Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ลุงแอ็ด.....เอามาฝาก ตอนที่ 12 ถ้าโดนให้ออกจากงาน ทำไงดี??

    ถ้าโดนให้ออกจากงาน....ทำไงดี



    สิ่งที่ไม่คาดคิด  ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับเราไม่ได้  ดังที่มีหลายคนทีเดียวที่โดนให้

    ออกจากงานอย่างไม่ทันรู้ตัว  แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก  ได้แต่งงๆ งวยๆ  จับต้น

    จนปลายไม่ได้ สุดท้ายก็เลยได้แต่โวยวายเรียกร้องนั่นนี่อย่างไม่มีแบบแผน

    และไม่มีเหตุผลที่จะสนับสนุนให้ตัวเราได้ตามปรารถนา  จนเกิดเป็นความ

    เข้าใจผิดกันและจบความสัมพันธ์อย่างเลวร้าย  ทั้งที่ความจริงแล้วมันยังมี

    หนทางให้เราเลือกอยู่ได้บ้าง เพื่อให้ตัวเราอยู่รอดต่อไป  ซึ่งขอให้มีสติไว้

    ก่อนเท่านั้น  ถึงจะโดนให้ออกจากงาน  แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะ

    ต้องจบชีวิตในวันนี้สักหน่อย



    ตั้งสติไว้ให้มั่น

    ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของคุณตามที่คุณรู้สึกอยู่ในขณะ

    นี้  แต่การถูกให้ออกจากงาน  ก็ไม่ควรนำมาเป็นตราบาปในใจของคุณตลอด

    ไป  แน่นอนว่าคงไม่มีใครไม่เสียใจ  เพราะการถูกคนอื่นปฏิเสธเป็นความ

    รู้สึกที่แย่มากจริงๆ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ปกปิดความรู้สึกเก่งเพียงไหน  

    ในส่วนลึกของจิตใจก็คงถูกทำร้ายไปไม่น้อยไปกว่าใครเช่นกัน  ดังนั้น  หาก

    คุณจะรู้สึกสะเทือนใจไปบ้าง  ก็ปล่อยให้มันเป็นไป  ขอเพียงให้คุณควบคุม

    สติของตนเองไว้ให้ดีๆ ก่อนก็พอ



    เพราะมีหลายคนที่เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกให้ออกจากงาน  ก็ควบคุมอารมณ์ของตัว

    เองไม่ได้  จนบางครั้งก็เผลอทำอะไรที่สุดโต่งออกมา  เช่น  การเอะอะ

    โวยวาย  ตีโพยตีพาย  ไม่ยอมรับความจริง  จนกระทั่งบางคนถึงกับคิดสั้น  

    ทั้งที่การทำอย่างนั้นเป็นการโง่เขลามาก  เพราะชีวิตของคนเราจะหมดสิ้นไป

    ทุกสิ่งทุกอย่างไปพร้อมกับการถูกไล่ออกหรือ?  



    ก็มิใช่อย่างนั้นหรอก  ฟ้าหลังฝนย่อมจะสดใสสวยงามเสมอ  และบางทีก็สด

    ใสสวยงามมากกว่าเดิมหลายเท่านัก  เช่น  คุณอาจจะได้งานใหม่ในทันที  

    ไม่ต้องเป็นคนว่างงานนานๆ หรือไม่ก็ได้เงินเดือนที่สูงขึ้นกว่าบริษัทเดิมที่

    คุณเคยคิดไว้เสียอีก  ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ควรเอาใจใส่ในเวลาที่คุณโดนให้ออก

    จากงานคือ  การอย่าทำอะไรด้วยอารมณ์  หรือตัดสินใจไปโดยไม่คิดให้

    รอบคอบ  เพราะคนที่อยู่ในอารมณ์โกรธ  มักจะไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี  แล้ว

    ก็ตัดสินใจอะไรไปที่ทำให้ชีวิตผิดพลาดซ้ำสอง  



    ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างนี้  หากคุณยังไม่มีอารมณ์ที่สงบนิ่งพอ  การที่

