ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาต ตอบเพื่อนสมาชิกจากระทู้ที่แล้ว รวมทั้งเปิดประเด็นใหม่ไปพร้อมกันเลยนะครับ   ตอบคุณ พนักงานห้าง ชื่อดัง (run 1511) ขอบคุณ และยินดีมาก ๆที่ได้ความเห็นคุณเข้ามามีส่วนร่วมกันหลายๆฝ่าย ไม่ใช่มีแต่ผมพูดพล่ามอยู่ฝ่ายเดียว เหอะๆ เรื่องสินค้าไม่พอเพียงนี่ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับสินค้าที่อยู่ในกลุ่มของกินของใช้ที่จำเป็น และ/หรือ ลดราคามากๆ (สินค้า HI-Light or Magnet) ให้ย้อนกลับไปดูที่ความเห็น 79 เพื่อวิเคราะห์ที่มาของการลดราคา และสินค้าไม่เพียงพอในการขายนะครับ   1. ถ้าการลดราคาในครั้งนั้นมาจากห้างที่ยอมเฉือน Margin ตัวเองแล้ว ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาว่าทำไมของถึงมีน้อยเหลือเกิน ลุกค้าจะพบเป็นกรณีบ่อยที่สุด 2. ถ้าสินค้าลดราคาแบบถูกมากๆ จาก Supplier ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้ายี่ห้อ เบอร์ 2-3 ในกลุ่มสินค้านั้นๆ ส่วนใหญ่มาจากการลดหรือระบายสต็อกสินค้า สินค้าจะถูกระบุว่าจำนวนจำกัด เพราะหาก ซัพพลายเออร์ ไม่แจ้งล่วงหน้าไว้ก่อน มีหวังโดนเสียค่าปรับอานเลย   3. กรณีนี้สำคัญเลยครับ เป็นกรณีที่ ซัพพลายเออร์ เข็ดและขยาดกับจำนวนยอดการคาดการสั่งซื้อ (Forecasting) ที่เวอร์จนเกินไป   ยอดขายของการจัดรายการลดแลกแจกแถมในแต่ละครั้งจะถูก Forecast เอาไว้ล่วงหน้า โดยที่ ซัพพลายเออร์ จะต้องจัดส่งสินค้าตามจำนวนนั้นๆอย่างไม่มีเงื่อนไข   แต่อันตรายและอาจนำมาซึ่งความหายนะของซัพพลายเออร์ นั้นก็คือ กรณี เมื่อรายการลดแลกแจกแถมของสินค้าหมดไป ทีนี้ล่ะสินค้าของท่านๆจะไปอยู่ที่ไหน ให้ลองนึกภาพๆบนชั้นวางสินค้ารายการหนึ่ง สมมติว่าเป็นนมกล่องยี่ห้อ A   ปกติ นมกล่องยี่ห้อ A นี้ จะถูกจัดเรียงไว้ในชั้นวางขนาดความกว้างประมาณหนึ่ง วางเรียงติดกันสูงประมาณ 3 ชั้น (ยกตัวอย่าง) (ตำแหน่งพื้นที่จะกว้างจะน้อย เด่นหรือด้อย อยู่ที่ปริมาณยอดขาย) คำนวณเทียบกับขนาดหน้าตัดของสินค้าและปริมาตรของพื้นที่จัดเรียงแล้ว สามารถจัดเรียงนมกล่องนี้เข้าไปได้ จำนวน 48 แพ็ค   ราคาปกติที่เคยขายอยู่ที่ชั้น แพ็คละ 60 บาท หากมีความต้องการจะลดราคาเหลือแพ็คละ 55 บาท ส่วนที่ต่าง 5 บาทนั้น ผู้ที่ต้องรับภาระคือ ซัพพลายเออร์  ผู้เดียวทั้งหมดไม่มีเงื่อนไข     เริ่มต้นจากจ่ายค่าโฆษณาก่อน หลังจากนั้นรับ order สินค้า จัดส่งให้ครบตามจำนวน เมื่อจบรายการเมื่อไหร่ คอมพิวเตอร์ที่บันทึกส่วนลดผ่านเครื่องแคชเชียร์จะรวบรวมจำนวน และจะมีบิลมาเรียกเก็บเงินตามจำนวนที่ขายไปจริงกับบริษัท โดยต้องจ่ายเงินสว่นต่างนี้ เป็นเงินสด ไม่มีเครดิตเหมือนสินค้าที่เราส่งไปให้ห้าง หรือถ้าหักจากค่าสินค้า ก็จะหักจากงวดถัดไปทันที   เมื่อถูกห้างบังคับให้ลงโฆษณาสินค้า พร้อมกับลดราคาในช่วงเวลาที่ระบุไว้ สินค้าจะถูกเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อเป็นหลายสิบเท่า จากจำนวน 48 แพ็ค กลายเป็น 480 แพ็ค (ยกตัวอย่าง)   ทีนี้มาลองคิดดูว่า ในกรณีที่ ซัพพลายเออร์ ไม่มีงบประมาณเหลือพอที่จะซื้อพื้นที่พิเศษเพิ่มเติม เพื่อนำมาเรียงสินค้าปริมาณที่ Forecast เพิ่มเอาไว้  สินค้าทั้งหมด 480 แพ็ค จะถูกจัดเรียงอยู่แค่ในชั้นปกติ 48 แพ็ค เท่านั้น   ที่เหลืออีก 432 แพ็ค จะเอาไปเก็บไว้ไหน น้อออ อออ ... เดี่ยวมาต่อใหม่ครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 11:25:48 จากคุณ : NutzGuru - [ 12 ก.พ. 52 21:09:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ... ต่อๆครับ ที่นี้ต้องถามคุณ พนักงานห้าง (run 1511) แล้วล่ะครับ ว่าเอาของที่เหลือไปเก็บไว้ที่ไหนอ่ะ แล้วเก็บยังไง สินค้าที่ชั้นปกติขายหมดแล้วเอามาเรียงเพื่อขายไปบ้างไม๊ ถ้า บริษัท ไม่มีพนักงาน PC เพื่อเข้าไปรื้อสินค้าจากสต็อกและนำออกมาเรียงขายใหม่ จะมีพนักงานห้างแสนดีท่านไหนมาช่วยดูแลบ้าง   เวลาผ่านไป ผ่านไป  บริษัท ก็เครียดไป กังวลสารพัด ไม่รู้จะอยากให้เวลาผ่านไปเร็วหรือช้าดี เร็วก็ดีจะได้กลับมาขายสินค้าราคาปกติ ยอดที่ต้องชดเชยจะได้น้อยหน่อย  หรืออยากจะให้ช้าหน่อยก็ดี สินค้าที่สั่งไปตั้งเยอะ จะได้ขายไปให้หมดไม่มีเหลือ เพราะถ้าเหลือแล้วจะเป็นเรื่องที่ยุ่งมากๆ     สินค้าหลังจากจบรายการ จะมีสต็อกเหลือไว้ที่สาขาจำนวนมากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งถ้ามากกว่าขนาดของชั้นวางสินค้าที่พอจะวางได้  สินค้าที่เหลือจากนั้นจะถูกยัด ถูกอัด ถูกเก็บไว้ในซอก ในหลืบของสต็อกสินค้า อย่างไม่ใยดี  ทำให้เกิดการชำรุด เสียหาย หรือถ้าเป็นสินค้าประเภทอาหารก็จะถูกเก็บไว้จนหมดอายุ     เมื่อถึงงวดที่ห้างมีการเช็คสต็อก พนักงานก็จะส่งเอกสารที่ชื่อว่า “ใบส่งคืนสินค้า” โดยวิธีการคืนสินค้าของห้างเหล่านี้เหรอครับ  เค้าทำเหมือนเป็นเรื่องที่ง่ายดายเอามากๆ  นั้นคือแจ้งให้ บริษัทหรือ ซัพพลายเออร์ ทราบจำนวน เสร็จแล้วภายใน 7 วัน หากไม่มารับของคืนที่สาขา จะทำลายทิ้งสถานเดียว และทำการหักเงินจากค่าสินค้าที่จะโอนจ่ายให้ ซัพพลายเออร์ ในงวดถัดไป อัตโนมัติ บางห้าง หนักกว่านั้นอีกครับ เค้าจะออกใบเสร็จรับเงิน-ใบกำกับภาษี ลงชื่อ-ที่อยู่ บริษัทของท่าน เป็นลูกค้า เสร็จสรรพ ราวกับว่าท่านได้สั่งซื้อสินค้าของตัวท่านเองกลับไป โดยที่ไม่ส่งสินค้าคืนกลับมา เพราะไม่มีปัญญาไปรับคืนเอง ภายใน 7 วัน ตามเงื่อนไขสากล ตอนที่ท่านส่งสินค้า ส่งที่ศูนย์กระจายสินค้า แห่งเดียวกระจายไปหลายสิบหลายร้อยสาขา แต่ตอนที่ขายไม่หมด ท่านต้องไปเก็บคืนด้านหลังร้าน ทุกสาขา ลองคิดดูว่าสาขามันมีกระจายไปทั่วประเทศ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน อุบล เลย โคราช สุรินทร์ พะเยา น่าน ระยอง ชลบุรี หัวหิน สุราษฎร์ ภูเก็ต ฯลฯ อีกมากมาย ภายใน 7 วัน ซึ่งสภาพสินค้าที่ท่านเก็บคืนกลับมา ก็ไม่ต่างอะไรจากขยะชิ้นดีที่ต้องนำไปทิ้งอย่างสถานเดียว   เคยมีครั้งที่ไปรับคืนสินค้าด้วยตัวเอง เห็นว่าเป็นสาขาที่อยู่ไม่ไกลนัก ไปยื่นใบรับคืนที่หลังร้าน เวลาผ่านไป เกือบ ชม. บอกว่าหาสินค้าคืนไม่เจอ พนักงานที่รับผิดชอบไม่มา ให้มาใหม่พรุ่งนี้ แหม่ ... ถ้าเป็นสมัยหนุ่มๆล่ะก็...   .. .. จะขับรถมารับใหม่วันรุ่งขึ้นตามที่ว่าก็ได้ แต่นี่แก่แล้ว จะให้เดินทางไปๆมาๆมันไม่สะดวก เลยขอให้ช่วยหาอีกครั้ง สภาพสินค้าที่ลากออกมา เห็นแล้วก็คิดในใจว่าตูจะเสียเวลามาเก็บขยะพวกนี้ไปทำไมเนี่ย   และนี่คือความเจ็บปวด และความสูญเสียที่มากกว่ายอดขายที่ท่านได้เพิ่ม หลังจากหั่นกำไรของท่านลงมาเพื่อลดราคา หลายสิบหลายร้อยเท่านัก   ความเจ็บปวดเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความต้องการของบริษัทเลยแม้แต่น้อยเลย หากแต่เป็นความต้องการและแรงกดดันที่ถูกบีบมาจากห้างฯ ผ่านมาทางฝ่ายจัดซื้อ  ที่ต้องการให้สินค้าทุกตัวมีงบประมาณ Budget ในการลดราคาและมี Budget ลงโฆษณากับสื่อที่ห้างเป็นผู้สร้างขึ้นมา     ความอยุติธรรม และความโหดร้ายที่เกิดขึ้น หากแลกมาซึ่งการอยู่รอดของบริษัท และการมีตัวตนของสินค้าให้อยู่บนชั้นวางสินค้าต่อไป ดูจะเป็นทางเลือกเพียงทางเดียว ที่ผู้กุมช่องทางจำหน่ายอันยิ่งใหญ่จะเป็นผู้ชี้ใครเป็นหรือชี้ใครตายก็ได้ โดยที่ไม่มีข้อยกเว้นและความปราณีใดๆเพื่อใครทั้งสิ้น   และสิ่งเหล่านี้ก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกวี่ทุกวัน เพียงแต่เปลี่ยนจากชะตากรรมของสินค้าอื่นๆที่อยู่บนชั้นวางสินค้าข้างๆกัน  รวมทั้งสินค้าจากภายนอกห้างฯ ที่รอวันกระโดดเข้ามาผจญภัยแทนที่ของสินค้าของคุณ เป็นเส้นคู่ขนานกันตลอดไป   หากคุณได้เลือกแล้วที่จะลงมาต่อสู้ในสมรภูมิที่ได้ชื่อว่า ... Modern Trade ...  แห่งนี้นี่เองงงงง ตอนต่อไป จะมาแนะนำให้รู้จักกับ Budget ตัวใหม่ตัวเป้งเป้งเลยครับ  พวกเค้าเรียกมันว่า  REBATE  ส่วนลดมหัศจรรย์ จะมหัศจรรย์อย่างไรติดตามกันไปนะขอรับกระผม ฝันดีทุกท่านครับ จากคุณ : NutzGuru - [ 12 ก.พ. 52 23:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตามมาอ่านครับ จากคุณ : ding dang dong - [ 13 ก.พ. 52 00:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากคุณ : wbj - [ 13 ก.พ. 52 00:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วคุณคิดว่าไงล่ะค่ะ  ค้าขายกับต่างชาติ ไม่เห็นเหรอค่ะ ต่างชาติเค้าสร้าง เครื่องกีดกันทางการค้าตั้งเยอะแยะ  ไม่ว่าจะเป็น iso ที่บ้านเราเห่อทำกัน  หรืออีกหลาย ๆ อย่างที่สร้างขึ้นมา ประเทศที่กำลังพัฒนา คิดที่จะทำการค้ากับต่างชาติมหาอำนาจ ก้ต้องทำตามกฏที่เค้าตั้งเอาไว้ ห้างค้าปลีกต่างชาติ เค้ามี power ทั้งด้านเงินทุน และบุคคลากร  เพราะฉนั้นอำนาจการต่อรองย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว จริงมั้ยค่ะ จากคุณ : ดีดี (pikba) - [ 13 ก.พ. 52 01:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ^^" ได้ความรู้ดีมากๆ ค่ะ จากคุณ : picmie - [ 13 ก.พ. 52 09:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำนวนเขียนและเนื้อหาน่าติดตามมากเลยครับ สามารถรวมเล่มเป็นหนังสือหรือคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ได้สบายๆ จากคุณ : <SportivO> - [ 13 ก.พ. 52 10:19:34 A:58.64.114.87 X: TicketID:000681 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คนที่คิดว่าผู้บริโภคได้เต็มๆนี่ อ่านดูให้ดีแล้วคิดใหม่นะครับ มันมีผลกระทบมากว่าที่คุณคิด อย่าคิดแต่ว่า ได้เดินห้างเย็นๆ ของถูกๆ สิครับ จากคุณ : prystal - [ 13 ก.พ. 52 12:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ช่วยโหวตครับ จากคุณ : ZigmAnia - [ 13 ก.พ. 52 12:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เคยเห็นพนักงานของห้างหนึ่ง เก็บของลงจากชั้นวาง แบบไม่ใยดีเลย เอามือกวาดลงรถเข็นเลย ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไม  ตอนนี้รู้คำตอบแล้ว อ๋อ ถึงของที่วางบนชั้น ผมก็เชื่อว่าพวกนี้ทำไม่ดี สังเกตุพวกอาหารกระป๋อง ทุกห้างเป็นเหมือนกันหมด คือ จะมีที่บุบ ๆ เยอะมาก   ใครจะซื้อเลือกหน่อยนะครับ อันตราย จากคุณ : MAX - [ 13 ก.พ. 52 14:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โหวตต่อครับ จากคุณ : เซโก้4 - [ 13 ก.พ. 52 22:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตามมาอ่านกระทู้ที่ 2 ต่อค่ะ ประสบการณ์แบบนี้ถ้าไม่ได้คลุกอยู่ในวงการก็ไม่ทราบได้เลยค่ะ เวลาไปเดินซื้อของห้างใหญ่ๆ ก็มีคำถามในใจเหมือนกัน มาอ่านกระทู้นี้ได้คำตอบกลับมาหลายคำตอบเลยค่ะ แต่ก็ยังมีหลายคำถาม รอให้เจ้าของกระทู้มาเล่าต่อนะคะ อ๋อ....ขอเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ แถวบ้านนี่ เห็นเจ้าของร้านโชห่วยไปซื้อของยกโหลไปขายปลีก คาดว่าน่าจะเป็นร้านเล็กๆ ที่ขายตามหมู่บ้านค่ะ แถมห้างใหญ่แถวบ้านก็มีบัตรสะสมแต้ม ยิ่งซื้อมากก็สะสมแต้มรับบัตรส่วนลด คือว่าในฐานะผู้บริโภคก็รู้สึกว่ามาซื้อที่นี่ ยังไงก็ได้แต้มเอามาเป็นส่วนลดราคาค่ะ ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากนะคะ จากคุณ : มะเปรี้ยว - [ 14 ก.พ. 52 09:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เขียนได้ดี จากคุณ : Thanomklom - [ 14 ก.พ. 52 11:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณจขกท.ค่ะ เขีัยนอธิบายได้ละเอียดมากๆ ตามอ่านต่อไปค่ะ และโหวตไปเรื่อยๆ จากคุณ : เด็กแหนม - [ 14 ก.พ. 52 16:05:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อยากรู้ถึงกลเม็ดของ บ.น้ำมันที่ทำเพื่อประชาชนจังว่า มีวิธีการยังไงในการหลอกขายป้๊ั็ม หลอกให้ร่วมลงทุน หลอกให้เป็นหนี้ ได้กำไร บ.ขอแบ่ง ถ้าขาดทุนรับไปคนเดียว และวิธีกดดันให้เทคโอเวอร์กิจการต่อๆ ส่วนเรื่องการตั้งราคาขายน้ำมันภายในประเทศไม่ต้องก็ได้พอรู้ ค่อนข้างงง ถ้าใครมีประสพการณืก็แตกกระทู้ต่อได้ครับ จากคุณ : ตะอีโม่ง - [ 14 ก.พ. 52 16:18:34 A:192.168.0.17 X:115.67.206.158 TicketID:160546 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาโหวตต่อค่ะ เอ..ห้างต่างชาติเป็นแบบนี้  แล้วห้างสัญชาติไทยเป็นด้วยรึเปล่าค่ะ วานคนอยู่ในวงการช่วยตอบด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะคะ จากคุณ : jintean - [ 14 ก.พ. 52 16:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถึงเวลาที่จะมี พรบ. sub contract หรือ พรบ. ความเป็นธรรมทางการค้า หรือยังครับ... ข้อมูลเห็นภาพเลยครับ จากคุณ : Mr Google - [ 14 ก.พ. 52 16:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตามมาอ่านอีกค่ะ จากคุณ : sis - [ 14 ก.