ความคิดเห็นที่ 1 ทำอาชีพนี้ต้องอดทนหน่อยค่ะ บางทีคุณแค่เพิ่งจะเริ่มต้น...ทำให้ยังหวั่นไหวกับคำพูดทำนองนี้อยู่ คุณเองต้องปล่อยวางค่ะ อย่าไปหงุดหงิดกับคนที่มีอคติด้านลบกับอาชีพของคุณ แล้วคุณจะทำอาชีพนี้ได้อย่างสบายใจขึ้นค่ะ ^ ^ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ ปล.คนที่จะทำประกันชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะหน่อยน่ะค่ะ หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่มีรายได้(สูง)พอสมควร ถ้าไปคุยกับคนที่เขามีปัญหาเรื่องเงิน ก็จะยิ่งเท่ากับไปเพิ่มภาระให้กับเขาอีกน่ะค่ะ ยังไงก็ต้องเลือกกลุ่มลูกค้าที่จะเสนอเรื่องประกันมากขึ้นหน่อยนะคะ อาจจะได้ผลบวกมากกว่า แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 09:06:57 จากคุณ : เพื่อนคนใหม่ - [ 13 ก.พ. 52 09:05:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ประกันชีวิต และ ประกันภัย เป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูก ที่คน(ไทย)อีกมากที่ ยังไม่เข้าใจ และ ไม่เห็นความสำคัญ ส่วนการที่คนส่วนใหญ่ มองว่า การเป็น "ตัวแทน" ประกันชีวิต เป็นเรื่องเลวร้าย ไร้สาระ ไม่อยากคุยด้วย พอๆกับการเป็น ตัวแทนแอมฯ ก็เพราะว่า ตัวแทนประกันชีวิต สมัยก่อน มันเลวร้าย ใช้การขายแบบ ตื๊อ เข้าว่า จนสร้างความเอือมระอา ไปทั่ว (เหมือนในโฆษณา ที่เปรียบเหมือน แมลงสาบ) เท่านั้นเองครับ จากคุณ : kitz - [ 13 ก.พ. 52 09:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีครับ ถ้าจะเข้ามาเพื่อระบายก็เชิญได้เลยนะครับ ... แต่ถ้าจะเข้ามาถามหาข้อเท็จจริง ความคิดเห็น ว่ามันต่ำทรามจริงไม๊ล่ะก็ คุณเองก็เริ่มต้นชัดเจนไว้แล้วไม่ใช่เหรอครับ "ผมเริ่มมาทำงานขาย คือไม่เคยทำมาก่อน มีผู้ใหญ่เค้าแนะนำ ให้ลองมาทำ ก็รู้สึกต่อต้านพอสมควร แต่พอเข้าอบรม รู้ข้อเท็จจิง ของประกันชีวิต ก็รู้ว่า มันดีต่อลูกค้ายังไง" ขนาดตัวคุณเองยังรู้สึกต่อต้านเลยครับ ตัวคุณที่กำลังจะได้รับผลประโยชน์ทางตัวเงินในสายอาชีพนี้ แล้วคนอื่นที่เค้าต้องมาเป็นลูกค้าจ่ายเงินให้คุณ เค้าจะไม่รู้สึกต่อต้านไปมากกว่าคุณเหรอครับ ก็ต้องพยายามหน่อยล่ะครับ ณ เวลานี้ไม่มีอาชีพไหนที่ทำงานสบายๆได้เงินง่ายๆ หรอกครับ ทรรศนคติของคนสมัยนี้ และนโยบายการออมเงิน และหักลดหย่อนภาษีช่วยเหลืออาชีพนี้ให้ทำงานการขายได้ง่ายขึ้นเยอะกว่าสมัยก่อนที่ลำบากกว่านี้มากครับ เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ จากคุณ : NutzGuru - [ 13 ก.พ. 52 09:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวแทนดีๆมีมาก ที่ไม่ดีก็เยอะ ผมเองทำประกันแล้วทั้งตัวเอง ภรรยาและลูก มีตัวแทนมาเสนอ ผมบอกว่าทำแล้ว ไม่ต้องการทำเพิ่ม บางคนก็เข้าใจ บางคนขอให้ทำเพิ่ม ( เรื่องนี้ไม่ว่ากัน เข้าใจครับ) ตอบไปว่า  ไม่ต้องการทำ ยังตื๊อต่อนี่  เป็นใครก็คงไม่ชอบ เล่าเรื่องที่เคยเจอให้ฟังดีกว่า นานมาแล้ว มีนักศึกษาคนหนึ่งมาขอสัมภาษณ์ผม บอกว่าอาจารย์ให้ทำรายงานเรื่องบุคคลวิชาชีพต่างๆ ผมทำงานอยู่ อยากช่วย  บอกว่าให้มาตอนเลิกงาน เขาถามละเอียดมากจนผมสงสัย ถามทั้งประวัติครอบครัว การศึกษาตัวเองและพี่น้อง อายุพ่อแม่ ญาติ รายได้ ทรัพย์สิน ก็ตอบเท่าที่ตอบได้ ผ่านมาอีกอาทิตย์หนึ่ง มีตัวแทนมาขอพบ ผมบอกเขาไปว่า ทำแล้ว ไม่ต้องการทำเพิ่ม ตัวแทนคนนี้ เปิดเอกสารปึกใหญ่มาอ่าน แล้วร่ายยาวว่า ผมมีพ่อแม่และญาติที่ยังไม่้ได้รับการคุ้มครองหลายคน รายได้ที่ผมมี ยังไม่ครอบคลุมการดำรงชีวิตหลังเกษียรณ ฯลฯ ข้อมูลที่ว่า มาจากนักศึกษาคนนั้นแน่นอน เพราะข้อมูลบางเรื่อง ผมตั้งใจตอบแบบผิดๆ   เขาก็มาถามแบบผิดๆเหมือนกัน ถามว่า ผมควรคิดอย่างไรกับตัวแทนที่ทำแบบนี้   จากคุณ : 447 - [ 13 ก.พ. 52 09:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าเอาคำพูดคนที่ทัศนคติไม่ดีแค่คนเดียวมาตัดสินคุณทั้งชีวิต จงทำมันให้ดีที่สุด และจงภูมิใจกับมัน ธุรกิจประกันชีวิต เวลาปกติคนมักไม่เห็นคุณค่า แต่พอเจ็บป่วยมักจะเรียกหามัน ผมเคยเข้ารพ.แบบแพงๆมา2รอบ และมีประกันอยุ่ บอกได้คำเดียวว่า ทัศนคติกับประกันของผม เปลี่ยนไปตลอดชีวิต ผมทำประกันเพิ่มอีกทันที สู้ๆครับ ผมว่านักการเมืองโดนหนักกว่าคุณอีก คนที่ดีๆก็มีอยู่ในสภา อย่าท้อครับ (^^,) จากคุณ : BMWTurboman - [ 13 ก.พ. 52 09:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อก่อนผมทำงานที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง โดยที่ไม่ได้ทำงานอยู่ฝ่ายขาย เชื่อไหมครับ เวลา Meeting กับเพื่อนหรือคนทั่วไป จะคุยกันว่าสอบว่าทำงานที่ไหน หน่วยงานไหม แต่เมื่อมาถึงคิวผม พอบอกชื่อบริษัท ก็ไม่มีถามต่อเลยครับ.....แหม มันรันทดจริง...    