไหร่ ? -  คุณคิดว่า จะร่วมงานกับบริษัทเรา ได้นานเท่าไหร่ ? -  คุณทราบหรือไม่ว่า  ตอนนี้ มีกี่บริษัทฯ ที่ทำธุรกิจนำเข้าซอฟแวร์เกมส์  เหมือนบริษัทเรา ? ต่อให้มีประสปการณ์ เจอคำถามมุขนี้  ก็อาจเกิดอาการ ประหม่าได้เหมือนกัน ฉะนั้นแล้ว  การเตรียมข้อมูล  และทำการบ้านไปบ้าง จะดีที่สุดครับ จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย - [ 11 ก.พ. 52 14:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 31 รู้สึกบริษัท ที่สัมภาษณ์แบบนั้น จะเป็นพวก บริษัทใหญ่ๆ เป็น มหาชน โบนัส 6 เดือนนะครับ..... เท่าที่เจอมานับสิบบริษัท ส่วนใหญ่แล้ว หวังแค่ให้เรา "เงินเดือนต่ำ ทำงานสูง" ทั้งนั้น.... ไอ้พวก ทัศนคติ หรือ มุมมองในแง่บวก เสียสละเพื่อองค์กรอะไรนั่น มันไม่มีจริงในบริษัท ส่วนใหญ่ของประเทศนี้เลย..... ถ้าตอบดี พูดดี มุมมองดี แต่เงินเดือน เรียกมา 8 หมื่น - แสน.....คงไม่มีใครจ้างให้ขาดทุนเปล่าๆ.... สัมภาษณ์ได้ดี แต่ รายได้บริษัทเท่าเดิมซ้ำร้ายรายจ่ายเพิ่มขึ้น...จะรับไปทำไม ? ในเมื่อ มีคนที่เงินเดือน 1.5 หมื่น ทำงานได้เหมือนกัน........เดินหัวชนกันแทบแตกตายในตลาดแรงงาน บริษัท หวังกำไร และ ลดรายจ่าย และลดจำนวนพนักงานให้น้อยที่สุด ไม่ใช่องค์กรสร้างภาพหรือ รวมนักคิดบทละครสวยหรู ซะหน่อย..... ผมเคยทำงานให้กับ บ.ดีทXXXX ........แรกๆ ก็สัมภาษณ์แบบนี้แหละ คุยกันเป็นชั่วโมง ถามแบบที่ จขกท. ว่ามานั่นแหละ...... พอมาทำงานจริง เขาสนใจแต่ยอดขายสินค้า กับ ยอดสั่งสินค้า เท่านั้น.... ขอเงินเดือนไป 2 หมื่น ...ขำแทบตกเก้าอี้......เด็กจบใหม่ อายุ 22 จะเอาเงินเดือน สองหมื่น ? คุณลองเขียนใน พอร์ตงานคุณไปสมัครสิครับ สมมุติให้ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ เรียกเงินเดือนไปสัก 5 - 7 หมื่ีน....เขาคงจะเรียกคุณไปทำงานด้วยหรอก ? ในเมื่อราคาเฉลี่ย อยู่ที่หมื่นกลางๆ เท่านั้น.... ถ้าจะถาม คงจะถามเอาสนุกๆว่า "คิดยังไงเรียกเงินเดือนเยอะ ?" ถ้าจ่ายให้คุณแล้วไม่ได้ตามที่คุณพูด(โม้) คุณจะชดเชยให้เราได้หรือ ? ยังไงๆ บริษัท ก็มองโฟกัส ที่ - เงินเดือน - อรรถประโยชน์ ทั้งนั้น.....ถ้าเก่งจริง เงินเดือนสูง ก็เรียกไปต่อรองแบบน่าเกลียด....ถ้าเห็นว่าเราตกงานอยู่..... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 11 ก.พ. 52 15:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนเรียนจบมาหางานใหม่ๆ ตอบพลิ้ววววค่ะ ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว ได้งานตั้งแต่ที่แรกเลย ถูกเรียกเกือบทุกที่ด้วย ด้วยความที่คิดว่าตัวเองมีตัวเลือก เลยอยากได้บริษัทใหญ่ๆ อ้อ เกรดก็ไม่สวยนะคะ เกือบๆ 2.5 (ยอมรับว่า สมัยเรียนขี้เกียจ เอาแต่ใจ เหม็นหน้าอาจารย์ก็ไม่ไปเรียนแล้ว) แต่เวลาไปสัมภาษณ์ หรือทำข้อสอบ คิดว่าทำได้เกือบหมด ภาษาก็ถือว่าดีอยู่ มีผลงานด้วยเป็นตั้ง แบบนี้จะรับมั้ยล่ะคะ จากคุณ : yingcs - [ 11 ก.