PANTIP.COM : B7808247 มีวิธีไหนที่จะจุดไฟที่มันมอดไปแล้วบ้าง [งานและทรัพยากรบุคคล]

ความคิดเห็นที่ 11

เอาแบบไทยๆ พื้นบ้าน เป็นแค่แนวคิดประยุกต์เท่านั้นที่ผมพอจะคิดได้ในตอนนี้...

การจุดไฟที่มันมอดไปแล้ว....

ก็ต้องรู้และสังเกตุก่อนว่า ไฟที่มันมอดไปแล้วนั้น มันมีไฟที่ประทุมากแค่ไหน มีเชื้อไฟมากแค่ไหนก่อน...

1. ถ้ามันมอดจนไม่มีเชื้อไฟ ก็ต้องเริ่มจุดไฟกันใหม่หมด คนโบราณ ใช้เชื้อไฟที่แรงๆเช่นขี้ไต้ ประยุกต์ขึ้นมาหน่อยก็จะใช้กระดาษจุดไฟให้ติด แต่ก็ต้องก่อกองถ่านให้เหมาะ โดยสามารถมีลมแทรกผ่านและ ถ่านเหล่านั้นก็ต้องโดนไฟให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้...

2. ถ้ามันมอดแบบมีเชี้อไฟที่พอมีบ้าง ก็ต้องดูว่า...

2.1 เชื้อไฟยังมีอยู่มาก ก็อาจจะเพิ่ม ไม้ เพิ่ม ถ่าน เพิ่มเชื้อเข้าไปในการจุดไฟขึ้นมาใหม่ ซึ่งช่วงระยะเวลาเริ่มต้น ไฟมันไม่ได้พุ่งขึ้นแรงในฉับพลัน มันจะค่อยๆติดเชื้อไฟ มันจะเริ่มติดเป็นจุดเล็กๆ แล้ว ค่อยๆลามขึ้นมา จากชิ้นหนึ่งไปอีกชิ้น หรือ ติดทีละหลายๆชิ้น แต่ก็จะติดแต่ละชิ้นเพียงจุดเล็กๆ แล้วค่อยลามจนเชื้อติดทั้งหมด และ ปะทุขึ้นมา

2.2 เชื้อไฟมีแต่ก็มีไม่มากพอ คนไทยโบราณก็จะใช้ไม้ขีด มาจุดให้ไฟมันเพิ่มขึ้นมาเพิ่มขึ้นแล้วใช้เชื่อที่ติดไฟมากๆเช่น ขี้ไต้ หรือ หากมีไฟมากพอที่จะจุดขี้ไต้ได้เลย ก็จะใช้ขี้ไต้จุดเลย เป็นการจุดเริ่มต้นจากไฟเก่า ซึ่งแทบจะเหมือนจากการจุดไฟใหม่ก็ว่าได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับไฟที่เหลือจริงๆ

เปรียบเทียบกับการทำงานเริ่มใหม่ คุณต้องศึกษาว่า งานของคุณนั้นมีจุดใดบ้างที่คุณจะสามารถเข้าไปทำได้ ทั้งนี้ ไฟที่คุณเริ่มที่จะจุดอย่างไม้ขีด ก็เปรียบเหมือน ความคิดในใจคุณที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จ เชื้อไฟจะเป็นเป้าหมายระยะสั้น แรงกระตุ้นจากภายนอก ที่จะช่วยส่งเสริมคุณได้ทำงานต่อไป และ ถ่านแต่ละก้อนก็จะเหมือนกับงานแต่ละชิ้นที่คุณต้องรับผิดชอบ คุณต้องวางงานของคุณให้เหมาะสม จัดเวลาให้กับงานอย่างเหมาะสม เมื่องานหนึ่งเริ่มได้ก็ต้องรักษาให้งานนั้นทำให้เสร็จไปให้ได้ และแน่นอนว่า ในชีวิตจริง งานมันจะมาอยู่ตลอดเวลา การที่คุณมีไฟในการทำงานแล้ว ก็จะสามารถทำให้งานต่างๆสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ทั้งหมดได้

ทั้งนี้ ที่สำคัญที่สุด คือ ไฟเริ่มต้นภายในตัวคุณเองว่า คุณมีมันจริงๆ หรือว่า จริงๆคุณไม่มีแล้ว บางคนไฟเริ่มต้น มันจะมีเพียงแวปเดียวแล้วก็ดับไป ทำให้ไม่สามารถนำเอามาจุดเริ่มใหม่ได้ ซึ่งคนทั่วไปมักจะเป็นลักษณะนี้ส่วนใหญ่ แค่อยากที่จะมีไฟ แต่ไฟในตนเองมีเพียงแวปเดียว ใช้งานไม่ได้