พ. 52 18:22:50 A:58.8.114.36 X: TicketID:041221 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เขียนได้ดีมากครับ จะรออ่านต่อไป ไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนเรื่องพวกนี้เลย คุณเป็นคนที่มีความรู้ด้านค้าปลีกดีมากๆเลยครับ ภาษาที่ใช้ไปเป็นอาจารย์สอนได้เลยนะเนี่ย ปล. สนใจเรื่องการค้าด้านนี้อยู่เหมือนกันครับ อ่านแล้วชักจะกลัวการเข้าไปทำธุรกิจกับห้างฯพวกนี้ซะแล้ว จากคุณ : กล่องติดล้อ - [ 14 ก.พ. 52 19:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จขกท. สำนวนเหมือนเคยเขียนหนังสือมาก่อนเลย มีผลงานอะไรบ้างไหมครับจะได้หาซื้ออ่าน ได้หลายมุมที่ไม่เคยทราบมาก่อน มันช่างลึกลับซับซ้อนอย่างนี้นี่เอง รออ่านต่อนะครับ จากคุณ : kennyG - [ 14 ก.พ. 52 19:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เคยอ่านจาก นสพ. ครับว่าในประเทศพัฒนาเค้าจะออกกฎหมายหลายอย่างเพื่อกีดกันห้างจากต่างชาติ ...แต่กับประเทศเรา เฮ่อ จากคุณ : kirofsky - [ 14 ก.พ. 52 20:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สมัยก่อน ห้างสีส้ม  จะไม่ยุ่งยาก และน่าปวดหัวขนาดนี้ เพราะเค้ามุ่งขายส่ง  และสนับสนุนร้านค้าปลีกย่อย พอสีเขียวเข้ามา  ก็อย่างที่ จขกท. กล่าวมานี่แหละ ผู้ผลิตจึงคิดหาวิธี  ที่จะลดต้นทุนสินค้าฟุ่มเฟือย  จำพวก เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น บ้างก็ย้ายฐานการผลิต บ้างก็อาศัยเทคโนโลยี ( ตบตาคน ) ข้างนอกดู มิลิเนียม แต่ข้างใน ป๊ะติ๊งโหน่ง ! อย่าให้บอกเลย  ว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง   ที่ผมกล้าพูดเช่นนี้  เพราะผมเป็นช่าง  และของจำพวกนี้  ผ่านตาผมมามากพอสมควร   ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา  ผมได้เห็นการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี  สวนทางกับคุณภาพ และราคา กันอย่างมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจ  ว่าทำไมถึงยังอยู่กันได้  ทั้งๆ ที่ค่าแป๊ะเจ๊ยะ ก็ไม่ใช่น้อยๆ ลองมาคิดในทางกลับกัน เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นใหญ่ๆ หนักๆ   100 ชิ้น ถ้าจะส่งตามร้านขายปลีกทั่วไป  กระจาย 10 ร้าน  ระยะห่าง แต่ละร้าน  ห่างกัน 5 - 10 กม.  ต้องใช้คน ใช้เวลา ใช้รถ    และแต่ละร้าน  โอกาสที่จะขายได้ แต่ละชิ้น ( ชิ้นใหญ่ๆ ราคาตัวเลข 5 หลัก+ ) กินเวลา ไม่ต่ำกว่า 1 - 2 อาทิตย์ แต่ถ้าส่งกับทางห้างพวกนี้  โอกาสขายมีมากกว่า  ลูกค้ามีกำลังซื้อมากกว่าข้างนอก  บรรยากาศ  แสงสีเสียง พนักงานขายหล่อๆ มีความรู้ ได้รับการอบรมเฉพาะด้าน และอีกหลายๆ อย่าง  มันชวนให้น่าตัดสินใจซื้อ    มากกว่าร้านอาแปะ  อาซิ๊ม  ข้างนอก  ที่มีแต่ลูกจ้างชาวเขา  ถามอะไรก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ดังนั้น ในอีกมุมหนึ่ง   นี่คือแหล่งทำมาหากิน  คือหม้อข้าวใบใหญ่ของซัพฯ อีกหลายๆ บริษัทฯ  ที่กำลังเข้ามาซบตัก   ยอมสิโรราบทุกเงื่อนไข  ที่ทางห้างเสนอมา   เพื่อแลกกับโอกาส  ที่จะได้แจ้งเกิดกะเค้าบ้าง ท้ายสุดแล้ว   สนามรบ  ใช่เพียงแต่จะสู้กันด้วย กลยุทธ เล่ห์เหลี่ยม และ ยุทโธปกรณ์ แต่ต้องพร้อมพรั่งด้วยเสบียง  และทหาร  ที่มากเพียงพอ  สำหรับชัยชนะ ใครมีเสบียงมาก โอกาสที่จะอยู่รอดได้นานๆ  ก็มีมาก !!! จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย - [ 15 ก.พ. 52 01:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แว๊บไปห้องก้นครัวมา มีบทความเรื่อง การเปิดร้านขายอาหารในห้างด้วย อ่านไปอ่านมา   พอๆ กันกับกระทู้นี้เลย แนะนำให้ลองคลิ๊กอ่านดูครับ http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D7521314/D7521314.html จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย - [ 15 ก.พ. 52 01:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เวรกรรม...ประเทศไทย .... นึกว่าได้ชื้อของถูกที่แท้ก็กินเลือดพวกเดียวกัน ..... จากคุณ : จอบบ้อน - [ 15 ก.พ. 52 11:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผู้ผลิต จะอยู่รอดก็ต้องลดต้นทุนมากๆ  หรือไม่ก็ทำให้ราคาตลาดสูงกว่าความเป็นจริงมากๆ ความซวยก็ตกอยู่ที่ผู้บริโภคนั่นแล จากคุณ : DogRobo - [ 15 ก.พ. 52 15:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สมัยเปิดห้องสีลมใหม่ๆ ผมเคยพูดถึง modern trade หลายราย สั่ง supplier เพิ่มกำลังการผลิตเป็นล้านชิ้น .....ทำให้ supplier ต้องลงทุนเพิ่มเป็นร้อยล้าน แล้วอยู่ดีๆ หลังจากเปิดโรงงานใหม่ได้ซักพัก ........พี่ท่านก็หยุดสั่งของเอาดื้อๆ สุดท้าย supplier เจ๊ง เพราะยอดที่เพิ่มมาเป็นร้อยเท่าเพื่อลูกค้ารายเดียว จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเงินกู้ที่ใช้เพิ่มกำลังการผลิต หลังจากนั้นเจ้าของห้างค้าส่งก็ไปซื้อกิจการของ supplier รายนั้น ในราคาซากกิจการ .....เพื่อเป็นผู้ผลิตเอง ขายเองครบวงจร จากคุณ : academician - [ 15 ก.พ. 52 15:18:09 A:12.129.136.81 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นคนหนึ่งที่เช่าพื้นทื่ของห้างเพื่อเปิดร้าน เนื้อที่ประมาณ 40 ตร.ม. อยู่ชั้นใต้ดิน ค่าเช่ารวมน้ำไฟ เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 1,000 บาท = 30,000 ++ ต่อเดือน ในสัญญาเช่านี้เขาระบุเลยว่า ค่าเช่าปรับขึ้น 5% ต่อปี = ค่าเช่าขึ้นปีละ 5% แล้วใน 30,000 บาทนี้ แบ่งย่อยเป็นรายการค่าเช่า + ค่าบริการ + ค่าภาษีโรงเรือน + ค่าประกันภัย + ค่าน้ำไฟ = เรารับภาระเองหมด ทุกเดือนมีหน้าที่ไปจ่ายค่าเช่า แต่เงินที่จ่ายไปได้รับบริการหรือการดูแลอะไรบ้าง แน่นอนได้พื้นที่ไว้ค้าขาย แต่ร้านอยู่ชั้นใต้ดิน จะไปแจกใบปลิว >> ต้องเสียเงินให้ห้างค่าแจก, จะไปติดป้ายโฆษณาที่ชั้น 1 >> แล้วแต่ความพอใจของ M จะให้วางหรือไม่ เจอ M ดีก็ดีไป เจอ M ที่รับปากส่งๆ ก็แย่ วันนี้พูดอย่าง วันนั้นพูดอย่าง ไม่กล้าจะลงทุนทำป้ายโฆษณาอะไรเลย เดี๋ยววันดีคืนดีก็ยกลงมาบอกไม่ให้ตั้งอีก ค่าบริการที่จ่ายไปทุกเดือน เขาก็ไม่ได้มาบริการอะไรเรามากมาย แม่บ้านยังไม่ถูหน้าร้านให้เลย >> แต่เราก็ไม่ถูนะ ถือว่านอกพื้นที่เช่าของเรา วันดีคืนดีก็มาถอดไฟหน้าร้านออกจาก 5 ดวงเหลือ 2 ดวง เขาบอกเป็นนโยบายประหยัดของห้าง >> อืม .. แต่หน้าร้านเรามืดไปเลย หลายคนชอบถามว่า เปิดร้านอย่างนี้ดีมั๊ย >> เปิดบนห้าง คนเยอะ รายรับเยอะ แต่หักค่าใช้จ่าย + ทำงานไม่มีวันหยุด = เหนื่อยมากกกกกกก อยากบอกเลยว่าไม่คุ้ม เหมือนทำแล้วลงห้างหมด  ไหนจะค่าเช่า ค่าลูกน้อง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ วันหยุดก็ไม่มี ไม่คุ้มเลย อยากเลิกไปเปิดร้านที่บ้านดีกว่า รอมีคนมารับช่วงต่อเมื่อไหร่ คงได้เป็นไทเสียที..