    คุณยังไม่ตัดสินใจอะไรเลย  ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด  รอจนคิดด้วยเหตุผล

    แล้วนั่นแหละว่า  คุณควรจะทำอย่างไรต่อไป  คุณจึงค่อยลงมือตามนั้นดี

    กว่า  เพราะอย่างน้อยๆ ก็เพื่อไม่ทำให้ตัวเองตัดสินใจอะไรผิดพลาดอีก  ที่

    มันจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปกว่าที่เป็นอยู่  ใจเย็นลงสักนิด  และไม่

    คิดโทษตัวเอง  นั่นแหละทางออกจึงจะผุดขึ้นมาให้คุณเดินออกไปเองอย่าง

    ปลอดภัย



    การเอะอะโวยวายไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร

    ถูกต้องที่สุด  การที่คุณจะเอาแต่เอะอะโวยวายเมื่อถูกให้ออกจากงาน  เป็น

    การกระทำที่ไม่ช่วยอะไรคุณเลย  นอกจากจะทำให้สถานการณ์แย่ลง  

    เพราะการตีโพยตีพาย  และการแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้น

    อย่างโจ่งแจ้ง  จะทำให้คุณขาดบุคลิกภาพที่ดีจนถูกมองว่าเป็นบุคคลที่ขาด

    วุฒิภาวะ  ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่เป็นซึ่งจะสร้างผลเสียให้กับตัวคุณอย่าง

    ยิ่ง  และถ้าคุณได้พูดจาว่าร้ายคนอื่น  หรือขั้นทำลายข้าวของของบริษัทด้วย

    แล้ว  นั่นก็ยิ่งจะทำให้คุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้มันดีขึ้นมาได้เลย  

    เพราะทุกคนจะคิดว่า  “สมควรแล้ว  สำหรับคนที่มีนิสัยอย่างนี้” จะเห็นได้ว่า

    มีแต่ผลเสีย  ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ตรงไหนเลย  และถึงแม้ว่าคุณจะบอก

    ว่า  “เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีความยุติธรรม”  แต่จะมีใครที่เชื่อถือคนที่ชอบตีโพย

    ตีพายบ้างละ?   จะมีใครเชื่อหรือว่าคุณถูกกลั่นแกล้ง  ถ้าหากเขาดูจาก

    บุคลิกที่คุณแสดงออก  คงจะหาใครที่เชื่อถือคำพูดของคุณได้ยากเต็มที  



    เพราะฉะนั้น  ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกในการให้ออกจากงาน  คุณจะ

    ต้องสงบนิ่งไว้  อย่าเอะอะโดยวายโดยเด็ดขาด  เพราะมันอาจจะยังมีโอกาส

    ให้คุณกลับไปเจรจากับนายของคุณได้อีกครั้ง  เช่น  คุณอาจจะขอเวลาทำ

    งานหนักขึ้นเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น  หรืออธิบายบางเรื่องที่เจ้านาย

    เข้าใจผิดอยู่  เพราะโดยลักษณะของเจ้านายที่ดีนั้น  เขาจะพยายามให้ความ

    ยุติธรรมกับพนักงานของตนอย่างเท่าเทียมกัน  ดังนั้น  ถ้าคุณไม่ทำเรื่องให้

    มันเลวร้ายลงไปกว่าเดิมด้วยการเอะอะโวยวาย  การงานของคุณก็อาจจะยัง

    ไม่ได้หลุดลอยไปไหนก็ได้



    ต่อรองในสิ่งที่ควรต่อรอง  อย่าเดินจากมาง่ายเกินไป

    ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว  คุณจะต้องโดนออกจากงานเป็นที่แน่นอน  แต่ก็มิ

    ใช้ว่าคุณต้องกลายเป็นผู้แพ้หมดสภาพสมบูรณ์แบบเสมอไป  เพราะในเวลา

    แบบนี้  เจ้านายส่วนใหญ่มักจะมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจเช่นกัน  และนี่แหละ