ในปัจจุบันนี้ แนวคิดเรื่องดังกล่าวเปลี่ยนไป เพราะประกันชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของการออมเพื่ออนาคต หลายคนเริ่มมาให้ความสนใจในเรื่องนี้    ผมจะบอกให้ สุดยอดของ Sale คือ ตัวแทนประกันชีวิตครับ คุณจงภูมิใจเถอะ เพราะคุณไม่ได้ขายอย่างเดียว แต่คุณคือที่มอบความมั่นคงของชีวิตให้กับเขา คนเราถ้าไม่เคยประสบด้วยตนเองคงพูดไม่ได้ เช่นเดียวกันถ้าประสบไปแล้วอาจจะไม่มีโอกาสพูดก็ได้.....จงภูมิใจเถอะ...ลุยๆๆ ขาย...ไม่ได้..ได้... ก็ขายไปเถอะ.... จากคุณ : จั๊กเด๋ - [ 13 ก.พ. 52 09:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีคนทำเสียไว้เยอะครับ ภาพลบมันเลยเยอะ คุณเป็นตัวแทนแล้วก็ทำให้มันดี ๆ สิครับ ต่อไปคนก็จะได้ไม่รู้สึกแย่กับอาชีพนี้ ผมเคยอยู่ในวงการประกัน ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกแย่กับตัวแทนอยู่ดี เพราะบางคนมันจิกเป็นไก่เลยครับ จากคุณ : jaminonez - [ 13 ก.พ. 52 09:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาเป็นกำลังใจให้นะครับ ขอให้เป็นตัวแทนที่ดีให้ได้นะครับ ลบภาพเก่าๆไปซะ ผมว่าตอนนี้คนมองการประกันในมุมที่ดีขึ้นเยอะนะครับ สู้ๆครับ อยู่ฝ่ายขายเหมือนกันแม้ไม่ได้ขายประกัน ^^/ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 13 ก.พ. 52 09:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปัญหาเกิดจากตัวแทนสมัยก่อนทำเสียไว้เยอะ ทำให้คนที่อยู่นอกวงการมองอาชีพนี้ไปในทางลบ เรื่องเสีย ๆ ที่ทำไว้ได้แก่ - ขายแบบตื๊อจนคนซื้อซื้อเพราะรำคาญ พอซื้อเสร็จก็มาคิดว่าไม่รู้ซื้อไปทำไม - โกงเงินลูกค้า เช่น เอาเงินไปแล้วไม่ส่งบริษัท - เสนอสินค้าที่ไม่ตรงกับความต้องการ ขายในสิ่งที่อยากจะขาย ไม่ขายในสิ่งที่เหมาะกับคนซื้อ สุดท้ายพอคนซื้อรู้ความจริงก็ไม่พอใจ - ตัวแทนบางคนเป็นลักษณะเขี้ยวพอสมควร แต่คนพวกนี้กลับประสบความสำเร็จ บริษัทประกันควรมีการประเมินผลงานของตัวแทนเรื่องความพอใจของลูกค้าด้วย ไม่ใช่ดูยอดขายอย่างเดียว ถ้าจะเริ่มต้นต้องอดทนครับ ลบภาพเหล่านี้ออกไป ศึกษาผลิตภัณฑ์ ศึกษาความต้องการของลูกค้าและจัดให้เหมาะสม ไม่ใช่รู้อยู่สองสามตัวก็พยายามยัดขาย อย่างนี้ยากและเสียภาพพจน์ จากคุณ : TLL01 - [ 13 ก.พ. 52 10:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คนขายประกันชีวิตเมื่อ ปี2526 เอาปีที่ผมเคยประสพพบเห็น ตัวแทนสมัยก่อน ไปคุยหลอกชาวนา ที่มีรายได้เป็นปีให้ขายข้าวทำประกัน ยากจนอ่ะพูดง่ายๆ ซึ่งประกันชีวิตก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่สำหรับ ชาวนา แต่ถูกเค้าตื้อ หลอก ไปหาที่บ้านจนรำคาญ เลยต้องทำ เมื่อทำแล้วเค้ามาเก็บก็ต้องยืมเงินคนอื่นมาชำระทำให้ติดหนี้ ต่อเนื่องมา... .....ส่วนพวกตัวแทนนี่ก็ใช่ย่อย เป็นบางคนมั๊ง เล่ห์เลี่ยมสารพัดบางทีได้ เงินมาก็ไม่เข้าบัญชีบริษัท ตัวแทนอยู่กันอย่างสุขบายจาก คอมมิชชั่น มีรถขี่ รวย และมาอวดความ รวยกับคนในเมือง ว่าตัวเองเก่ง ลูกเมียกินข้าวนอกบ้าน.. แต่หลอก ตื้อ เงินชาวนามา.. ชาวนาบางคนส่งไม่ไหว ก็ทิ้งไป ถ้าฝากธนาคารจะสามารถเบิกมาใช้ได้.. ยังจะดีกว่า.. .....ตอนนั้นตามหมู่บ้านทำประกันชีวิตกันเยอะมากทั้งที่ไม่มีเงินเดือน ผมอยากถามว่าทำไปทำไมประกันชีวิต เออถ้าคนรวยเค้าทำไม่มีปัญหา อันนี้ไปหลอกชาวนา ปีหนึ่งขายข้าวครั้งหนึ่ง .....พ่อแม่ผมเองก็ทำและไม่ได้ส่งก็ทิ้งเงินจำนวนนั้นไปเป็นหมื่น เวลาเค้ามาเก็บก็ตักข้าวเปลือกในยุ้ง ไปขาย.... ผมก็โดนชวนไปอบรม แต่ผมไม่ชอบอาชีพนี้.. ....ส่วนตัวผมผมเกลียดมากประกันชีวิต...ผมเห็นสำนักงานทุกสำนักงาน ผมไม่เคยมอง... ทุกวันนี้ผมไม่เคประกันอะไรกะใคร มีก็ประกันพรบ.ที่ โดนบังคับ จากคุณ : MilkyWay - [ 13 ก.พ. 52 10:19:30 A:222.123.202.185 X: TicketID:203484 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นตัวแทนประกันชีวิต มันต้องไม่เลวทรามต่ำช้าแน่เลย เพราะเราก็กำลังเป็นอยู่แม้ไม่ใช่อาชีพหลักก็ตาม คนที่เห็นความสำคัญของการทำประกันชีวิตก็มีค่ะ อยากให้คุณอดทน ภูมิใจในอาชีพ ที่ได้มีส่วนช่วยเเหลือคนอื่น ถ้าเรามีทัศนะคติที่ดีต่ออาชีพของเราก่อน ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ทำแล้วเจริญก้าวหน้านะเราว่า จากคุณ : ศนิ xxx - [ 13 ก.พ. 52 10:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยก่ะ คหที่ 9 ครับ ส่วนใหญ่ ตัวแทนประกัน มักจะไปไม่ถูกที่ถูกจังหวะ ส่วนใหญ่มักจะขายลูกเดียว ตื้อลูกเดียว คนซื้ออาจจะซื้อเพราะปัดรำคาญ ทำให้อาจจะคิดว่าวิธีนั้นได้ผล  โดยที่ไม่คำนึงถึงการวางแผนในการขาย อีกอย่างบริษัทประกันก็ชอบสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีๆให้แก่ตัวเอง เช่น การโทรไปหลอกให้คนมาฟัง หรือหลอกให้คนที่กำลังจบใหม่ๆ มาสมัครงานในตำแหน่งต่างๆ แต่สุดท้ายก็คือมานั่งฟังอบรมการขายประกัน  ทำให้คนที่ไปแล้วถูกหลอกก็จะเสียความรู้สึก  จนพาลไปถึงการเกลียดอาชีพการขายประกันชีวิต ผมว่า ถ้าคนจะซื้อถ้าเขามีความต้องการ อยากจะวางแผนในชีวิต ถ้าเขาคิดได้ เพียงแค่คุณให้นามบัตรเขา ก็พอ  ถ้าเขาอยากจะทำเขาก็จะคิดถึงโทรมาหาเอง ไม่ต้องไปตื้อบ่อยๆ ให้รำคาญเอา จากคุณ : พีพีจอมซ่า - [ 13 ก.