Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ลุงแอ็ด.....เอามาฝาก ตอนที่ 6 ซื้อก่อน ขายก่อน ทำอะไรก่อนคนอื่น

    ซื้อก่อน  ขายก่อน  ทำอะไรก่อนคนอื่น




    หลักของการเล่นหุ้นอย่างหนึ่งคือ ขายตอนเขาแย่งกันซื้อ  แล้วค่อยซื้อตอน

    เขาแย่งกันขาย......ทำอย่างนี้แล้วจะรวย  เพราะเราจะขายแพง  ซื้อถูก    

    การลงทุนหุ้นในเมืองไทย  ก็ไม่ต่างอะไรกับการเล่นการพนัน  ตาดีได้ตา

    ร้ายเสีย  แต่มันก็ดีกว่าการพนันอยู่อย่างหนึ่งคือ ตำรวจไม่จับ......เพราะเป็น

    การพนันโดยถูกฎหมาย




    การเล่นการพนันในตลาดหุ้นมันมีหลักง่ายๆ  หากินได้ง่าย  ไม่ต้องเสี่ยงวัด

    ดวงเหมือนการพนันอย่างเดียว    มันมีหลักหากินของมันอยู่  ตลาดหุ้นบ้าน

    เรา  ต้องการเพียงแค่ข่าว  อ่อนไหวยิ่งกว่าใจหญิง  เพียงแค่มีข่าวร้ายมากระ

    ทบตลาดแม้นิดเดียว  ไม่ว่าข่าวนั้นจะเป็นข่าวปฏิวัติในบ้านเรา  หรือโอเปคจะ

    ลดการผลิตน้ำมัน  แค่นี้หุ้นก็ร่วงระนาวแล้ว..........เพราะคนแย่งกันขาย

    คนเล่นหุ้นในเมืองไทย  ไม่ได้สนใจความมั่นคงและผลกำไรของบริษัท

    หรอก  ขอเพียงแค่ให้มีข่าว  ก็พร้อมจะทำให้บริษัทนั้นร่วงหรือขึ้นได้

    แล้ว.......ใครคิดจะเล่นหุ้นในบ้านเรา  ข่าวสารต้องเร็ว  หูตาต้องไว  ได้ข่าว

    ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทะเลาะกับเมีย  ก็ต้องรีบเทขายหุ้นทันที  เพราะ

    ผู้ชายเมื่อทะเลาะกับเมีย  ก็จะอารมณ์เสีย  อาจจะหาเรื่องชกต่อยคนอื่นได้

    ง่าย  แล้วอย่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ  จะทำอะไรให้เหมือนคนธรรมดาได้

    เสียที่ไหน  ประธานาธิบดีสหรัฐฯ  ก็อาจก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้เพียง

