Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ลุงแอ็ด.....เอามาฝาก ตอนที่ 7 ใช่ว่า.....เจ้าหนี้อยากฟ้อง

    ใช่ว่า.....เจ้าหนี้อยากฟ้อง




    ในอดีต  ถ้าลูกหนี้รายใดถูกเจ้าหนี้ฟ้องละก็  ถือเป็นเรื่องใหญ่โตเลยล่ะ

    ครับ  เพราะมันจะมีผลกระทบโดยตรงต่อชื่อเสียง  และการดำเนินธุรกิจ

    ทันที  ยิ่งอยู่ต่างจังหวัดพื้นที่ไม่ใหญ่โตนัก  เห็นหน้าเห็นตากันแทบทุกวัน  

    ยิ่งมีผลกระทบเอามากๆ ทีเดียว  ฉะนั้นเวลามีการเจรจาต่อรองเรื่องประนอม

    หนี้กัน  เจ้าหนี้มักจะเอาเรื่องฟ้องคดีมาขู่บ่อยๆ อย่างว่าล่ะครับ  ชั่วโมงนั้น

    เจ้าหนี้ไม่ค่อยมีความกดดันเท่าไหร่  หนี้เน่าในกระเป๋าตัวเองมีแค่เล็กน้อย  

    รายไหนพอจะจบได้ก็จบไป  ส่วนรายไหนทำท่ายึกยักก็ไม่ต้องแยแสแค่ส่ง

    เรื่องให้ทนายความฟ้องๆ ไป  นั่นคือบรรยากาศเก่าก่อนสัก 10 ปีที่ผ่านมา

    เห็นจะได้




    แต่สถานการณ์ปัจจุบันมันไม่เหลือไว้เช่นในอดีตอีกต่อไปแล้ว  พูดได้ว่าต่าง

    กันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว  ลูกหนี้ส่วนใหญ่ย่ำแย่......แต่เจ้าหนี้ก็สาหัสไม่

    แพ้กัน  บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย  เรื่องการฟ้องร้องนั้น  ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยง

    ไม่ได้  กลายเป็นเหมือนเรื่องธรรมด๊าธรรมดาไปแล้ว  จนมีคนพูดเล่นๆ ว่า  

    ยุคนี้ใครไม่ถูกเจ้าหนี้ฟ้องถือเป็นเรื่องผิดปกติไปเลย  ว่าไปนั่น......




    เอาละครับ.....เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน  ความรู้สึกเปลี่ยน  ถามว่า....แล้วเจ้า

    หนี้ยังใช้การฟ้องคดีมาเป็นเครื่องมือบีบคั้นกดดันลูกหนี้อีกหรือไม่  ขอตอบ

    ว่า....ยังใช้กันอยู่ครับ  เพราะยังไงการฟ้องคดีก็ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของเร่ง

    รัดติดตาม ทวงถามลูกหนี้อยู่วันยังค่ำแหละ  พูดง่ายๆ ว่า  เมื่อทวงถามแล้ว

    ลูกหนี้ไม่มีจ่ายหรือไม่ยอมจ่าย  ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเล่นงานกัน

    ต่อไป  แต่ถ้าถามใหม่ว่า.....ชั่วโมงนี้  เจ้าหนี้อยากฟ้องลูกหนี้หรือเปล่า  ผม

    ขอตอบว่า....ลึกๆ แล้ว  เจ้าหนี้น่ะไม่อยากฟ้องลูกหนี้เท่าไหร่นัก  ด้วย

    เหตุผลก็คือ




    1.  เหตุการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  ความรู้สึกของลูกหนี้ก็เปลี่ยน