เย้ๆๆๆ จากคุณ : papacroft - [ 15 ก.พ. 52 20:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นกระทู้สุดยอดมากเลยค่ะ อยู่พันทิปมา 2 ปี รอๆๆๆๆ อ่านเรื่องแฉโมเดิร์นเทรดมานาน มิมิฯ จะเซฟคำแฉ ที่เคยเขียนในสีลม เก็บไว้ตลอด 2 ปี ไม่เคยค้าขายกับโมเดิร์นเทรดหรอกค่ะ....แต่รู้กิตติศัพท์มาเยอะ หลายๆเคส เช่น เพื่อนเคยขายของเข้า ห้างฯ เค้าต้องจ้างคน เอาเงินบริษัทฯ ไปซื้อสินค้าของตนเอง (ในราคาห้างฯ) เพื่อให้ได้ยอดที่ห้างฯระบุไว้ ทุกเดือน....เพื่อให้ไม่ถูกเอาออกจากชั้นวาง ในอีกแง่นึง เพื่อนอีกคน ยอมเอาเข้าห้างในปีแรกของการผลิต เพื่อให้สามารถผลิตได้เต็มกำลังเครื่องก่อน... ยอมเจ็บ เพื่อระบายของส่วนเกิน ระหว่างปีนั้น... เร่งขยายตลาดวิธีอื่น....ขยายๆๆๆๆ จนครอบคลุมเพียงพอกับกำลังผลิตขั้นต่ำ แล้วบอก บ๊ายบาย ห้างฯ ไปค่ะ....ย้ายไปขายวิธีอื่นแทน อิอิ จากคุณ : มิมิแพนด้า - [ 16 ก.พ. 52 02:39:27 A:124.120.120.69 X: TicketID:203997 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จังหวัดใครจังหวัดมัน ช่วยกันจำชื่อเสียงเรียงนาทเจ้าหน้าที่ เอาตัวเป้งพวกนายกเทศ ปลัดเทส อบต.อะไรเทือกนี้ที่ส่งเสริมให้เกิดห้างต่างชาติในเขตเทศบาล รอเค้าเกษียณ รอเค้าแก่ลง เวลาที่อำนาจเค้าเสื่อมถอย ช่วงที่ไม่เหลือลูกน้องคอยยกหาง แล้วไปถามเค้าดีๆ เห็นไหมลุง ทำไรไว้ มามะผมจะอธิบายให้ฟัง ว่าเศษเนื้อที่เค้าโยนให้ มันกลายเป็นของเสียในตัวเราแล้ว จากคุณ : ตะอีโม่ง - [ 16 ก.พ. 52 15:27:23 A:115.67.153.53 X: TicketID:160546 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สวัสดีครับทุกท่าน ผมเจ้าของกระทู้เองครับ   ก่อนอื่นขอขอบคุณมากนะคัรบ ที่ติดตามกันมาถึงตอนที่ 2 นี้นะครับ ช่วงนี้บอกตามตรงเลยครับว่า ไม่ค่อยมีเวลาเลยครับ เหนื่อยเหลือเกิน ทำงานนหนักมากกว่าเดิม เพื่อรักษายอดขายให้เท่าเดิม แต่ผลกำไรออกมามีแต่น้อยลงน้อยลงครับ ต้องพยายามบอกตัวเองว่าต้องสู้ๆเข้าไว้ครับ    จากอดีต มาจนถึงปัจจุบัน เบื้องหลังของความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างที่ผ่านมาในอดีต ผมและพนักงานทุกคนล้วนลำบากฝ่าฟันมาด้วยกัน เมื่อถึงวันที่บริษัทก็ลำบาก ลูกน้องก็ลำบากแบบนี้ หลายคนอาจจะมีวิธีการบริหารแรงงานที่แตกต่างกันไป      แต่สำหรับผม ในปีที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทก็ไม่ดีเอาเสียเลย ตามสภาพเศรษฐกิจและราคาต้นทุนวัตถุดิบที่มีแต่สูงขึ้น มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่รายวัน มีแต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่มากขึ้น มากขึ้น ซึ่งผมก็นั่งคิดอยู่นานว่าปีนี้ทางบริษัทคงจะไม่สามารถจ่ายโบนัสให้กับพนักงาน (ปกติจะมีโบนัสให้พนักงานในรูปอั่งเปา ในช่วงเทศกาลตรุษจีนครับ)    แต่เมื่อมานั่งพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว ผลประกอบการของบริษัทที่ค่อยๆชะลอตัวลง พนักงานทุกคนก็ล้วนทราบดีอยุ่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยย้อท้อและยังคงตั้งอกตั้งใจทำงานกันต่อไป  โดยที่ทุกคนก็ล้วนเผชิญกับเรื่องค่าครองชีพที่มากขึ้นๆ มีครอบครัวที่ต้องคอยส่งเงินกลับบ้าน ต้องประคับประคองกันไป ผมจึงคิดดูแล้วว่าเงินโบนัสแค่เดือนสองเดือนคงไม่ใช่เงินที่เยอะจนเกินไปจนถึงขนาดทำให้บริษัทต้องเจ๊งไม่เป็นท่า    แล้วทำไมล่ะ!!!     ทำไมจะให้กับพนักงานของเราเองไม่ได้ล่ะ ยิ่งคิดไปถึงเงินที่ต้องจ่ายไปเมื่อตอนที่ถูกห้างฯ พวกนั้น มาหักคอเราไปเป็นแสนเป็นล้าน อย่างไม่มีทางเลือก  เรายังไม่ยอมแตกหัก แต่กลับยอมอ่อนข้อให้กับเค้าได้      สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ถ้าให้อธิบายหาที่มาของเงินปันผลที่สะท้อนมาจากผลประกอบการแล้ว คงไม่สามารถคำนวณออกมาให้มากกว่าจำนวนที่ติดลบได้ แต่สามารถตีมูลค่าในรูปของน้ำใจและการตอบแทนเพื่อนมนุษย์ ความเมตตารวมทั้งกำลังใจยามที่ทุกคนกำลังลำบากเท่าๆกันครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 52 23:05:23 จากคุณ : NutzGuru - [ 16 ก.พ. 52 23:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมจึงขอให้ทุกท่านที่ตอนนี้กำลังประสบกับปัญหาไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่   ขอให้อดทนเข้าไว้ครับ เชื่อว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก และมักจะมีโอกาสซ่อนอยู่ในวิกฤตเหล่านั้นด้วยครับ ทีนี้มาตอบกระทู้ดีกว่าครับ ตอบคุณ <SportivO> คุณ  กล่องติดล้อ  และ คุณ kennyG ขอบคุณนะครับ สำหรับคำชม ผมก็ยังคงย้ำคำเดิมครับว่าไม่มีประสบกาณณ์งานเขียนใดๆเลย แต่ที่เรียบเรียงออกมาได้ดี อาจเพราะว่าผมคลุกคลีกับเรื่องเหล่านี้มามาก  มากเท่าที่จำความได้เลยครับ เพราะตัวเองต้องเริ่มช่วยกิจการค้าขายของที่บ้านนี่มาตั้งแต่ยังเรียนอยุ่ชั้นมัธยมน่ะครับ คงไม่คิดจะไปหากินถึงขั้นเขียนหนังสือขายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้หลอกครับ แค่มีความสุขเล็กๆ ที่ได้เข้ามาเห็นผู้อื่นได้ประโยชน์จากที่เราเขียนอะไรลงไป ก็มีความสุขแล้วล่ะครับ ทั้งๆที่ ทีแรกยังรู้สึกเลยว่าการนำเรื่องเหล่านี้มาเปิดเผย ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเอาเสียเลยด้วยซ้ำ แต่หลายครั้งที่อยากกลับมาเล่าให้ฟัง ... ... หลายครั้งที่เคยคิดทบทวนว่า ทุกวันนี้เราจะลำบากไปเพื่ออะไร?? ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แล้วอย่างอื่นล่ะเพื่ออะไรกัน?? เมื่อคิดต่อถึงความที่ว่า  แล้วถ้าตัวเองลดความอยากได้ใคร่มีล่ะ  ความพยายามและความลำบากที่หามาได้ที่มากกว่าความจำเป็น  ก็ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับตัวเองอีกต่อไป   สิ่งที่เหลือเราก็สามารถแบ่งปันให้กับสังคมรอบตัวเรา มอบให้กับผู้อื่นผู้ที่ต้องการ ผู้ที่ขาดโอกาส หรือผู้ที่ผิดหวังล้มเหลวในชีวิต สิ่งเหล่าล้วนทำให้เกิดกำลังใจ เปลี่ยนกลับเป็นพลังงานให้ผมต่อสู้ต่อไปครับ จากคุณ : NutzGuru - [ 16 ก.