    เป็นโอกาสที่คุณจะได้ต่อรองกับนายจ้างได้เหมาะสมกับเวลามากที่สุด  เพื่อ

    ที่คุณจะได้เดินจากไปง่ายดายขึ้น  ไม่สร้างปัญหาความลำบากใจให้กับนาย

    จ้างต่อไป



    ดังนั้น  นายจ้างส่วนมากจึงมักจะฟังความต้องการของคุณเพื่อทำให้ปัญหา

    จบลงโดยเร็ว  แล้วคุณสมควรที่จะต่อรองอะไรกับนายจ้างนะหรือ?

    ข้อแรก...ที่คุณควรจะต้องทำเพื่อตัวเองก็คือ  การต่อรองเรื่องเงินชดเชยที่

    คุณสมควรได้  หากการให้ออกครั้งนี้คุณไม่มีความผิดใดๆ แต่อาจจะเป็น

    เพราะกิจการกำลังย่ำแย่  หรือเป็นปัญหาของบริษัทเองที่ต้องปลดพนักงาน

    ออกให้น้อยลง  ซึ่งการที่คุณไม่มีความผิดเช่นนี้  เป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งที่

    ทางบริษัทจะต้องจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับคุณ  เพราะคุณมีความจำ

    เป็นเช่นกันที่จะต้องใช้เงินส่วนนี้ไปในเวลาที่คุณต้องหางานใหม่ในอนาคต  

    เพราะฉะนั้นการที่คุณออกไปโดยไม่ได้เงินชดเชย  และไม่มีการต่อรองใดๆ

    ทำให้คุณเสียเปรียบ  และต้องออกไปเผชิญชะตากรรมเพียงลำพังทั้งๆ ที่ไม่

    ใช่ความผิดของคุณ  ซึ่งถ้าหากฝ่ายนายจ้างไม่ตกลงยินยอม  คุณก็สามารถ

    ฟ้องได้



    แต่นั่น  คุณจะต้องมั่นใจว่าคุณไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับทางบริษัท

    จริงๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว  นายจ้างที่ฉลาดแกมโกงก็มักจะหาวิธีไม่ให้คุณ

    สามารถฟ้องร้องได้เช่นกัน ดังนั้น  คุณอาจจะลำบากสักหน่อย  แต่ก็ใช่ว่า

    คุณจะไม่มีช่องทางเสียเลย  ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นการหลีกเลี่ยงการขึ้นโรงขึ้นศาล

    จะเป็นที่ดีกับทั้งสองฝ่ายมากกว่า  จึงสมควรที่จะเจรจากันก่อน  และใช้แนว

    คิดนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาวิธีสุดท้าย  รวมทั้งคุณยังสามารถขอให้ทางบริษัทเดิม

    ของคุณออกไปรับรองงานให้คุณด้วย  ก็จะเป็นการดีกับการสมัครงานใหม่

    ของคุณ



    ส่วนในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดจริง  การต่อรองเรื่องเงินนี้ก็มักจะใช้ไม่ได้ผล

    สำหรับคุณ  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถต่อรองอะไรได้เลย  