พ. 52 11:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อย่าพยายามขายซ้ำๆ เร่งซื้อเยอะๆ ค่ะ เรามีพอจะทำประกัน แต่เจอตัวแทนแบบ ซื้อ สามหมื่น ปีต่อไปอยากให้ซื้ออีก หกหมื่น  อยากให้ซื้อให้ญาติ   ไม่ไหวค่ะ โลภเกิน จากคุณ : OL Girl - [ 13 ก.พ. 52 11:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หนแรกที่ผมทำประกันชีวิตนะ  คนขาย (เป็นเพื่อนร่วมงานคนละแผนก) บอกว่า ถ้าผมทำ  จะให้ทองผม 1 สลึง หรือ 2 สลึงนี่แหละผมจำไม่ได้แล้วล่ะ จนป่านนี้หลายปีแล้ว ทองเส้นนั้นก็ยังไม่ให้ผมเลย แล้วปีถัดไปผมก็เลิกส่งประกันเลย  เพราะผมไม่ชอบพวกที่มาหลอกลวงแบบนี้ แล้วผมก็ทวงไม่เป็นด้วย บริษัทดังๆนั่นแหละ  เห็นโฆษณาบ่อยๆ จากคุณ : กล่องออมสิน - [ 13 ก.พ. 52 11:51:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วย คห 9 จากคุณ : นิ้วจิ้ม - [ 13 ก.พ. 52 12:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อยู่ที่คนครับ จากคุณ : Rhythm Investor - [ 13 ก.พ. 52 12:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าวันๆต้องแบ่งเวลางานมารับโทรศัพท์จากพวกธุรกิจขายตรง ทั้งฟิตเน็ต ท่องเที่ยว โรงแรม ประกัน ฯลฯ เฮ้อ ! อยากจะอารมณ์เสียนะ แต่พอนึกว่า ถ้าเป็นเราบ้างล่ะ โดนเขาปฎิเสธแรงๆคงจ๋อยเหมือนกัน ก็เลยต้องทำใจ จากคุณ : Lucker (Lucker) - [ 13 ก.พ. 52 12:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เราเองก็เป็นตัวแทนประกันชีวิต ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยตัวแทน ดูแลตัวแทนและ ภาคธนาคาร  ทำมา 14 ปีแล้ว สามารถเอารายได้จากงานประกันมาสร้างธุรกิจร้านกาแฟได้ ทำอาชีพนี้ คุณต้องยอมรับและทำใจกับคำพูดที่ดูถูกและต่อว่าจากลูกค้าให้ได้นะค่ะ  เราเองเจอบ่อย ปรเภทสาดน้ำไล่ยังมีเลยค่ะ ที่คุณเจอถือว่าธรรมดาและปกติกมากของวงการนักขายค่ะ คุณเจอแค่นี้ก็โกรธ หรือท้อแล้ว  อยู่ในอาชีพนี้ลำบากนะค่ะ เราไม่เคยขายประกันให้กับเพื่อน และญาติพี่น้องเลยนะค่ะ เพราะถ้าเกิดมีปัญหาทีหลังจะหมางใจกันเปล่า ๆ ในวางการนักขาย  รับประกันเลยนะค่ะ ไม่มีอาชีพนักขาย ใหนจะเก่งเท่ากับ นักขายประกัน กับนักขายตรงแล้วค่ะ ด้วยรายได้ที่ค่อนข้างมหาศาล แถมเที่ยวเมืองนอกจนเซ็ง เราเองเจอบริษัทพวกผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคมาทาบทามให้ไปทำงานบ่อย แต่เราไม่เอา เพราะเงินเดือนแสนกว่า ๆ  ถือว่าไม่เยอะสำหรับเรา  เพราะรายได้จากการขายประกันของเรามากกว่านี้หลายเท่าตัวค่ะ อีกอย่างนะค่ะ ถ้าคุณคิดที่จะก้าวเข้ามาเส้นทางนักขายประกันต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมนะค่ะ  เพราะสิ่งต่อไปนี้คุณต้องเจอแน่นอนค่ะ เช่น โทรศัพท์ไปหาลูกค้าเพื่อนเสนอขายประกันโดยลูกค้าด่าและวางกระแทกหู โดนสดน้ำใส่ ฉีกใบโบรชัวร์ต่อหน้า ด่าเสีย ๆ หาย อธิบายแทบตายสุดท้ายไม่ซื้อ หรือไปซื้อที่อื่น นัดให้ไปหา แต่สุดท้ายโดนปฏิเสธ และอีกเยอะค่ะ แต่ถ้าผ่านไปได้คุณจะแกร่งขึ้นนะค่ะ สู้ ๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 14:40:27 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 13:51:20 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 13:31:58 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 13:26:47 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 13:25:55 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 13:21:50 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 13:18:15 จากคุณ : ดีดี (pikba) - [ 13 ก.พ. 52 13:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คห 18 น่าจะมาเล่าชีวิตเป็นแนวทางให้น้องๆนะครับ จากคุณ : คิดบวก - [ 13 ก.พ. 52 14:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องประกัน ผมว่าเป็นเรื่องที่คนไทยยังกลัวเกรง ดูซับซ้อน เข้าใจยาก.. พูดอย่างกลางๆเลยนะครับ ...เป็นข้อๆ 1. ผมว่าธุรกิจนี้มีส่วนต่างเยอะ  และส่วนต่างก็จะไปอยู่ที่ตัวแทนเยอะมาก โดยเฉพาะปีแรกๆ ทำให้คนที่จะมาทำประกัน เกิดความไม่แน่ใจว่า เค้ามาเสนอขายเพื่อต้องการค่าคอม ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์แก่ตัวแทนมากกว่า (อันนี้เห็นได้ชัด ตอนทำประกันใหม่) 2. การเคลมต้องโปร่งใส  ไม่ใช่ตอนเก็บเงิน เก็บสบายๆง่ายๆ  แต่เกิด Case เจ็บป่วยที ยุ่งยาก เล่นแง่  ผมว่า คนไทยกลัวตรงนี้ด้วย.. ส่วนตัวผมก็ทำประกัน  เท่าที่พอมีกำลังจะส่งได้ 3. การทำประกัน เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในหน้าที่การงานด้วย คนที่มีรายได้สม่ำเสมอ  ที่ทำงานมีความมั่นคงสูง น่าจะไม่กลัวการทำประกันเท่าไหร่ เพราะ แน่ใจว่าจะมีเงินส่งสม่ำเสมอตลอดอายุกรรมธรรม์ จากคุณ : ทิมคา - [ 13 ก.