    ไปด้วย  ยุคนี้ลูกหนี้ไม่กลัวถูกฟ้องคดี  ใครที่ถูกเจ้าหนี้ฟ้องคดีถือว่าเป็น

    เรื่องปกติธรรมดาๆ เท่านั้นเอง   แถมบางคนยังไปคุยโม้เปิดเผยแบบน่า

    ภูมิใจด้วยซ้ำไป  อย่างที่รู้กันอยู่ล่ะครับว่า  ส่วนใหญ่ครึ่งค่อนประเทศถูก

    ฟ้องกันถ้วนหน้าทั้งนั้น  ผ่านไปแถวหน้าศาลเพ่งรัชดาจะเห็นรถแน่นไม่มีที่

    จอดแทบทุกวัน  เพราะฉะนั้นชั่วโมงนี้.....ต่อให้ลูกหนี้ขู่จะฟ้อง  ก็ไม่

    สามารถเร่งรัดหรือกดดันให้ลูกหนี้ยอมตกลงชำระหนี้ได้




    2. การฟ้องร้องคดีแต่ละรายไม่ใช่ทำได้ฟรีๆ นะครับ  ทุกคดีล้วน

    แต่มีค่าใช้จ่ายจิปาถะไม่ว่าจะเป็น  ค่าจ้างทนายความ  ค่าธรรมเนียมศาลซึ่ง

    คิดตามทุนทรัพย์ที่ฟ้องสูงสุดถึงรายละ 200,000.-บาทด้วยซ้ำไป  และยังมี

    ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ อีก  ซึ่งแม้ว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้  เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว  

    เจ้าหนี้จะโยนมาเป็นภาระของลูกหนี้ก็ตาม  แต่ตอนยื่นฟ้องคดีกับลูกหนี้  

    ฝ่ายเจ้าหนี้จำต้องกัดฟันทดรองจ่ายไปก่อน  หลับตานึกดูง่ายๆ สิครับ  ถ้า

    เจ้าหนี้ต้องยื่นฟ้องลูกหนี้พร้อมๆ กันทีเดียวหลายพันราย   ต้องเตรียมเงิน

    เป็นค่าใช้จ่ายทางคดีเท่าไหร่กันเชียว




    3. ขั้นตอนของการดำเนินคดีในชั้นศาลนั้น  มีมากมายพอสมควร  

    ถ้าจะประมาณเวลาตั้งแต่เจ้าหนี้ยื่นฟ้องลูกหนี้จนกระทั่งถึงวันที่ศาลมีคำ

    พิพากษา  ผมว่าน่าจะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 – 3 ปีแน่นอน  ยิ่งปัจจุบันนี้

    ยังมีคดีความค้างศาลอีกนับแสนคดี  ยื่นฟ้องไปก็ต้องใช้เวลาอีกนานโข...

    กว่าคดีจะเสร็จสิ้นกัน




    แม้ว่าคดีจะถึงที่สุดเลยเถิดจนถึงขั้นยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด  

    มันก็ไม่ได้หายความว่าเจ้าหนี้จะได้หนี้คืนเร็วนัก  เพราะที่กรมบังคับคดีก็มี

    สภาพไม่ต้องกับที่ศาลเช่นกัน  ทุกวันนี้ยังมีทรัพย์อยู่ระหว่างรอทำการขาย

    ทอดตลาดอีกบานตะไทหลายหมื่นรายการ  สร้างความปวดหัวให้เข้าหน้าที่

    จนไม่รู้จะทำยังไงกันแล้ว  ยิ่งมาเจอสภาวะเลวร้ายกำลังซื้อหดหาย  แถมยัง

    มีของขายอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองแบบนี้  กว่าจะขายทอดตลาดทรัพย์แต่ละ

    รายการได้....โน่นละครับ....ใช้เวลากันเป็นปีๆ เลยทีเดียว




    รวมเวลาตั้งแต่ต้นจนจบในการดำเนินคดีลูกหนี้รายหนึ่ง  ผมคิดว่าน่าจะต้อง

    ใช้เวลา  3 – 5 ปีหรือกว่านั้นด้วยซ้ำไป  ตรงนี้แหละครับ....เป็นประเด็น

    สำคัญที่ทำให้เจ้าหนี้จำต้องขบคิดอย่างหนัก  ต้องรอกันนานๆ แบบนี้มีลูกหนี้

    น้อยรายคงไม่เป็นไรนัก  แต่ถ้ามีลูกหนี้เป็นพันเป็นหมื่นรายล่ะก็....มีหวังเจ้า

    หนี้พังพาบไปก่อนก็ได้




    4. ทุกวันนี้ยังมีลูกหนี้อีกจำนวนหนึ่งที่ยังพอมีเรี่ยวแรงกัดฟันทยอย

    จ่ายชำระหนี้อยู่บ้าง  บางรายอาจจะจ่ายอย่างสม่ำเสมอแต่จำนวนเงินไม่เท่า

    กับยอดตามเงื่อนไขที่กำหนด  หรือบางรายอาจมีการจ่ายแบบเว้นวรรค  คือ

    มีจ่ายบางเดือนเว้นจ่ายบางเดือนบ้าง  ปนๆ กันไปก็ตาม  ซึ่งจะว่ากันตามเนื้อ

    ผ้าก็ต้องยอมรับว่า....ลูกหนี้เหล่านี้ผิดสัญญาไปแล้ว  หากเจ้าหนี้จะยึดถือ

    ตามสิทธิ์ตามตัวอักษรแล้ว  ตัดสินใจใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการกับ

    ลูกหนี้ทันที  ย่อมที่จะทำได้




    แต่เชื่อขนมกันไว้เลยว่า  ถ้าขืนเจ้าหนี้คิดสั้นทำแบบนั้นจริงๆ ล่ะก็  ลูกหนี้

    เหล่านั้นจะสามัคคีหยุดจ่ายหนี้กันทันที  ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเลวร้าย....เป็น

    เรื่องไม่เป็นผลดีอย่างยิ่งกับเจ้าหนี้ในยามที่ต้องการเม็ดเงินจากการเรียกหนี้

    คืน  เพื่อเอามาหล่อเลี้ยงธุรกิจของตนเองให้อยู่รอดเช่นเดียวกัน




    ดังนั้นแม้ตามระเบียบจะเข้าข่ายฟ้องแล้วก็ตาม  เจ้าหนี้ก็ยังไม่อยากตัดเส้น

    เลือดฝอยเหล่านี้ทิ้งไปเฉยๆ ผมกล้าพูดได้เลยว่า....ต่อให้เจ้าหนี้จะถูกบีบ  

    ถูกกดดันจากแบงก์ชาติให้ต้องรีบเร่งจัดการกับลูกหนี้  ยังไงก็ตาม  เจ้าหนี้ก็

    จะหาทางประคับประคองตอดให้ลูกหนี้ผ่อนจ่ายไปเรื่อยๆ ก่อน  ถ้าไม่ถึงที่

    สุดจริงๆ ..... เชื่อว่าก็ยังไม่อยากฟ้องแน่นอน




    เพราะฉะนั้น.....โดยสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้  เชื่อเถอะครับว่า.....เจ้าหนี้เองก็

    ไม่อยากจะฟ้องลูกหนี้เท่าไหร่นัก  ส่วนใหญ่จะพยายามดิ้นรนหากลยุทธ์  หา

    วิธีการต่างๆ ที่จะติดตามเรียกหนี้คืนให้ได้มากที่สุดกลับไปก่อน




    เงินในกระเป๋าลูกหนี้ ณ เวลานี้  ไม่ใช่ว่าจะมีความหมายเฉพาะกับลูกหนี้เท่า

    นั้นหรอกครับ  แต่มันก็มีความหมายกับเจ้าหนี้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย





    อย่างไรก็ตาม....ผมก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกชะล่าใจเกินไป  ไม่ใช่พอรู้แล้วว่า

    เจ้าหนี้ไม่อยากฟ้อง  เลยถือโอกาสช่วงชุลมุนร่วมวงเบี้ยวหนี้ไปด้วย  แบบนี้

    ไม่เชียร์กันละครับ  มันไม่ใช่สูตรสำเร็จของเจ้าหนี้ทุกรายที่จะคิดอ่านเหมือน

    กันหมด  เดี๋ยวเกิดมีท่านใดถูกเจ้าหนี้ลุยถั่วฟ้องแบบสายฟ้าแลบขึ้นมาล่ะก็  

    จะมาต่อว่าผมทีหลังได้  ผมแค่ถอดรหัสในแง่มุมที่คิดว่าเป็นประเด็นที่ลูกหนี้

    น่าจะรู้ไว้  เผื่อท่านใดจะเอาไปใช้ประโยชน์ในจังหวะการเจรจาต่อรองกับเจ้า

    หนี้บ้าง....ก็เท่านั้นเองครับ




    “สุรชัย  กำพลานนท์วัฒน์”




    จากหนังสือ : “ปลดหนี้” เขียนโดย คุณสุรชัย กำพลานนท์วัฒน์

    พิมพ์โดย : ห้างหุ้นส่วนจำกัด สยามสเตชั่นเนอรี่ ซัพพลายส์  

    จัดจำหน่าย : โดย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 23 ก.พ. 52 10:23:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com