    เพราะทะเลาะกับเมีย  พอเกิดสงครามโลกปุ๊บ  หุ้นตกกราวรูด  แต่เราขาย

    หุ้นทิ้งไปก่อนแล้ว  เราก็สบายไป  พอสงครามสงบ  เราก็จะมีเงินช้อนซื้อหุ้น

    ถูกๆ เอาไปปรนเปรออีหนูได้สบาย




    ตอนที่หุ้นทำท่าขึ้น  เราก็ดักซื้อไว้  แล้วเราต้องมีราคาในใจว่า  เราจะขาย

    เมื่อได้ราคาเท่าไหร่  สมมุติว่าซื้อมาหุ้นละ 10 บาท  เราตั้งใจว่าขึ้นไป 3

    บาท  เราค่อยขาย  เมื่อหุ้นขึ้นเป็น 13 บาทแล้ว  เราจะต้องขายอย่างตั้งใจ

    ไว้แต่แรกทันที  อย่าได้กลัวขาดทุนกำไรเพราะเห็นว่าหุ้นมีแนวโน้มจะขึ้นได้

    อีก  ถ้าเราไม่ทำตามตั้งใจแต่แรก  เราจะเจ๊ง  เพราะคนที่เจ๊งๆ กันนั้น  ก็

    เพราะโลภ  ไม่ทำตามตั้งใจแต่แรกทั้งนั้น




    เรื่องนี้มีความสำคัญมาก  คือ  ความไม่โลภ....เราจะสู้ความไม่โลภได้  

    การโลภคือการขาดสติ  การไม่โลภคือมีสติ





    ถ้าเราซื้อหุ้น 10 บาท  ตั้งใจขายเมื่อถึง 13 บาท  พอหุ้นถึง 13 บาท  เราไม่

    อยากขาย  อยากถือรอขายให้ได้กำไรมากกว่านี้  นั่นละคือโลภ  ให้เราท่อง

    คาถา  “สติมี  สตางค์มา”  ทันที......เมื่อเราท่องคาถานี้แล้ว  เราจะเกิดสติ  

    แล้วจะขายที่ 13 บาท  อย่างที่วางแผนไว้แต่แรกทันที




    ความสำคัญของการขายตามแผนคือ  การไม่ออกนอกแผน  เป็นการปิดกั้น

    สันดานโลภ  ถ้าเราไม่ขายตามแผน  เรารอมันขึ้นเรื่อยๆ โอเค  มันขึ้นไปถึง

    20 บาท  เรายังโลภต่อ  แต่ทีนี้เมื่อมันมีขึ้นก็ต้องมีลง  มันลงจาก 20 บาท

    เหลือ 15 บาท  เราก็ยังไม่ขาย  เพราะหวังว่ามันจะขึ้นต่อ  แต่มันลดมาถึง

    13 บาท  เราก็ไม่ขาย  พอลงมาถึงทุน  เราก็ไม่ขาย  ทีนี้พอขาดทุนไป 1

    บาท  เราก็ไม่กล้าขาย




    สุดท้ายเราจะถือหุ้นที่ไร้ค่าในมือ  หรือแม้หุ้นมันจะขึ้นกลับมาได้อีก  แต่เรา

    เสียไปอย่างมาก  คือเสียโอกาสในการทำกำไร  เสียโอกาสในการเล่น

    รอบ    สมมุติว่าเราซื้อที่ 10 บาท  ขายตามแผนที่ 13 บาท  หุ้นมันขึ้นไป

    เท่าไหร่ก็ช่างมัน  แต่แล้วมันตกลงตามวัฏจักร  พอมันตกลงมาที่ 7 บาท  

    โดยเราวางแผนซื้อตอน 7 บาท  พอซื้อตอน 7 บาท  แล้วมันยังหล่นไปที่ 5

    บาท  ก็ช่างมัน  แต่แล้วมันกลับมาขึ้นอยู่ที่ราคา 14 บาท  อย่างที่เราตั้งใจ

    ขาย  แล้วเราก็ขาย  อย่างนี้เราก็ทำกำไรกับการเล่นรอบ




    ความสำคัญคือ  การรู้จักบังคับใจตนเองได้




    พวกเจ๊งหุ้น  ก็คือพวกที่ไม่สามารถบังคับใจตนเองได้  ทำให้ไม่ทำตาม

    แผน  คอยหวังให้หุ้นขึ้นทะลุเพดานแล้วค่อยขาย  แต่พอหุ้นขึ้นทะลุเพดาน

    แล้วก็ขายไม่ลง  หวังให้มันขึ้นอีก  สุดท้ายก็เจ๊ง  เพราะต้องถือหุ้นที่ตกลง

    จนขายไม่ออก   การบังคับใจตนเองได้   แล้วจะไม่โลภ  จะทำตามแผน  จะ

    บังคับใจตนเองได้  แล้วจะรวย




    เมื่อเรามีสติแล้ว  เราจะต้องซื้อหุ้นตอนมันลง  บังคับใจเอาไว้ไม่แย่งคนอื่น

    ซื้อตอนมันขึ้น  เพราะทุกอย่างในโลกนี้มันมีวัฏจักรของมันอยู่  คือ  มีขึ้นมี