พ. 52 23:30:32 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบคุณ ตะอีโม่ง ไม่ทราบจริงๆครับ ขออภัย คุณ jintean ที่ผมเล่าส่วนใหญ่เป็นห้างจตุรเทพครับ ห้างอื่นๆที่ไซส์ไม่ใหญ่มากและสัดส่วนของความเป็นคนไทยถือหุ้นและบริหารแล้ว จะมีความเมตตาและความเป็นธรรมในการค้าขายมากขึ้นตามเช่นกันครับ คุณ สมาคมช่างกิโลขาย และ คุณ DogRobo ถูกต้องแล้วครับ เพราะทุกหน่วยธุรกิจ ต้องการความอยู่รอดและผลกำไรครับ ผลสุดท้ายผู้บริโภคที่เคยคิดว่าได้ผลประโยชน์เต็มๆ ก็จะได้เต็มๆจริงๆครับ   นั่น คือ ส่วนลดและของแถมมากมายถูกอกถูกใจ แต่ได้มาจากสินค้าราคาเต็มที่ตั้งไว้สูงจนเว่อร์เกินปกติ แต่คุณภาพสวนทางดิ่งลงเหว   ข้าวของเครื่องใช้ต่อไปจะมีขายแต่ยี่ห้อที่มาจากเมืองนอก เพราะผู้ผลิตของไทยแท้ๆจะสู้แรงกดดันของห้างพวกนี้ไม่ไหวล้มหายตายจากกันไปจนสูญพันธ์   อาหาร ของใช้ เครื่องดื่ม เสื้อผ้า ทุกอย่างจะถูกแทนที่จากสินค้าจากต่างประเทศ   ถึงเวลานั้นพวกเราคนไทยก็ถูกบีบบังคับให้ซื้อสินค้าแพงๆ ไม่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัว จ้างแรงงานกันเอง ต้องไปเป็นลูกจ้างบริษัทจากต่างประเทศ ถูกกดเงินเดิน ถูกบังคับให้มาขูดเลือดพวกเดียวกัน   อาชีพเกษตรกรรมที่เคยเป็นหลักของคนไทย ของประเทศไทย ประเทศที่มีทรัพยากรสมบูรณ์ชนิดที่เรียกว่าในน้ำอยู่ๆมีปลา ในนาก็ยังมีข้าว จะไม่มีผู้ใดสนใจที่จะทำเพราะ นอกจากจะถูกเปรียบภาพลักษณ์เป็นอาชีพที่ด้อยทางสังคมแล้ว ผลผลิตยังถูกกดราคาจากตลาดที่ถูกยึดครองไปแล้วด้วย   ข้าวปลาอาหารจะถูกแทนที่จากการนำเข้ามาจากต่างประเทศเช่นกัน ให้สังเกตุว่าทุกวันนี้ ผักผลไม้ที่เรานิยมทาน มาจากประเทศจีนเสียส่วนใหญ่แล้ว ผักกวางตุ้งจีน ผักคะน้าฮ่องกง ผักกาดขาวจีน แครอทจีน ผักกวางตุ้งจีน ส้มจีน แอปเปิ้ลจีน องุ่นไร้เม็ดจีน  ฯลฯ ไม่ใช่ปลูกที่เมืองไทยแล้วชื่อจีนนะครับ มันนำเข้ามาจากจีนเลย พวกนี้บางทีขายเป็นชิ้น เป็นลูก หรือขายเป็นแพ็คครับ   แล้วคนไทยตอนนี้ปลูกพืชผักอะไรเป็นหลักเหรอครับ  ปลูกผักกาดหอม  ถั่วฝักยาว  มะระ  ถั่วงอก  มะเขือยาว มะเขือเปราะ  มะเขือพวง  ผักบุ้ง  กระหล่ำปลีหัวใหญ่ พวกนี้ราคาขายเป็นลัง ขายเป็นกระสอบครับ  เฮ้อ ...   เอาล่ะครับ วันนี้พอแค่นี้ก่อน พร่งนี้จะต้องไปเตรียมตัวเจรจาศีกที่ยังค้างคากับห้าง ซิ๊กบี ครับ   อวยพรให้ผมรอดกลับมาเล่าให้เพื่อนๆฟังต่อกันด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 52 00:13:42 จากคุณ : NutzGuru - [ 17 ก.พ. 52 00:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาเป็นกำลังใจ และช่วยเชียร์คะ ข้อมูลดีๆมากคะ จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : พลอย (Super_VIP) - [ 17 ก.พ. 52 05:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านถึงนี่แล้ว มาช่วยโหวตและเก็บเข้าคลังครับ จากคุณ : saengchot - [ 17 ก.พ. 52 13:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จากคุณ : เซโก้4 - [ 17 ก.พ. 52 17:28:13 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณข้อมูลดีๆ ขอเอาใจช่วยครับ!!! จากคุณ : ขลุกขลิกดอทคอม - [ 17 ก.พ. 52 17:46:26 A:192.168.0.17 X:189.2.255.60, 203.144.240.229 TicketID:204759 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อ่านสนุกจนปวดลูกกะตาเลยละค่ะ ประสบการณ์ดีๆอย่างนี้ พิมพ์ขายเลยดีมั๊ยคะ "แฉ..กลยุทธ์ห้างค้าปลีก..จากน้ำตาซัพพลายเออร์" แอบยุค่ะ เพราะสายตาไม่ค่อยดี ^-^ เผื่อเป็น Best seller ห้างฯมาอ่านเจอ จะได้ปรับปรุงตัว (มั๊ยน๊า...) จากคุณ : กุ๊กกู๋ - [ 17 ก.พ. 52 22:05:23 A:117.47.126.188 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 สู้ๆ นะครับ และขอบคุณที่เล่าเรื่องประสบการณ์ดีๆ ให้ฟังครับ จากคุณ : korkiat - [ 17 ก.พ. 52 22:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านมาสองตอนล่ะ ยังไม่จบดี โพสก่อนแล้วกัน ก่อนอื่น ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เขียนอะไรดีๆมาให้อ่านกันครับ ส่วนต่อไปก็ขอบคุณห้างใหญ่ๆทุกห้างที่ช่วยกดหัว supplier และโชว์ห่วย บางเจ้า (ย้ำนะ บางเจ้า) ให้เราลูกค้าได้ซื้อของราคาที่ถูกกว่า บริการที่ดีกว่า สะดวกสบาย สะอาด แอร์เย็นฉ่ำ ใกล้บ้าน ปลอดภัย มีที่จอดรถ มีทุกอย่างที่เราต้องการไม่เสียเวลาไปหลายที่ และไม่ต้องไปเสี่ยงกับแม่ค้าในตลาดสด เสี่ยงเข้าห้องน้ำสกปรกในตลาดสด เสี่ยงโดนพวกเฝ้ารถปล้น ฯลฯ ปล ผมยังรออ่านอยู่นะครับ อยากอ่านข้อสรุป จขกท ว่าสุดท้ายแล้ว เราควรจะข้าขายกับห้างใหญ่หรือไม่ควร และอีกอย่าง supplier มีกำไรมั๊ยครับ จากคุณ : mae - [ 18 ก.พ. 52 14:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตามมาจากกระทู้ก่อน อ่านแล้วตาสว่างจริง จากคุณ : nameshiro - [ 18 ก.พ. 52 17:01:46 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมขอตำหนิ Supplier ฝ่ายเดียวครับ..ทำไมกับ modern trade คุณทนให้เขาทำกับคุณได้ ขณะเดียวกันคุณเสนอขาย โชว์ห่วยและห้างไทยในราคาที่สูงซึ่งเขาต้องไปซื้อสินค้าคุณจากห้างยังถูกกว่า..คิดดูซิผิดธรรมชาติไหม..ซื้อปลีกถูกกว่าขายส่ง..อยากถามว่าใครเป็นคนกำหนดราคาขายให้..Modern Trade..โชว์ห่วย..ถูกต้องแล้วครับ Supplier เองเป็นคนกำหนดราคาขายผิดธรรมชาติ..แล้วจะโทษใคร..ก็พวกคุณ Supplier เองแหละ..ทำผิดธรรมชาติกันเอง.. ทำกรรมใดไว้..กรรมนั้นก็หวนมาตอบสนองเอง จากคุณ : benz - [ 18 ก.พ. 52 17:30:23 A:222.123.116.149 X: TicketID:190761 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบข้อ41 แทนเจ้าของกระทู้ เพราะโชว์ห่วยไม่มีปริมาณการซื้อ บ้างครั้งหนี้สูญ ทวงเงินแต่ละที แทบจะต้องกราบ คนที่เห็นสินค้ามีมาก เป็นการโฆษณาไปในตัว ว่าสินค้าของชั้นสามารถเข้าห้างได้นะ ที่พูดมาเนี่ย เพราะเคยค้ากับห้างใหญ่เหมือนกัน พอสินค้าติดตลาด ก็จบ มีกลุ่มลูกค้าเรียบร้อย ไม่ต้องง้อห้างพวกนี้อีกต่อไป จากคุณ : ด้วยคนนะ - [ 18 ก.