    เพราะอย่างน้อยๆ การที่คุณยอมรับความจริง  ไม่เอะอะโวยวาย  ตามที่เคย

    กล่าวไว้แล้วว่ามันจะไม่ทำให้คุณอยู่ในสภาพที่คุณได้เปรียบขึ้นมาได้

    หรอกนอกจากคุณจะสงบนิ่ง  แล้วเข้าไปเจรจาเพื่อขอผ่อนปรนความผิดกับ

    เจ้านายของคุณ  เช่น  คุณอาจจะขอทำงานอีกสักพักโดยไม่รับเงินเดือน  

    เพราะการสมัครงานใหม่โดยยังอยู่ในที่ทำงานเก่า  จะทำให้คุณมีโอกาสได้

    งานมากกว่าการเป็นคนว่างงาน  เนื่องจากบริษัทใหม่ที่คุณไปสมัครจะได้ไม่

    คิดว่าคุณมีปัญหากับที่ทำงานเก่าหรือถูกไล่ออกมา  



    ดังนั้น  หากคุณเจรจากับเจ้านายอย่างมีเหตุผล  ก็อาจทำให้เจ้านายของคุณ

    เกิดความเห็นใจขึ้นมาบ้างก็ได้  แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณด้วยเช่นกันว่า  ได้ทำ

    ความผิดร้ายแรงไว้แค่ไหน  สมควรที่เขาจะมีความเมตตากับคุณได้อีกหรือ

    ไม่...นี่เป็นเรื่องสำคัญนะ



    หาทางหลีกหนีคำว่า “โดนไล่ออก”

    คนส่วนใหญ่ไม่มีใครปรารถนาให้ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องพัวพันกับคำว่า “โดนไล่

    ออก”
     พวกเขาพยายามหลีกหนีจนสุดชีวิต  เพราะว่ามันไม่ได้มีผลกับชีวิต

    ของคนคนนั้นเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยาม  แต่มันหมายถึงตราบาปไปตลอดช่วง

    เวลาของการทำงาน  การหางานใหม่  การเปลี่ยนงาน  เพราะหากบริษัทใด

    ทราบว่า คุณโดนไล่ออกหรือถูกให้ออกจากงาน พวกเขาก็ย่อมไม่ยอมรับใน

    ตัวคุณ  ไม่ว่าคุณจะมีความสามารถมากมายเพียงใดก็ตาม  เนื่องจากสังคม

    ของเรายังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่  แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดว่า

    คนที่โดนให้ออกจากงานทุกคนจะต้องเป็นคนไม่ดีก็ตาม



    ดังนั้น  หากคุณต้องตกอยู่ในสภาพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  การที่คุณพยายาม

    หลีกหนีมันให้ไกลที่สุดจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องทำ  แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว  บริษัท

    ส่วนใหญ่ที่ต้องการปลดพนักงานคนใดออกจากงาน  พวกเขามักจะยืน

    หนังสือลาออกให้กับคุณเอง  และทางบริษัทมักยินดีที่จะยอมรับมันแค่เพียง

    คุณจะเซ็นยืนยันการลาออกนั้นๆ  เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คุณเป็นบุคคลที่

    โดนไล่ออก  ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายแต่มันก็ยังดีกว่าที่

    คุณจะดับอนาคตของตัวเองด้วยการระบุว่า “ถูกไล่ออก” แน่นอน



    ในบางครั้งเราก็ต้องผ่านจุดที่แย่ที่สุดของชีวิตของตัวเองไปให้ได้  ซึ่งนั้นไม่

    ได้หมายความว่าคุณจะต้องตกต่ำอย่างนั้นตลอดไป  การออกจากบริษัทเดิม

    ของคุณครั้งนี้  อาจจะเป็นโอกาสทองที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จก็เป็น

    ได้  เพราะคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น  ที่สามารถยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ได้อย่างสง่า

    ผ่าเผย  และมีโอกาสที่จะก้าวหน้ากว่าคนที่ไม่เคยผ่านอุปสรรคอะไรมาเลย  

    เพราะว่าคุณมีเกราะป้องกันจิตใจในยามที่อ่อนแอมากกว่าคนอื่นแล้วๆ



    “ปรัณญา  วันบรรจบ”



    จากหนังสือ  :   “เตรียมตัว  ลาออกให้เป็น” เขียนโดย

    คุณปรัณญา  วันบรรจบ


    จัดพิมพ์โดย  :  บริษัท เอ็ดดูเคชั่น ไมน์ด มัลติมีเดีย จำกัด


    จำหน่ายโดย  :  บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)

    จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 11 มี.ค. 52 09:07:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com