|
ลาออก บทเรียนที่ต้องจดจำ
สวัสดีครับ ตอนนี้ผมออกจากงานแล้วครับ วันนี้มานั่งทบทวนตัวเองว่าตัวเองได้อะไรจากบทเรียนครั้งนี้ครับ ผมเพิ่งทำงานมาได้ 8เดือนเองครับ แต่ก็ได้ไรมาเยอะเลยครับจากโลกการทำงานจริง
บทเรียนที่ 1 การทำงานต้องมีการเซ็นสัญญาการทำงานให้แน่ชัด สัญญาใจใช้ไม่ได้กับโลกธุรกิจ
ผมทำงานโดยไม่ได้เซ็นสัญญาครับ เนื่องจากพี่คนที่สัมภาษณ์บอกเป็นบริษัทเล็กๆ แล้วอยู่กันอย่างพี่ๆน้องๆ อบอุ่นๆ สัญญาใจครับ บอกทั้งเงินเดือน การันตีโบนัส(ตอนหลังไม่ได้อย่างที่พูดครับ) แต่ไม่มีให้เซ็นสัญญาครับ จุดนี้ทำให้ผมพลาดแต่พลาดยังไงเดี๋ยวจะเล่าอีกทีครับ
บทเรียนที่สอง การทำงานไม่ว่าจะเล็กแค่ไหน การเมืองภายในมีได้เสมอครับ อีกทั้งยิ่งบริษัทเล็ก ยิ่งน่ากลัวครับ เพราะรู้ถึงกันไว
บทเรียนที่สาม คนที่ยิ้มง่ายที่สุดอาจเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ที่สุด อาจจะแทงเราข้างหลัง โปรดระวังตัวไว้
บทเรียนที่ที่สี่อย่าเป็นคนโง่ หรือเล่นบทพ่อพระที่อะไรก็ยอมได้ทุกอย่าง เพราะไม่งั้นก็จะโดนเหยียบและกดขี่ตลอดไปครับ
บทเรียนที่ห้า เลือกนายที่มีคุณธรรม แค่นี้ชีวิตการทำงานก็สบายขึ้นอีกเยอะๆมากแล้วครับ
เอาล่ะครับ เข้าเรื่องนะครับ ผมทำงานที่นี้มาได้ 8 เดือนก็โดนออกในข้อหาไม่ผ่านโปรครับ ใช่ครับไม่ผ่านโปร แต่งานที่ทำนั้นผมทำในช่วงที่หนักผ่านไปเรียบร้อยหลังจากนั้นเค้าก็เรียกมาคุยแล้วบอกว่าไม่ผ่านโปร เหตุผลในตอนแรกที่เค้าเรียกไปคุยเค้าบอกว่าผมชอบเถียง ทั้งๆที่การทำงานมักเป็นแบบ brain strom เค้าก็ให้เวลาผมปรับตัว 3 อาทิตย์ ผมก็พยายามปรับครับ พอเค้าเรียกมาคุยอีกครั้ง เค้าบอกว่าผมเงียบ ผมก็บอกว่าผมเงียบเพื่อที่จะรับฟังมากขึ้น ตามคำแนะนำของพี่เค้ารวมถึงคิดให้ลึกซึ้งมากขึ้น แต่เค้ากลับบอกว่าผมเงียบเพื่อปกป้องตัวเอง ทั้งๆที่วันก่อนประชุม ผมยังเสนอความคิดเห็นอยู่เลยครับ
ทำให้ผมรู้ว่าถ้าเกิดเค้าอยากให้ออก ไม่ว่าทำอะไรก็ผิดหมดครับ แล้วเค้าก็บอกว่าให้เตี๋ยมกับเค้าให้ผมบอกคนอื่นว่าลาออกเอง แล้วก็หยิบใบลาออกให้ผมเซ็นครับ ทำให้ผมไม่ได้รับเงินชดเชย (อีกทั้งเค้าก็ไม่อยากจะให้อยู่แล้วครับ) เพราะผมไม่มีเซ็นสัญญาตอนทำงานด้วยครับ ทั้งที่ถ้าเค้าอยากให้ผมออกก็น่าจะยุติธรรมกับผมหน่อย แต่เค้าก็กดดันครับให้เซ็นใบลาออก โดนให้ข้อหาว่าผมกับองค์กรไม่เหมาะสมกัน ทั้งที่ช่วงที่ทำงานนั้นเป็นช่วงที่ทำงานหนักมาก ผมทำงานทุกวัน หยุดกลางสัปดาห์อาทิตย์ละวัน ทำงานเกินเวลา ประชุมถึง 4-5ทุ่ม ลาป่วยไม่ได้ครับ เนื่องจากคนไม่พอ รวมถึงงานที่พี่ๆๆชอบพูดกันครับว่า Muti-task ต้องทำทุกอย่างทั้งๆที่ตอนสัมภาษณ์งานไม่ตรงกับที่บอกเลยครับ Muti-task ต้องทำทุกอย่าง ยกของ,วางแผน,ออกแบบ artwork, บริการลูกค้า และอีกมากมายครับ ผมแค่มาระบายเท่านั้นแหละครับ ถึงตอนนี้ผมเตรียมตัวที่จะหางานใหม่ และจะนำประสบการณ์ที่ได้เจอเป็นเครื่องเตือนใจตัวเองครับ อย่างน้อยผมก็เชื่อว่า ยิ่งคนเราเจอประสบการณ์มากเท่าไหร่ ก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นครับ
จากคุณ :
ขงเบ้งกลับชาติ
- [
4 มี.ค. 52 23:17:30
]
|
|
|
|
|