พ. 52 23:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถึง คุณ ตะอีโม่ง ความเห็นที่ 15 ครับ ถ้าผมว่าง เรื่องเกี่ยวกับ บริษัท น้ำมัน ผมจะเขียนรายละเอียดอ่านกันครับ อยู่ในวงการนี้มา นาน พอควรครับ แต่ตอนนี้บอกได้เลยว่า " บริษัท น้ำมัน เกือบจะทุกยี่ห้อ ไม่ขาดทุน แน่นอนครับ  เพียงแต่ กำไรแต่ละช่วงอาจจะน้อย นิดนึง และ ที่แจ้งให้สาธารณชน  ว่า ต้องแบกรับ ภาระการขาดทุน มันคือ การใช้หลักการ                      กระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวา ครับ " รวมถึงรายละเอียดของพื้นที่เช่า ในปั้ม เช่น คาร์แคร์ ร้านกาแฟ ครับ รอสัก 1 - 2 สัปดาห์นะครับ จะมาเปิดกระทู้ครับ จากคุณ : Mr.ปิโตรเลียม - [ 19 ก.พ. 52 00:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ถามนิดนึงนะครับ ว่า ถ้าเรา เขียนชื่อ บริษัทน้ำมัน ต่างๆ ควรเขียนตรงๆ เลย หรือ ชื่อที่คล้ายๆกันแต่ทุกคนเข้าใจครับ มะอยากมีปัญหาอ่ะครับ จากคุณ : Mr.ปิโตรเลียม - [ 19 ก.พ. 52 00:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 19 ก.พ. 52 09:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ห้าง ซิ๊กบี ........ ห้างอะไรว้า ทำไมไม่เคยได้ยินเลย จากคุณ : kennyG - [ 19 ก.พ. 52 10:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณกระทู้ 42... ผมมิได้หมายความว่าไม่ให้ขายห้างใหญ่..แต่ควรค้าขายให้มีหลักการและความยุติธรรม..แน่นอนเจ้าเล็กซื้อสู้เจ้าใหญ่ไม่ได้อยู่แล้ว..แต่ราคา(ควรรวมค่าใช้จ่ายที่คุณจ่ายให้ห้าง..มาเป็นส่วนลดให้เจ้าเล็กๆด้วย)..ก็ไม่น่าห่างกันเกิน 5% Quantity Discount (เบ็ดเสร็จ)..อะไรที่คุณให้ห้างก็นำมาเป็นส่วนลดให้เจ้าเล็ก..จึงทำให้หลักการ ราคาส่ง-ปลีกเป็นไปตามธรรมชาติ มิได้เป็นเหมือนปัจจุบันซึ่งผิดธรรมชาติ..ต้นเหตุมาจากใครลองพิจารณาดู... ผมเชื่อว่าร้านค้าที่ค้าขายตรงไปตรงมาก็มีมาก..ก่อนมีห้างพวกนี้..การค้าขายก็อยู่กับร้านพวกนี้แหละ..ธุรกิจส่วนใหญ่เติบโตมาได้ก็เพราะร้านพวกนี้... ฉะนั้นต้องถามตัวเองก่อนว่า..คุณ ซื่อตรงกับเขาหรือเปล่า..หรือกำลังเอาเปรียบเขา... นี่แหละผมถึงว่าเป็นกฎแห่งกรรมที่มีผู้ก่อกรรม..ผลก็ตกกับผู้รับกรรม.. เห็นใจ จขกท นะ..แต่อยากเสนอว่าต้นเหตุมาจากไหน จากคุณ : benz - [ 19 ก.พ. 52 13:19:53 A:222.123.124.43 X: TicketID:190761 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อ้ออีกนิดหนึ่ง..ถ้าตั้งโครงสร้างราคาตามหลักการธรรมชาติแล้ว..ทั้งสองตลาดก็ไปกันได้..ผมเชื่อว่ารายเล็กๆก็พร้อมที่จะขายสินค้าคุณควบคู่ไปกับห้างใหญ่ซึ่งได้ราคาดีกว่าอยู่แล้ว (ตามหลักการข้างบน) น่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายนะ จากคุณ : benz - [ 19 ก.พ. 52 13:22:14 A:222.123.124.43 X: TicketID:190761 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ติดตามและรออ่านอย่างใจจดจ่ออยู่ครับ เขียนเรื่องได้ดีมากครับ เป็นความรู้และประสบการณให้กับหลายๆท่านที่จะเข้า modern trade ให้ทำใจกันไว้ก่อน ผมเคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ไม่ลึกเท่านี้ มันหน้ากลัวแบบนี้เอง ...จากนี้ไปจะเป็นอย่างไร และจะออกมาในรูปแบบไหน... ขนาดตลาดสามชุกประท้วงไม่เอา Lot... ก็ยังเปิดได้เลย เส้นสายใหญ่เพราะเงินถึง แล้วเงินทองของคนไทยก็ถูกดูดออกไปเรื่อยๆ...หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป suppliers คนไทยก็อาจฟันแทงเลือดสาดกันเอง เพื่ออะไร??? (ส่วนตัวผมนิยมชมชอบตลาดนัดเล็กๆ เป็นจุดๆทั่วไป ยังไงก็เงินไม่รั่วออกไปจากประเทศนะครับ) จากคุณ : yos3000trip2story - [ 19 ก.พ. 52 15:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 50 มาลงชื่อรออ่านต่อค่ะ เป็นคนนึงที่คิดจะทำของไปวางขาย และเตรียมใจไว้แล้วว่าคงขายไม่ได้เท่าเราขายเอง แต่ก็หวังว่าจะเป็นการเปิดตัวสินค้าให้เป็นที่รู้จัก พออ่านถึงตรงนี้แล้ว เปลี่ยนใจแล้วค่ะ ขอเหนื่อยแบบมีความสุขดีกว่า คือค่อยๆขายตามงานไปเรื่อยๆ ดีกว่าเอาเงินมาจมกับสารพัดค่านู่นนี่ให้เครียดเปล่าๆ จากคุณ : a pinky pig - [ 19 ก.พ. 52 20:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าเกิดมีลูกค้า ขโมยของๆเราไปจาก shelf ถ้าห้างเขารับผิดชอบให้ไหมครับ จากคุณ : แมวทาโร่ - [ 20 ก.พ. 52 01:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาลงชื่อ ติดตามกระทู้ครับผม จากคุณ : HanaToKaze - [ 20 ก.พ. 52 09:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 53 รอติดตามอ่านเช่นเดียวกันค่ะ ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นอีกมากเลย..และก็สู้ สู้ค่ะ คุณเจ้าของกระทู้ จากคุณ : Save_me (Save_me) - [ 20 ก.พ. 52 16:14:08 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ถามหน่อยครับ ถ้าทำเลดีอยู่แล้ว เปิดร้าน 108 shop ซึ่งไม่มีเซเว่นอยู่ใกล้ๆ(ไม่สามารถเดินไปซื้อได้) ยอดขายต่อเดือนน่าจะประมาณเท่าไรได้ครับ (ไม่ต้องเป๊ะนะครับ เดาๆพอเป็นแนวทางก็ได้) จากคุณ : Zetturn - [ 21 ก.พ. 52 04:15:23 A:117.47.183.52 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 รอชม เรื่อง รีเบต ด้วยคนค่ะ จากคุณ : เชอรี่ - [ 21 ก.พ. 52 06:06:34 A:192.168.0.17 X:58.8.101.174 TicketID:153692 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มาลงชื่อรอติดตามครับ จากคุณ : MAX - [ 21 ก.พ. 52 14:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ติดตามครับผม จากคุณ : V_Accy - [ 22 ก.