ความคิดเห็นที่ 1 เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องภาษีและแนวทางในการยื่นแบบ ภงด. ผมขออธิบายแบบง่าย ๆ นะครับ การยื่นแบบเสียภาษีของบุคคลธรรมดาประจำปี ให้ยื่นแบบ ภงด.90 หรือ ภงด.91 เท่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณมีรายได้กี่ประเภทครับ ถ้าคุณมีเงินได้จากการจ้างแรงงานประเภทเดียว (เงินเดือน แล/หรือ ค่าจ้าง) ให้คุณยื่นแบบ ภงด. 91 ครับ  แต่ถ้าคุณมีรายได้หลายประเภท ได้แก่ รายได้จากการจ้างแรงงาน รายได้จากค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล  ก็ให้ยื่นแบบ ภงด. 90 ครับ  ซึ่งใน ภงด.90 สามารถกรอกเงินได้ได้หลายประเภทครับ การยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ุ6 เดือน) ใช้แบบ ภงด. 94 สำหรับเงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน, เงินได้จากการการประกอบวิชาชีพอิสระ, เงินได้จากการรับเหมา, เงินได้จากการประกอบธุรกิจ ตามมาตรา 40 (8)  ดังนั้นถ้าคุณมีรายได้จากค่าเช่า คุณต้องยื่นแบบเสียภาษีครึ่งปี หรือแบบ ภงด .94 ด้วย  ซึ่งถือเป็นเครดิตภาษี สามารถนำมาหักออกตอนยื่นแบบ ภงด. 90  ได้ครับ จากคุณ : sakchai splash - [ 26 ก.พ. 52 11:39:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อจาก คห. 1 เครื่องมันแฮงค์ กลัวพิมพ์แล้วหาย ต้องส่งไปก่อน ไม่อยากพิมพ์ซ้ำครับ...  เมื่อคุณให้คนอื่นเช่าบ้าน คุณจะต้องเสียภาษีโรงเรือนที่เป็นภาษีท้องถิ่น ซึ่งจะต้องมีการส่งบิลเรียกเก็บที่เรียกเป็นภาษาทางการว่า "หนังสือแจ้งการประเมินจากเจ้าหน้าที่" โดยเสียเพียง ปีละครั้งครับ ผู้ให้เช่าอาจจะตกลงกับผู้เช่าให้รับภาระภาษีในส่วนนี้ไป แต่ผู้ให้เช่าก็ต้องเป็นผู้นำส่งภาษีตัวนี้เองครับ  อนึ่ง "สิ่งปลูกสร้าง" ทางการเขาตั้งเป็นหลักเอาไว้ให้ต้องเสียภาษีโรงเรือน แม้แต่จะเปิดเป็นบริษัทของตัวเองไม่ได้ให้ใครเขาเช่าก็ต้องจ่ายภาษี  เว้นแต่จะเป็นบ้านที่มีไว้อยู่เอง หรือปิดตายไว้แต่ให้คนเฝ้า โดยไม่ได้ใช้เป็นที่เก็บสินค้า ก็ได้รับยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี โดยคำนวณภาษี "จากค่ารายปี" ที่ดูจากเงินที่ควรได้หากจะให้เช่าทรัพย์สินนั้นเป็นเกณฑ์ถ้ามีค่าเช่าก็เอาเป็นหลักคำนวณค่ารายปีได้เลยครับ ถ้าทำหัวใสโดยทำสัญญาเช่าให้มีการเรียกเก็บเงินกินเปล่าก้อนหนึ่ง แล้วเก็บค่าเช่าเดือนละไม่กี่สตางค์ จะได้จ่ายภาษีโรงเรือนตามเงินค่าเช่าที่ใส่ไว้ในสัญญา  เขาถือเป็นการเจตนาเลี่ยงภาษี  ซึ่งถ้าไม่มีปัญหา ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าเกิดมีการประเมินใหม่ ก็ต้องจ่ายอานนะครับ เพราะจะมีเรื่องเบี้ยปรับ กับดอกเบี้ยมาเกี่ยวข้องด้วย   ภาษีแบบนี้เป็นภาษีแบบประเมิน คือพนักงานเจ้าหน้าที่จะเป็นคนประเมินเอาว่าทรัพย์สินนี้น่าจะหาประโยชน์ได้ปีละเท่าไร   ดังนั้นต่อให้เขียนในสัญญาเช่าอย่างไรหากไม่สมเหตุผล  เจ้าหน้าที่ก็ประเมินจากฐานที่เห็นว่าสมควรได้  แต่หากไม่ถูกใจก็ต้องอุทธรณ์ฟ้องร้องกันต่อไปครับ หวังว่าคงพอเข้าใจนะครับ จากคุณ : sakchai splash - [ 26 ก.พ. 52 12:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระจ่างครับ ขอบคุณครับคุณ sakchai splash จากคุณ : Kolate - [ 26 ก.พ. 52 12:27:45 ]