พ. 52 15:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การก้าวเข้ามาสู่เส้นทางนักขายประกัน หรือนักขายตรงอื่น ๆ สิ่งที่สำคัญคือต้องถามใจเราเองว่า มาทำเพื่ออะไร มาแค่ ดมดม  ทำซัก ปีสองปีหาประสบการณ์ หรือ เพื่อเอาค่าคอมแล้วก็จาก หรือคุณมีความตั้งใจจริงที่จะก้าเข้ามาสู่อาชีพนี้  เพราะเส้นทางนักขาย ถ้าคุณดูรายการทีวิบ่อย  ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะค่ะ   สิ่งที่สำคุญอีกอย่าง เป้าหมายในชีวิตของคุณ มีความชัดเจนมากน้อยแค่ใหน เช่น อยากเป็นนักขายประกันเพื่อนสร้างครอบครัว สร้างความมั่นคงของชีวิต หรือ ทำเพื่อไปต่อยอดสร้างธุรกิจ อย่าเรา จบปริญาตรีปุ๊บก็เดินทางเข้าสู้เส้นทางนักขายประกัน  เพราะเรามีเป้าหมายว่า ในอนาคต ไม่เกิน 10 ปี เราสามารถสร้างความมั่นคงของชีวิต หรือทำธุรกิจส่วนตัว ได้จากรายได้ของการขายประกัน เพราะฉนั้น เราจึงอยากบอกเจ้าของระทู้ว่าไม่ต้องท้อ ไม่ต้อง เครียดนะค่ะ ค่อยเป็นค่อยไป  ที่ใหนมีการอบรมกลยุทธ์สำหรับนักขาย ก้ควรไปอบรม เพื่อเพิ่มศักยาภาพให้ตัวเราเอง ถ้าคุณทำสำเร็จคุณจะภูมิใจมากเลยนะค่ะ ก็อย่างที่บอกแต่แรกนะค่ะ  งานขายประกันกับขายตรงไม่ใช่ง่ายเลยนะค่ะแต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด สู้ ๆ ค่ะ เอาใจช่วย จากคุณ : pikba - [ 13 ก.พ. 52 15:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22 การก้าวเข้ามาสู่เส้นทางนักขายประกัน หรือนักขายตรงอื่น ๆ สิ่งที่สำคัญคือต้องถามใจเราเองว่า มาทำเพื่ออะไร มาแค่ ดมดม  ทำซัก ปีสองปีหาประสบการณ์ หรือ เพื่อเอาค่าคอมแล้วก็จาก หรือคุณมีความตั้งใจจริงที่จะก้าเข้ามาสู่อาชีพนี้  เพราะเส้นทางนักขาย ถ้าคุณดูรายการทีวิบ่อย  ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะค่ะ   สิ่งที่สำคุญอีกอย่าง เป้าหมายในชีวิตของคุณ มีความชัดเจนมากน้อยแค่ใหน เช่น อยากเป็นนักขายประกันเพื่อนสร้างครอบครัว สร้างความมั่นคงของชีวิต หรือ ทำเพื่อไปต่อยอดสร้างธุรกิจ อย่าเรา จบปริญาตรีปุ๊บก็เดินทางเข้าสู้เส้นทางนักขายประกัน  เพราะเรามีเป้าหมายว่า ในอนาคต ไม่เกิน 10 ปี เราสามารถสร้างความมั่นคงของชีวิต หรือทำธุรกิจส่วนตัว ได้จากรายได้ของการขายประกัน เพราะฉนั้น เราจึงอยากบอกเจ้าของระทู้ว่าไม่ต้องท้อ ไม่ต้อง เครียดนะค่ะ ค่อยเป็นค่อยไป  ที่ใหนมีการอบรมกลยุทธ์สำหรับนักขาย ก้ควรไปอบรม เพื่อเพิ่มศักยาภาพให้ตัวเราเอง ถ้าคุณทำสำเร็จคุณจะภูมิใจมากเลยนะค่ะ ก็อย่างที่บอกแต่แรกนะค่ะ  งานขายประกันกับขายตรงไม่ใช่ง่ายเลยนะค่ะแต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด สู้ ๆ ค่ะ เอาใจช่วย จากคุณ : pikba - [ 13 ก.พ. 52 15:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การก้าวเข้ามาสู่เส้นทางนักขายประกัน หรือนักขายตรงอื่น ๆ สิ่งที่สำคัญคือต้องถามใจเราเองว่า มาทำเพื่ออะไร มาแค่ ดมดม  ทำซัก ปีสองปีหาประสบการณ์ หรือ เพื่อเอาค่าคอมแล้วก็จาก หรือคุณมีความตั้งใจจริงที่จะก้าเข้ามาสู่อาชีพนี้  เพราะเส้นทางนักขาย ถ้าคุณดูรายการทีวิบ่อย  ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะค่ะ   สิ่งที่สำคุญอีกอย่าง เป้าหมายในชีวิตของคุณ มีความชัดเจนมากน้อยแค่ใหน เช่น อยากเป็นนักขายประกันเพื่อนสร้างครอบครัว สร้างความมั่นคงของชีวิต หรือ ทำเพื่อไปต่อยอดสร้างธุรกิจ อย่าเรา จบปริญาตรีปุ๊บก็เดินทางเข้าสู้เส้นทางนักขายประกัน  เพราะเรามีเป้าหมายว่า ในอนาคต ไม่เกิน 10 ปี เราสามารถสร้างความมั่นคงของชีวิต หรือทำธุรกิจส่วนตัว ได้จากรายได้ของการขายประกัน เพราะฉนั้น เราจึงอยากบอกเจ้าของระทู้ว่าไม่ต้องท้อ ไม่ต้อง เครียดนะค่ะ ค่อยเป็นค่อยไป  ที่ใหนมีการอบรมกลยุทธ์สำหรับนักขาย ก้ควรไปอบรม เพื่อเพิ่มศักยาภาพให้ตัวเราเอง ถ้าคุณทำสำเร็จคุณจะภูมิใจมากเลยนะค่ะ ก็อย่างที่บอกแต่แรกนะค่ะ  งานขายประกันกับขายตรงไม่ใช่ง่ายเลยนะค่ะแต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด สู้ ๆ ค่ะ เอาใจช่วย จากคุณ : pikba - [ 13 ก.