 |
ลุงแอ็ด.....เอามาฝาก ตอนที่ 14 ถ้าจะลาออก ต้องจ่ายเงินชดเชยค่าอบรมให้บริษัทหรือเปล่า?
ถ้าจะลาออก ต้องจ่ายเงินชดเชยค่าอบรมให้บริษัทหรือเปล่า?
เรียนอาจารย์ที่นับถือ
ผมมีปัญหาที่จะถามอาจารย์มากมาย แต่เกรงใจว่าอาจารย์จะบอกว่า
รบกวน แล้วคำถามก็คนละเรื่องนะครับ เลยขอตัดตอนเอาเฉพาะบางเรื่อง
ก่อนเท่านั้น ตอนนี้จะถามเกี่ยวกับเรื่องงานที่ต้องตัดสินใจก่อนเรื่องอื่น
เข้าทำงานโดยมีข้อตกลงว่า หากบริษัทให้การอบรม ไม่ว่าจะในหรือต่าง
ประเทศ จะต้องทำงานกับบริษัทไปให้คุ้มประมาณสามปี โดยไม่นับเวลา
ทดลองงาน แต่หากจะออกก่อน จะต้องชดใช้เงินสามเท่าของค่าใช้จ่ายที่
เสียไป ซึ่งเขาเรียกเอาผู้ค้ำประกันมาร่วมค้ำ และต้องชดใช้ด้วย ในกรณีที่
ผมไม่สามารถชดใช้เขาได้ ตอนนี้ผมทำงานมาเกือบแปดเดือนแล้ว เป็น
ทดลองงานเสียสี่เดือน ทำงานจริงๆ สี่เดือน ไม่ค่อยชอบงานเท่าใดนัก
ต่างประเทศก็ไม่ได้ไป แต่ได้รับการอบรมบ้าง ถูกบังคับให้ไปเรียนภาษา
ญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ แต่ยังไม่จบปฐมนิเทศเขาตั้งสามวัน มีพี่ที่เขาเข้ามา
ก่อนช่วยสอนงานให้ สอนอยู่สองเดือน เขาบอกว่าเขาไปเรียนมา
จากบริษัทแม่ ผมกับเขาเข้ากันได้ดี แต่ความชอบงานก็ไม่เกิด ลืมบอกว่า
เงินเดือนดีครับ ผมอยากลาออกมากกว่า ทำอย่างไรจึงจะไม่เสียเงินมาก
หรือต้องเสียเงินเท่าใด (เงินเดือนผมได้เดือนละ 22,000.-บาท) บริษัทไม่
เคยบอกผมว่าค่าเล่าเรียนเป็นเท่าใด อย่างนี้ผมคงเสียเปรียบแน่ๆ หากพอรู้
ราคาจากอาจารย์ ผมจะคิดดูว่ามีเงินไหม หรือจะต้องอยู่ต่อไปอีกสองปีจน
ครบสามปี ขอบคุณครับ ผมรอตอบอยู่ครับ
สมศักดิ์
สวัสดีค่ะคุณสมศักดิ์
ไม่รู้เดาถูกหรือเดาผิด สำนวนอย่างนี้น่าจะเป็นวิศวกร ความจริงเขียนสื่อ
ความได้ดีพอสมควร คืออ่านเข้าใจว่าคำถามคืออะไร แม้บางตอนน่าจะ
เขียนให้กระจ่างกว่านี้ คงเป็นเพราะเวลาทำงานไม่ค่อยต้องพูดมาก เพราะ
ทำงานกับเครื่องจักรหรือเปล่า เลยเหมือนพูดกับตัวเอง
บังเอิญหรือเปล่าไม่รู้ มีคนเขียนมาถามคล้ายๆ กับของคุณ แต่ส่งมาทาง
หน้าเว็บ หากอ่านพบคำตอบนี้ เอาไปปรับใช้ได้เหมือนกันนะคะ การทำ
งานเดี๋ยวนี้ นายจ้างยอมลงทุนที่จะฝึกสอนพนักงานให้ทำงานได้มาตรฐานที่
วางไว้ ต้องยอมจัดหลักสูตรหรือหรือจัดอบรมให้เป็นพิเศษ เพราะสิ่งที่ต้อง
การไม่ได้สอนในสถาบันการศึกษา บางสาขาอาชีพต้องเรียนกันเป็นปีๆ เลย
ค่ะ เช่น การเป็นนักบิน ช่างเทคนิคในบางอุตสาหกรรม แต่ต้องเข้าใจว่า
เสียค่าใช้จ่ายเพื่อเรียนรู้เหล่านี้ ราคาสูงมาก นายจ้างต้องกุมขมับ ไป
หลายครั้งว่า พนักงานเรียนรู้แล้วลาออก ยังไม่ทันได้ใช้ความรู้เหล่านั้น
ทำให้ต้องหาวิธีผูกมัดคนที่มีโอกาสเหล่านั้นด้วยวิธีการต่างๆ
ขอเปิดหัวใจนายจ้างให้ทราบเลยว่า จำนวนเงินที่เรียกร้องให้ชดใช้นั้น ไม่
ได้สำคัญมากนัก เพราะเขายินดีเสีย รู้ว่าจำเป็นต้องจ่าย แต่ที่มองว่าแพง
นั้นเพราะว่า เขาไม่ต้องการชดใช้ค่ะ อยากให้ทำงานมากกว่า เพราะในการ
ทำงานก็ได้เงินเดือน สิทธิผลประโยชน์ต่างๆ เหมือนพนักงานปกติ ซ้ำยังน่า
จะมีโอกาสเติบโตไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว เพราะเขาต้องพยายามผูกหรือ