ไฟในตัวคุณที่จะจุดไฟ หรือ จุดขี้ใต้ จุดไม้ นั้น ก็ต้องมีระยะเวลาที่อยู่ให้นานพอที่ ไม้ กระดาษ หรือ ขี้ไต้ เหล่านั้นติดไฟขึ้นมาก่อน เป็นไฟขนาดใหญ่ขึ้น คุณต้องมีกำลังใจในการทำ ทั้งๆที่มันอาจจะต้องฝืนความรู้สีกคุณ จนกว่าไฟของคุณจะส่งผล คนที่โอดโอยส่วนใหญ่ไม่มีความอดทน แล้วคุณอดทนมากแค่ไหนในการที่จะสร้างไฟขึ้นมาใหม่

กระดาษ เหมือนปริญญาที่คุณได้มา มันสร้างความมุ่งมั่น มั่นใจ ที่จะทำงานให้เพิ่มมากขึ้น หากไฟคุณมอด ลองเข้าไปเรียนเพิ่มเติมขึ้น เช่น ป.โท ป.เอก ก็จะทำให้คุณมีเชื้อไฟเพิ่มในการที่จะทำงานให้มากขึ้นได้บ้าง ทั้งนี้ก็ขึินอยู่กับว่า คุณใช้กระดาษ ใช้ความรู้ที่เรียนมา เป็นตัวผลักดันตัวคุณได้มากแค่ไหน สิ่งใหม่ๆที่เรียนมาคุณจะเอามาประยุกต์ให้เข้ากับการทำงานได้มากแค่ไหน ทั้งนี้ การนำไปใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ มากกว่า การเสียเวลาไปเรียนครับ

ไม้ และ ขี้ไต้ เปรียบเสมือนแรงสนับสนุน และ แรงกดดันที่คุณจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็น เจ้านายที่ดี เพื่อนร่วมงานที่ดี ระบบงานที่ดี การถูกบีบบังคับให้ทำงาน เวลาที่กระชั้นชิดจนคุณต้องทุ่มเทเวลาของคุณให้กับงานต่างๆ และ รวมไปถึงความต้องการเงินของคุณ ก็จะอยู่ในเรื่องนี้ การมีแรงสนับสนุนก็จะทำให้รู้สึกว่ามันดี แต่ทั้งนี้ การมีแรงกดดันจริงๆแล้วก็สามารถเป็นสิ่งที่ผลักตัวคุณให้มีไฟขึ้นมาด้วย อย่างเช่น บางคนยากจนมากก็เป็นแรงผลักที่จะทำให้เขาต้องทำงาน OT ให้มากขึ้นเพื่อให้ได้เงินมา หรือ เวลาที่จวนตัวแล้วก็จะเป็นแรงผลักให้คุณต้องทุ่มเทเวลา หรือ ใช้สมองให้มากขึ้นในการทำงานให้สำเร็จให้ทันเวลาด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่า แรงสนับสนุน หรือ แรงกดดัน ต่างช่วยให้คุณสร้างไฟในตัวคุณเองได้มากขึ้น

ถ้าคุณไม่มีแรงสนับสนุน หรือ แรงกดดัน คุณต้องสร้างขึ้นมาเอง หรือ จำลองมันขึ้นมา แล้วดูว่า ถ้าคุณอยู่ในเหตุการณ์คับขัน คุณจะทำอย่างไร แล้วจงทำมัน ณ ตอนนี้ ก่อนที่เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้น เช่น ถ้างานไม่เสร็จ เจ้านายคุณจะทำอย่างไรกับคุณ หรือ ไปรับปากเจ้านายว่า ถ้าไม่เสร็จจะลาออก เป็นต้น จะทำให้คุณสร้างเชื้อได้เพิ่มมากขึ้นเป็นต้น บางคนทำงานมานานก็จะถามตัวเองว่า ถ้าเกิดบริษัทฯ จ้างคนใหม่มาทำงานแทนคุณ คุณคิดว่าเขาจะเริ่มทำงานอะไร และ เขาจะจับงานชิ้นใดขึ้นมาทำก่อน ... อะไรทำนองนี้ครับ...

งานแต่ละงานเหมือนกับถ่านแต่ละก้อน คุณต้องเริ่มต้นจัดการมัน แล้วทำให้มันเป็นผลสำเร็จทีละขั้น ทีละตอน รีบร้อนเกินไปก็ไม่ดี ช้าไปไฟก็อาจจะดับไป ดังนั้น การบริหารเวลาให้กับงาน และ ทำให้งานประสบผลสำเร็จจึงต้องใช้เวลาที่พอประมาณ ไม่เร็วไป ไม่ช้าไป ทุ่มเทกับงาน และ คำนึงถึงงาน ก็จะทำให้งานสำเร็จ และถ้าไฟคุณมอด คุณต้องสร้างทีละงานให้เริ่มขึ้นให้มันคงที่ อย่าจับงานหลายๆงานเพราะมันจะทำให้แต่ละงานไม่สำเร็จครับ...

(ผมคิดเองเลยไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาอ้างอิงให้นะครับ...)

จากคุณ : wbj - [ 30 เม.ย. 52 13:43:17 ]