ความคิดเห็นที่ 1
เมื่อถึงวันเดินทาง, ทั้งสี่คนก็ได้มารวมตัวกันเพื่อออกเดินทางไปยังตลาดอีเบย์
นายดำใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นที่เคยใส่ทุกวันที่บ้าน, เนื่องจากเขาตื่นสาย และเขาลืมที่จะเตรียมหาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่อ เขาจึงรีบไปตลาดและซื้อจานเป็นจำนวนมาก โดยหวังที่จะนำจานเหล่านี้ไปขายต่อในตลาดอีเบย์ในราคาสูง นายแดงใส่ชุดที่ดูดีมีราคา, โดยมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าจำนวนมากที่เขาคิดว่าน่าจะขายได้ดี เพราะมีหลายคนบอกเขาว่า ในอีเบย์นั้น เสื้อผ้าขายดีและ
ขายง่ายที่สุด นายเขียวใส่ชุดประจำร้านของตัวเอง, เขานำแหวนเงินที่ผลิตเองและขายดีที่สุดในร้านของเขาใส่ไปเต็มกระเป๋า นายขาวใส่ชุดที่สุภาพเรียบร้อย, หลังจากที่เขาใช้เวลาทั้งเดือนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าและผู้ขายในอีเบย์แล้ว เขาคิดว่าถุงที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เขาจึงนำถุงพลาสติกรีไซเคิลจำนวนมากไปขาย
ทั้งสี่คนจึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองไกลโพ้น เพื่อไปขายของในตลาดอีเบย์
เมื่อมาถึงตลาด ทั้งสี่คนจึงแยกย้ายกันไปตั้งร้านขายของในที่ๆเหมาะกับสินค้าของตน
สำหรับนายดำนั้น, เขาไม่อยากจ่ายเงินค่าเช่าที่ เขาจึงต้องออกมาขายอยู่บริเวณรอบนอกซึ่งมีลูกค้าผ่านมาน้อยแต่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ เขาเลือกเปิดแผงขายของโดยใช้ผ้าปูพื้นและวางจานทั้งหมดไว้อย่างง่ายๆ เขาต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด เขาจึงใช้แค่กระดาษบอกราคาจาน นายดำนั้นพูดภาษาท้องถิ่นที่พูดกันในเมืองไกลโพ้นไม่ได้ เขาจึงต้องนั่งรอคนมาซื้อของอย่างเงียบๆ และเพราะเขาได้ยินคำร่ำลือว่า สินค้าทุกอย่างสามารถขายได้ในราคาสูงและทำกำไรได้มากเป็นพันๆเท่า ดังนั้นนายดำจึงประกาศขายจานใบล่ะ 100 เหรียญ จากราคาที่ซื้อมาจานล่ะ 1 เหรียญ ซึ่งเขาคิดว่าเขาได้ลดราคา(จากพันเท่า)ลงมาเหลือแค่ร้อยเท่า, สินค้าจึงน่าจะขายดีและขายหมดได้อย่างรวดเร็ว และหากเขาขายหมดก็น่าจะกลายเป็นเศรษฐี มีเงินกลับหมู่บ้านอย่างผู้มั่งคั่งเลยทีเดียว แต่เมื่ออาทิตย์แรกผ่านไป, นายดำขายจานไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว เขารู้สึกโมโหที่ลูกค้าไม่ยอมซื้อจานของเขา ทั้งๆที่เขาคิดราคาถูกมาก และเขายังรู้สึกโกรธคนที่บอกว่าตลาดอีเบย์นั้นเป็นตลาดที่ทำกำไรได้ง่ายอีกด้วย เขาจึงเก็บของทั้งหมดแล้วกลับหมู่บ้านไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคืองโดยที่ยังขายของไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว
สำหรับนายแดงนั้น, เขาเลือกเช่าแผงขายของเล็กๆในย่านที่คนมีคนพอสมควร นายแดงจะพูดภาษาท้องถิ่นได้อย่างคล่องแคล่ว จึงสามารถพูดคุยติดต่อกับผู้คนได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ผิดคาดคือ มีคนขายสินค้าเหมือนกับนายแดงอยู่มากมาย ทำให้นายแดงต้องลดราคาเพื่อให้สินค้าสามารถขายได้ เมื่อ 1 เดือนผ่านไป, นายแดงก็ขายเสื้อออกไปจนหมด โดยที่มีกำไรเหลือกลับบ้านเพียงเล็กน้อย เขารู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยที่มีคู่แข่งหลายคนมาแย่งขายเสื้อกับเขา จนทำให้เขาต้องลดราคาเพื่อให้ขายได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกภูมิใจที่ยังได้กำไรกลับบ้าน
สำหรับนายเขียวนั้น, เขายอมจ่ายเงินเพื่อเปิดร้านแหวนเงินในย่านที่คนเดินผ่านมากที่สุด ซึ่งแหวนของนายเขียวนั้น น่าจะสามารถทำกำไรต่อวงได้มาก และน่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะแหวนเงินของนายเขียวมีคุณภาพยอดเยี่ยมและเอกลักษณ์โดดเด่นแบบที่หาคู่แข่งไม่ได้ แต่ปัญหาของนายเขียวคือ ทั้งลูกค้าส่วนมากที่ต้องการซื้อแหวนของนายเขียวนั้น พูดภาษาท้องถิ่นซึ่งนายเขียวพูดไม่ค่อยได้ ทำให้นายเขียวไม่สามารถพูดจาหว่านล้อมลูกค้าได้อย่างที่เคย และนายเขียวก็มักจะทำผิดกฏการขายในตลาดเพราะนายเขียวอ่านกฏไม่ออก จึงทำให้นายเขียวต้องเสืยกำไรจำนวนมากไปกับการถูกจับเพราะทำผิดกฏอยู่เสมอๆ เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี นายเขียวจึงปิดร้านและกลับหมู่บ้านพร้อมกับกำไรจำนวนหนึ่ง
สำหรับนายขาวนั้น เขาเปิดร้านขายของเล็กๆ แล้วตระเวนไปแนะนำถุงพลาสติกรีไซเคิลของเขากับผู้ขายของในตลาดอีเบย์ นายขาวสามารถหาลูกค้าได้อย่างง่ายดาย เพราะไม่ว่าจะเป็นร้านไหนก็ต้องใช้ถุงเพื่อให้ลูกค้าใช้ใส่สินค้านำกลับบ้านกันทั้งนั้น และเขายังพูดภาษาท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้เขาสามารถเจรจาซื้อขายกับลูกค้าท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ลูกค้าของนายขาวทุกคนพอใจในคุณภาพ และราคาที่ย่อมเยามาก แถมการเปลี่ยนมาใช้ถุงรีไซเคิลยังได้ภาพลักษณ์ในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมอีกต่างหาก นายขาวจึงมีลูกค้าท้องถิ่นที่เป็นคนขายของอยู่ตลาดอีเบย์มากมาย และสามารถทำกำไรได้อย่างมากมายด้วยเช่นกัน หนึ่งปีให้หลัง นายขาวจึงกลับหมู่บ้านไปอย่างเศรษฐีพร้อมเงินทองมากมาย
จากคุณ :
แมวกนล
- [
7 มี.ค. 52 21:46:06
]
|
|
|