พ. 52 17:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณเจ้าของกระทู้และอีกหลาย ๆ ความเห็นค่ะ จะได้นำไปปรับใช้ได้ จากคุณ : natgabig - [ 12 ก.พ. 52 13:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเค้าถามว่า "คิดว่าตัวเองในอีก 5 -10 ปีข้างหน้าก็เป็นยังไง ทำอะไรอยู่" หรือ "อนาคตที่คิดไว้   คิดว่าจะทำอะไร ยังไง" จะตอบว่ายังไงดีคะ  เพราะเคยเจอแล้วก็แอบอึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกว่าคำถามนี้ตอบได้ไม่ดีเลยค่ะ   ช่วยนู๋ด้วยนะคะ  ...  T_T ปล.แก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 13:06:29 จากคุณ : ใบพัดสีม่วง - [ 13 ก.พ. 52 13:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ #34 "คิดว่าตัวเองในอีก 5 -10 ปีข้างหน้าก็เป็นยังไง ทำอะไรอยู่" --- มีความรู้และเชี่ยวชาญในงานที่ทำ จนสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับ บุคคลและบริษัทได้ (กรณีที่ต้องการเป็นที่ปรึกษา) "อนาคตที่คิดไว้   คิดว่าจะทำอะไร ยังไง" --- อนาคตที่วางไว้ปีต่อปีระหว่างนี้ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง และศักยภาพในการทำงานให้เพิ่มมากที่สุด เพื่อที่จะสามารถสร้างผลกำไรในด้านแรงงานของพนักงานอย่าง (ผม/ดิชั้น) ให้กับบริษัทให้มากเท่าที่จะทำได้ ส่วนอนาคตหลังจากนั้น คงต้องขอดูว่าจะสามารถทำตามแผนข้างต้นนี้ได้หรือเปล่า ... จากคุณ : มดแดง (mpl2004) - [ 13 ก.พ. 52 13:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เคยแต่ถาม ว่า ถ้าเลือกได้..คุณอยากทำงานอะไร ..........??? จากคุณ : PaNok@WanDeRer - [ 13 ก.พ. 52 20:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่ให้คำแนะนำ ... จากคุณ : จอบบ้อน - [ 15 ก.พ. 52 17:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณมากครับ ที่มีกระทู้นี้ให้อ่าน จากคุณ : ชื่อคุณยังไม่ได้ลงทะเบียน - [ 15 ก.พ. 52 18:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โหวตครับ มีประโยชน์สำหรับผมและคนที่กำลังหางานมากๆ จากคุณ : GooD_LemoN - [ 15 ก.พ. 52 23:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากนะคะ มีประโยชน์มากจริงๆ อ่านแล้วตื่นเต้นเลยค่ะ ไม่เคยสัมภาษณ์งานเลย เพราะว่ากำลังจะจบอ่ะค่ะ ถ้าได้สัมภาษณ์งานเมื่อไหร่คงต้องเตรียมตัวตามที่พี่ๆทุกคนในกระทู้นี้แนะนำแล้วล่ะค่ะ ^_^ จากคุณ : บีบี - [ 21 ก.พ. 52 01:29:17 A:192.168.0.17 X:58.8.183.205 ]