พ. 52 15:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมถามผมเองว่า ทำไมผมต้องทำประกัน ถ้าผมเป็นนายประกันตนเองจะทำได้ไหม ทำไมผมต้องนำเงินไปให้คนอื่นฟรีๆ ปีละหลายหมื่น ถ้าผมนำเงินหมื่นนั้นมาบริหารเอง สร้างธุรกิจขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ล้มเหลวก็สู้ต่อเพื่อให้มันประสบผลสำเร็จให้ได้ นั่นแหละคือการประกันชีวิตตนเองแล้ว ไม่ต้องทำเพื่อใคร การสู้ชีวิต การกระทำเพื่อให้สำเร็จ ประสบการณ์ต่างๆ สิ่งเหล่านี้คือมรดกตกทอดสุ่รุ่นลูกรุ่นหลานสืบไป ในขณะเดียวกันเมื่อผมรวยแล้วมีทรัพย์สินมากมาย ผมก็จะทำประกัน เพราะการทำประกันถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่จะทำให้มีผลประโยชน์งอกเงยในอนาคต ในขณะที่ยังปากกัดตีนถีบหากินอยู่นี่ยังจะทำประกันอยู่อีก เพื่ออะไรครับ? การกล่าวอ้างถึงกรณีเสียชีวิต พิการ หมดสมรรถภาพในการทำงาน ผมถือว่าเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้น้ำหนักของนักขายประกัน ในมุมมองของผมคิดว่า บรรพบุรุษของเรายืนหยัดต่อสู้มาได้อย่างไรในเมื่อสมัยนู้นก็ไม่มีสำนักประกันภัย (ยกตัวอย่างครอบครัวหนึ่งใกล้ๆตัว) ความทุกข์ของคนทำประกันที่เห็นๆ คือ พ่อ แม่ ลูกสองคน รวมสี่คนทำประกัน หนึ่งปีส่งค่าประกันสี่หมื่นกว่าบาท โอ.....พระเจ้า เงินที่ใช้ประจำวันยังต้องหยิบยืม เป็นหนี้สินรุงรัง แต่ต้องหาเงินไปให้ประกันให้ได้ห้ามขาด ใช้จ่ายเกินตัวหรือไม่? ถ้านำเงินจำนวนนั้นมาสร้างธุรกิจเองภายในครอบครัวซึ่งผมมองเห็นแล้วมีศักยภาพเพียงพอ เพียงแต่ต้องสามัคคีกันทำ เพิ่มเวลานิดหน่อยรุ่งเรืองแน่ๆ แต่กลับมองไม่เห็นมัน หลักประกันที่ได้ ถ้าหัวหน้าครอบครัวเป็นอะไรไปมรดกที่ตกทอดคือวิธีทำมาหากินซึ่งลูกหลานสามารถสืบต่อไปได้ กลับกันถ้าลูกหลานมันไม่เอาไหน พ่อแม่ทำประกันให้พอตายไปมันก็ผลาญเกลี้ยง สิ่งที่ผมจะบอกคือ จะทำประกันก็ต่อเมื่อมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำ อย่าทำเพราะกลัวไปต่างๆนาๆ เท่านี้แหละครับ จากคุณ : chem chem - [ 13 ก.พ. 52 16:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากสำหรับ ความคิดเห็นที่หลากหลายมุมมอง ก็คงต้องบอกว่า ผมเข้ามาในอาชีพนี้ด้วยความ "งง" จะด้วยเพราะผมเองก็ยังเป็นเด็ก ตอนนี้ผมยังเรียนมหาลัยอยู่ พอเข้ามาในอาชีพตัวแทน ก็คงต้องยอมรับว่า มีอคติพอสมควร แต่เมื่อ ผมศึกษา คิดและวิเคราะห์เอง ก็ทำให้เริ่มมี ทัศนะคติบวก กับงานขายนี้ ซึ่งผมเองยังไม่ถึงขั้นไป เสนอขายคนที่ไม่รู้จัก ผมก็ไปเสนอให้คนที่ผมรู้จัก พี่ๆ้ญาติๆ คนที่รู้จัก แต่หลายครั้ง เวลาไป จากคนที่เราคุยสนิทสนม กลายเป็นว่าเค้ามองเรา เป็นคนละคน หลังจากนั้น เหมือนจะตีตัวออกห่าง ผมจึงเกิดความสงสัย ว่า"มันขนาดนี้เลยหรอ?" ผมท้อ สักแป๊บนึง แต่ก็ฟื้นขึ้นมาได้ เสมอๆ แต่ผมเกิดความสงสัยภายในใจว่า "ทำไม" คนเค้าถึง มองเราเช่นนี้ แล้ว เราควรจะทำ "อย่างไร" เพื่อให้เค้าเกิดทัศนะคติ ต่ออาชีพนี้ให้ดีขึ้น บางครั้งผมเปิดดูในเวป พันทิพ มีคนมาโวยวายเรื่องประกันชีวิตโกงเค้า ผมก็เห็นแต่ คนที่เป็นตัวแทน ต่างวิ่งมาเอาเบอร์ลง หวังจะเข้าไปขาย? มันก็อีรอปนี้ คนเค้าถึง เอื้อมระอา ผมอยากศึกษา ว่าควรทำยังไง ให้ตัวแทน กับ ลูกค้า ต่างไม่กลัว ซึ่งกันและกัน ตัวแทนก็กลัวลูกค้า ลูกค้าก็กลัวตัวแทน เหมือน "งูกินหาง" คุณ คห.24 พูดมาก็มีส่วนถูก ผมเห็นด้วย ว่าการที่ครอบครัวเราจะ มีทางรอดก็คือ การที่เรา พยายามต่อสู้ เพื่อสร้าง ธุรกิจ สร้างวิธีหาเงิน ให้กับครอบครัว ข้อนี้ผมเห็นด้วย เพราะตอนนี้ผมเอง เป็นลูกคนเล็ก พี่ชายเป็นออทิสติก (เลยเหมือนลูกคนโต) ตลอดมา พ่อผมทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว ตอนนี้ หลังจากวิกฤตเงินบาท บริษัท การ์เมนต์ ที่พ่อทำ ก็เจ๊ง ตอนนี้เงินที่บ้าน หาไม่ค่อยสะดวก ใช้อย่างประหยัด ผมก็กำลังคิดจะหาธุรกิจให้ ที่บ้านได้ทำ เพื่อให้มีรายได้เข้าบ้าน แต่ที่ผมเข้ามาทำ ไม่ได้หวังแค่ว่า สร้างเส้นทางสู่อนาคต ผมฝันจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน เพราะคุณซื้อ หนังสือพิมพ์ ไม่ได้ต้องการกระดาษ แต่ต้องการ ข่าวในนั้น คุณซื้อ รถยนต์ ไ่่ม่ได้ต้องการ ไอ้ก้อนเหล็ก แต่ต้องการ ความสะดวกสบาย และ หรูหรามีระดับ คุณไม่ได้ ซื้อประกันชีวิต แต่คุณซื้อ ความมั่นคงของ ครอบครัว คุณไม่อยากทำเพราะแทนที่จะเอาเงิน มาลงกับประกันอย่างเดียว ไม่ๆ ผมบอกได้เลยว่า ผมไ่ม่ต้องการ ผมแค่ต้องการ ในขณะที่คุณทำธุรกิจ ยังไม่สำเร็จ ความเีสี่ยงก็ยังมีอยู่ ผมไม่ได้ต้องการเงินคุณ ผมต้องการให้คุณ สามารถลุยกับงานได้ โดยไม่ต้องห่วงหน้าผวงหลัง บางคนไม่ได้วางแผนชีวิต พอเกิดปัญหาชีวิตก็เหมือน มืดมน ผมแค่อยากเสนอให้เค้าคิดเพื่อตัวเองและครอบครัว ทำคู่กันได้ ไ่ม่เสียหาย คุณทำเท่าที่คุณสามารถ ถึงวันหนึ่งคุณประสบความสำเร็จกับธุรกิจ คุณก็ทำเพิ่มตามที่คุณต้องการ มันไม่มีใครบังคับคุณได้ เพราะมันเป็น ชีวิตของคุณ ครอบครัวของคุณ !! จริงไม่จริง บางครั้งคนว่าเราตื๊อ ผมจะเล่าให้ัฟังเคสนึง เป็นรุ่นพี่ผม ผมไปขอคุยเรื่องประกันชีวิต เค้าก็บอกว่า ตอนนี้เค้าไม่ว่าง งานยุ่งมาก ผมก็ขอลากลับ แล้วขอวันที่เค้าว่าง เค้าก็บอกว่า ให้โทรมาแล้วกัน หลังจากนั้นโทรไป ก็เป็นแบบนี้อยู่ สอง สามคร้ัง ผมก็เลยถามว่า ที่ไม่ว่างเพราะ ไม่วา่งจริงๆ หรือ ไม่อยากพบผม ถ้าเป็นแบบหลัง ผมก็จะไม่รบกวน คำถาม ใครเป็นทำให้เป้นแบบนี้? ผมหรือเค้า? ถ้าเค้าบอกแต่แรกว่า เค้ามีเหตุผลยังไง แล้ว บอกผม ผมก็คงไม่โทรไป จิงไหมคับ ผมไม่ใช่คนหน้าด้านขนาดนั้น แต่ตัวแทนคนอื่นในอาชีพเดียวกัน คงไม่เหมือนผม (ก็คงต้องทำใจ) แต่เท่าที่อ่านมาผม รู้สึกขอบคุณนะคับ ที่ออกความคิดเห็น ทำให้ผมคิดอะไรๆได้เยอะทีเีดียว คนเรา มีทั้ง คนดี คนเลว ตัวแทน ก็มีทั้ง ดี และ เลว เช่นเดียวกัน จะดีกว่าไหมถ้าคุณมอง ตัวแทน ด้วยใจที่เปิดกว้าง จากคุณ : neovictory - [ 13 ก.