    ลง   เมื่อขึ้นไปถึงที่สุดแล้ว  ก็ต้องตกลงมา    เมื่อตกลงถึงที่สุดแล้ว  ก็ต้อง

    ขึ้นกลับไป   ดังนั้นก็ไม่เห็นว่าเราจะต้องไปแย่งซื้อกับคนอื่นเขาตอนหุ้นมัน

    ขึ้นไปทำไม  เสี่ยงเกินไป  พอคนแย่งกันซื้อจนราคาสูงเกินไปแล้ว  คนไม่

    แย่งซื้อกันอีก  คนที่ซื้อราคาสูงก็จะต้องขาย  ไม่กล้าเสี่ยงถือ  เพราะไม่มี

    ใครเขาแย่งราคาอีก  มีแต่คนกดซื้อโดยให้ราคาต่ำ  ทีนี้มีแต่คนให้ราคาต่ำ  

    คนที่ถือราคาสูงก็จะแย่งกันขาย  คนก็จะยิ่งกดราคาต่ำลงไปอีก.....สุดท้าย

    หุ้นก็ร่วง......เราค่อยช้อนซื้อตอนหุ้นร่วง  ถือไว้  พอคนไม่แย่งขายกันแล้ว  

    จะกลายเป็นแย่งกันซื้อ  เราก็จะขายตอนหุ้นขึ้น.................ขายแล้วถือเงิน

    สดรอไว้  รอรอบที่จะหุ้นจะร่วงต่อไป




    เราทำอย่างนี้  เราจะรวย......เราทำอย่างนี้ได้  ก็ด้วยการที่เรามีสติคือ  “ขาย

    ก่อน  ซื้อก่อน”
     ทำอะไรก่อนคนอื่น....เมื่อเราสามารถที่จะบังคับใจตัวเอง

    ได้แล้ว  




    การยกเรื่องการเล่นหุ้นมานี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่า  เราจะต้องทำอะไรก่อนคน

    อื่น  เราจะไม่บ้าแห่ตามเขา  เพราะบ้าแห่ตามเขาก็รังแต่จะเจ็บตัว  หรือมีใคร

    เขาชวนให้เราเล่นหุ้น    ให้ดูว่าเรามีข้อจำกัดอะไรหรือเปล่า  ไม่ว่าจะเป็น

    ด้านเวลา  ด้านการทำงาน  และด้านการเงิน




    การเล่นหุ้นต้องอาศัยการติดตามสถานการณ์ทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน

    เมืองเรา  โลก  และข่าวของบริษัทที่เราซื้อหุ้นเขา  ถ้าเราตามข่าวไม่ทัน  

    เราจะไม่มีโอกาสขายก่อนตอนแพง  ซื้อก่อนตอนถูก  การไม่มีเวลาของเรา

    จะทำให้เราจำต้องแห่ขายตามเขา  แล้วแห่ซื้อตามเขา........สุดท้ายเราจะ

    แพ้




    เมื่อท่องคาถาสติมี  สตางค์มาแล้ว  เราก็จะเกิดสติ  รู้ว่าเราไม่มีเวลาพอที่จะ

    ไปตามข่าวอย่างนั้น  เราจะมีสติรู้ดีว่า  การซื้อหุ้น  คอยดูข่าวหุ้น  จะทำให้

    เราเสียสมาธิในการทำงาน  จะทำให้เราทำงานได้ไม่ดี




    ขอยืนยันจากการที่ผู้เขียนเคยเล่นหุ้นมาก่อนว่า  การเล่นหุ้นจะทำให้เสีย

    สมาธิในการทำงานจริงๆ  วันๆ จะไม่ได้ทำอะไร  จะคอยดูแต่หน้าจอ

    คอมพิวเตอร์ว่าราคาหุ้นไปถึงไหนแล้ว  เราจะดูทั้งหุ้นที่เราถืออยู่  และหุ้นที่

    เราสนใจจะซื้อ  เมื่อเราหมกมุ่นสนใจในเรื่องหุ้น  เราจะไม่มีสมาธิในการทำ

    งาน   เคยได้ยินไหมคำว่า “กลับไม่ได้  ไปไม่ถึง  จึงหยุดฝัน”




    เมื่อเราจับปลาสองมือ  ทำงานก็จะทำ  หุ้นก็จะเอา  สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรสัก

    อย่าง.....เจ๊งทั้งหุ้น  เสียทั้งงาน........อย่างนี้อยู่เฉยๆ ดีกว่า  แล้วคนเราน่ะก็

    มักจะชักจูงกัน  ให้ร่วมแห่ด้วยกัน  อาจจะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับเรา

    หรอก  แต่เพื่อนกัน  มีอะไรก็ชวนกัน     เมื่อเพื่อนเราเล่นหุ้น  เพื่อนก็จะ

    บอกว่าการเล่นหุ้นดี  ได้เงิน  สนุก  เราถูกเพื่อนชักจูงอย่างนี้  เราก็จะแห่เล่น

    ตามเขา  พอเล่นแล้วถึงค่อยได้มานั่งกลุ้มใจว่า  ทำไมหนอ  เราจึงต้องมา

    เสียเวลากับมันด้วย  ต้องเสียเวลานั่งดูราคาหน้าจอคอมพิวเตอร์  ต้องเสีย

    สมาธิในการทำงาน  งานก็เสีย  กับอีแค่เพื่อนชักจูงแค่นี้  เราก็ต้องมาตกอยู่

    ในวังวนอย่างนี้  จะขายตอนนี้ก็ขายไม่ได้  เพราะขาดทุนอยู่  รอได้ทุนคืน

    ก่อนค่อยเลิก




    แต่ถ้าจะถามว่ามันนานเพียงไหนล่ะ  แมลงเม่าบินเข้ากองไฟที่คุณจะได้เงิน

    คืน  คุณพลาดไปตั้งแต่เริ่มเล่นหุ้นแล้ว  เพราะคุณรู้ว่าการเล่นหุ้นนั้นเป็นการ

    พนัน  คือ  ความเสี่ยง  ทำให้คุณเสียเวลา  เมื่อมีสติแล้ว  คุณก็จะไม่

    เล่นหุ้น   คุณจะไม่ติดอยู่ในบ่อนการพนันที่ได้ชื่อว่าการเล่นหุ้น   การเล่นหุ้น

    เป็นการพนันที่ทำให้คนติดอย่างสาหัส  มันคือการเสี่ยงโชค  นักเล่นหุ้น  ก็

    คือนักพนันชั้นดีที่ถอนตัวไม่ได้ง่ายๆ แทบทุกคน




    คนเราทำอะไร  ก็จะบอกว่าสิ่งที่เราทำนั้นดี  ได้เงินแล้วแหกปาก  เสียเงินก็

    เลียแผลตัวเองอยู่เฉยๆ ถามพวกนักเล่นหุ้นดูเถิด  พอได้แล้วก็จะโม้ไปทั่ว  

    แต่พอเสียก็หลบเลียแผลอยู่ในบ้าน  ไม่มีการแหกปากเอ็ดตะโรหรอกว่า  “ตู

    โง่ที่เจ๊งหุ้น”
      เมื่อก่อนเราคุยกับเพื่อนที่เป็นนักเล่นหุ้น  เพื่อนก็จะบอกการ

    ขายหุ้นว่าของเขาเมื่อเดือนก่อนว่าได้กำไร 2 หมื่น  แต่เขาจะไม่แอะปากสัก

    คำว่า  เขาเพิ่งขาดทุนหุ้นไป 2 แสน เมื่อสามวันก่อน    เขาไม่บอกให้เรารู้

    หรอกว่าเขาโง่     เขาจะบอกให้เรารู้แค่ว่าเขาฉลาด.......คนเราเป็นกันเสีย

    อย่างนี้ทุกคน




    เราจึงหวังลมปากจากคนอื่นไม่ได้  นอกจากตั้งสติกับตนเองเท่านั้นเราจะไป

    เชื่อทุกเรื่องที่คนเล่าไม่ได้....จะเชื่อทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่ได้.......ไม่

    ได้เด็ดขาด  เชื่อหัวไอ้เรืองเต๊อะ




    ทีนี้เศรษฐกิจที่กำลังเผาจริง  จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องกอดเงินให้อยู่  

    เศรษฐกิจที่เผาจริง  ที่โดนเผามอดไหม้เป็นจุณก่อนคนอื่นก็คือ ตลาดหุ้น

    ปีเผาจริงนี้  เราอย่าได้กระโจนเข้ากองไฟของตลาดหุ้นโดยเด็ดขาด  แม้

    ราคาหุ้นจะตกจนน่าจะซื้อ  แต่เมื่อมันเผาจริงแล้ว  มันก็ตกแล้วตกอีก  หา

    โอกาสกระเตื้องขึ้นได้ยาก  เราจึงต้องท่องคาถาสติมี  สตางค์มาเอาไว้ให้ขึ้น

    ใจ  เราจะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน  ให้ถือมันเสียว่าเป็นผู้หญิง  ที่ผู้หญิงสวย

    นั้นทำให้ผู้ชายตายมานักต่อนักแล้ว......หุ้นราคาถูกก็คือผู้หญิงสวยที่ทำให้

    เราตายหยังเขียด




    ก็มาพูดเรื่องขายก่อนคนอื่น  เศรษฐกิจตอนนี้กำลังถูกหามไปสู่เชิงตะกอน

    เผาจริง  ถามว่าเมื่อเผาจริงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น......คำตอบ คือ ทุกอย่าง

    ราคาจะตก......ทุกอย่างราคาตก  เพราะทุกคนจะขายสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้ง  เพื่อ

    ถือเงินสดเอาไว้ในมือ  สามารถใช้ในยามคับขันได้   เมื่อทุกอย่างแย่งกัน

    ขาย  ราคาก็ตก

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 18 ก.พ. 52 10:20:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com