พ. 52 01:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตอนนี้ห้างค้าปลีก พวกนี้ มีอีกลู่ทางหาเงินกับ  Supplier  ใหม่นะ คือ มัดมือ supplier เซ็นต์สัญญา ว่าถ้าไม่ส่งพนักงานขายของตนเอง ลงพื้นที่ในเวลาที่กำหนด ก็จะมีค่าปรับวันละ 500 บ. ขึ้นไปต่อการขาด PC 1 วัน โดยทฤษฏี คือ "ให้ Supplier มีความรับผิดชอบ ส่งพนักงานขายเข้าดูแลสินค้าตนเอง" แต่ในทางปฏิบัติ คือ " ถ้าห้าง ฯ ไหน ขายไม่ดี ก็จะหาเรื่องไล่พนักงานขายออก ด้วยเหตุผลหลายประการ  คือทำยังไงก็ได้ให้เก็บเงินจาก Supplier ได้ โดยถูกต้องตามหลักสัญญา"  โดยจะไล่พนักงานออกโดยไม่บอก Supplier เมื่อ Supplier ไม่รู้ก็จะถูกค่าปรับตั้งแต่วันนัน และถ้าหาคนไปแทนได้ ห้าง ฯก็จะหาเหตุไม่รับ เช่นไม่ใช่รอบรับพนักงานเข้า ต้องรอวันอื่น ๆ อีก แต่ ห้าง ฯ จะคิดค่าปรับตั้งแต่วันแรกที่ไม่มีคนของ Supplier เข้าไปขาย   คือ ของก็ไม่ขายให้ แกล้งทำเสียแล้วหาทางทำคืน Supplier  ช่วงขายไม่ได้ก็เก็บค่าปรับเรื่องการขาดพนักงานขายซะงั้น คิดดูว่าแต่ละห้าง ฯ มี พนักงานขายของ Supplier กี่คน  ที่หาเหตุให้เสียค่าปรับให้ห้าง ฯ จะได้เท่าไร  บางห้าง ฯ ทั้งเก็บค่าส่งพนักงานขายไปยืนขาย และเก็บค่าปรับในตัวเดียวกัน  ยิ่งสาขาที่เงียบๆ  ไม่มีใครมาสมัครไปยืนช่วย Supplier ขาย ห้าง ฯ ก็ได้ค่าปรับอยู่แล้ว Supplier ไม่ส่งคนไปขายก็ไม่ได้ เพราะมีสัญญาไว้กับห้าง ฯ พวกนี้อยู่ ยิ่งบริษัท ฯ ไหนที่ไม่แข็งพอ ไม่มีความสามารถในการต่อรอง ในการเซ็นต์สัญญาต่อรองกับห้าง ฯ พวกนี้ ก็มีแต่ตายกับตาย นำหายนะเข้าบริษัท ฯ สถานเดียว  แล้วก็ค่อย ๆ ล้มหายตายจากไป จากคุณ : พูดจริงทำจริง (พูดจริงทำจริง) - [ 22 ก.พ. 52 09:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เท่าที่อ่านมา สอง กระทู้ ผมเข้าใจถึงความขูดเลือดขูดเนื้อที่ห้าง Modern Trade มีต่อ Supplier เลยครับ แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมไม่ใช้บริการโชว์ห่วยหล่ะครับ เลิกค้าขายกับ Modern Trade ไปเลย ผมคิดว่า ไอห้าง Modern Trade เนี้ย มันก็มีข้อดีของมันต่อ Supplier อยู่เหมือนกันใ่ช่มั้ยล่ะครับ  ถ้าข้อเสียมันมากกว่าแล้วจะทนมันทำไม ไม่ลองบอกข้อดีหน่อยเหรอครับ ว่าถ้าเอาไปตั้งที่ือื่น จะเป็นอย่างไร เปรียบเทียบ ให้ทั้งระบบ ถ้าปฏิเสธ Modern Trade แล้วหันไปทางอื่น จะเป็นอย่างไร วันข้างหน้าก็จะมีการแฉโชว์ห่วย วิจารณ์การหาเงินของโชว์ห่วย วิจารณ์ยี่ปั้วซาปั้วกันอีกน่ะครับ หรือไม่ผู้บริโภคก็จะมาวิจารณ์  โชว์ห่วยไม่มีแอร์ร้อน ซื้อของแพง ไม่มีที่จอดรถ ไม่มีของให้เลือก ไอกระผมก็ไม่มีความรู้ในด้านนี้ เลยทำได้เพียงถามน่ะครับ อยากให้พวกเราๆได้ฟังความรอบด้านครับผม จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา - [ 22 ก.พ. 52 12:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 62 โหวตค่ะ จากคุณ : Rainwoman - [ 22 ก.พ. 52 16:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เท่าที่ผมอ่านดูคร่าวๆแล้ว จขกท.เขียนได้ดีครับ มองเห็นปัญหาอะไรหลายๆอย่างของซัพพลายเออร์เลยครับ เลยขอขอออกความเห็นส่วนตัวดังนี้นะ จริงๆผมก็ไม่อยากโยงไปเรื่องการเมืองนักหรอกนะ แต่รัฐบาลที่จะเข้ามาดูแลเรื่องนี้ เป็นจริงเป็นจังไม่มีมั่งเลยเหรอครับ ไม่ว่าจะข้ามชาติหรือในชาติก็ตามที ผมว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่นี้และมีแค่นี้แน่ๆอ่ะครับ ผมเองก็พอรู้ว่า เค้าทำการตลาดเพื่อข่มของๆเราแต่ดั้งเดิม ทำทุกวิธี เพื่อที่เค้าจะได้อยู่รอดและผงาดเป็นผู้ชนะด้วยความเห็นแก่ได้ของตัวเขาเอง แต่...อีกด้านนึงหละ ก่อนมีห้างพวกนี้ ผม(แทบจะ)ไม่เห็นเลยว่าโชว์ห่วยมันจะขายถูกตรงไหน จนผมเกิดคำถามว่า...ถ้าคิดอยากจะให้ผู้บริโภคสนับสนุนโชว์ห่วย ทำไม..ไม่ทำให้โชว์ห่วยมันถูกลงจนเท่าหรือเกือบใกล้เคียงห้างใหญ่มากกว่านี้หละครับ ผมไม่ต้องการหลักเหตุผลอธิบายที่เป็นวิชาการคำนวนตัวเลขอะไรให้ดู ขอแค่สั้นๆง่ายๆคำเดียวว่า "กว่าจะถึงร้านโชว์ห่วย กินกันกี่ทอดแล้ว" "ใครกันที่เป็นคนเก็งกำไรก่อนจนผู้บริโภคต้องรับไม่ได้" หรือสุดท้ายก็เป็นได้แค่วงจรการกัดกินแสนอุบาทว์ที่ไม่ว่าจะชาติไหนก็เหมือนกัน อย่าว่าผมเข้าข้างใครเลยนะ แค่พูดเท่าที่เห็น ถามเพราะอยากรู้ สุดท้ายแล้ว...ผมว่าแก้ปัญหาภายในให้ได้ก่อนเหอะ สำหรับไอ้เรื่องของถูกของแพง สนับสนุนของไทยอะไรเทือกนี้น่ะนะ จากคุณ : ArsTraNaGun - [ 23 ก.พ. 52 12:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เข้ามาตามต่อค่ะ จากคุณ : jintean - [ 23 ก.พ. 52 15:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมคิดว่าปัญหาพวกนี้ ถ้ารบ.สนใจ และเอาจริงเอาจังในการแก้ไข คงจะไม่ยากเย็นเกินความสามารถคนไทยอยู่แล้วครับ ก็ขอขอบคุณจขกท.ที่นำความรู้ที่หาได้ยากมาให้คนอื่นๆได้เป็นวิทยาทานนะครับ จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา - [ 23 ก.พ. 52 16:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลล่ะ... คหที่ 63 คุณลองดูก็ได้..เอาสินค้าในห้างที่ทำโปรโมชั่นมาตัวหนึ่ง.. แล้วคุณลองโทรไปซื้อที่บริษัทเจ้าของสินค้าโดยตรง...โดยที่คุณบอกว่าคุณเป็นโชว์ห่วยจะซื้อสินค้าไปขาย..แล้วลองดูว่าราคาส่งที่บริษัทจะให้คุณ..มันจะเท่าไหร่.. ผมบอกได้เลยว่า..แพงกว่าราคาขายปลีกจากห้างแน่นอน.. คุณคิดดูแล้วกันว่าปัญหามันเกิดจากใครกันแน่... เจ้าของสินค้านั่นแหละที่เลือกปฏิบัติ.. จึงทำให้เกิดปัญหา... ไม่อยากสมน้ำหน้าเลย... "ล้อเกวียน หมุนตามโคที่นำนั่นแหละ" ผลเกิดขึ้นจากเหตุ ในเมื่อ Supplier ทำเหตุ...ผลมันก็ตามมา.. กงกรรมกงเกวียน จากคุณ : benz - [ 24 ก.พ. 52 10:28:20 A:222.123.125.181 X: TicketID:190761 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณครับ ในวิกฤติ ผมมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ จากกรณีสินค้าหลังห้างแล้วล่ะครับ ^__^ ใครว่า modern trade ขาดทุน ผมเถียงใจขาด เพราะว่าข่าวก็ออกมา สรุปให้ฟังเสมอว่า ปีนี้ห้าง ตึ๊ด ๆ โกยเงินไทยออกนอกประเทศไปกว่าหมื่นล้าน แสนล้าน -*- จากคุณ : BiGTeDDy - [ 24 ก.พ. 52 11:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ร้านโชว์ห่วยเล็กๆอย่างเรานอกจากบริษัท(บางบริษัท)จะขายสินค้าให้ในราคาที่แพงกว่าไปซื้อจากห้างแล้ว  ยังต้องมาเจอเซลล์แย่ๆอีก เรื่องความแย่ของเซลล์นี่สาธยายไม่หมดหรอก เซลล์ที่ดีก็มีบ้างเป็นส่วนน้อย บางครั้งซื้อของจากบริษัทแย่ๆ เวลาคืนสินค้าแต่ละตัวก็แสนจะยากเย็น เผลอๆมันแอบหักค่าโง่อีก  ล่าสุดเมื่อวานเพิ่งคืนโฟมล้างหน้าของคาโอวววไป ตอนรับมามันคิดเราหลอดละ 36 บาท ตอนคืนของมันตีคืนไปหลอดละ 26 บาท  (ขออภัยที่ใช้คำว่ามัน) สุดท้ายเราก็ต้องไปซบอกห้างค้าส่งใหญ่ๆอยู่ดี  เพราะขายถูกบ้างแพงบ้าง ปนๆกันไป แต่ไม่ต้องเจอใครมายัดของให้เสียอารมณ์ จากคุณ : เอม (เอกนคร) - [ 24 ก.