รักษาไว้ให้นานที่สุด หลายคนที่มีโอกาสแบบนี้จะต้องรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ
หรือเปล่า จ่ายให้แค่นี้ แต่เวลาเอาคืนคิดเพิ่มไปหลายเท่า นี่คือเหตุผลฝ่าย
นายจ้างค่ะ
หันมาดูหัวอกของพนักงานหรือคุณสมศักดิ์บ้าง ความจริงก็เห็นใจนะคะ
เรื่องการไม่รักงาน ไม่ชอบงานนี่ มันบังคับกันไม่ได้ แต่คุณยอมรับไหม
ว่า คุณดูรายละเอียดก่อนรับงานรอบคอบหรือเปล่า ตอนนั้นคิดอย่างไร
เงินเดือนดีจัง มีโอกาสไปเมืองนอกด้วย จะหาใครโชคดีอย่างนี้ได้ง่ายๆ คิด
อย่างนี้ใช่ไหม ไม่เคยคิดว่างานคงต้องยาก ต้องมีความพยายามสูง ต้องรู้
ภาษาต่างประเทศดี (เดาว่าน่าจะเป็นญี่ปุ่น ซึ่งเรียนค่อนข้างยาก) เพราะไม่
อย่างนั้นคงไม่เข้าใจ แต่พอมาคลุกคลีแล้ว จึงได้รู้ว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้อง
การ ขอฝากเป็นข้อคิด บทเรียนสำหรับคนอื่นด้วยว่า ต้องใคร่ครวญให้ดี
ไม่อย่างนั้นจะเกิดความอึดอัดแก่ทุกฝ่ายแบบนี้แหละค่ะ
กรณีของคุณสมศักดิ์ พอแยกแยะให้ได้ว่า บริษัทน่าจะเน้นที่หลักสูตร
การอบรมทางด้านเทคนิคมากกว่าหลักสูตรปกติที่ต้องให้กับพนักงานทั่วไป
เช่น ปฐมนิเทศ เขาคงไม่คิดเงินคุณหรอก การฝึกหรือการอบรมทาง
Technical Knowledge ต่างหาก ที่เขาจะคำนวณออกมาเป็นตัวเงินให้คุณมี
ภาระผูกพัน แต่หากเขาไม่เคยบอกว่าอะไรบ้าง ต้องสันนิฐานไว้ก่อนว่ายัง
ไม่มี การมาสอนงานโดยพนักงานที่อาวุโสกว่า ไม่น่าจะใช่ความหมายที่
กำหนดกัน แม้จะบอกได้ว่าเสียเงินเท่าใดตลอดเวลาที่มาฝึกให้ ค่าเรียน
ภาษาน่าจะชดใช้คืนได้ เพราะอยู่ในวิสัย ไม่ว่าจะเป็นภาษาใด คุณยังไม่
ได้ไปต่างประเทศเพราะยังอ่อนภาษาหรือเปล่า หรือเพราะคุณเรียนภาษา
นานเกินไป จนเขามองว่าศักยภาพของคุณไม่เพียงพอต่อการส่งไป นี่เดา
ไปเรื่อยนะคะ เพราะคุณไม่ได้เล่ามา ไม่ได้ดูถูก แต่เพราะเคยผ่าน
เหตุการณ์ทำนองนี้มาหลายครั้ง
ฉะนั้น ทราบคำตอบแล้วใช่ไหม หากมีการชดใช้คงไม่มากนัก หรืออาจไม่
มีเลยก็ได้ ขอแนะนำว่า ก่อนอื่นควรหาทางต่อรองว่ามีงานอื่นที่คุณทำได้
โยกย้ายไปจะดีไหม จะได้คืนประโยชน์ให้บริษัทบ้าง หากยืนยันลาออก
ควรรอให้ครบปี หางานใหม่ให้ได้ก่อน รักษาความสัมพันธ์ให้ดี เพราะอาจ
ทำให้การพูดถึงภาระผูกพันง่ายต่อการหาข้อยุติที่เป็นคุณกับตัวคุณ (โดย
ส่วนตัว บอกตามตรงว่าเสียดายแทนคุณนะคะ) การจากกันด้วยดี เป็นเรื่อง
ที่น่าทำมากกว่าอย่างอื่น
บทเรียนเรื่องนี้ อยากให้คนที่เพิ่งจบการศึกษาพึงสังวรให้หนักก่อนตัดสินใจ
รับงาน เพราะนั่นคืออนาคตของคุณ ไม่มีใครบังคับให้คุณรับ ด้วยความ
สมัครใจจริงๆ คุณสมศักดิ์ก็เช่นกัน คุณคนเดียวเท่านั้นที่รู้คำตอบ รู้เหตุผล
ว่าทำไมจึงรับ และเหตุใดจึงอยากถอนตัว เอาใจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีที่
สุดสำหรับตนเอง ค้นหาตนเองพบว่าแท้จริงต้องการอะไร ได้ทำงานในสิ่งที่
ปรารถนาและเจริญก้าวหน้าในการงานนะค่ะ สวัสดี
สุชาดา สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา
อมร ถาวรมาศ
amorntvm@hotmail.com
จากคุณ :
ลุงแอ็ด  
- [
18 มี.ค. 52 11:21:41
]
|
|
|
|
|
|
