ความคิดเห็นที่ 1 สมมติว่าพื้นที่รวมไปถึงในอนาคตตั้งแต่ A2 ถึง A60000 และลักษณะของข้อมูลแต่ละช่องแต่ละบรรทัดตั้งแต่ A2 ถึง A60000 นั้นมีค่าเป็นตัวเลข (ไม่เป็นช่องว่าง  ไม่เป็น text ตัวอักษร) ลองใช้สูตรที่ A1 ว่า =INDEX(A2:A60000,SUMPRODUCT(A2:A60000,IF(ISERROR(1/A2:A60000),1,1/A2:A60000)),1) แล้วกด  Ctrl+Shift+Enter (เนื่องจากเป็นสูตร array) ส่วนกรณีที่ข้อมูลมีลักษณะที่เป็นข้อความ ตัวอักษร ผมคิดสูตรในช่องเดียวไม่ออก (ถ้าถามในห้อง tech software น่าจะมีท่านที่ตอบได้มาบอก) แต่หากเป็นผมคงใช้ code ข้างล่างไปแปะใน Code (กด Alt+F11) Sub test()    Stop_flag = False    For i = 2 To 60000            If Stop_flag = fasle Then            If Cells(i, 1).Value = "" Then               Cells(1, 1).Value = Cells(i - 1, 1).Value                     Stop_flag = True                  End If                End If        Next     End Sub โชคดีครับ ^_^ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 20 ก.พ. 52 17:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไอ้หย๋า...แบบคห.1 นี่คำสั่ง expert มากๆ ลองแบบง่ายๆบ้างนะครับ สมมุติว่าช่อง A100 คือค่าที่ A1 ต้องการให้ปรากฎ พิมพ์ที่ช่อง A1 : =$A$100 เวลาที่จะแทรกข้อมูลสามารถ insert row ก่อน A100 ได้ โดยที่สูตรไม่ต้องไปแก้ครับ ลองดู จากคุณ : Tiny CEO - [ 20 ก.พ. 52 17:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โดยปกติ ก็ใช้ฟังก์ชัน OFFSET น่ะครับ แต่จะเขียนสูตรอย่างไรนั้น จริงๆ แล้วมันต้องดูลักษณะของข้อมูลจริงๆ ด้วย เพราะถ้าลักษณะข้อมูลต่างกัน การเขียนสูตรก็ต่างกัน ผมลองสร้างตัวอย่างข้อมูลดังรูป โดยกำหนดว่า ใช้ข้อมูลในคอลัมน์ A เป็น Primary Key ทั้งนี้เผื่อว่า ข้อมูลในคอลัมน์อื่นๆ อาจมีโอกาสเป็นข้อมูลฟันหลอได้ จึงจำเป็นต้องมี Primary Key (แต่ถ้าข้อมูลมีเต็มทุกคอลัมน์ก็ไม่จำเป็น) จากรูป ที่ B1 พิมพ์สูตร =OFFSET(B$2,COUNTA($A$2:$A$1000)-1,0) แล้วคัดลอกสูตรไปทางขวา จนถึง F1 เนื่องจากใช้ฟังก์ชัน OFFSET ทำให้เวลาที่มีแถวเพิ่ม หรือลด OFFSET จากสูตรนี้ จะรู้ได้โดยอัตโนมัติว่า บรรทัดไหนคือบรรทัดสุดท้าย ลองสร้างข้อมูลตามตัวอย่าง แล้วลองใช้สูตรนี้ดูนะครับ อย่างที่บอกแล้วว่า สูตรนี้อ้างอิงมาจากลักษณะข้อมูลแบบในภาพ แต่ถ้าการวางข้อมูลแตกต่างไป ก็ต้องประยุกต์นิดหน่อย หรือถ้าไม่เข้าใจ ก็เอาภาพข้อมูลมาดูจะแนะนำได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ จากคุณ : ครูเอก - [ 20 ก.พ. 52 21:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 my god พี่ๆ ที่นี่ สุดยอด excel ถ้าผมอยากทราบว่า excel สามารถ ใช้สูตรอะไร หรือทำอะไรได้ทั้งหมด บ้าง ผมสามารถหาได้จากที่ไหนครับ คือตอนนี้ มีปัญหาว่า ไม่ทราบว่า excel, word, powerpoint สามารถ ทำอะไรได้บ้าง จากคุณ : thx - [ 20 ก.พ. 52 22:33:59 A:58.9.132.180 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นลมตั้งแต่ เห็นคห.1 แล้ว เอิ่ม..... เก่งง่ะ จากคุณ : สตอร์เบอร์รี่ราดครีม - [ 20 ก.พ. 52 22:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอ copy สูตรจาก คห.3 ครูเอก นะครับ แบบว่าไม่ต้องสร้าง column A ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าใน column ที่ใส่สูตรต้องไม่มี blank column ครับ E1=HLOOKUP(COUNTA(E3:E65536),E3:E65536,COUNTA(E3:E65536)) หรือจะทำแนวขวางก็ได้ครับ A1 = ช่องแสดงข้อมูล B1 = Mon , Tue , Wed... C1 ถึง ... = ฐานข้อมูล A1=VLOOKUP(COUNTA(C1:IV1),C1:IV1,COUNTA(C1:IV1)) แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 52 00:26:18 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 52 00:24:41 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 52 00:22:24 จากคุณ : earkark - [ 21 ก.พ. 52 00:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กลับมาแถมให้อีกสูตรนึงครับ ถ้าไม่ใช้ OFFSET ก็ลองใช้ INDEX ก็ได้ครับ อ้างอิงจากรูปเดิมใน คห.3 ที่ B1 ลองใช้สูตรนี้ก็ได้ครับ =INDEX(B3:B1000,COUNTA(B3:B1000)) แล้วคัดลอกสูตรไปทางขวา จนถึง F1 สำหรับสูตรนี้ มีข้อแม้เช่นเดียวกับ คห.6 นั่นคือ ข้อมูลจะต้องไม่มีเซลว่างปะปน แต่ถ้าคิดว่า อาจจะมีเซลว่าง ก็ควรตามแบบในรูป คือให้มีคอลัมน์ที่เป็น Primary Key ด้วย แล้วแก้สูตรเป็นดังนี้ =INDEX(B3:B1000,COUNTA($A3:$A1000)) แล้วคัดลอกสูตรไปทางขวา จนถึง F1 ก็ใช้ได้เหมือนกันครับ ปล. เลข 1000 หมายถึงบรรทัดสูงสุดที่คาดว่าจะมีข้อมูล หากมีมากกว่า ก็ขยายตัวเลขขึ้นไปตามสมควร ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องระบุทั้งคอลัมน์ เพราะมีผลต่อความเร็วในการคำนวณ (อาจจะไม่เห็นความแตกต่างในเครื่องรุ่นใหม่ๆ ที่เร็วๆ) จากคุณ : ครูเอก - [ 22 ก.พ. 52 01:12:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การหาค่าสุดท้ายดูที่นี่ครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=snasui&month=10-2008&date=12&group=2&gblog=25 จากคุณ : คนควน - [ 22 ก.พ. 52 08:29:59 ]