พ. 52 13:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 69 นอกจากนี้  ยังมีกระบวนการอันแสนเลวและชั่วของพวกห้างนี้ อีกมากมายค่ะ  ที่ทำร้าย Supplier  ผู้รับเหมา ออกแบบ ตกแต่ง ชั้นวางสินค้า  แผนกอาหารจำพวกงานสแตนเลส  อีกมากมายสารพัด ไม่อยากเล่าเลยค่ะ  พยายามลืมบทเรียนที่แสนเจ็บปวดเหล่านี้อยู่ เพราะเคยถูกพวกนี้หักคอสูญเงินไปหลายบาทอยู่ แหะ แหะ เจ็ดหลักนะคะ  เป็นค่าโง่ที่ยากจะลืม เอาไว้คราวหน้าจะเล่าให้ฟังนะคะ อ้อ  เดี๋ยวนี้ห้างพวกนี้มีวิธีการหากินเพิ่มอีกอย่างแล้วค่ะ คือการเก็บค่ายาม ค่าดำเนินการดูแล  เช่น หากคุณเป็น Supplier ของลูกค้าที่มีพื้นที่ในห้าง ต้องเข้าไปทำงาน เช่นไปซ่อมตู้เย็นให้ ร้านไอติม ABC  ในเวลาห้างปิด    คุณต้องเสียเงินค่าดำเนินการนี้ เป็นรายคืนค่ะ  คืนละ 800 -1500 บาท ให้กับทางห้างซึ่งมันเก็บกินเปล่า ขึ้นอยู่ว่าอยู่ที่ไหน ห้างอะไร  มีการเชื่อมงานให้เกิดประกายไฟไหม Supplier  ก้ต้องจ่าย จ่าย  มัดมือชกชัด ชัด นี่ล่ะประเทศไทย   เมื่อไหร่มันจะพัฒนากันเสียที ขอบ่นหน่อย  ทำไม รัฐบาลมันไม่ตั้งห้างเพื่อชาวบ้านกันเสียที ทำไม คนไทยผลิต คนไทยใช้ แต่ต้องไปผ่าน ยี่ปั้ว ซาปั้ว ต่างชาติ ด้วยก็ไม่รู้  เซ็งเป็ด สินค้าเกษตร ก็ผลิตกันมากมาย  ราคาตก ก็เอามาเทเกลื่อนกลาด บนท้องถนน  ตามแต่ฤดูกาล ทั้ง กระเทียม หัวหอม  ลำไย  มังคุด ทุเรียน ฯลฯ  รวมถึงนมสด เมื่อไม่นานนี้  ราคาเกษตรกรตกต่ำ ราคานมในห้าง ขวดนึง 830 มล. ขวดละ 44 บาท เฮ้อ มันอะไรกัน ทำไมภาครัฐไม่ตั้งหน่วยงานแปรรูปเกษตร  เพื่อแก้ปัญหาระยะยาวซะทีนะ บ่นกันไป เมื่อไหร่จะเปลี่ยนเสียที เมืองไทย จากคุณ : แม่ขี้บ่น (msju) - [ 24 ก.พ. 52 14:03:27 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คั่นไว้หน่อย อ่านถึงนี่แล้วครับ จากคุณ : saengchot - [ 24 ก.พ. 52 22:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณจขกท. และรอติดตามตอนต่อไป หวังว่าจขกท.ยังไม่โดน"ซิ๊ก.."โละไปเก็บหลังร้านนะครับ จากคุณ : MD...Win - [ 26 ก.พ. 52 22:53:58 ]

ความคิดเห็นที่ 72 วันนี้อ่านจบตรงนี้ จากคุณ : คนข้างหนุน - [ 27 ก.พ. 52 17:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ยังรออยู่ครับ จากคุณ : V_Accy - [ 2 มี.ค. 52 00:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ... จากคุณ : naroktak55 - [ 2 มี.ค. 52 02:39:45 ]

ความคิดเห็นที่ 75 vv ออ อ้อ ค่อยหายสงสัย คับ    ว่าทำไม สินค้า มันแพง แพ้ง แพง แบบ ไร้เหตุผล     เปน ที่ ระบบ อย่างนี้ นี่เอง     มานจึง ต้องขึ้นราคา กันไปเรื่อยๆๆ     เอวัง รับกรรมะ กัน ปาย vv จากคุณ : phonthep (pbhalang) - [ 3 มี.ค. 52 13:02:42 ]

ความคิดเห็นที่ 76 จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้อยู่ที่การต่อรองอย่างรุนแรงเลยนะครับ ถ้ารู้จักการต่อรองที่ดี เราก็มีกระทรวงพาณิชย์เป็นแบ็กให้ผู้ประกอบการไทยอยู่แล้ว หลายๆข้อผมไม่เห็นด้วยเลยนะครับ ไม่ใช่ไม่เห็นดก้วยที่เขียนมา แต่ไม่เห็นด้วยี่ จขกท. ขาดการต่อรองอย่างรุนแรง บางอย่างที่ไม่สมควรเสียกลับเสีย โดนเบียดเบียนอย่างนี้ ผู้ประกอบการไทยทุกคนก็เจ๊งซิครับ ขอให้จขกท กลับไปต่อรองกับเค้าให้มากกว่านี้ ปล. ผมก็เป็นหนึ่งใน Supplier ห้างพวกนี้ (SME) แต่ก็ไม่เสียเปรียบรุนแรงเช่นนี้ มิหนำซ้ำ PC ผมเรียกใช้พนักงานห้างด้วยซ้ำถ้ารู้จักใช้ Connection ที่ดี จากคุณ : Mr.Chelsea (Mr.Chelsea) - [ 3 มี.ค. 52 16:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 77 รอ Mr.ปิโตรเลียม อยู่นะคะ สนใจอเมซอน แต่ได้ยินมาแพงน่าดู........ เจ็ดหลักกว่าค่ะ แต่ก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก จากคุณ : cookie_tree (cookie_tree) - [ 5 มี.ค. 52 16:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ได้ความรู้ดีครับ สู้ต่อไปครับ จขกท จากคุณ : photography - [ 6 มี.ค. 52 16:04:09 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ปักหมุด   จากคุณ : กะโหล่งโป๊ง` - [ 6 มี.ค. 52 19:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 80 รออ่านอยู่นะครับ จากคุณ : โก้ (เซโก้4) - [ 10 มี.ค. 52 22:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 81 รออ่านอยู่เช่นกันค่ะ น้องสาว กะ น้องเขย เคยขายสุขภัณฑ์ให้ห้าง โฮม ...... อยู่ โดนเอาเปรียบทุกอย่างเลยค่ะ ห้างเก็บเงินยุบยิบมากบังคับให้ P.C. ของเราต้องซื้อผ้ากันเปื้อน (สีส้ม) ของห้าง ถ้าไม่ซื้อ ไม่ใส่ ห้างมีบิลมาเรียกเก็บทันทีเลยค่ะ อีก........เยอะ จากคุณ : 6FLOOR - [ 12 มี.ค. 52 13:14:46 A:203.156.25.200 X: ]

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นด้วยทุกประการ เพราะมีประการณ์เหมือนจขกท เลิกทำมีหนี้สินล้นพ้นตัว ดิฉันทำกับทุกห้างตั้งแต่เค้าเพิ่งมีสาขาแรกๆ เหตุการณ์ที่คุณจขกทยังไม่เขียนขออนุญาตเพิ่มเติมนะค่ะ ถ้ากรณีที่คุณต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพราะเครดิตนานถึง 3 เดือน จะมีระบบ factoring เข้ามา พูดง่ายๆ ก็คือ การกู้เงินจากระบบของ ห้างนั้นเอง ก็จะหักดอกเบี้ยกับค่าการจัดการ เรียกว่าโหดพอตัว และขอบอกว่า 3 เดือนนั้น ไม่ใช่ 3 เดือนแล้วจะได้เงินเป้ะนะค่ะ มันเป็นรอบระบบบัญชีของการส่งของ ถ้าส่งของไม่ทันรอบบัญชีก็จะช้าไปอีก อาจนานถีง 4 เดือน factoring ก็จะปรับเป็นดอกเบี้ยเพิ่ม ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ถ้าคุณก้าวเข้าทำสัญญาก็เรียกได้ว่าคุณได้ทำสัญญาทาส ตอนนี้ดิฉันหลุดพ้นมาแล้วแต่มีเพื่อนร่วมรุ่นยังทำอยู่ เหตุผลที่ต้องทำเพราะมีหนี้สินเงินกู้นอกระบบ ต้องทำเพราะต้องการเงินหมุนเวียน และที่สำคัญอายุมากไม่รู้ว่าจะไปเริ่มต้นทำอะไร กรณีที่จะเลิกทำคุณก็จะ ต้องไปต่อสู้เอาเงินที่ยังไม่ถีง due ที่จะจ่าย ดิฉันเสียบ้าน 1 หลัง และเงิน 7 ล้าน อยากให้ใครที่จะเข้าไปทำควรศึกษาให้รอบคอบ อาจจะมีคนสงสัยว่าไม่ดีทำไม ถึงยอบทำอยู่ได้ มันก็คล้ายๆขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ แต่ถ้าคิดได้ก็ควรจะลงดีกว่า เพื่อนที่เคยทำมีหนี้ติดตัวมาทุกคน ดิฉันเลิกทำมาแล้ว 8 ปี คิดว่าเทคโนโลยี่ ก้าวไกล เค้าน่าจะมีกลยุทธ์ดีๆจัดการกับ supplier ขนมไหม้แล้วโอกาสหน้าจะมาเล่าต่อนะค่ะ จากคุณ : ซาลาเปา - [ 16 มี.ค. 52 22:11:31 A:192.168.0.17 X:118.172.193.246 ]

ความคิดเห็นที่ 83 สงสัย จขกท. เจอมรสุม หายไปเลย นั่งรอ อัพเดต -*- จากคุณ : BiGTeDDy - [ 17 มี.ค. 52 12:54:39 ]