พ. 52 18:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถึง คหที่18 คุณ อวดได้ ""เงินแสนกว่าๆถือว่าไม่เยอะสำหรับเรา"" ชีวิตตอนขึ้นอะไร ก็ดีหมด คุยได้ ผมไม่สะออนคุณหรอก ผมอยากจะเห็นคุณตอนคุณตกต่ำ...แล้วคุณจะรู้สึก บาทเดียวก็มีค่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ........เงินประกันชีวิตมันไปไหน ก็ปล่อยลงทุน ออกไปต่างประเทศ คนทำประกันก็อ้าปากคอย ยี่สิบ ยี่สิบห้าปี.... เห็น เลแมนบราเธอ ไม๊ครับ......และประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นไง บอกว่าเป็นเหตุการณ์เลวร้ายในรอบ 60 ปี 70 ปี มันเกิดจากอะไร ก็เอาเงินประกันนี้แหละไปลงทุน.. จากคุณ : MilkyWay - [ 13 ก.พ. 52 18:47:38 A:114.128.123.232 X: TicketID:203484 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เราไม่ได้อวดนะค่ะ  แต่รายได้จากงานขายประกันและขายตรงค่อนข้างดีจริง ๆ  ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถที่จะเข้าไปสอบถามบริษัทประกันหรือบริษัทขายตรงก็ได้นะค่ะ  ว่าคนที่ขายเก่งรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ จากคุณ : ดีดี (pikba) - [ 13 ก.พ. 52 19:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จริงๆ การทำประกันชีวิตน่ะมันก็ดีนะครับ แต่ผมก็ทำไม่ลง เพราะไม่มั่นใจว่าพอเกิดอุบัติเหตุ เจ็บปวดมาเนี่ย จะจ่ายเงินให้จริงหรือเปล่า จะยุ่งยากมากไหม แล้วประกันแบบเหมือนออนทรัพย์เนี่ย ถ้าผมเอาเงินพวกนี้ไปลงทุนทำนู่นนี่ จะได้ค่าตอบแทนมากกว่านี้เยอะ เลยยังทำใจไม่ได้ที่ต้องเสียเงินไปปีละหลายหมื่น ทั้งๆที่เงินเหล่าเอาไปลงทุนทำธุรกิจยังได้กลับมาเยอะกว่าตั้งหลายเท่า ผมควรจะเลือกอย่างไหนดีล่ะ จากคุณ : nakikaede - [ 13 ก.พ. 52 19:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เจ้าของกระทู้ใจเย็นๆ นะค่ะ รู้ว่ากำลังโกรธ น้อยเนื้อต่ำใจ ที่โดนคนอื่นดูถูก แต่อยากจะให้กำลังใจ แชร์ประสบการณ์และข้อคิดดังนี้ค่ะ อันดับแรก อาชีพนี้ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณเลว  คนจะเลวทำอาชีพอะไรก็เลวได้ทั้งนั้นอ่ะค่ะ เพราะฉะนั้นเอาความคิดนี้ที่คุณคิดว่าคนอื่นยัดเยียดใส่คุณออกไปค่ะ เรื่องที่สอง ยาวมากๆๆนะค่ะ การที่จะทำให้คนที่เค้ามีทัศนคติที่ไม่ดี กับการทำประกันชีวิต หรือ คนที่ขายประกันชีวิต มันเป็นเรื่องที่มีมานานแล้วค่ะ การที่คุณจะสามารถทำให้คนที่มีทัศนคติแบบนี้ สนใจหรือหันมาทำประกันชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้เวลา ความอดทน ความซื่อสัตย์ บางรายใช้เวลาเป็นสิบปีก็มีค่ะ ที่กล้าพูดเพราะตัวเองรวมทั้งน้องอีกสองคนมีอนาคต มีการศึกษา จนถึงทุกวันนี้ก็เงินที่ได้จากการขายประกันและธุรกิจประกันชีวิต พ่อเราจบแค่ ม.3 จบมาก็เป็นเสมียนสาขาเล็กๆ ของบริษัทประกันแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ทำสักพักก็เริ่มขยับมาทำงานขายอย่างคุณ แต่พ่อเล่าให้ฟังว่าบางทีต้องไปขายต่างอำเภอไกลๆๆ ต้องแบกมอเตอร์ไซด์ข้ามลำห้วยกันเลยทีเดียว เค้าเรียนน้อย จนมากอยู่แล้วมาทำงานนี้ก็ยิ่งโดนคนดูถูก แต่เค้าก็ไม่เคยเอาคำพูดคนเหล่านั้นมาบั่นทอนความตั้งใจ ความพยายาม ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ นอบน้อม เค้าส่งแม่เราเรียนปริญญาตรี จนจบโท  จนได้แต่งงานกัน ในสมัยสามสิบห้าปีก่อน คิดเอาค่ะว่ามันยากขนาดไหน เค้าไต่เต้าตั้งแต่เป็นเสมียน พนักงานขาย หัวหน้าหน่วย ผู้จัดการเขต ผู้จัดการเขต ผู้จัดการภาค ผู้จัดการฝ่าย ทำให้จังหวัดบ้านเกิดเรา ซึ่งไม่ได้เป็นจังหวัดใหญ่มีทุนประกันสองหมื่นล้าน มียอดขายสูงสุดของประเทศหลายปีติดต่อกัน สมัยสิบกว่าปีที่แล้ว บริษัทของคนไทยนะค่ะ พ่อทำงานที่นี่ที่เดียวมาตลอดชีวิตการทำงาน ตอนนี้คุณพ่อเกษียณได้ปีกว่าแล้ว ที่เล่าให้ฟัง ไม่ได้ต้องการอวดเรื่องคุณพ่อนะค่ะ แต่ต้องการชี้ให้คุณเห็นว่า อาชีพนี้ไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่คนอื่น หรือ คุณกำลังคิด อาชีพนี้ได้ช่วยให้หลายๆ ครอบครัวที่เค้าไม่ได้ร่ำรวย พอมีหลักประกัน เมื่อหัวหน้าครอบครัวหรือญาติเค้าเสียไป เราตามพ่อกับแม่ไปมอบเงินให้เค้าหน้างานศพบ่อยๆมาก เห็นน้ำตาภรรยา ลูก สามี และความซาบซึ้งเวลาที่เค้าได้เงินประกันแสนหรือสองแสน ซึ่งอาจจะไม่มากสำหรับคนในห้องนี้ แต่มันพอให้เค้าส่งเสียลูกหลานเรียนจบได้  พ่อกับแม่จะรับโทรศัพท์บ่อยมาก บางคนหกล้ม ผ่าตัด เข้าโรงพยาบาล ก็ต้องไปดูแลตลอด เพราะงานนี้ไม่ใช่แค่งานขาย แต่หัวใจคือ การบริการ ความซื่อสัตย์และความไว้ใจค่ะ ถ้าคุณสามารถสร้างความเชื่อถือได้ในหมู่ผู้ทำประกัน เค้าก็จะปากต่อปากและไว้ใจ หลายๆ ครั้งที่เค้าโทรขอมาทำประกันเพิ่มกับที่บ้านเราเอง ตัวเองและครอบครัวภูมิใจในอาชีพนี้ของพ่อแม่ ภูมิใจในความสำเร็จ ภูมิใจที่มีเรามีวันนี้ เพราะการขายและธุรกิจประกันชีวิต ไม่เคยอายแม้แต่สักครั้งเดียวที่จะบอกใครๆ ว่าพ่อเราทำงานประกัน แม่เรามีอาชีพเสริมขายประกันค่ะ สุดท้ายค่ะ อยากให้เจ้าของกระทู้เปลี่ยนความคิดตัวเองและถ้าคิดว่ารักงานี้จริง ใช้ความพยายามพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าการประกันหรืออาชีพนี้ไม่ได้แย่อย่างที่เค้าคิดกันค่ะ โชคดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 11:13:11 จากคุณ : fiat_marketing - [ 13 ก.พ. 52 20:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราอยากทำประกันชีวิต จากคุณ : ขาจร (snookie) - [ 13 ก.พ. 52 22:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณ คห.29 มากครับ อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆคับ ผมไม่ชอบขาย แต่ผมชอบช่วยเหลือ ผมชอบบริการคน ตอนนี้ที่รู้สึกคือ เราอยากช่วยเหลือเค้า บริการเค้า มันก็คงมีคนที่เห็นค่า กับ ไม่เห็นค่า แต่ความจริงของโลกมันก็อย่างงี้คับ ผมก็พอเข้าใจ ผมคงสรุปตัวเองได้ว่า ที่รู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดจากคนนอก ลูกค้าที่เพิ่งเจอ เพราะคนที่เพิ่งเจอ ผมคงไม่แคร์อะไรกับคำพูดมาก แต่ที่เอามาคิดเพราะ คนสนิทๆ ใกล้ๆตัวเลย รุ่นพี่ที่คบกันมานาน ช่วยเหลือผมเสมอ ตอนผมเริ่มมาทำ ผมคิดถึงเค้าคนแรกเลย ไม่ใช่เพราะผมอยากจะขายเค้า แต่เค้า อายุ 30 กว่าแล้ว แถมน้ำหนักเยอะ และตอนนี้เค้าเก็บเงินไม่อยู่ เลย ผมก็แค่อยากให้เค้าทำอะไรเพื่อตัวเองจริงๆ อนาคตตัวเองจริงๆ มีเงินเก็บให้กับตัวเองจริงๆ สุขภาพตอนนี้เค้า ถือว่ามีความเสี่ยงหลายโรค(เพราะอ้วน) ตอนนี้ถึงจะ ไม่เป็นอะไร จะดีกว่าไหมถ้า ทำตั้งแต่ยังสุขภาพแข็งแรง แต่เสนอไปเค้าก็บอกว่า ไม่ๆ ๆ ๆ แล้วก็ไม่ บอกไม่มีเงิน แต่ผมเห็น เค้าซื้อรถใหม่ ซื้อโทรศัพท์ อะไรฟุ่มเฟื่อย เห็นแล้วก็ขัดจริงๆ หลายคนคงคิดว่าผมโกรธกับคำพูด ไม่หรอกคับ ผมไม่ได้โกรธ แต่แค่สงสัยว่า ทำไมคนถึงคิดอย่างนี้ เลยใช้คำที่ดูรุนแรงไปสักหน่อย อยากรู้ อยากเห็น ผมหน้าใหม่ในอาชีพสายนี้ อยากหาความรู้เอาไว้เยอะๆ เพราะผมคิดจะยึดอาชีพนี้จริงๆคับ ตอบ คห.28 ครับ ไม่ต้องห่วงครับว่าบริษัทจะโกง เพราะมีกฎหมายคุ้มเรื่องนี้โดยเฉพาะ ว่าบริษัทประกันจะไม่สามารถจ่ายประกันได้ มีเพียง 4 กรณีคือ 1.ทายาทฆ่าผู้ทำประกัน เพื่อหวังเงินประกัน 2.ผู้ทำประกันฆ่าตัวตาย ภายในเวลา 1 ปี 3.ขาดส่งเบี้ยประกัน 4.ปกปิดสาระสำคัญของตัวประกัน (สุขภาพ) ถ้านอกเหนือจากนี้ บริษัทจะจ่ายให้คุณ ถ้ามีปัญหากับตัวแทนผมแนะนำให้ ติดต่อผ่านบริษัทโดยตรงจะดีกว่าครับ แต่ท้ายที่สุด ท่านคิดว่าท่านโดนโกงจริงๆ แล้วบริษัทไม่รับเรื่อง สามารถยื่นฟ้องได้ครับ และไม่ควรปล่อยเฉยเพราะ เงินของท่านครับ อย่าให้ใครโกงเรา และเราก็ไม่โกงใคร ตอบ คห.14 ผมคิดว่า น่าจะเป็น เงื่อนไขของ ตัวแทนเองนะคับ เพราะตามจริงแล้ว บริษัทมักจะไม่มีพวกนี้แถม ถึงมีจริงก็จะสามารถตรวจสอบได้ สิ่งที่เค้าเอามาให้คุณคือ เค้าลดค่าคอมมิชชั่น มาให้คุณครับ แล้วที่เค้าลดก็เพื่อให้คุณซื้อ แต่เค้าจะบริการคุณดีหรือไม่ อันนี้ผมตอบไม่ได้ คับ เพราะถ้าเป็นผม ผมจะไม่ลด เพราะถ้าผมลด ลองนึกภาพนะคับเวลาเราไปซื้อสินค้า ลดราคา บางครั้งเปลี่ยนไม่ได้ พอสินค้าชำรุด ก็โวยไม่ได้อีก เหมือนกันคับ ถ้าซื้อไม่ควรขอลด แต่ขอให้เค้าบริการเรา สม่ำเสมอ จะดีกว่าครับ ของแบบนี้ต้องการ ความเชื่อมั่นจริงๆคับ อ่านแต่ล่ะท่านทำให้ผมได้มุมมองหลายๆแบบจริงๆ ใครคิดยังไงช่วยเอามาแชร์กันหน่อยครับ ผมจะขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 23:25:26 จากคุณ : neovictory - [ 13 ก.พ. 52 23:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 32 และเมื่อ... สถาบันการเงินใหญ่ๆอย่าง สหรัฐอเมริการมีเงิน ก็ออกเก็งกำไรทั่วโลก......... ทองแพงกว่าความเป็นจริง อยากซื้อทองใส่สักบาทสองบาท ก็ไม่อยากได้แล้วแพงเกินความเป็นจริง น้ำมันแพงมากเพราะซื้อล่วงหน้าและเก็งกำไร จนทำให้ของกินของใช้ขึ้นตาม เมื่อสถาบันการเงินพัง น้ำมันลดราคา แต่ข้าวปลาอาหาร ไม่ลด ลดตามไม่ได้เพราะมันเป็นลูกโซ่ คนที่มีรายได้น้อย เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเค้าจะอยู่ยังไง ครับ...เดือนร้อนกันไปทั่วแม้กระทั่งทุกวัน..... ทำให้เกิดปัญหาทางสังคม และการเมืองขึ้นมาอีก เหมือนในอดีต ที่ระบบคอมมิวนิสต์ เกิดขึ้นมาเพราะความแร้นแค้น ไม่เท่าเทียมในสังคม...คนจนลำบากคนรวยสบาย.... จากคุณ : เดะมิลกี้เวย์ - [ 14 ก.พ. 52 09:53:10 A:117.47.97.28 X: TicketID:203484 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ เดะมิลกี้เวย์ ค่ะ คุณพูดมาก็ถูกค่ะ มีส่วนจริงอย่างนั้นจริงๆ  แต่เงินที่เอาไปทำแบบนั้นทั่วโลกไม่ได้มาจากธุรกิจประกันของอเมริกาอย่างเดียว ทำธุรกิจอะไร ของประเทศไหน ถ้าผู้บริหาร เจ้าของ คิดไม่ดี ทำไม่ดี ก็จะเป็นอย่างที่คุณว่าได้หมด  บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยของอดีตผู้นำก็ใช้เงินที่ทำให้ประเทศของเรามีปัญหากันไม่จบไม่สิ้นจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เหรอค่ะ ถ้าคุณคิดว่าไม่อยากสนับสนุนบริษัทฝรั่ง ก็มีบริษัทของคนไทยที่มั่นคง และ น่าเชื่อถือ ให้เลือกทำหลายที่ค่ะ อีกอย่าง ลูกค้าของพ่อแม่เราเป็นคนทำงาน ชนชั้นกลาง บางคนส่งเบี้ย เดือนละร้อย สองร้อย สี่ร้อย คือ คนรายได้น้องที่คุณว่า การออมโดยการประกันชีวิต สุขภาพ อุบัติเหตุ ทำให้เค้ามีหลักประกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นมันช่วยเหลือ จุนเจือ เค้าได้ มีคนมากมายที่สัมผัสได้ถึงประโยชน์ของมันค่ะ อย่าดูถูกหลักประกันของคนเหล่านี้เลยค่ะ จากคุณ : fiat_marketing - [ 14 ก.พ. 52 11:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณเจ้าของกระทู้ไม่ต้องท้อและโกรธหลอกนะค่ะ เพราะในชีวิตเราต้องเจออะไรอีกเยอะ อย่าพยายามโต้แย้งกับฝ่ายตรงข้ามที่เค้ามีความคิดเห็นตรงกันข้ามและขัดแย้งกับเรา  พยายามเปิดใจรับฟังนะค่ะ คิดในด้านบวกไว้ก่อน แล้วคุณจะดีเองค่ะ เพราะคน 60กว่าล้านคนความคิดเห็นก็ 60กว่าล้านความคิดนะค่ะ เราเองแรกจบใหม่ ก็เหมือนคุณแหละค่ะ แรกเริ่มไปทำงาน บริษัทร่วมทุนต่างชาติ เงินเดือนดี แต่ในใจอยากเป็นนักขายประกันเลยแอบไปสมัคร จนสุดท้าย ลาออก จากบริษัทมาขายประกัน ที่บ้านก็ด่า ต่อมาสนใจในธุรกิจกาแฟก็ไปสมัครงานร้านกาแฟเงินเดือน 7500 แต่ก็ยังเป็นตัวแทนประกันอยู่ สู้มา 14 ปีจนประสบความสำเร็จค่ะ ตอนนี้ก็เป็นหัวหน้าหน่วยดูแลตัวแทนและภาคของธนาคารด้วยค่ะ รายได้ดี แถมมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองที่เวียดนามด้วยนะค่ะ ร้องให้บ้าง ดีใจบ้าง โกรธบ้าง ท้อบ้าง  เป็นเรื่องธรรมดา สำคัญอยู่ที่ใจเราเองนะค่ะ พยายามยอมรับกับสิ่งที่เจอให้ได้ เราเองเป็นหญิง  ยังสู้เลยค่ะ สู้ ๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 12:24:11 แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 12:20:54 จากคุณ : ดีดี (pikba) - [ 14 ก.พ. 52 12:19:52 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตอบว่า ใช่ครับ สำหรับคนที่โทรมาหว่านล้อมต่างๆ นาๆ ตอบว่า ไม่ใช่ ถ้าเราต้องการซื้อประกันชีวิต แล้วเรียกคนที่ไว้ใจได้ว่าเป็นมืออาชีพ สามารถให้บริการเราได้เมื่อต้องการ (แต่ไม่อยากให้มาบริการหรอกน่า ไม่ต้องห่วง...อิอิ) มาให้เสนอแบบประกัน ที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการและงบของเรา ครับ จากคุณ : afood - [ 14 ก.พ. 52 16:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตัวแทนประกันชีวิตเลวๆ มันแย่กว่าโจรอีกอ่ะครับ จากคุณ : ภูแกร่งผาชัน - [ 14 ก.พ. 52 20:39:46 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คนไทยยังเห็นความสำคัญของการทำประกันน้อยค่ะ แต่ปัจจุบันก็ยังถือว่าดีกว่าแต่ก่อนมาก ตัวแทนมีทั้งดีและไม่ดีนะค่ะ จากคุณ : เอเอ (pikba) - [ 15 ก.พ. 52 01:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ให้กำลังใจครับ จากคุณ : น้ำเค็ม - [ 21 ก.พ. 52 17:28:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ได้เป็นอาชีพที่เลวร้ายแต่อย่างใด..ถ้าผู้ถืออาชีพมีคุณธรรมอยู่ในใจ.. หาเลี้ยงครอบครัว.. คนอื่นก็ต้องหาเลี้ยงแบบคุณ.. คิดง่ายๆว่าถ้าคุณไปชวนคนที่ฐานะเดียวกับคุณทำแล้วเขาจะมีปัญหากับเงินที่ต้องใช้ประจำหรือเปล่า.. ถ้าเป็นคุณ คุณทำแล้วเดือดร้อนไหม? เพราะถ้าขาดส่งก็สูญเปล่า.. เพชร มีค่าสำหรับมนุษย์..แต่ข้าวสารมีค่ามากกว่าสำหรับไก่.. ถ้าถามผม..คุณน่าจะให้บริษัทที่คุณทำงานอยู่..หากรรมธรรณ์ที่สามารถให้ทุกคนทำประกันได้..โดยไม่เดือดร้อน..และไม่สูญเปล่า.. เช่น เป็นเงินออมส่วนหนึ่ง.. ไม่ใช่ เดือนละเป็น พัน.. ค่าเบี้ยเป็น 1% ของรายได้.. ทำได้ไหม?.. อย่างนี้มีแต่คนบูชา.. คุณหาเลี้ยงครอบครัว.. คนอื่นก็หา... ใจเขาใจเรา.. อย่าคิดแต่ตัวเอง.. โชคดีนะ.. ปัญหาอยู่ที่บริษัทคุณ..ไม่ใช่คุณ จากคุณ : benz - [ 23 ก.พ. 52 12:06:21 A:192.168.0.17 X:222.123.3.69 TicketID:190761 ]